ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ตอนไหนบ้าง ที่ทำให้คุณมีความสุข
บางคนมีความสุขกับของแบรนด์เนม
บางคนมีความสุขกับการทานอาหารดีๆแพงๆ
บางคนมีความสุขกับการขับรถหรู
แต่บางคนมีความสุขกับชีวิตที่พอดีๆ
และบางคนมีความสุข เพียงเพราะ ได้ออกเดินทาง
ทักทายก่อน สวัสดีค่ะเหล่านักเดินทาง แจ๊คมาอีกแล้ว อยากจะชวนเพื่อนๆไปตามหาความสุข ชุ่มฉ่ำ ชมหมอก ในฤดูฝน ที่อุทยานแห่งชาติ ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
รู้จักกันมากขึ้น อยากทักทาย พูดคุย ขอคำแนะนำ ได้หมดค่ะแต่ห้ามขอยืมตังค์
ที่นี่นะคะ เพจท่องเที่ยว ถ่ายภาพของแจ๊คค่ะ เพจนักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/journeymemories
ขายของเสร็จละ เดินทางต่อค่ะ อิอิ
ครั้งที่เท่าเท่าไรแล้วก็ไม่รู้นะคะกับการเดินทางไปผจญภัยที่กาญจนบุรี ด้วยเหตุผลเดียวของการเดินทางครั้งนี้คืออยากเจอหมอก แจ๊คขอเรียกมันว่าความสุขนะ เพราะมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นหมอก ยิ่งตอนที่มันคลอเคลียอยู่กับภูเขา อร๊ายยยยยยยยยยยยย สวรรค์บนดิน
ฤดูฝนนี่แหระ หมอกเยอะดีจะตาย แต่คุณต้องแลกกับความเปียก ความเฉอะแฉะนะ ระวังสุขภาพทั้งตัวคุณ และตัวกล้องด้วยน๊า มีใครเป็นเหมือนเรามั้ย ห่วงกล้องมากกว่าตัวเอง ตัวเปียกช่างมันกล้องต้องไม่เปียก555
เริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าช้าอยู่ใย มีความปุปปับมากนะทริปนี้ ตัดสินใจคืนวันศุกร์ คือเราต้องชาร์ตแบตตัวเองละ รู้สึกเหนื่อยกับงาน อาการนี้ถ้าได้ไปตามหาสายหมอกคงสดชื่นน่าดู
ว่าแล้วเช้าวันเสาร์ก็จัดการเก็บของ แล้วขับรถมุ่งหน้าสู่ กาญจนบุรี ไปคนเดียว สู้ตายค่ะ ตลอดทางฝนตกนาจา ทุกครั้งที่ออกเดินทางถ้าฝนตกเราจะหวั่นใจ แต่ครั้งนี้ กลับดีใจ
เพราะในป่ามันจะเกิดหมอกแน่ๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อถึงแยกแก่งเสี้ยน เราเลี้ยวซ้าย ตามป้ายไทรโยก เส้นทางนี้แหระ เป็นเส้นทางแห่งความสุขของแจ๊คเลย
วิวข้างทางสวยมาก เป็นเทือกเขา ถูกหยอกเย้าด้วยสายหมอก
บรรยากาศฝนๆชุ่มฉ่ำ ทำให้ในใจเรารู้สึกอิ่ม หรือที่เรียกว่า ฟิน
แหม นี่แค่ข้างทางนะ คือหลายหลายๆจุดทำให้เราอยากจะจอดถ่ายรูป แต่ก็นะเส้นทางบางช่วงมันจอดไม่ได้ไง
ภาพบางภาพ จึงต้องเก็บไว้ในความทรงจำ
เมื่อเข้าเขตอช.ทองผาภูมิ เส้นทางเล็ก โค้ง แต่ขับไม่ยาก(ภูทับเบิก เขาค้อ อินทนนท์ แม่แจ่ม ดอยอ่าง ก็ผ่านมาแล้ว ชีวิตนี้ไม่ต้องกลัวโค้งไหนละ)
