สวัสดีครับ กระทู้แรกของผมเลยครับ
อย่างที่เราได้ข่าวกันมาเป็นระลอกๆตลอดหลายปีมานี้ ว่าที่ดินบริเวณ เวิ้ง นครเกษม(นาครเขษม) ได้ถูกขายให้กับกลุ่มนายทุนไป และ ร้านค้ากิจการต่างๆที่เปิดทำการอยู่ในเวิ้งมาซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ก็ค่อยๆย้ายออกกันไป โดยส่วนใหญ่ที่ย้ายกันไปแล้วจะเป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ จะมีเหลือก็ร้านขายเครื่องดนตรีที่เรียกว่าเติบโตมาคู่กับวงการดนตรีของประเทศไทยเลย ผมเชื่อว่านักดนตรีที่อายุ 25+ ในประเทศไทยส่วนใหญ่น่าจะเคยมี โมเมนต์แบบ มายืนเกาะกระจกดูเครื่องดนตรีที่เวิ้งกันมาบ้าง ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
จำได้ว่าตั้งแต่เรียนมัธยม โรงเรียนก็อยู่แถวๆเวิ้งเนี่ยเหละ กิจกรรมยามเลิกเรียนก็ไม่พ้นไปจากเล่นเกมส์ที่ ดิโอลด์สยาม เดินดูเกมส์และของเล่นที่สะพานเหล็ก และเดินดูเครื่องดนตรีที่เวิ้ง ... จบมัธยมต่อมหาวิทยาลัยผมเข้าเรียนคณะดนตรีโดยตรงแต่ด้วยความที่บ้านและมหาวิทยาลัยไม่ได้ไกลจากเวิ้งเท่าไหร่ ทำให้ยิ่งไปบ่อยกว่าตอนมัธยมเสียอีก....จบมหาวิทยาลัยมาเริ่มทำงานก็เกี่ยวกับดนตรี ทำเพลงบ้าง สอนกีตาร์บ้าง และได้ทำงานเป็นสื่อเกี่ยวกับกีตาร์โดยตรง ยิ่งไปเวิ้งบ่อยยิ่งกว่าตอนเด็กๆเข้าไปอีก...เรียกว่าชีวิตผมมีเหตุและปัจจัยให้ข้องเกี่ยวกับเวิ้งมาตลอด
ผมได้มีโอกาสคุยกับผู้ใหญ่ท่านนึงในเวิ้งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้
ท่านเล่าว่า เวิ้งนั้นเริ่มมีการค้าขายเกิดขึ้น หลังจากที่ ร.5 ทรงประกาศเลิกทาส เจ้านายที่ใจดีก็ให้ของติดไม้ติดมือเหล่าทาสมาบ้าง ทาสบางคนก็มีขโมยของติดไม้ติดมือมาเพิ่ม ก็เอามาซื้อขายกันที่เวิ้ง ช่วงนั้นเลยสถานที่แห่งนี้ว่า "ตลาดโจร" หรือ "Thief Market" .....
กิจการต่างๆก็เริ่มตามมาทีหลัง คนจีนจากแผ่นดินใหญ่ลงเรือกันเข้ามาอยู่ในประเทศไทยก็เริ่มเข้ามาค้าขายที่นี่ ผู้ใหญ่ท่านนี้เล่าให้ผมฟังว่าพ่อของท่านลงเรือมาก่อนมามองหาโอกาส พอมาอยู่ได้ซักพักมองเห็นโอกาสก็ส่งจดหมายไปเรียกครอบครัวทั้งหมดให้ลงเรือตามมา โดยท่านได้ลงเรือมาอยู่ไทยตั้งแต่เด็กๆน่าจะไม่ถึง 10 ขวบ เรียกว่ามาโตที่ไทยเลย .... ครอบครัวคนจีนในเวิ้งนั้นลงเรือมาจากซัวเถา ซัวเถานั้นเป็นเมืองท่าครับ ซึ่งครอบครัวคนจีนส่วนใหญ่จะมาจากหมู่บ้านที่อยู่รอบๆซัวเถาและจะมาขึ้นเรือกันที่นี่ ... โดยในยุคแรกๆเข้าใจว่าเจ้าของที่ดินนั้นสร้างตึกแถวขึ้นมาให้ จากนั้นใครอยากได้กี่ห้องก็มาจับจองกันได้เลยโดยไม่มีการเก็บค่าเช่า แต่จะมาเก็บส่วนแบ่งจากการขายได้...จากนั้นถึงเปลี่ยนมาเป็นเซ้งในภายหลัง
