ขอแชร์ประสบการณ์แย่ๆที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเรานะ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้คนอื่นๆ #เพราะเรามั่นใจว่าบ้านเราไม่ใช่หลังสุดท้ายที่จะเจอแบบนี้
เราซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย ต.ค.57 อยู่กันมาจนเราใกล้คลอด ตอนนั้นเราหาคนเลี้ยงลูกยังไม่ได้ แม่เราเองก็มีสวนที่ต้องดูแล คงมาช่วยเลี้ยงตลอดไปไม่ได้ เราตัดสินใจว่า จะย้ายไปอยู่บ้านเดิมของแฟน เพื่อให้พ่อแฟนช่วยดูคนเลี้ยงลูกที่จะจ้างมาอีกทีนึง และเราก็พยายามขอย้ายกลับบ้านต่างจังหวัด จึงให้คนเช่าบ้าน เพื่อแบ่งเบาภาระในครอบครัวส่วนหนึ่ง และรอว่าเมื่อลูกจะเข้าโรงเรียนอาจจะกลับมาอยู่นี่ หรืออาจจะขายแล้วอยู่ตจว.ยาว
มีผู้ชายคนนึงติดต่อเข้ามา เขาให้ข้อมูลว่า มีบริษัทติดตั้งหลังคาลามิเนต อยู่กันเป็นครอบครัว 5 คน มีพ่อแม่ และลูกสาว 3 คน เขาบอกว่าลูกคนโตเรียนมหาวิทยาลัย(ของรัฐทางฝั่งตะวันออก) คนกลางเรียนเกี่ยวกับศิลปะย่านลาดกระบัง คนเล็กจะเอามาเข้าโรงเรียนใกล้บ้านเรา (จริงๆเขาบอกชื่อม. กับชื่อรร. นะ แต่เราขอไม่พาดพิงถึงเด็ก แต่บอกเพื่อเป็นข้อมูลเผื่อเขาไปหาบ้านเช่าอีก เจ้าของบ้านจะได้เอะใจ) บอกว่ามีบ้านอยู่ปากน้ำ แต่อยู่มา5ปีแล้ว ต้องย้ายที่เพื่อเปลี่ยนฮวงจุ้ยในการทำบริษัท ก็เลยให้คนเช่าบ้านเขา เขาขอเอาบ้านเราจดทะเบียนบริษัท แต่เราไม่โอเค แล้วเขาก็เงียบไป
ไม่นานมีผู้หญิงโทรมา เราก็ถามว่าอยู่กี่คน ยังไง?? ข้อมูลเรื่องครอบครัวทำให้เราคิดว่า น่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วผญ.ก็ถามเราว่า เข้าอยู่ก่อนแล้วจ่ายค่าเช่าสิ้นเดือนใช่มั้ย?? เราบอกว่าต้องจ่ายก่อนอยู่ แล้วเดือนสุดท้ายก็เอาค่าประกันบ้านคืน
ตอนแรกเราไม่อยากได้คนเช่าคนนี้ ดูพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง เร่งจะเอาบ้านเราให้ได้ ตอนนั้นมีอีกคนขอดูบ้านก่อน เราก็บอกเขาว่าต้องให้คนที่จองตัดสินใจก่อน ถ้าเขาไม่เอาพี่ถึงจะเช่าได้ เพราะนางเร่งจะวางเงินๆอย่างเดียว
ตอนไปทำสัญญา เราไม่ได้ไปเพราะท้องแก่มากแล้ว ให้แฟนไป สัญญาเราพิมพ์เอง ไม่มีอะไรที่เอาเปรียบเขา (ทีหลังจึงรู้ว่ามันทำให้สัญญาเราอ่อน ไม่มีระบุยึดทรัพย์ ล็อคบ้าน ขับไล่ เราระบุแค่ฟ้องร้องดำเนินคดี)
ตกลงทำสัญญาวันที่ 8 ส.ค. 58 เข้าอยู่ 11 ส.ค. 58 ค่าเช่า 8,000 ต่อเดือน ประกันบ้าน 2 เดือน + ค่าเช่าเดือนสิงหา 5,000 เท่ากับงวดแรกจ่ายเรา 21,000 บาท เราให้แอร์เครื่องนึง ให้ช้าได้ถึงวันที่ 5 ถ้าเกินปรับ 500 ต่อเดือน
วันที่ 21 สิงหาเราไปคลอดลูก พอเข้าวันที่ 1 ก.ย. 58 ก็เงียบ วันที่3 ก.ย. เราเลยส่งเลขที่บช.ไป ให้เขาโอนเข้าบช.นี้ เขาก็เงียบ วันที่ 4 ก.ย. เราโทรถามว่าได้ข้อความมั้ย เขาบอกว่าได้ จะโอนไม่เกินวันที่5 แล้วเขาก็เงียบไป จนวันที่16 ก.ย. (ประมานนะ) แฟนเราโทรถาม ผญ.บอกว่าต้องอยู่ก่อนค่อยจ่ายไม่ใช่เหรอ?? แฟนก็อธิบายอีกครั้ง ผญ.บอกว่า 25 ก.ย. จะจ่าย แต่เมื่อถึงกำหนดก็เงียบ แฟนเราโทรถาม ผญ.บอกว่า วันที่1 ต.ค. จะจ่าย 2 งวดพร้อมค่าปรับ
วันที่ 1 ต.ค. ก็ยังคงเงียบ เราเลยต้องถ่อสังขารไปหาที่บ้าน ในวันที่ 2 ต.ค. แผลผ่าคลอดยังไม่หายดีเลย แล้วสองคนผัวเมียก็ไม่มีเงินจ่าย เราเลยให้เซ็นยกเลิกสัญญาเช่า และให้ย้ายออกภายในวันที่ 9 ต.ค. แต่แฟนเราบอกว่า ถ้าหามาจ่ายทันวันนี้4โมงเย็น ก็ให้อยู่ต่อได้ แล้วก็เงียบไป
ก่อนถึงวันที่ 9 ต.ค. เราคิดว่า บางทีเขาอาจไม่มีเงินมัดจำบ้านใหม่ เลยโทรไปหา ผญ. คนเช่าอีกครั้ง
เรา : ถ้าพี่หาเงินมาจ่ายภายในวันที่ 10 นี้ได้ จะให้อยู่ต่อถึงสิ้นปี เผื่อพี่ได้โบนัส ได้รายได้ จะได้ไม่เดือดร้อนมาก
ผญ. : พี่หาไม่ทันหรอก
เรา : งั้นจะได้วันไหน
ผญ. : ไม่แน่ใจ แต่พี่จะอยู่ถึงสิ้นเดือน เพราะพี่ผิดสัญญาไม่ถึง 2 เดือนเลย คุณควรมีมนุษยธรรมบ้างนะ!!!