ทางช่วงแรกๆผิวถนนยังดีอยู่ สภาพเหมือนทำใหม่
แต่ขับๆไป ทางบางช่วงแย่ค่ะ เคยไปเส้นทางนี้ เมื่อ 3 ปีก่อน (ตอนนั้นไปบ้านอีต่อง ซึ่งเลยอช.ไป ถึงตรงบ้านอีต่องก็ 399 โค้ง)
รู้สึกว่าปีนี้ทางแย่กว่าเดิม เป็นเพราะฤดูฝนด้วยแหระ ถนนบางช่วงทางเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่ดีที่ไม่ค่อยมีรถสวน หลบหลุมได้เต็มที่
รถตามหลังก็ไม่มี เอาจริงๆนะ เจอรถสวน2คันเอง เงียบอะไรปานนั้น แต่โดยรวมถนนก็ไม่แย่มากนะ ขับได้อยู่ค่ะ มิราจคันน้อยของแจ๊คไปได้สบายๆ
อย่าไปกังวลกับทางมากเลย เรามาคุยเรื่องหมอกกันดีกว่า
เมื่อเราขับขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มเข้าไปไกล้หมอก บางช่วงหมอกฟุ้งอยู่ตรงหน้า
ยื่นมือออกไปนอกรถ ให้ไอหมอกปะทะมือ รู้สึกได้ถึงความสดชื่นค่ะ
ก่อนถึงที่ทำการอุทยาน มีจุดชมวิว จุดชมวิวกม.12 หรือเรียกว่าจุดชมวิวทางขึ้นเหมืองปิล๊อคก็ได้
ตรงนี้มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ มีห้องน้ำ มีที่จอดรถสะดวกสบาย มีจุดรับสัณญาณโทรศัพท์
ขณะนั้นมีฝนเป็นละอองเบาๆ แบบน่ารักๆ ลุยได้ ไม่เปียก แวะพักรถ พักคน เก็บภาพ
ช่วงนี้มีหมอกให้เราชมกันตลอดวัน
วิวที่เห็นก็แล้วแต่ลมค่ะ แป๊ปเดียวลมพัดหมอกบังวิวหมดเลย แต่ก็พอจะมีจังหวะที่จะเก็บภาพอยู่บ้างค่ะ
เลยจากจุดชมวิวนี้ ก็จะมีอีกที่คือ จุดชมวิวกม.19 จุดนี้มีแค่ศาลาชมวิวนะ ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีเจ้าหน้าที่ แต่เราไม่ได้แวะ
เพราะหมอกลงจัด ขาวไปหมดเลย มองไม่เห็นเขาเลย
ขับต่อไปเรื่อยๆ เจอหมอกตลอดข้างทาง แป็ปนึงก็ถึงที่ทำการอช.ทองผาภูมิ
การเดินทางมาที่นี่ถ้าไม่ใช้รถส่วนตัว ก็เดินทางแบบนี้ค่ะ
จากกทม. ง่ายๆก็นั่งรถตู้ไปลง บขส.เมืองกาญจน์
จากบขส.ให้นั่งรถประจำทาง หรือรถตู้ ไปลงที่ตลาดทองผาภูมิ
จากตลาดทองผาภูมิ นั่งรถ สองแถว สายทองผาภูมิ-บ้านอีต่อง รถสายนี้จะผ่านอช.ค่ะ
ที่ทำการอุทยานอยู่ติดถนนเลย
จ่ายค่าธรรมเนียมก่อนที่ด้านหน้า
ราคาตามนี้ค่ะ
สำหรับชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
สำหรับชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
รถยนต์ 30 บาท จักรยานยนต์ 20 บาท
ค่ากางเต็นท์ 30 บาท/คน/คัน
ต้องบอกก่อนว่า เราออกเดินทางโดยที่ไม่ได้จองที่พัก ตั้งใจนอนบ้านพักของอช.เพื่อตื่นมาดูหมอกได้เลย โทรตอนถึงเมืองกาญจน์แล้ว
