"พุทธะอิสระ" กับการถือครองที่ดินในป่า

"พุทธะอิสระ" ไปฟ้องกรณี "ธรรมกาย" ตอนนี้ก็โดนบ้างเรื่องไปซื้อที่ไม่มีกระทั่งเอกสารสิทธิ์ในอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ เรื่องนี้มีข้อสังเกตในแง่เอกสารสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์อย่างไรบ้าง ดร.โสภณ จะมาไข
         ตามข่าวเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 (http://bit.ly/29BNSEf) "พุทธะอิสระ" กล่าวถึงกรณีที่มีการนำภาพที่อ้างว่าเป็นการครอบครองที่ดินป่าสงวน ที่บ้านใหม่วังผาปูน ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งระบุว่า เป็นของพระพุทธะอิสระ มาเผยแพร่ทางโลกสังคมออนไลน์ว่า "อาตมาได้ปรารภ. . .อยากให้ภาคเหนือมีป่า มีน้ำใช้ตลอดปี. . .ไปเจรจากับชาวบ้านบริเวณป่าที่ถูกบุกรุก ว่า ขอคืนพื้นที่ในส่วนของต้นน้ำ โดยจ่ายเงินให้กับคนที่ครอบครองที่ดิน ที่ส่วนใหญ่เป็นครู และข้าราชการ เพื่อดำเนินการปลูกป่าให้กับรัฐบาล. . . . ความจริงแล้วไม่ได้มี 3,000 ไร่ อย่างที่มีการออกข่าวมีเพียง 300 ไร่เท่านั้น และจ่ายไป 3 ล้านกว่าบาท . . . ได้มีการทำสัญญากับทางกรมป่าไม้ ว่าจะฟื้นฟูป่า. . . 10 ปีก็จะคืนที่ดินให้กับกรมป่าไม้ แต่ยอมรับว่าพื้นที่ป่าดังกล่าว ไม่มีเอกสารสิทธิจริงและเป็นป่าสงวนแห่งชาติ"
     กรณีข้างต้น ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ให้ข้อสังเกตว่า:
     1. การได้มาซึ่งที่ดินของ "พุทธะอิสระ" นี้ มาจากการซื้อขายกับผู้ครอบครองรายก่อนที่บุกรุกมาเช่นกัน
     2. การซื้อขายนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีกระทั่งเอกสารสิทธิ์ใดๆ และเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
     3. กรณีที่ว่ามีสัญญากับกรมป่าไม้ ก็ไม่อาจตรวจสอบได้ หากมีสัญญาจริง ก็ควรนำมาแสดงให้เห็นชัดเจน
         ยิ่งกว่านั้น การอ้างว่าการปลูกป่านี้จะสามารถช่วยให้มีน้ำใช้ตลอดปีนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้สร้างเขื่อนกักเก็บน้ำไว้ นอกจากนั้นบริเวณภูเขาหัวโล้นนี้ ไม่ได้มีสภาพเป็นป่าต้นน้ำที่ชัดเจน (คงต้องไปตรวจสอบ) เพราะเป็นที่ปลูกข้าวโพดและพืชไร่เดิมที่ซื้อมาจากชาวบ้าน สำหรับขนาดที่ดินที่ว่ามี 300 ไร่นั้น จากการดูจากวีดีทัศน์ของ "พุทธะอิสระ" (http://bit.ly/29ChbBv) น่าจะมีมากกว่านี้ ซึ่งข้อนี้ควรได้รับการตรวจสอบเช่นกัน
         กรณีนี้เข้าข่ายบุกรุกป่าสงวนหรือไม่ เจ้าหน้าที่คงต้องตรวจสอบในรายละเอียด แต่หากใช่ตามที่ "พุทธะอิสระ" กล่าว ก็จะต้องมีโทษจำคุก 2-15 ปีและปรับ 20,000 - 150,000 บาท ตามที่ระบุใน พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 31 ที่ว่า "ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 14. . .ถ้าได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ (1) ไม้สัก ไม้ยาง ไม้สนเขา หรือไม้หวงห้ามประเภท ข. ตาม กฎหมายว่าด้วยป่าไม้ หรือ (2) ไม้อื่นเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่าง รวมกันเกินยี่สิบต้น หรือท่อน หรือรวมปริมาตรไม้เกินสี่ลูกบาศก์เมตร หรือ (3) ต้นน้ำลำธาร ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และ ปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท" (แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2522 (http://bit.ly/29vSTJF)
         นอกจากที่ดินบนเข้าประมาณ 300 หรือ 3,000 ไร่ที่กล่าวถึง "พุทธะอิสระ" ยังมี "บ้านพัก" ในบริเวณใกล้เคีรยง โดยมีข่าว "ชาวบ้านสุดทนบุกล้อมบ้าน พุทธะอิสระ กว้านซื้อที่ไม่มีโฉนดเป็นชื่อตัวเอง ปลูกบ้านหรู" (http://bit.ly/1ouzRKj) โดยตามข่าวเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 ระบุว่า "พุทธะอิสระกว้านซื้อที่ดินจำนวนมากก็เพื่อนำที่ดินดังกล่าวมาปลูกสร้างวัด แต่ทำไมพื้นที่ดังกล่าวกลับไม่เป็นเหมือนวัดเลย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีแต่การปลูกสร้างบ้านและอาคารที่หรูหรา เสมือนเป็นที่พักผ่อนตากอากาศเสียมากกว่า" (http://bit.ly/1ouzRKj)
         และวันรุ่งขึ้น นายอำเภอแม่วาง ให้สัมภาษณ์ว่า "พุทธอิสระมอบให้มูลนิธิแห่งหนึ่งเข้ามาซื้อที่ดินจากชาวบ้านเพื่อสร้างสำนักปฎิบัติธรรม ขณะนี้พบว่ามีการปลูกต้นไม้ไว้แต่ยังไม่มีการเข้ามาดำเนินการสร้างสำนักปฎิบัติธรรมตามกระแสข่าวแต่อย่างใด โดยการซื้อขายครั้งนี้มีการซื้อต่อมาจากชาวบ้านที่เข้ามาจับจองที่ดินอยู่ก่อนหน้านี้โดยไม่มีเอกสารสิทธิ์ เป็นที่ดินอยู่ตรงข้ามกับองค์การบริหารส่วนต.แม่วิน ในอ.แม่วาง ซึ่งการซื้อขายในลักษณะที่ซื้อขายกันเองทางราชการไม่รับรองอยู่แล้วเพราะไม่มีเอกสารสิทธิ์ และหากมีการสร้างสำนักปฎิบัติธรรมขึ้นจริงอำเภอก็คงต้องเข้าไปตรวจสอบ" (http://bit.ly/29OlDiF)
         บ้านพักนี้ในภาพถ่ายของ google earth ที่เผยแพร่เมื่อปี 2557 (ถ่ายก่อนหน้านี้) มีแต่ตัวบ้าน ยังไม่มีอาคารประชุม-สัมมนา แต่ในภาพถ่ายดาวเทียมปี 2559 มีอาคารประชุม-สัมมนาแล้ว
         อาคารประชุม-สัมมนาที่สร้างใหม่ได้ใช้งานแล้วโดยคาดว่าจะเป็นที่สำหรับจัดประชุม-สัมมนา โดยในวีดีทัศน์ของ "พุทธะอิสระ" ก็แสดงให้เห็นเช่นกัน (http://bit.ly/29ChbBv)
         กรณีนี้ ดร.โสภณ คงไม่ได้เจาะจงเฉพาะพระหรือวัดใด แต่ควรเร่งคืนผืนป่าทั่วประเทศ ทั้งนี้ ดร.โสภณ เคยจัดประกวดเรียงความชิงโล่พระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่อง "อย่าซื้อที่ดิน ส.ป.ก.4-01 และ ภ.บ.ท.5 ผิดกฎหมายและทำลายป่า" โดย ดร.โสภณ ได้จัดพิมพ์รวมเล่มโดยรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการอีกด้วย หนังสือเล่มนี้สามารถ download ได้ฟรีที่ www.thaiappraisal.org/thai/journal/order.php?p=publicationb20.php
----------------------------------------------------------------------------------
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1476.htm
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
นี่แหล่ะคือพุทธศาสนาในบ้านเมืองเรา