นางบอกเราว่า นางส่งเช็คลูกค้านางไปขึ้นเงิน 3 รอบแล้วมันเด้ง (เราบอกว่า ถ้าเช็คนี้มันเด้ง 3 รอบแล้ว บัญชีคงปิดออโต้แล้วมั้ง) นางก็เปลี่ยนใหม่ว่าเช็ค 3 ใบ คนละบช.กัน!!!!
เราเลยรอจนถึงสิ้นเดือน ต.ค. พอวันที่ 30 ต.ค. แฟนเราโทรไปบอกว่า วันที่ 1 พ.ย. จะไปตรวจรับบ้าน นางบอกว่ายังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้!!!
วันที่ 1 พ.ย.58 เราไปสน.ลาดกระบัง เพื่อลงบันทึกแจ้งความ ตำรวจอ่านสัญญา แล้วบอกเราว่า ตำรวจทำอะไรไม่ได้นะ เพราะไม่ได้ระบุขับไล่ จับกุม ยึดทรัพย์ อะไรประมานนี้ แนะนำให้เราเข้าไปเจรจากับคนเช่าก่อน (ก็ไม่ได้แจ้งความ)
เรากับพี่ชายไปที่บ้าน พร้อม รปภ.หมู่บ้าน 2 คน พอไปถึง
เรา : พี่เอาเด็กขึ้นข้างบนเหอะ อย่าให้ต้องมารับรู้อะไรแบบนี้เลย
ผญ. : ไม่เป็นไร เขารู้อยู่แล้ว
เรา : พี่จะขนของเอง หรือจ้างรปภ.ขน
ผญ. : พี่ไม่ย้ายค่ะ ยังหาที่ใหม่ไม่ได้ คุณมีมนุษยธรรมหน่อยสิ
เรา : พี่ผิดสัญญาแล้วนะ
ผญ.: ไม่เอาสิคะ ไม่พูดถึงเรื่องนั้น ตอนนี้พี่ยังหาบ้านใหม่ไม่ได้ แล้วคุณจะให้ไปอยู่ไหน คุณให้เวลาพี่หน่อยสิ
(ระหว่างนี้ ผช. ไม่ออกมาหน้าบ้านเลยนะ )
พูดวนกันแบบนี้อยู่นาน จนเราทนไม่ไหวค่ะ เลยด่า (นี่เป็นการด่าครั้งที่1)
เรา : พี่ หนูขอโทษนะ คือหนูจะบอกว่า พี่ด้านมากเลยอ่ะ!!!
ลูกสาวนางคนกลางทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาเรา พี่ชายเราเลยชี้บอกว่า "เด็กไม่เกี่ยวเข้าบ้านไป"
แล้วสักพัก ผช. ก็ออกมา คำตอบของเขาคือ
ผช. : ผมไม่ออก ผมไม่คุย คุณไปคุยกับทนายผมเลย ถ้าจะให้ผมออกคุณก็ไปฟ้องศาลสิ
#สรุปคือ เขาไม่ออก ไม่เจรจา ไม่ทำสัญญาใหม่ ไม่จ่าย และท้าเอาหมายศาล
พี่ชายเราถามว่า ก่อนหน้านี้อยู่ไหน ผญ.บอกว่าเดิมอยู่เป็นกงสี รวมๆกับญาติ
วันนี้เราบอกว่ามีคนอื่นจะมาเช่าแล้ว เซ็นสัญญาแล้ว (เราโกหกเพื่อให้เขาย้ายออก) เราถามเขาว่า "คุณจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เราผิดสัญญาเหรอ" เขาบอกเราว่าให้เราเอาสัญญามาให้เขาดูสิ (คือกงการอะไรล่ะ คุณมีสิทธิ์อะไร ใช่มั้ย??) แล้วบอกเราว่าจะออกวันที่ 20 พ.ย. เพราะจะไปทำสัญญากับเจ้าของบ้าน โอนตังค์ไปให้เจ้าของบ้านใหม่แล้ว (รู้ว่าโกหก แต่ไม่ใช่กงการอะไรที่เราจะขอดูหลักฐานการโอนเงิน)
พี่ชายเราคุยกับทนายของคนเช่า ทนายบอกว่า ให้เราอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเขาก็ไปเอง และเล่าว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ทนายไม่มาเซ็นค้ำประกันให้ ว่าเขาจะออกวันที่ 20 พ.ย. เพราะเคยเซ็นค้ำประกันมาแล้ว ตอนที่บ้านของพวกเขาถูกยึดและขายทอดตลาด เมื่อมีคนซื้อบ้านเขาต่อจากธนาคาร พวกเขาก็ไม่ยอมย้ายออก จนต้องไปเซ็นรับรองให้ พอถึงเวลาต้องย้ายก็ไม่ออกอีก (ตกลงเรื่องบ้านเขานี่ไม่ตรงกับที่เขาเล่าเลย)
เราไปที่ สน. อีกครั้ง แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้แจ้งความด้วยประโยคเดิมๆ
วันที่ 7 พ.ย. 58 ทนายส่งโนติสไป (แต่ในเอกสารทนานลงวันที่ผิดเป็น ต.ค. 58) เขาก็ไม่ออก
ก่อนวันที่ 20 เราโทรหาทนายของเขา บอกให้คุยกับคนเช่าให้ออกไปซะ ถ้าไปภายในวันที่ 20 นี้ เราจะไม่ฟ้อง จะถือว่าปล่อยเจ้ากรรมนายเวร ทนายคนเช่าตอบเรากลับมาว่า