เบอร์นี้ค่ะ 034 510979 พี่จนท.บอกว่าต้องจองล่วงหน้า 15วัน แต่มีบ้านว่างอยู่ ให้ walk in ได้เลย
เรื่องที่พักไม่ค่อยกังวล จริงๆเราเคยไปเส้นนี้แล้ว เคยไปพักที่บ้านอีต่อง(เลยอช.ไป 8 กม.) ถ้าอช.เต็มก็ไปพักที่บ้านอีต่อง ถ้าเต็มอีก ก็นอนเต๊นท์
ตอนนี้ ฝนก็ยังตกอยู่นะตกหนักกว่าเดิม พี่จนท.บอกมีบ้านว่าง เราก็ขับรถเข้าไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
เราจะเจอกับพนักงานต้อนรับก่อน 5555 เจ้านกเงือก น่ารักมากๆ เดินเข้าไปรอพี่ จนท. เห็นมัน กระโดดเล่นอยู่ที่สนาม สักพักขึ้นไปอยู่บนหลังคา
เลยอดถ่ายไกล้ๆเลย เคยไปเจอที่ป้อมปี่ตัวนึง ขี้เล่นเหมือนกัน ชอบแกล้งคน หรือมันคือนิสัยของนกเงือก
ก่อนอื่น พี่ จนท.บอกก่อนเลยว่า ในห้องไม่มีอะไรนะ ที่นี่จะมีไฟใช้แค่ 6 โมงเย็น- 2 ทุ่ม ในห้องไม่มีปลั๊กไฟ
ศูนย์อาหาร เปิดถึง5โมงเย็น ในห้องไม่มีปลั๊กไฟแล้วชาร์ตไฟยังไง ถ้าจะชาร์ตแบต ไปฝากพี่จนท.ชาร์ตได้ค่ะ
โอเค หนูอยู่ได้ จัดการเรื่องที่พัก ได้บ้านริมผา 1 คืนละ800 จริงๆมีบ้านทาร์ซานว่าง เป็นบ้านอยู่บนต้นไม้ ชมวิวได้เต็มที่ไม่มีต้นไม้บัง แต่มัน1500
ไม่ๆๆมันแพงไป เราไปคนเดียวขอถูกสุด จ่ายเงิน กรอกรายละเอียดแล้วก็ขับรถขึ้นไปบ้านพัก ทางไม่ดีเลย
ถึงแล้วจ้ะบ้านเรา บ้านริมผา 1 เดินโคตรไกลจากลานจอดรถ เอาจริงๆก้ไม่ไกลเท่าไรนะ 5555 แต่ทางมันเป็นเนินเล็กๆเดินขึ้นลงแล้วเหนื่อยค่ะ
บ้านสร้างไว้ริมผา ตามชื่อเลย ในห้องมีแค่เครื่องนอน ห้องน้ำเป็นชักโครก มีน้ำ 1 ขวด ทิชชู่1 ม้วน
จากระเบียงห้องชมวิวได้ไม่เต็มที่เพราะมีต้นไม้บัง ไม่เป็นไร เราเดินไปชมวิวข้างนอกบ้านได้ จะมีจุดชมวิวกูดดอยและจุดชมวิวเนินช้างเผือก
วันนี้มีคนพักในบ้านพักหลังอื่นอยู่บ้าง ลานกางเต๊นท์ไม่มีคน
มีแต่ความเงียบมาก ไม่ค่อยเจอผู้คนเลย โห ถ้าจิตไม่แข็งนี้อยู่ยากนะ ยังดีที่มีป้อมประชาสัมพันธ์ มีพี่จนท.อยู่1คน
ขนสัมภาระเข้าบ้านเสร็จ จะอยู่ในห้องก็ไม่น่าจะทางเลือกที่ดี คือไฟยังไม่มา ห้องออกจะมืดๆ จะนั่งชิลที่ระเบียงก็ไม่ได้ ฝนตก
งั้นก็ออกไปลุยฝนเลยละกัน เดินเล่น เก็บภาพบรรยากาศค่ะ กางร่มถ่ายรูป ลำบากเกิ๊น
มาดูบรรยากาศกันนะ
ลานกางเต๊นท์ และตามต้นไม้ อุดมไปด้วยพืชที่เรียกว่ามอส เขียวไปหมดเลยค่ะ ดูชุ่มชื้นมาก
เดินมุมนู้นมุมนี้ เดินไปดูบ้านทาร์ซานกัน อยู่บนต้นไม้เลยค่ะ