ถ้าใครจะยิ่งใหญ่ ก็ต้องมีคนมาขวาง กัดกันไปกัดกันมา หมาทั้งนั้น

วัดแต่ละวัดก็ต้องทำให้ใหญ่โต เพื่อหาเงินเข้าวัด   ผมสงสัยมานานแล้วว่าทุกวันนี้วัดหลายๆที่มีไว้ทำไม หรือมีหน้าที่อะไร พระในวัดมีหน้าที่อะไร

หลายๆวัดสร้างอะไรใหญ่โตไปหมด หรูหรา บ้าบอ ปัญญาอ่อน เพื่ออะไร ..... "เพื่อเงิน" ..... มันไม่ใช่วัดแล้ว มันคือบริษัทหาเงินแห่งหนึ่งก็แค่นั้น

พระก็เหมือนกัน ทุกวันนี้ทำตัวเหมือนพระไหม หน้าที่ของตัวเองคืออะไร หรือว่าวันๆคือแต่การหาเงิน แล้วจะเป็นพระเพื่อ?

คนก็งมงาย โง่ หลงแต่บุญ อยากได้บุญ แต่ไปนับถืออะไรก็ไม่รู้ ..... หึหึ








***** tex *****
ความคิดเห็นที่ 23
เส้น เขาใหญ่นา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่