ดนตรีกับเวิ้งนั้นเริ่มข้องเกี่ยวกัน จากการขายเครื่องดนตรีมือสอง ซึ่งแรกๆเป็นเครื่องดนตรีไทย จากนั้นก็เริ่มเป็นเป็นเครื่องดนตรีสากลตามยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน และเวิ้งเริ่มกลายมาเป็นศุนย์กลางของเครื่องดนตรีในยุคของสงครามเวียดนามที่ทหาร GI นั้นเข้ามาซื้อและขายเครื่องดนตรีสากล รวมถึงเริ่มมีผับต่างๆที่เล่นเพลงสากลกัน .... จากร้านขายเครื่องดนตรีมือสอง หลายๆร้านจึงเริ่มเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดนตรีสากลกันในยุคนั้น
ร้านขายเครื่องดนตรีในเวิ้งนั้นช่วงแรกจะมีร้านใหญ่คือ ร้านเซ่งฮง ซึ่งต่อมาเป็นร้าน แผ่นเสียงกรุงเทพ จากนั้นก็ขยับขยาย แยกตัวกันออกมาเป็นร้านที่เราเจอกันอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็เป็นญาติกัน หรือเคยเป็นลูกน้องของร้านที่ประสบความสำเร็จ แล้วแยกตัวออกมาเปิดร้านใหม่ หลายๆร้านที่หลังกระทรวง และที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือร้านใหญ่ที่เคยอยู่ตรงข้ามพันทิป(ปัจจุบันไปอยู่รังสิต-ปทุมธานี) ก็ล้วนแยกตัวออกมาจากเวิ้ง
เรื่องราวสนุกๆในสมัยก่อนที่ท่านเล่าให้ผมฟังก็มีเช่น ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศ และในขณะนั้นรัฐบาลไม่สามารถจัดหาเครื่องดนตรีสำหรับการแสดงในพิธีเปิดได้ จึงให้ท่านช่วยจัดหาให้โดยมีเวลาแค่ราวๆ 1 เดือนในการจัดหา ท่านเลยบินไปอังกฤษและขนเครื่องดนตรีหนัก 500 กิโล!! กลับมาด้วย
จากวันนั้นมาจนวันนี้ การเวลาและยุคสมัยค่อยๆเปลี่ยนผ่านไป จากตลาดโจร กลายเป็นที่ๆราคาที่ดินแพงที่สุดแห่งนึงในประเทศไทย
ร้านขายเครื่องดนตรีส่วนใหญ่จะหมดสัญญาเช่าปลายเดือนสิงหาคมนี้ครับ(2559) ถ้าไม่มีการต่อสัญญาออกไป(ซึ่งค่าเช่าจะขึ้นแบบขนพองสยองเกล้า)
วันที่ 1 กันยายน 2559 จะไม่มีสถานที่ๆมีความฝันของนักดนตรีหลายๆคน ที่ๆเราคุ้นเคย ที่ๆสร้างแรงบัลดาลใจให้เรา จะไม่มีอีกแล้ว
ช่วงนี้หลายๆร้านในเวิ้งก็เริ่มลดราคาสินค้าตัวโชว์ รวมถึงของสต๊อกเก่าๆ ใครพอมีเวลาลองไปเดินดูกันนะครับ
อย่างผมไปมาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเลยทดลอง Live Facebook ซะหน่อย เก็บบรรยากาศมาฝาก เลยถือโอกาสขออนุญาติเฮียแต่ละร้านเข้าไปสอบถามว่า
ร้านแต่ละร้านจะย้ายไปอยู่ที่ไหนกันมาฝากด้วยครับ พอช่วงหลังๆสัญญานมันไม่ค่อยดี ภาพกับเสียงเลยเหลื่อมกันเป็นนาทีเลย ผมเลยโหลดมาแก้ไขและเอาลง Youtube ไว้แล้วครับ
และผมได้รวบรวมเอา Page ของร้านขายเครื่องดนตรีร่วมถึงแผนที่ร้านใหม่(ค่อยๆทะยอยแปะเพิ่มให้) ไว้ใน Comment ใต้ Live VDO วันนั้นใน Facebook
ที่นี่ครับ
https://www.facebook.com/6petesow9/videos/990564767730791/
หลังจากนี้เวลาจะซื้ออะไรหลายๆอย่างคงเหนื่อยกันหน่อยครับ วิ่งรอกรอบกรุงเทพ ซื้อเอฟเฟกต์ร้านนึง สายกีตาร์ร้านนึง ปิ๊กอีกร้านนึง เมื่อก่อนมาเวิ้งที่เดียวได้ครับ จากนี้มีหวังได้วิ่งรอก ปิ่นเกล้า-พลับพลาไชย-เพชรบุรีตัดใหม่-อ่อนนุช แน่ๆเลย
พาไปทัวร์ เวิ้ง นาครเขษม ...... ก่อนที่จะไม่มีเวิ้งให้เดินกัน (ร้านขายเครื่องดนตรี ร้านไหนจะย้ายไปอยุ่ไหนมาดูกัน)