ไปที่จุดชมวิว กูดดอย และเนินช้างเผือก เดินสลับๆไปวนเรียนอยู่แถวนี้ เพื่อรอจังหวะที่ดีที่สุดของช่วงเวลานั้น เผื่อทิศทางลมจะเป็นใจ
เปิดหมอกให้เราเห็นภาพภูเขาโผล่ขึ้นมาจากหมอกบ้าง
คือช่วงเย็นนะ วันนี้มีหมอกทั้งวันเลย แต่เป็นหมอกฟุ้งๆ
ถ้าจะใช้โทรศัพท์ก็ตรงนี้เลย มีจุดรับสัณญาณอยู่ค่ะ ตรงอื่นไม่มีจ้ะ ตัดขาดโลกภายนอกเลย
หมอกไม่นิ่งอยากให้เป็นทะเลหมอก แต่แบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ
บางชาวงเวลา หมอกก็จางลง ได้เห็นวิวภูเขา
สักพักหมอกมาอีกแล้วค่ะ จนมืดค่ำหมอกก็ยังไม่ไป ลมก็มา ฝนก็มาเบาๆอย่างต่อเนื่อง
จุดชมวิวเนินช้างเผือก มองไม่ค่อยเห็นวิวเลยยยยยยยย
เดินเก็บภาพ รอพี่จนท.เปิดไฟ พอไฟติด ก็จัดการ ไปฝากชาร์ตแบตกล้องค่ะ ปกติจะปล่อยไฟแค่ 2 ทุ่ม แต่วันนี้ วันเสาร์ปล่อยถึง3ทุ่มค่ะ
ช่วง 6โมงเย็น อุณหภูมิ22องศา
เสียบแบตเสร็จ ฝนก็เทลงมา วิ่งเข้าบ้านเลยจ้าาาา เดี๋ยวไกล้ๆ3ทุ่มค่อยไปเอา
ฝนตกหนักมาก ลมแรง อากาศเย็น
ก็เป็นเรื่องธรรมดานะ เที่ยวหน้าฝน ก้ต้องเจอฝนดิ่ ถ้าไม่เจอฝนอ่ะแปลก
ฝนก็ฝน เปียกก็เปียก อย่าไปซีเรียสเนอะ แค่มองให้มันเป็นความสุข
คืนนี้จะเจออะไรมั้ย เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ
[CR] 2 วัน 1 คืนอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เป้ 1 ใบ ปล่อยใจไปหาหมอก
บางคนมีความสุขกับของแบรนด์เนม
บางคนมีความสุขกับการทานอาหารดีๆแพงๆ
บางคนมีความสุขกับการขับรถหรู
แต่บางคนมีความสุขกับชีวิตที่พอดีๆ
และบางคนมีความสุข เพียงเพราะ ได้ออกเดินทาง
ทักทายก่อน สวัสดีค่ะเหล่านักเดินทาง แจ๊คมาอีกแล้ว อยากจะชวนเพื่อนๆไปตามหาความสุข ชุ่มฉ่ำ ชมหมอก ในฤดูฝน ที่อุทยานแห่งชาติ ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
รู้จักกันมากขึ้น อยากทักทาย พูดคุย ขอคำแนะนำ ได้หมดค่ะแต่ห้ามขอยืมตังค์
ที่นี่นะคะ เพจท่องเที่ยว ถ่ายภาพของแจ๊คค่ะ เพจนักเดินทางตัวน้อย
https://www.facebook.com/journeymemories
ขายของเสร็จละ เดินทางต่อค่ะ อิอิ
ครั้งที่เท่าเท่าไรแล้วก็ไม่รู้นะคะกับการเดินทางไปผจญภัยที่กาญจนบุรี ด้วยเหตุผลเดียวของการเดินทางครั้งนี้คืออยากเจอหมอก แจ๊คขอเรียกมันว่าความสุขนะ เพราะมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นหมอก ยิ่งตอนที่มันคลอเคลียอยู่กับภูเขา อร๊ายยยยยยยยยยยยย สวรรค์บนดิน
