Day 1: เหินฟ้าจากกรุงเทพ สู่โตเกียว
:
http://ppantip.com/topic/35136426
Day 2: Tokyo Disneyland:
http://ppantip.com/topic/35140709
Day 4: Cup Noodle Museum Yokohama:
http://ppantip.com/topic/35376458
Day 5: One fine day in Kawaguchiko:
http://ppantip.com/topic/35380472
Day 6: Kawagoe/ Sensoji Temple:
http://ppantip.com/topic/35401444
Day 7: Ueno/ สนามบินนาริตะ:
http://ppantip.com/topic/35402046
สวัสดีค่ะทุกคน ขอโทษที่กว่าจะมาเขียนต่อได้ หายไปนานพอสมควร งานเยอะมากค่ะ
มาต่อกันดีกว่าค่ะ สำหรับวันที่ 3 ทริปเราจะไปที่ Ghibli Museum และ Fujio F Fujio Museum กันนะคะ การที่จะไป 2 museum นี้ เราต้องไปซื้อตั๋วที่ Lawson ก่อนนะคะ เข้าไปในร้าน Lawson แล้วมองหาตู้สีแดงๆ เรียกว่าตู้ Loppi หน้าตาแบบนี้ค่ะ
วิธีการซื้อตั๋วขั้นตอนแรกก็ ให้เลือกสถานที่ที่ต้องการจะไป สำหรับพิพิธภัณฑ์โดราเอมอน ให้เลือกไอคอนสีฟ้าที่มีรูปสัญลักษณ์ ‘F’ ส่วนพิพิธภัณฑ์จิบลิ เลือกไอคอนสีเขียวที่มีรูปสัญลักษณ์ ‘บ้าน’
สำหรับพิพิธภัณฑ์โดราเอมอน จะมีสินค้าอื่นให้จองด้วย โดยตั๋วพิพิธภัณฑ์อาจจะตกไปอยู่ที่หน้า 2 ให้เลื่อนหาจนกว่าจะเจอกล่องสีน้ำเงิน เขียนว่า ローソンチケット (Lawson Ticket) ซึ่งในภาพนี้จะเห็นว่ามี 2 กล่อง มีให้เลือก 2 เดือนนะคะ (สมมุติว่าเดือนนี้เป็นเดือน 9 เราสามารถจองเดือนได้เลย ส่วนที่โชว์เดือน 10 ด้วย เพราะ museum นี้สามารถจองล่วงหน้าได้ 1 เดือนค่ะ) เราก็เลือกเดือนที่เราจะไปกันนะคะ
พอเลือกเดือนเข้ามาแล้ว ให้เลือกวันที่ต้องการจะเดินทางไป
หลังจากนั้นให้เลือกช่วงเวลา โดยในแต่ละวันจะแบ่งออกเป็น 4 รอบคือ 10.00/12.00/14.00/16.00 เวลาเหมือนกันทั้ง 2 ที่เลยนะคะ ถ้าใครจะไป 2 museum นี้ในวันเดียวเหมือนเรา คำนวณเวลาดีๆนะคะ เพราะพลาดแล้วพลาดเลยน้าาาาา
เมื่อวันที่ เดือน และ เวลาแล้ว หน้าจอจะขึ้นแสดงผลมาให้ 1 ครั้งก่อนกดปุ่มเพื่อทำการคอนเฟิร์ม
เลือกจำนวนตั๋ว โดยราคา 1,000 เยนจะเป็นราคาของผูใหญ่ และลดหลั่นลงไปตามลำดับ เด็กโต (3 ขวบขึ้นไป) และ เด็กเล็ก (ไม่เกิน 3 ขวบ) เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้กดปุ่มสีส้มมุมล่างขวาเพื่อทำการจอง
สำหรับสมาชิกของบัตรสสมคะแนน Ponta รวมไปถึงบัตรเครดิตต่างๆ ถ้ามีให้กดเลือก ปุ่มขวา ‘はい’ แต่เราเป็นต่างชาติ ไม่มีก็ข้ามไปเลย ให้กดปุ่มซ้าย ‘いいえ’