ทนายคนเช่า : ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าฟ้อง อย่าไปทำอะไร ให้อยู่เฉยๆ เดี๋ยวเขาก็ไปเอง นี่คุณไปยื่นโนติส ก็เข้าทางเขาสิ ถ้าคุณฟ้องเขา ผมก็ต้องช่วยเขาเพราะเป็นญาติกัน
เรา : รู้ว่าสัญญาเราอ่อน เพราะไม่คิดว่าจะเจอคนชั่วๆแบบนี้ (นี่เป็นการด่าครั้งที่2)
วันที่20 พ.ย. เราโทรไปหา ผญ.
เรา : วันที่20 จะไปตรวจบ้านนะ (เสียงแข็ง)
ผญ.: พูดดีๆสิค่ะ
เรา : กับคนแบบคุณชั้นพูดได้ดีที่สุดแค่นี้
ผญ.: งั้นพี่รอหมายศาลค่ะ
แล้วก็วางหูไป
ระหว่างนี้เราได้คุยเรื่องตำแหน่งงานที่ ตจว. ซึ่งมีแล้ว แค่ให้เราไปสอบเพิ่มเติม แต่เราต้องปล่อยตำแหน่งนี้ไป เพราะต้องสู้เรื่องบ้าน
ตอนนี้เราอยากได้บ้านเราคืนมาก เพราะจะย้ายกลับมาอยู่ เพราะแม่เราก็ไม่สะดวกเรื่องที่อยู่ตอนนี้ เข่าแม่ไม่ดี เดินขึ้นชั้นสองบ่อยๆก็ไม่ได้ เราตัดสินใจพาลูกกับแม่ ไปฝากไว้บ้านญาติที่ชลบุรี ร้องไห้คิดถึงลูกทุกคืน บางวันเลิกงาน 2 ทุ่ม ขอให้แฟนขับรถพาไปหาลูกที่ชลบุรี เพื่อไปนั่งมองหน้าลูกตอนหลับ ได้หอมสักสิบฟอด แล้วขับรถกลับมากรุงเทพ ทำแบบนี้เกือบทุกวัน บ่อยมาก แต่ลูกไม่ได้ตื่นมาเห็นว่าพ่อกับแม่มาหาแล้วนะ วันไหนหยุดงานถึงได้ไปอยู่กับลูก ตอนนั้นลูกเราแค่ 4 เดือนเอง เราต้องกลั้นใจหยุดให้ลูกเข้าเต้า เพราะถ้าลูกติด จะลำบากลูกมากกว่านี้
วันที่ 27 พ.ย. 58 ทนายของเรายื่นฟ้อง และศาลนัดไต่สวน 16 พ.ค. 59 หลังไต่สวน ณ วันนี้เรายังพยายามตามเรื่องพิมพ์คำตัดสิน ยังไม่ได้ วันนี้ 28 มิ.ย. 59 เราไปหาเจ้าหน้าที่ ได้คำตอบว่า พิมพ์แล้ว แต่มีการแก้ไข พิมพ์ใหม่ยังไม่เสร็จ เราถามว่าจะได้เมื่อไหร่ จนท.บอกน่าจะอาทิตย์หน้า (เราไปทำเรื่องคัดคำตัดสินตั้งแต่ 8 มิ.ย. และโทรตามประมาน 4-5 ครั้งแล้ว)
และวันนี้ 12 ก.ค.59 เกือบ 2 เดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้ค่ะ *เราไม่รู้จริงๆว่า ปกติใช้เวลานานขนาดไหน
ระหว่างส่งฟ้อง เราดำเนินเรื่องดังนี้
1.ไปไฟฟ้า ทำเอกสารเรื่องขอยกเลิกหม้อไฟ และทนายได้แฟกซ์หมายฟ้องส่งตามไปให้การไฟฟ้าต่อมามีจนท.แจ้งมาว่ายกเลิกไม่ได้ เพราะมีคนอยู่อาศัย และจะขอเจรจากับคนเช่า เราก็ให้เบอร์ติดต่อคนเช่าไป (วันที่ไปทำเรื่องเราเป็นไข้เลือดออก แต่แอดมิทไม่ได้ ต้องเอาบ้านคืน แต่ต้องไปเจาะเลือดตรวจทุกวัน ส่วนแฟนเราแอดมิทแล้ว เพราะเกร็ดเลือดต่ำเหลือหกหมื่น) แล้วเราก็รอ พยายามติดต่อไปที่หัวหน้าส่วนงานนั้นหลายครั้ง แต่ไม่ได้คุย จนครั้งสุดท้ายได้คุย เขาบอกเราว่า ยกหม้อไฟไม่ได้ และให้คนเช่ามาทำสัญญาวางเงินประกันไว้ 2000 (คืองงกะกฎหมายมากอ่ะ)
2.ทำเรื่องยกเลิกมิเตอร์น้ำ สรุปก็ไม่ได้ แต่จนท.น้ำดีมาก พยายามช่วย และโทรติดต่อมาตลอด
3.มีพี่คนนึงแนะนำให้ติดต่อสส.ท่านหนึ่ง ให้เขาช่วยพูด เราก็ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แถมไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่เขาด้วย แต่มันจนหนทางแล้ว ลองดูก็ได้ จะสังกัดพรรคไหนก็ช่างเถอะ ลองดู เราเลยโทรไปหา สส. เขาก็ช่วยทันที ต่อสายไปถึงทนายคนเช่า #ทนายบอก สส.ว่า ที่ไม่ออกเพราะเราไปท้าทายเค้า โดยการไปตัดน้ำตัดไฟ เค้าโมโหเลยไม่ออก และเราไปด่าเค้า (คือด่าแค่สองประโยคนี้น้อยไปป่ะ???