ฤดูฝนนี่แหระ หมอกเยอะดีจะตาย แต่คุณต้องแลกกับความเปียก ความเฉอะแฉะนะ ระวังสุขภาพทั้งตัวคุณ และตัวกล้องด้วยน๊า มีใครเป็นเหมือนเรามั้ย ห่วงกล้องมากกว่าตัวเอง ตัวเปียกช่างมันกล้องต้องไม่เปียก555
เริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าช้าอยู่ใย มีความปุปปับมากนะทริปนี้ ตัดสินใจคืนวันศุกร์ คือเราต้องชาร์ตแบตตัวเองละ รู้สึกเหนื่อยกับงาน อาการนี้ถ้าได้ไปตามหาสายหมอกคงสดชื่นน่าดู
ว่าแล้วเช้าวันเสาร์ก็จัดการเก็บของ แล้วขับรถมุ่งหน้าสู่ กาญจนบุรี ไปคนเดียว สู้ตายค่ะ ตลอดทางฝนตกนาจา ทุกครั้งที่ออกเดินทางถ้าฝนตกเราจะหวั่นใจ แต่ครั้งนี้ กลับดีใจ
เพราะในป่ามันจะเกิดหมอกแน่ๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อถึงแยกแก่งเสี้ยน เราเลี้ยวซ้าย ตามป้ายไทรโยก เส้นทางนี้แหระ เป็นเส้นทางแห่งความสุขของแจ๊คเลย
วิวข้างทางสวยมาก เป็นเทือกเขา ถูกหยอกเย้าด้วยสายหมอก
บรรยากาศฝนๆชุ่มฉ่ำ ทำให้ในใจเรารู้สึกอิ่ม หรือที่เรียกว่า ฟิน
แหม นี่แค่ข้างทางนะ คือหลายหลายๆจุดทำให้เราอยากจะจอดถ่ายรูป แต่ก็นะเส้นทางบางช่วงมันจอดไม่ได้ไง
ภาพบางภาพ จึงต้องเก็บไว้ในความทรงจำ
เมื่อเข้าเขตอช.ทองผาภูมิ เส้นทางเล็ก โค้ง แต่ขับไม่ยาก(ภูทับเบิก เขาค้อ อินทนนท์ แม่แจ่ม ดอยอ่าง ก็ผ่านมาแล้ว ชีวิตนี้ไม่ต้องกลัวโค้งไหนละ)
ทางช่วงแรกๆผิวถนนยังดีอยู่ สภาพเหมือนทำใหม่
แต่ขับๆไป ทางบางช่วงแย่ค่ะ เคยไปเส้นทางนี้ เมื่อ 3 ปีก่อน (ตอนนั้นไปบ้านอีต่อง ซึ่งเลยอช.ไป ถึงตรงบ้านอีต่องก็ 399 โค้ง)
รู้สึกว่าปีนี้ทางแย่กว่าเดิม เป็นเพราะฤดูฝนด้วยแหระ ถนนบางช่วงทางเป็นหลุมเป็นบ่อ แต่ดีที่ไม่ค่อยมีรถสวน หลบหลุมได้เต็มที่
รถตามหลังก็ไม่มี เอาจริงๆนะ เจอรถสวน2คันเอง เงียบอะไรปานนั้น แต่โดยรวมถนนก็ไม่แย่มากนะ ขับได้อยู่ค่ะ มิราจคันน้อยของแจ๊คไปได้สบายๆ
อย่าไปกังวลกับทางมากเลย เรามาคุยเรื่องหมอกกันดีกว่า
เมื่อเราขับขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เราจะเริ่มเข้าไปไกล้หมอก บางช่วงหมอกฟุ้งอยู่ตรงหน้า
ยื่นมือออกไปนอกรถ ให้ไอหมอกปะทะมือ รู้สึกได้ถึงความสดชื่นค่ะ
ก่อนถึงที่ทำการอุทยาน มีจุดชมวิว จุดชมวิวกม.12 หรือเรียกว่าจุดชมวิวทางขึ้นเหมืองปิล๊อคก็ได้
ตรงนี้มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ มีห้องน้ำ มีที่จอดรถสะดวกสบาย มีจุดรับสัณญาณโทรศัพท์
ขณะนั้นมีฝนเป็นละอองเบาๆ แบบน่ารักๆ ลุยได้ ไม่เปียก แวะพักรถ พักคน เก็บภาพ