พอหน้าถัดไปจะต้องใส่ชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็มั่วไปค่ะ ใส่ซัก 3 ตัวแล้วเว้นวรรคแล้วก็ใส่อีกซัก 2-3 ตัวก็พอ ใส่แค่ช่องบนอย่างเดียวพอ อิอิ
หลังจากนั้นให้ใส่เบอร์โทรศัพท์ ใส่เบอร์ไทยไปก็ได้ค่ะ ของญี่ปุ่นจะขึ้นด้วย 03 เบอร์โทรประเทศเราจะขึ้นต้นด้วย 08 เราก็เปลิ่ยนจาก 08 เป็น 03 และตามด้วยเบอร์โทรของเราเนียนๆไปเนอะ
หลังจากนั้นระบบจะขึ้นสรุปข้อมูลทุกอย่างที่เราใส่ไป ก่อนทำการกดปุ่ม ‘確認する’ คอนเฟิร์มที่มุมขวาล่าง โดยหลังจากคอนเฟิร์มแล้วจะไม่มีสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทั้งสิ้น
เครื่องจะปรินท์สลิปออกมาให้ และให้นำไปจ่ายที่เคาเตอร์แคชเชียร์ของ Lawson ภายใน 30 นาทีนะคะ
PS. ตู้ loppi นี้ตอนนี้น่าจะมีภาษาอังกฤษแล้ว อันนี้เอามาให้คราวๆนะคะ ถ้าผิดพลาดขออภัยด้วยค่ะ
ทุกอย่างพอละ เราไปกันเลยดีกว่า ที่แรกที่เราจะไปก็คือ Ghibli Museum เราขึ้นรถไฟจาก Ikebukuro ไปลงที่ Mitaka Station
จากนั้นก็เดินมาตรงป้ายรถเมล์ที่อยู่ใกล้ๆค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ มีป้ายบอกทางอยู่แล้วค่ะ
เมื่อมาถึงป้ายรถเมล์จะเห็นตู้ซื้อตั๋วรถเมล์ สำหรับใครที่ไม่มี Suica ก็สามารถซื้อตั๋วได้จากตู้นี้นะคะ
รถของ museum มารับแล้วค่ะ น่ารักมั้ย อิอิ
เข้าคิวขึ้นรถกันได้เลยค่ะ
ไม่ต้องกลัวว่าจะลงไม่ถูกนะคะ มีภาษาอังกฤษโชวืที่หน้าจอค่ะ
ภายในรถ
มาถึงแล้ว เราสามรถบรรยากาศรอบ museum ได้นะคะ แต่ด้านในไม่สามารถถ่ายรูปค่ะ สามารถถ่ายได้จาก rooftop เมื่อชมด้านในเรียบร้อยแล้วนะคะ
หลังจากยื่นตั๋วเข้าพร้อมได้รับคำเตือนจากพนักงานว่าห้ามถ่ายรูปภายในพิพิธภัณฑ์ ก็ได้รับแผ่นฟิล์มมา 1 ใบ ใช้สำหรับเข้าชมภาพยนต์ของจิบลิที่ไม่มีเผยแพร่ข้างนอกและDVD พอดูหนังจบก็เดินมาอีกโซนนึง เป็นโซนจัดแสดงโมเดล และการสร้างอนิเมชันจากโมเดล ซึ่งสุดยอดมากๆ อยากถ่ายรูปมากแต่เขาไม่ให้เศร้าแท้!!!!
เมื่อขึ้นไปชั้น 2 จะเป็นการรวมภาพการทำงานของสตูดิโอจิบลิที่น่าสนใจมาก ที่ผนังจะเต็มไปด้วยภาพการออกแบบตัวละคร สถานที่ในเรื่องต่างๆ มีการจำลองการทำงานของของอนิเมเตอร์ จำพวกการลงสีแผ่นเซลล์ การเลือกสีที่มีเบอร์มากมาย มีโต๊ะทำงานของลุงมิยาซากิด้วยนะ มีพวกอุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะด้วย(ของจริงมั้ย? ไม่รู้....