อย่างที่เราได้ข่าวกันมาเป็นระลอกๆตลอดหลายปีมานี้ ว่าที่ดินบริเวณ เวิ้ง นครเกษม(นาครเขษม) ได้ถูกขายให้กับกลุ่มนายทุนไป และ ร้านค้ากิจการต่างๆที่เปิดทำการอยู่ในเวิ้งมาซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ก็ค่อยๆย้ายออกกันไป โดยส่วนใหญ่ที่ย้ายกันไปแล้วจะเป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ จะมีเหลือก็ร้านขายเครื่องดนตรีที่เรียกว่าเติบโตมาคู่กับวงการดนตรีของประเทศไทยเลย ผมเชื่อว่านักดนตรีที่อายุ 25+ ในประเทศไทยส่วนใหญ่น่าจะเคยมี โมเมนต์แบบ มายืนเกาะกระจกดูเครื่องดนตรีที่เวิ้งกันมาบ้าง ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
จำได้ว่าตั้งแต่เรียนมัธยม โรงเรียนก็อยู่แถวๆเวิ้งเนี่ยเหละ กิจกรรมยามเลิกเรียนก็ไม่พ้นไปจากเล่นเกมส์ที่ ดิโอลด์สยาม เดินดูเกมส์และของเล่นที่สะพานเหล็ก และเดินดูเครื่องดนตรีที่เวิ้ง ... จบมัธยมต่อมหาวิทยาลัยผมเข้าเรียนคณะดนตรีโดยตรงแต่ด้วยความที่บ้านและมหาวิทยาลัยไม่ได้ไกลจากเวิ้งเท่าไหร่ ทำให้ยิ่งไปบ่อยกว่าตอนมัธยมเสียอีก....จบมหาวิทยาลัยมาเริ่มทำงานก็เกี่ยวกับดนตรี ทำเพลงบ้าง สอนกีตาร์บ้าง และได้ทำงานเป็นสื่อเกี่ยวกับกีตาร์โดยตรง ยิ่งไปเวิ้งบ่อยยิ่งกว่าตอนเด็กๆเข้าไปอีก...เรียกว่าชีวิตผมมีเหตุและปัจจัยให้ข้องเกี่ยวกับเวิ้งมาตลอด
ผมได้มีโอกาสคุยกับผู้ใหญ่ท่านนึงในเวิ้งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้
ท่านเล่าว่า เวิ้งนั้นเริ่มมีการค้าขายเกิดขึ้น หลังจากที่ ร.5 ทรงประกาศเลิกทาส เจ้านายที่ใจดีก็ให้ของติดไม้ติดมือเหล่าทาสมาบ้าง ทาสบางคนก็มีขโมยของติดไม้ติดมือมาเพิ่ม ก็เอามาซื้อขายกันที่เวิ้ง ช่วงนั้นเลยสถานที่แห่งนี้ว่า "ตลาดโจร" หรือ "Thief Market" .....
กิจการต่างๆก็เริ่มตามมาทีหลัง คนจีนจากแผ่นดินใหญ่ลงเรือกันเข้ามาอยู่ในประเทศไทยก็เริ่มเข้ามาค้าขายที่นี่ ผู้ใหญ่ท่านนี้เล่าให้ผมฟังว่าพ่อของท่านลงเรือมาก่อนมามองหาโอกาส พอมาอยู่ได้ซักพักมองเห็นโอกาสก็ส่งจดหมายไปเรียกครอบครัวทั้งหมดให้ลงเรือตามมา โดยท่านได้ลงเรือมาอยู่ไทยตั้งแต่เด็กๆน่าจะไม่ถึง 10 ขวบ เรียกว่ามาโตที่ไทยเลย .... ครอบครัวคนจีนในเวิ้งนั้นลงเรือมาจากซัวเถา ซัวเถานั้นเป็นเมืองท่าครับ ซึ่งครอบครัวคนจีนส่วนใหญ่จะมาจากหมู่บ้านที่อยู่รอบๆซัวเถาและจะมาขึ้นเรือกันที่นี่ ... โดยในยุคแรกๆเข้าใจว่าเจ้าของที่ดินนั้นสร้างตึกแถวขึ้นมาให้ จากนั้นใครอยากได้กี่ห้องก็มาจับจองกันได้เลยโดยไม่มีการเก็บค่าเช่า แต่จะมาเก็บส่วนแบ่งจากการขายได้...จากนั้นถึงเปลี่ยนมาเป็นเซ้งในภายหลัง