ช่วงนี้มีหมอกให้เราชมกันตลอดวัน
วิวที่เห็นก็แล้วแต่ลมค่ะ แป๊ปเดียวลมพัดหมอกบังวิวหมดเลย แต่ก็พอจะมีจังหวะที่จะเก็บภาพอยู่บ้างค่ะ
เลยจากจุดชมวิวนี้ ก็จะมีอีกที่คือ จุดชมวิวกม.19 จุดนี้มีแค่ศาลาชมวิวนะ ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีเจ้าหน้าที่ แต่เราไม่ได้แวะ
เพราะหมอกลงจัด ขาวไปหมดเลย มองไม่เห็นเขาเลย
ขับต่อไปเรื่อยๆ เจอหมอกตลอดข้างทาง แป็ปนึงก็ถึงที่ทำการอช.ทองผาภูมิ
การเดินทางมาที่นี่ถ้าไม่ใช้รถส่วนตัว ก็เดินทางแบบนี้ค่ะ
จากกทม. ง่ายๆก็นั่งรถตู้ไปลง บขส.เมืองกาญจน์
จากบขส.ให้นั่งรถประจำทาง หรือรถตู้ ไปลงที่ตลาดทองผาภูมิ
จากตลาดทองผาภูมิ นั่งรถ สองแถว สายทองผาภูมิ-บ้านอีต่อง รถสายนี้จะผ่านอช.ค่ะ
ที่ทำการอุทยานอยู่ติดถนนเลย
จ่ายค่าธรรมเนียมก่อนที่ด้านหน้า
ราคาตามนี้ค่ะ
สำหรับชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
สำหรับชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
รถยนต์ 30 บาท จักรยานยนต์ 20 บาท
ค่ากางเต็นท์ 30 บาท/คน/คัน
ต้องบอกก่อนว่า เราออกเดินทางโดยที่ไม่ได้จองที่พัก ตั้งใจนอนบ้านพักของอช.เพื่อตื่นมาดูหมอกได้เลย โทรตอนถึงเมืองกาญจน์แล้ว
เบอร์นี้ค่ะ 034 510979 พี่จนท.บอกว่าต้องจองล่วงหน้า 15วัน แต่มีบ้านว่างอยู่ ให้ walk in ได้เลย
เรื่องที่พักไม่ค่อยกังวล จริงๆเราเคยไปเส้นนี้แล้ว เคยไปพักที่บ้านอีต่อง(เลยอช.ไป 8 กม.) ถ้าอช.เต็มก็ไปพักที่บ้านอีต่อง ถ้าเต็มอีก ก็นอนเต๊นท์
ตอนนี้ ฝนก็ยังตกอยู่นะตกหนักกว่าเดิม พี่จนท.บอกมีบ้านว่าง เราก็ขับรถเข้าไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
เราจะเจอกับพนักงานต้อนรับก่อน 5555 เจ้านกเงือก น่ารักมากๆ เดินเข้าไปรอพี่ จนท. เห็นมัน กระโดดเล่นอยู่ที่สนาม สักพักขึ้นไปอยู่บนหลังคา
เลยอดถ่ายไกล้ๆเลย เคยไปเจอที่ป้อมปี่ตัวนึง ขี้เล่นเหมือนกัน ชอบแกล้งคน หรือมันคือนิสัยของนกเงือก
ก่อนอื่น พี่ จนท.บอกก่อนเลยว่า ในห้องไม่มีอะไรนะ ที่นี่จะมีไฟใช้แค่ 6 โมงเย็น- 2 ทุ่ม ในห้องไม่มีปลั๊กไฟ
ศูนย์อาหาร เปิดถึง5โมงเย็น ในห้องไม่มีปลั๊กไฟแล้วชาร์ตไฟยังไง ถ้าจะชาร์ตแบต ไปฝากพี่จนท.ชาร์ตได้ค่ะ
โอเค หนูอยู่ได้ จัดการเรื่องที่พัก ได้บ้านริมผา 1 คืนละ800 จริงๆมีบ้านทาร์ซานว่าง เป็นบ้านอยู่บนต้นไม้ ชมวิวได้เต็มที่ไม่มีต้นไม้บัง แต่มัน1500