) นอกจากนั้นก็เป็นการทำงานของอนิเมชั่น มีให้ไปหมุนฟิล์มให้เปิดภาพเคลื่อนไหว มีเด็กเยอะไปหมด ไปวันธรรมดายังคนเยอะเลย เหอๆ ไม่รอไปต่อดีกว่า
ชั้น3 จะมีร้านขายของฝาก แต่ราคาก็ไม่ธรรมดาเช่นกานนน เหอๆ ซื้อทีตัวเบาเลย อิอิ
นอกจากร้านขายของฝากแล้ว ยังมีโซนสำหรับเด็กเล่นด้วยนะคะ มีตุ๊กตารถเมล์แมวไซส์จับโบ้ ไว้ให้เด็กๆวิ่งเข้าวิ่งออก ดูเด็กๆจะชอบกันมาเลยทีเดียว พอออกมาอีกด้านนึง จะเป็นทางออกสู่ด้านนอก เพื่อขึ้นไปชมวิวบน rooftop เราก็จะสามารถถ่ายรูปได้ละ
เดินขึ้นไปกันเลยค่ะ
ดูทางขึ้นสวยมะ
มาส่องวิวกันหน่อย สวยมั้ย
พอขึ้นมาบนดาดฟ้าเราจะเจอกับมีหุ่นรบจากลาพิวต้าตั้งตระหง่านรอรับนักท่องเที่ยวให้มาถ่ายรูปด้วย
เดินเข้าไปตามทางจะเจอกับแท่นหินสลักจากลาพิวต้าเช่นกัน
เมื่อเราเดินกันอย่างจุใจละไปหาอะไรทานกันค่ะ ที่นี่มี museum น่ารักตั้งอยู่ข้างๆ
แต่เนื่องจากว่าคิวเยอะเวอร์ เราเลยจัดแค่ hotdog กันนิดหน่อยแล้วไปกันต่อค่าาา
สำหรับขากลับใครขี้เกียจเดินก็นั่งรถของ museum กลับไปที่ Mitaka Station ได้นะคะ แต่อยากชมบรรยากาศรอบๆเราก็เลยตัดสวนสาธารณะไปเรื่อยๆ อากาศดีมากค่ะ สามารถเดินไปขึ้นรถไฟที่ Kichijoji Station ได้นะคะ
พอเดินมาซักพักเราก็ได้เจอร้าน coffee shop อยู่ร้านนึง จำได้ว่าเคยออกรายการ มาจิเด๊ะเจแปน ร้านของจริงน่ารักมากค่ะ
บรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่นดีค่ะ พนักงานน่ารัก ขนมก็อร่อยนะ อิอิ
มีเมนูให้เลือกเพียบ น่ากินทั้งนั้นเลย
เอามายั่วซะหน่อย อิอิ
หลังจากอิ่มหน่ำสำราญ ถึงเวลาเดินย่อยค่ะ อิอิ เราจะไปเที่ยวอีก museum นึงนั่นก็คือ Fujio F Fujio Museum หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ พิพิธภัณฑ์โดราเอมอนนั่นเอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองคาวาซากิ (Kawasaki City) จาก Kichijoji stationไปลงที่ Noborito ที่นี่ก็จะเหมือนกับ Ghibli Museum นั่นก็คือ จะมีรถของ museum มารอรับนะคะ แต่ถ้าขยันเดิน แนะนำให้ไปลงสถานี Mukougaoka Yuen หรือสถานี Shuku-Gawara และเดินไปประมาณ 15นาทีคะ
เมื่อมาถึง museum เราต้องเอาตั๋วที่เราซื้อมาจาก Lawson มายื่นที่ Counter พนักงานจะเปลิ่ยนเป็นตั๋วภาพยนต์ และโปรชัวร์ให้นะคะ โปรชัวร์จะมีภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ และจีนให้คะ มีAudio Guideให้ฟังด้วยนะคะ [cente
[CR] เที่ยวญี่ปุ่น 7 วัน 6 คืน Day 3: Ghibli Museum & Fujio F Fujio Museum
Day 2: Tokyo Disneyland: http://ppantip.com/topic/35140709
Day 4: Cup Noodle Museum Yokohama: http://ppantip.com/topic/35376458
Day 5: One fine day in Kawaguchiko: http://ppantip.com/topic/35380472
Day 6: Kawagoe/ Sensoji Temple: http://ppantip.com/topic/35401444
Day 7: Ueno/ สนามบินนาริตะ: http://ppantip.com/topic/35402046