แล้ว สส.ก็โทรไปหาคนเช่าผญ. นางบอกว่าจะคุยกับสามีก่อน
เราเลยมาคิดดูว่า ถ้าเจรจาแล้วยอมความ พวกเขาก็ไม่ได้รับบทเรียนเลย ไหนๆก็รอมาขนาดนี้แล้ว เลยบอกสส.ว่าไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องเจรจาแล้ว จะต่อสู้ทางกฎหมาย
4. เราให้ทนายเราโทรไปครั้งนึง เขาก็ไม่เจรจา
ระหว่างนี้ ตอนสิ้นปี 58 แม่เราจำเป็นต้องกลับบ้าน ตจว. เราไม่สามารถให้แม่เอาลูกเราลงไปด้วยได้ เพราะสุขภาพแม่เราก็ไม่ได้แข็งแรงนัก บ้านตจว.ก็ไกลโรงพยาบาล และที่สำคัญเราจะไม่ยอมห่างลูกขนาดนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราต้องช่วยลูกได้ทัน และลูกต้องการความอบอุ่นจากแม่ เราต้องหาคนเลี้ยงลูกเร่งด่วน ตอนนั้นหาไม่ได้ ไม่ลงตัว เราคุยกับหัวหน้าเราว่า เราอาจจะต้องออกจากงาน เพื่อเลี้ยงลูก เครียดร้องไห้อยู่หลายวัน ยอมตกงานก็ได้ แต่ไม่ยอมห่างลูก แต่โชคดีที่โทรไปร้องไห้กับพี่คนหนึ่ง เลยได้พี่สาวเค้ามาเลี้ยงลูกให้ในวันที่เราทำงาน แต่บ้านคนเลี้ยงไกลจากบ้านที่เราอยู่ประมาน 30กม. วันที่เราทำงานเราต้องเอาลูกไว้กับคนเลี้ยง วันหยุดถึงรับลูกลับมา คนที่เลี้ยงรักลูกเรามาก แต่พอลูกเริ่มรู้เรื่องมากขึ้น ก็เริ่มมีอาการนอนร้องไห้ตอนกลางคืน บางคืนเหมือนอยู่ในภวังแล้วก็ร้องไห้สะอื้น เราต้องกอดลูกไว้ ปลอบลูกว่าแม่อยู่นี่นะ ได้แต่น้ำตาไหลขอโทษลูกที่ไม่สามารถนอนกอดลูกได้ทุกคืน เป็นแบบนี้อยู่หลายเดือน แต่เวลาที่เค้าตื่นเค้าร่าเริงมาก ตอนนี้รู้เรื่องมากขึ้น พอต้องเปลี่ยนที่อยู่ที พอไปส่งที ก็ทำหน้าหงอยๆ
สภาพจิตใจลูกเรา สองผัวเมียนี้จะชดใช้ยังไงก็ไม่หมด
ทุกวันนี้ครอบครัวนี้ยังอาศัยอยู่ในบ้านเรา ม.พิศาลลาดกระบัง เราใช้กฎหมายสู้กับคนขี้โกงมาสิบเดือน และถ้าบ้านเราชำรุดเสียหาย เราจะสู้อีกรอบ ให้ถึงที่สุด เช็คล่าสุดค้างค่าไฟฟ้าไว้เกือบเจ็ดพัน ไฟฟ้าไม่สามารถตัดไฟได้ ก็แปลกนะตาสีตาสาค้างหลักร้อยยังตัดได้ เราจะรอวันที่กฎหมายไทยจะช่วยเราให้ได้บ้านคืน
ข้อมูลนี้เผื่อผัวเมียคู่นี้ไปเช่าบ้านคนอื่น ตรวจสอบดูนะคะ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนแบบเรา (ต้องบอกแบบกลัวๆ พรบ.คอมฯ)
1.ผช. ชื่อขึ้นต้นด้วย ช. นามสกุลขึ้นต้นด้วย ม.
เลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 22
2.ผญ. ชื่อขึ้นต้นด้วย ช. นามสกุลขึ้นต้นด้วย ร.
เลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 96
3.สามารถเอาชื่อสองคนนี้ไปเช็คที่ศาลมีนบุรี และศาลสมุทรปราการค่ะ
*ได้แต่หวังว่าจะได้บ้านคืนก่อนวันเกิดลูกชาย ส.ค.นี้ เป็นของขวัญครบขวบให้ลูกชาย*
เตือนภัยคนเช่าบ้าน อย่าให้เกิดกับใครอีก ต่อสู้ทางกฎหมายมา11เดือน ยังไม่ได้บ้านคืน
เราซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย ต.ค.57 อยู่กันมาจนเราใกล้คลอด ตอนนั้นเราหาคนเลี้ยงลูกยังไม่ได้ แม่เราเองก็มีสวนที่ต้องดูแล คงมาช่วยเลี้ยงตลอดไปไม่ได้ เราตัดสินใจว่า จะย้ายไปอยู่บ้านเดิมของแฟน เพื่อให้พ่อแฟนช่วยดูคนเลี้ยงลูกที่จะจ้างมาอีกทีนึง และเราก็พยายามขอย้ายกลับบ้านต่างจังหวัด จึงให้คนเช่าบ้าน เพื่อแบ่งเบาภาระในครอบครัวส่วนหนึ่ง และรอว่าเมื่อลูกจะเข้าโรงเรียนอาจจะกลับมาอยู่นี่ หรืออาจจะขายแล้วอยู่ตจว.ยาว
มีผู้ชายคนนึงติดต่อเข้ามา เขาให้ข้อมูลว่า มีบริษัทติดตั้งหลังคาลามิเนต อยู่กันเป็นครอบครัว 5 คน มีพ่อแม่ และลูกสาว 3 คน เขาบอกว่าลูกคนโตเรียนมหาวิทยาลัย(ของรัฐทางฝั่งตะวันออก) คนกลางเรียนเกี่ยวกับศิลปะย่านลาดกระบัง คนเล็กจะเอามาเข้าโรงเรียนใกล้บ้านเรา (จริงๆเขาบอกชื่อม. กับชื่อรร. นะ แต่เราขอไม่พาดพิงถึงเด็ก แต่บอกเพื่อเป็นข้อมูลเผื่อเขาไปหาบ้านเช่าอีก เจ้าของบ้านจะได้เอะใจ) บอกว่ามีบ้านอยู่ปากน้ำ แต่อยู่มา5ปีแล้ว ต้องย้ายที่เพื่อเปลี่ยนฮวงจุ้ยในการทำบริษัท ก็เลยให้คนเช่าบ้านเขา เขาขอเอาบ้านเราจดทะเบียนบริษัท แต่เราไม่โอเค แล้วเขาก็เงียบไป
ไม่นานมีผู้หญิงโทรมา เราก็ถามว่าอยู่กี่คน ยังไง?? ข้อมูลเรื่องครอบครัวทำให้เราคิดว่า น่าจะเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วผญ.ก็ถามเราว่า เข้าอยู่ก่อนแล้วจ่ายค่าเช่าสิ้นเดือนใช่มั้ย?? เราบอกว่าต้องจ่ายก่อนอยู่ แล้วเดือนสุดท้ายก็เอาค่าประกันบ้านคืน
ตอนแรกเราไม่อยากได้คนเช่าคนนี้ ดูพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง เร่งจะเอาบ้านเราให้ได้ ตอนนั้นมีอีกคนขอดูบ้านก่อน เราก็บอกเขาว่าต้องให้คนที่จองตัดสินใจก่อน ถ้าเขาไม่เอาพี่ถึงจะเช่าได้ เพราะนางเร่งจะวางเงินๆอย่างเดียว
ตอนไปทำสัญญา เราไม่ได้ไปเพราะท้องแก่มากแล้ว ให้แฟนไป สัญญาเราพิมพ์เอง ไม่มีอะไรที่เอาเปรียบเขา (ทีหลังจึงรู้ว่ามันทำให้สัญญาเราอ่อน ไม่มีระบุยึดทรัพย์ ล็อคบ้าน ขับไล่ เราระบุแค่ฟ้องร้องดำเนินคดี)
ตกลงทำสัญญาวันที่ 8 ส.ค. 58 เข้าอยู่ 11 ส.ค. 58 ค่าเช่า 8,000 ต่อเดือน ประกันบ้าน 2 เดือน + ค่าเช่าเดือนสิงหา 5,000 เท่ากับงวดแรกจ่ายเรา 21,000 บาท เราให้แอร์เครื่องนึง ให้ช้าได้ถึงวันที่ 5 ถ้าเกินปรับ 500 ต่อเดือน
วันที่ 21 สิงหาเราไปคลอดลูก พอเข้าวันที่ 1 ก.ย. 58 ก็เงียบ วันที่3 ก.ย. เราเลยส่งเลขที่บช.ไป ให้เขาโอนเข้าบช.นี้ เขาก็เงียบ วันที่ 4 ก.ย. เราโทรถามว่าได้ข้อความมั้ย เขาบอกว่าได้ จะโอนไม่เกินวันที่5 แล้วเขาก็เงียบไป จนวันที่16 ก.ย. (ประมานนะ) แฟนเราโทรถาม ผญ.บอกว่าต้องอยู่ก่อนค่อยจ่ายไม่ใช่เหรอ?? แฟนก็อธิบายอีกครั้ง ผญ.บอกว่า 25 ก.ย. จะจ่าย แต่เมื่อถึงกำหนดก็เงียบ แฟนเราโทรถาม ผญ.บอกว่า วันที่1 ต.ค. จะจ่าย 2 งวดพร้อมค่าปรับ
วันที่ 1 ต.ค. ก็ยังคงเงียบ เราเลยต้องถ่อสังขารไปหาที่บ้าน ในวันที่ 2 ต.ค. แผลผ่าคลอดยังไม่หายดีเลย แล้วสองคนผัวเมียก็ไม่มีเงินจ่าย เราเลยให้เซ็นยกเลิกสัญญาเช่า และให้ย้ายออกภายในวันที่ 9 ต.ค. แต่แฟนเราบอกว่า ถ้าหามาจ่ายทันวันนี้4โมงเย็น ก็ให้อยู่ต่อได้ แล้วก็เงียบไป
ก่อนถึงวันที่ 9 ต.ค. เราคิดว่า บางทีเขาอาจไม่มีเงินมัดจำบ้านใหม่ เลยโทรไปหา ผญ. คนเช่าอีกครั้ง
เรา : ถ้าพี่หาเงินมาจ่ายภายในวันที่ 10 นี้ได้ จะให้อยู่ต่อถึงสิ้นปี เผื่อพี่ได้โบนัส ได้รายได้ จะได้ไม่เดือดร้อนมาก
ผญ. : พี่หาไม่ทันหรอก
เรา : งั้นจะได้วันไหน
ผญ. : ไม่แน่ใจ แต่พี่จะอยู่ถึงสิ้นเดือน เพราะพี่ผิดสัญญาไม่ถึง 2 เดือนเลย คุณควรมีมนุษยธรรมบ้างนะ!!!