ดนตรีกับเวิ้งนั้นเริ่มข้องเกี่ยวกัน จากการขายเครื่องดนตรีมือสอง ซึ่งแรกๆเป็นเครื่องดนตรีไทย จากนั้นก็เริ่มเป็นเป็นเครื่องดนตรีสากลตามยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน และเวิ้งเริ่มกลายมาเป็นศุนย์กลางของเครื่องดนตรีในยุคของสงครามเวียดนามที่ทหาร GI นั้นเข้ามาซื้อและขายเครื่องดนตรีสากล รวมถึงเริ่มมีผับต่างๆที่เล่นเพลงสากลกัน .... จากร้านขายเครื่องดนตรีมือสอง หลายๆร้านจึงเริ่มเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดนตรีสากลกันในยุคนั้น
ร้านขายเครื่องดนตรีในเวิ้งนั้นช่วงแรกจะมีร้านใหญ่คือ ร้านเซ่งฮง ซึ่งต่อมาเป็นร้าน แผ่นเสียงกรุงเทพ จากนั้นก็ขยับขยาย แยกตัวกันออกมาเป็นร้านที่เราเจอกันอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็เป็นญาติกัน หรือเคยเป็นลูกน้องของร้านที่ประสบความสำเร็จ แล้วแยกตัวออกมาเปิดร้านใหม่ หลายๆร้านที่หลังกระทรวง และที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือร้านใหญ่ที่เคยอยู่ตรงข้ามพันทิป(ปัจจุบันไปอยู่รังสิต-ปทุมธานี) ก็ล้วนแยกตัวออกมาจากเวิ้ง
เรื่องราวสนุกๆในสมัยก่อนที่ท่านเล่าให้ผมฟังก็มีเช่น ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพเอเชี่ยนเกมส์ ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศ และในขณะนั้นรัฐบาลไม่สามารถจัดหาเครื่องดนตรีสำหรับการแสดงในพิธีเปิดได้ จึงให้ท่านช่วยจัดหาให้โดยมีเวลาแค่ราวๆ 1 เดือนในการจัดหา ท่านเลยบินไปอังกฤษและขนเครื่องดนตรีหนัก 500 กิโล!! กลับมาด้วย
จากวันนั้นมาจนวันนี้ การเวลาและยุคสมัยค่อยๆเปลี่ยนผ่านไป จากตลาดโจร กลายเป็นที่ๆราคาที่ดินแพงที่สุดแห่งนึงในประเทศไทย
ร้านขายเครื่องดนตรีส่วนใหญ่จะหมดสัญญาเช่าปลายเดือนสิงหาคมนี้ครับ(2559) ถ้าไม่มีการต่อสัญญาออกไป(ซึ่งค่าเช่าจะขึ้นแบบขนพองสยองเกล้า)
วันที่ 1 กันยายน 2559 จะไม่มีสถานที่ๆมีความฝันของนักดนตรีหลายๆคน ที่ๆเราคุ้นเคย ที่ๆสร้างแรงบัลดาลใจให้เรา จะไม่มีอีกแล้ว
ช่วงนี้หลายๆร้านในเวิ้งก็เริ่มลดราคาสินค้าตัวโชว์ รวมถึงของสต๊อกเก่าๆ ใครพอมีเวลาลองไปเดินดูกันนะครับ
อย่างผมไปมาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเลยทดลอง Live Facebook ซะหน่อย เก็บบรรยากาศมาฝาก เลยถือโอกาสขออนุญาติเฮียแต่ละร้านเข้าไปสอบถามว่า
ร้านแต่ละร้านจะย้ายไปอยู่ที่ไหนกันมาฝากด้วยครับ พอช่วงหลังๆสัญญานมันไม่ค่อยดี ภาพกับเสียงเลยเหลื่อมกันเป็นนาทีเลย ผมเลยโหลดมาแก้ไขและเอาลง Youtube ไว้แล้วครับ
และผมได้รวบรวมเอา Page ของร้านขายเครื่องดนตรีร่วมถึงแผนที่ร้านใหม่(ค่อยๆทะยอยแปะเพิ่มให้) ไว้ใน Comment ใต้ Live VDO วันนั้นใน Facebook
ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/6petesow9/videos/990564767730791/
หลังจากนี้เวลาจะซื้ออะไรหลายๆอย่างคงเหนื่อยกันหน่อยครับ วิ่งรอกรอบกรุงเทพ ซื้อเอฟเฟกต์ร้านนึง สายกีตาร์ร้านนึง ปิ๊กอีกร้านนึง เมื่อก่อนมาเวิ้งที่เดียวได้ครับ จากนี้มีหวังได้วิ่งรอก ปิ่นเกล้า-พลับพลาไชย-เพชรบุรีตัดใหม่-อ่อนนุช แน่ๆเลย