ไม่ๆๆมันแพงไป เราไปคนเดียวขอถูกสุด จ่ายเงิน กรอกรายละเอียดแล้วก็ขับรถขึ้นไปบ้านพัก ทางไม่ดีเลย
ถึงแล้วจ้ะบ้านเรา บ้านริมผา 1 เดินโคตรไกลจากลานจอดรถ เอาจริงๆก้ไม่ไกลเท่าไรนะ 5555 แต่ทางมันเป็นเนินเล็กๆเดินขึ้นลงแล้วเหนื่อยค่ะ
บ้านสร้างไว้ริมผา ตามชื่อเลย ในห้องมีแค่เครื่องนอน ห้องน้ำเป็นชักโครก มีน้ำ 1 ขวด ทิชชู่1 ม้วน
จากระเบียงห้องชมวิวได้ไม่เต็มที่เพราะมีต้นไม้บัง ไม่เป็นไร เราเดินไปชมวิวข้างนอกบ้านได้ จะมีจุดชมวิวกูดดอยและจุดชมวิวเนินช้างเผือก
วันนี้มีคนพักในบ้านพักหลังอื่นอยู่บ้าง ลานกางเต๊นท์ไม่มีคน
มีแต่ความเงียบมาก ไม่ค่อยเจอผู้คนเลย โห ถ้าจิตไม่แข็งนี้อยู่ยากนะ ยังดีที่มีป้อมประชาสัมพันธ์ มีพี่จนท.อยู่1คน
ขนสัมภาระเข้าบ้านเสร็จ จะอยู่ในห้องก็ไม่น่าจะทางเลือกที่ดี คือไฟยังไม่มา ห้องออกจะมืดๆ จะนั่งชิลที่ระเบียงก็ไม่ได้ ฝนตก
งั้นก็ออกไปลุยฝนเลยละกัน เดินเล่น เก็บภาพบรรยากาศค่ะ กางร่มถ่ายรูป ลำบากเกิ๊น
มาดูบรรยากาศกันนะ
ลานกางเต๊นท์ และตามต้นไม้ อุดมไปด้วยพืชที่เรียกว่ามอส เขียวไปหมดเลยค่ะ ดูชุ่มชื้นมาก
เดินมุมนู้นมุมนี้ เดินไปดูบ้านทาร์ซานกัน อยู่บนต้นไม้เลยค่ะ
ไปที่จุดชมวิว กูดดอย และเนินช้างเผือก เดินสลับๆไปวนเรียนอยู่แถวนี้ เพื่อรอจังหวะที่ดีที่สุดของช่วงเวลานั้น เผื่อทิศทางลมจะเป็นใจ
เปิดหมอกให้เราเห็นภาพภูเขาโผล่ขึ้นมาจากหมอกบ้าง
คือช่วงเย็นนะ วันนี้มีหมอกทั้งวันเลย แต่เป็นหมอกฟุ้งๆ
ถ้าจะใช้โทรศัพท์ก็ตรงนี้เลย มีจุดรับสัณญาณอยู่ค่ะ ตรงอื่นไม่มีจ้ะ ตัดขาดโลกภายนอกเลย
หมอกไม่นิ่งอยากให้เป็นทะเลหมอก แต่แบบนี้ก็สวยไปอีกแบบ
บางชาวงเวลา หมอกก็จางลง ได้เห็นวิวภูเขา
สักพักหมอกมาอีกแล้วค่ะ จนมืดค่ำหมอกก็ยังไม่ไป ลมก็มา ฝนก็มาเบาๆอย่างต่อเนื่อง
จุดชมวิวเนินช้างเผือก มองไม่ค่อยเห็นวิวเลยยยยยยยย
เดินเก็บภาพ รอพี่จนท.เปิดไฟ พอไฟติด ก็จัดการ ไปฝากชาร์ตแบตกล้องค่ะ ปกติจะปล่อยไฟแค่ 2 ทุ่ม แต่วันนี้ วันเสาร์ปล่อยถึง3ทุ่มค่ะ
ช่วง 6โมงเย็น อุณหภูมิ22องศา
เสียบแบตเสร็จ ฝนก็เทลงมา วิ่งเข้าบ้านเลยจ้าาาา เดี๋ยวไกล้ๆ3ทุ่มค่อยไปเอา
ฝนตกหนักมาก ลมแรง อากาศเย็น
ก็เป็นเรื่องธรรมดานะ เที่ยวหน้าฝน ก้ต้องเจอฝนดิ่ ถ้าไม่เจอฝนอ่ะแปลก
ฝนก็ฝน เปียกก็เปียก อย่าไปซีเรียสเนอะ แค่มองให้มันเป็นความสุข
คืนนี้จะเจออะไรมั้ย เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