นางบอกเราว่า นางส่งเช็คลูกค้านางไปขึ้นเงิน 3 รอบแล้วมันเด้ง (เราบอกว่า ถ้าเช็คนี้มันเด้ง 3 รอบแล้ว บัญชีคงปิดออโต้แล้วมั้ง) นางก็เปลี่ยนใหม่ว่าเช็ค 3 ใบ คนละบช.กัน!!!!
เราเลยรอจนถึงสิ้นเดือน ต.ค. พอวันที่ 30 ต.ค. แฟนเราโทรไปบอกว่า วันที่ 1 พ.ย. จะไปตรวจรับบ้าน นางบอกว่ายังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้!!!
วันที่ 1 พ.ย.58 เราไปสน.ลาดกระบัง เพื่อลงบันทึกแจ้งความ ตำรวจอ่านสัญญา แล้วบอกเราว่า ตำรวจทำอะไรไม่ได้นะ เพราะไม่ได้ระบุขับไล่ จับกุม ยึดทรัพย์ อะไรประมานนี้ แนะนำให้เราเข้าไปเจรจากับคนเช่าก่อน (ก็ไม่ได้แจ้งความ)
เรากับพี่ชายไปที่บ้าน พร้อม รปภ.หมู่บ้าน 2 คน พอไปถึง
เรา : พี่เอาเด็กขึ้นข้างบนเหอะ อย่าให้ต้องมารับรู้อะไรแบบนี้เลย
ผญ. : ไม่เป็นไร เขารู้อยู่แล้ว
เรา : พี่จะขนของเอง หรือจ้างรปภ.ขน
ผญ. : พี่ไม่ย้ายค่ะ ยังหาที่ใหม่ไม่ได้ คุณมีมนุษยธรรมหน่อยสิ
เรา : พี่ผิดสัญญาแล้วนะ
ผญ.: ไม่เอาสิคะ ไม่พูดถึงเรื่องนั้น ตอนนี้พี่ยังหาบ้านใหม่ไม่ได้ แล้วคุณจะให้ไปอยู่ไหน คุณให้เวลาพี่หน่อยสิ
(ระหว่างนี้ ผช. ไม่ออกมาหน้าบ้านเลยนะ )
พูดวนกันแบบนี้อยู่นาน จนเราทนไม่ไหวค่ะ เลยด่า (นี่เป็นการด่าครั้งที่1)
เรา : พี่ หนูขอโทษนะ คือหนูจะบอกว่า พี่ด้านมากเลยอ่ะ!!!
ลูกสาวนางคนกลางทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาเรา พี่ชายเราเลยชี้บอกว่า "เด็กไม่เกี่ยวเข้าบ้านไป"
แล้วสักพัก ผช. ก็ออกมา คำตอบของเขาคือ
ผช. : ผมไม่ออก ผมไม่คุย คุณไปคุยกับทนายผมเลย ถ้าจะให้ผมออกคุณก็ไปฟ้องศาลสิ
#สรุปคือ เขาไม่ออก ไม่เจรจา ไม่ทำสัญญาใหม่ ไม่จ่าย และท้าเอาหมายศาล
พี่ชายเราถามว่า ก่อนหน้านี้อยู่ไหน ผญ.บอกว่าเดิมอยู่เป็นกงสี รวมๆกับญาติ
วันนี้เราบอกว่ามีคนอื่นจะมาเช่าแล้ว เซ็นสัญญาแล้ว (เราโกหกเพื่อให้เขาย้ายออก) เราถามเขาว่า "คุณจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เราผิดสัญญาเหรอ" เขาบอกเราว่าให้เราเอาสัญญามาให้เขาดูสิ (คือกงการอะไรล่ะ คุณมีสิทธิ์อะไร ใช่มั้ย??) แล้วบอกเราว่าจะออกวันที่ 20 พ.ย. เพราะจะไปทำสัญญากับเจ้าของบ้าน โอนตังค์ไปให้เจ้าของบ้านใหม่แล้ว (รู้ว่าโกหก แต่ไม่ใช่กงการอะไรที่เราจะขอดูหลักฐานการโอนเงิน)
พี่ชายเราคุยกับทนายของคนเช่า ทนายบอกว่า ให้เราอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเขาก็ไปเอง และเล่าว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ทนายไม่มาเซ็นค้ำประกันให้ ว่าเขาจะออกวันที่ 20 พ.ย. เพราะเคยเซ็นค้ำประกันมาแล้ว ตอนที่บ้านของพวกเขาถูกยึดและขายทอดตลาด เมื่อมีคนซื้อบ้านเขาต่อจากธนาคาร พวกเขาก็ไม่ยอมย้ายออก จนต้องไปเซ็นรับรองให้ พอถึงเวลาต้องย้ายก็ไม่ออกอีก (ตกลงเรื่องบ้านเขานี่ไม่ตรงกับที่เขาเล่าเลย)
เราไปที่ สน. อีกครั้ง แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้แจ้งความด้วยประโยคเดิมๆ
วันที่ 7 พ.ย. 58 ทนายส่งโนติสไป (แต่ในเอกสารทนานลงวันที่ผิดเป็น ต.ค. 58) เขาก็ไม่ออก
ก่อนวันที่ 20 เราโทรหาทนายของเขา บอกให้คุยกับคนเช่าให้ออกไปซะ ถ้าไปภายในวันที่ 20 นี้ เราจะไม่ฟ้อง จะถือว่าปล่อยเจ้ากรรมนายเวร ทนายคนเช่าตอบเรากลับมาว่า
ทนายคนเช่า : ผมบอกคุณแล้วว่าอย่าฟ้อง อย่าไปทำอะไร ให้อยู่เฉยๆ เดี๋ยวเขาก็ไปเอง นี่คุณไปยื่นโนติส ก็เข้าทางเขาสิ ถ้าคุณฟ้องเขา ผมก็ต้องช่วยเขาเพราะเป็นญาติกัน
เรา : รู้ว่าสัญญาเราอ่อน เพราะไม่คิดว่าจะเจอคนชั่วๆแบบนี้ (นี่เป็นการด่าครั้งที่2)
วันที่20 พ.ย. เราโทรไปหา ผญ.
เรา : วันที่20 จะไปตรวจบ้านนะ (เสียงแข็ง)
ผญ.: พูดดีๆสิค่ะ
เรา : กับคนแบบคุณชั้นพูดได้ดีที่สุดแค่นี้
ผญ.: งั้นพี่รอหมายศาลค่ะ
แล้วก็วางหูไป
ระหว่างนี้เราได้คุยเรื่องตำแหน่งงานที่ ตจว. ซึ่งมีแล้ว แค่ให้เราไปสอบเพิ่มเติม แต่เราต้องปล่อยตำแหน่งนี้ไป เพราะต้องสู้เรื่องบ้าน
ตอนนี้เราอยากได้บ้านเราคืนมาก เพราะจะย้ายกลับมาอยู่ เพราะแม่เราก็ไม่สะดวกเรื่องที่อยู่ตอนนี้ เข่าแม่ไม่ดี เดินขึ้นชั้นสองบ่อยๆก็ไม่ได้ เราตัดสินใจพาลูกกับแม่ ไปฝากไว้บ้านญาติที่ชลบุรี ร้องไห้คิดถึงลูกทุกคืน บางวันเลิกงาน 2 ทุ่ม ขอให้แฟนขับรถพาไปหาลูกที่ชลบุรี เพื่อไปนั่งมองหน้าลูกตอนหลับ ได้หอมสักสิบฟอด แล้วขับรถกลับมากรุงเทพ ทำแบบนี้เกือบทุกวัน บ่อยมาก แต่ลูกไม่ได้ตื่นมาเห็นว่าพ่อกับแม่มาหาแล้วนะ วันไหนหยุดงานถึงได้ไปอยู่กับลูก ตอนนั้นลูกเราแค่ 4 เดือนเอง เราต้องกลั้นใจหยุดให้ลูกเข้าเต้า เพราะถ้าลูกติด จะลำบากลูกมากกว่านี้
วันที่ 27 พ.ย. 58 ทนายของเรายื่นฟ้อง และศาลนัดไต่สวน 16 พ.ค. 59 หลังไต่สวน ณ วันนี้เรายังพยายามตามเรื่องพิมพ์คำตัดสิน ยังไม่ได้ วันนี้ 28 มิ.ย. 59 เราไปหาเจ้าหน้าที่ ได้คำตอบว่า พิมพ์แล้ว แต่มีการแก้ไข พิมพ์ใหม่ยังไม่เสร็จ เราถามว่าจะได้เมื่อไหร่ จนท.บอกน่าจะอาทิตย์หน้า (เราไปทำเรื่องคัดคำตัดสินตั้งแต่ 8 มิ.ย. และโทรตามประมาน 4-5 ครั้งแล้ว)
และวันนี้ 12 ก.ค.59 เกือบ 2 เดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้ค่ะ *เราไม่รู้จริงๆว่า ปกติใช้เวลานานขนาดไหน
ระหว่างส่งฟ้อง เราดำเนินเรื่องดังนี้
1.ไปไฟฟ้า ทำเอกสารเรื่องขอยกเลิกหม้อไฟ และทนายได้แฟกซ์หมายฟ้องส่งตามไปให้การไฟฟ้าต่อมามีจนท.แจ้งมาว่ายกเลิกไม่ได้ เพราะมีคนอยู่อาศัย และจะขอเจรจากับคนเช่า เราก็ให้เบอร์ติดต่อคนเช่าไป (วันที่ไปทำเรื่องเราเป็นไข้เลือดออก แต่แอดมิทไม่ได้ ต้องเอาบ้านคืน แต่ต้องไปเจาะเลือดตรวจทุกวัน ส่วนแฟนเราแอดมิทแล้ว เพราะเกร็ดเลือดต่ำเหลือหกหมื่น) แล้วเราก็รอ พยายามติดต่อไปที่หัวหน้าส่วนงานนั้นหลายครั้ง แต่ไม่ได้คุย จนครั้งสุดท้ายได้คุย เขาบอกเราว่า ยกหม้อไฟไม่ได้ และให้คนเช่ามาทำสัญญาวางเงินประกันไว้ 2000 (คืองงกะกฎหมายมากอ่ะ)
2.ทำเรื่องยกเลิกมิเตอร์น้ำ สรุปก็ไม่ได้ แต่จนท.น้ำดีมาก พยายามช่วย และโทรติดต่อมาตลอด
3.มีพี่คนนึงแนะนำให้ติดต่อสส.ท่านหนึ่ง ให้เขาช่วยพูด เราก็ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แถมไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่เขาด้วย แต่มันจนหนทางแล้ว ลองดูก็ได้ จะสังกัดพรรคไหนก็ช่างเถอะ ลองดู เราเลยโทรไปหา สส. เขาก็ช่วยทันที ต่อสายไปถึงทนายคนเช่า #ทนายบอก สส.ว่า ที่ไม่ออกเพราะเราไปท้าทายเค้า โดยการไปตัดน้ำตัดไฟ เค้าโมโหเลยไม่ออก และเราไปด่าเค้า (คือด่าแค่สองประโยคนี้น้อยไปป่ะ???
แล้ว สส.ก็โทรไปหาคนเช่าผญ. นางบอกว่าจะคุยกับสามีก่อน
เราเลยมาคิดดูว่า ถ้าเจรจาแล้วยอมความ พวกเขาก็ไม่ได้รับบทเรียนเลย ไหนๆก็รอมาขนาดนี้แล้ว เลยบอกสส.ว่าไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องเจรจาแล้ว จะต่อสู้ทางกฎหมาย
4. เราให้ทนายเราโทรไปครั้งนึง เขาก็ไม่เจรจา
ระหว่างนี้ ตอนสิ้นปี 58 แม่เราจำเป็นต้องกลับบ้าน ตจว. เราไม่สามารถให้แม่เอาลูกเราลงไปด้วยได้ เพราะสุขภาพแม่เราก็ไม่ได้แข็งแรงนัก บ้านตจว.ก็ไกลโรงพยาบาล และที่สำคัญเราจะไม่ยอมห่างลูกขนาดนั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราต้องช่วยลูกได้ทัน และลูกต้องการความอบอุ่นจากแม่ เราต้องหาคนเลี้ยงลูกเร่งด่วน ตอนนั้นหาไม่ได้ ไม่ลงตัว เราคุยกับหัวหน้าเราว่า เราอาจจะต้องออกจากงาน เพื่อเลี้ยงลูก เครียดร้องไห้อยู่หลายวัน ยอมตกงานก็ได้ แต่ไม่ยอมห่างลูก แต่โชคดีที่โทรไปร้องไห้กับพี่คนหนึ่ง เลยได้พี่สาวเค้ามาเลี้ยงลูกให้ในวันที่เราทำงาน แต่บ้านคนเลี้ยงไกลจากบ้านที่เราอยู่ประมาน 30กม. วันที่เราทำงานเราต้องเอาลูกไว้กับคนเลี้ยง วันหยุดถึงรับลูกลับมา คนที่เลี้ยงรักลูกเรามาก แต่พอลูกเริ่มรู้เรื่องมากขึ้น ก็เริ่มมีอาการนอนร้องไห้ตอนกลางคืน บางคืนเหมือนอยู่ในภวังแล้วก็ร้องไห้สะอื้น เราต้องกอดลูกไว้ ปลอบลูกว่าแม่อยู่นี่นะ ได้แต่น้ำตาไหลขอโทษลูกที่ไม่สามารถนอนกอดลูกได้ทุกคืน เป็นแบบนี้อยู่หลายเดือน แต่เวลาที่เค้าตื่นเค้าร่าเริงมาก ตอนนี้รู้เรื่องมากขึ้น พอต้องเปลี่ยนที่อยู่ที พอไปส่งที ก็ทำหน้าหงอยๆ
สภาพจิตใจลูกเรา สองผัวเมียนี้จะชดใช้ยังไงก็ไม่หมด
ทุกวันนี้ครอบครัวนี้ยังอาศัยอยู่ในบ้านเรา ม.พิศาลลาดกระบัง เราใช้กฎหมายสู้กับคนขี้โกงมาสิบเดือน และถ้าบ้านเราชำรุดเสียหาย เราจะสู้อีกรอบ ให้ถึงที่สุด เช็คล่าสุดค้างค่าไฟฟ้าไว้เกือบเจ็ดพัน ไฟฟ้าไม่สามารถตัดไฟได้ ก็แปลกนะตาสีตาสาค้างหลักร้อยยังตัดได้ เราจะรอวันที่กฎหมายไทยจะช่วยเราให้ได้บ้านคืน
ข้อมูลนี้เผื่อผัวเมียคู่นี้ไปเช่าบ้านคนอื่น ตรวจสอบดูนะคะ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนแบบเรา (ต้องบอกแบบกลัวๆ พรบ.คอมฯ)
1.ผช. ชื่อขึ้นต้นด้วย ช. นามสกุลขึ้นต้นด้วย ม.
เลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 22
2.ผญ. ชื่อขึ้นต้นด้วย ช. นามสกุลขึ้นต้นด้วย ร.
เลขบัตรประชาชนลงท้ายด้วย 96
3.สามารถเอาชื่อสองคนนี้ไปเช็คที่ศาลมีนบุรี และศาลสมุทรปราการค่ะ
*ได้แต่หวังว่าจะได้บ้านคืนก่อนวันเกิดลูกชาย ส.ค.นี้ เป็นของขวัญครบขวบให้ลูกชาย*