สวัสดีค่ะทุกคน ขอโทษที่กว่าจะมาเขียนต่อได้ หายไปนานพอสมควร งานเยอะมากค่ะ มาต่อกันดีกว่าค่ะ สำหรับวันที่ 3 ทริปเราจะไปที่ Ghibli Museum และ Fujio F Fujio Museum กันนะคะ การที่จะไป 2 museum นี้ เราต้องไปซื้อตั๋วที่ Lawson ก่อนนะคะ เข้าไปในร้าน Lawson แล้วมองหาตู้สีแดงๆ เรียกว่าตู้ Loppi หน้าตาแบบนี้ค่ะ วิธีการซื้อตั๋วขั้นตอนแรกก็ ให้เลือกสถานที่ที่ต้องการจะไป สำหรับพิพิธภัณฑ์โดราเอมอน ให้เลือกไอคอนสีฟ้าที่มีรูปสัญลักษณ์ ‘F’ ส่วนพิพิธภัณฑ์จิบลิ เลือกไอคอนสีเขียวที่มีรูปสัญลักษณ์ ‘บ้าน’ สำหรับพิพิธภัณฑ์โดราเอมอน จะมีสินค้าอื่นให้จองด้วย โดยตั๋วพิพิธภัณฑ์อาจจะตกไปอยู่ที่หน้า 2 ให้เลื่อนหาจนกว่าจะเจอกล่องสีน้ำเงิน เขียนว่า ローソンチケット (Lawson Ticket) ซึ่งในภาพนี้จะเห็นว่ามี 2 กล่อง มีให้เลือก 2 เดือนนะคะ (สมมุติว่าเดือนนี้เป็นเดือน 9 เราสามารถจองเดือนได้เลย ส่วนที่โชว์เดือน 10 ด้วย เพราะ museum นี้สามารถจองล่วงหน้าได้ 1 เดือนค่ะ) เราก็เลือกเดือนที่เราจะไปกันนะคะ พอเลือกเดือนเข้ามาแล้ว ให้เลือกวันที่ต้องการจะเดินทางไป หลังจากนั้นให้เลือกช่วงเวลา โดยในแต่ละวันจะแบ่งออกเป็น 4 รอบคือ 10.00/12.00/14.00/16.00 เวลาเหมือนกันทั้ง 2 ที่เลยนะคะ ถ้าใครจะไป 2 museum นี้ในวันเดียวเหมือนเรา คำนวณเวลาดีๆนะคะ เพราะพลาดแล้วพลาดเลยน้าาาาา เมื่อวันที่ เดือน และ เวลาแล้ว หน้าจอจะขึ้นแสดงผลมาให้ 1 ครั้งก่อนกดปุ่มเพื่อทำการคอนเฟิร์ม เลือกจำนวนตั๋ว โดยราคา 1,000 เยนจะเป็นราคาของผูใหญ่ และลดหลั่นลงไปตามลำดับ เด็กโต (3 ขวบขึ้นไป) และ เด็กเล็ก (ไม่เกิน 3 ขวบ) เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้กดปุ่มสีส้มมุมล่างขวาเพื่อทำการจอง สำหรับสมาชิกของบัตรสสมคะแนน Ponta รวมไปถึงบัตรเครดิตต่างๆ ถ้ามีให้กดเลือก ปุ่มขวา ‘はい’ แต่เราเป็นต่างชาติ ไม่มีก็ข้ามไปเลย ให้กดปุ่มซ้าย ‘いいえ’ พอหน้าถัดไปจะต้องใส่ชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็มั่วไปค่ะ ใส่ซัก 3 ตัวแล้วเว้นวรรคแล้วก็ใส่อีกซัก 2-3 ตัวก็พอ ใส่แค่ช่องบนอย่างเดียวพอ อิอิ หลังจากนั้นให้ใส่เบอร์โทรศัพท์ ใส่เบอร์ไทยไปก็ได้ค่ะ ของญี่ปุ่นจะขึ้นด้วย 03 เบอร์โทรประเทศเราจะขึ้นต้นด้วย 08 เราก็เปลิ่ยนจาก 08 เป็น 03 และตามด้วยเบอร์โทรของเราเนียนๆไปเนอะ หลังจากนั้นระบบจะขึ้นสรุปข้อมูลทุกอย่างที่เราใส่ไป ก่อนทำการกดปุ่ม ‘確認する’ คอนเฟิร์มที่มุมขวาล่าง โดยหลังจากคอนเฟิร์มแล้วจะไม่มีสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทั้งสิ้น เครื่องจะปรินท์สลิปออกมาให้ และให้นำไปจ่ายที่เคาเตอร์แคชเชียร์ของ Lawson ภายใน 30 นาทีนะคะ PS. ตู้ loppi นี้ตอนนี้น่าจะมีภาษาอังกฤษแล้ว อันนี้เอามาให้คราวๆนะคะ ถ้าผิดพลาดขออภัยด้วยค่ะ
ทุกอย่างพอละ เราไปกันเลยดีกว่า ที่แรกที่เราจะไปก็คือ Ghibli Museum เราขึ้นรถไฟจาก Ikebukuro ไปลงที่ Mitaka Station จากนั้นก็เดินมาตรงป้ายรถเมล์ที่อยู่ใกล้ๆค่ะ ไม่ต้องกลัวหลงนะคะ มีป้ายบอกทางอยู่แล้วค่ะ เมื่อมาถึงป้ายรถเมล์จะเห็นตู้ซื้อตั๋วรถเมล์ สำหรับใครที่ไม่มี Suica ก็สามารถซื้อตั๋วได้จากตู้นี้นะคะ รถของ museum มารับแล้วค่ะ น่ารักมั้ย อิอิ เข้าคิวขึ้นรถกันได้เลยค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะลงไม่ถูกนะคะ มีภาษาอังกฤษโชวืที่หน้าจอค่ะ ภายในรถ มาถึงแล้ว เราสามรถบรรยากาศรอบ museum ได้นะคะ แต่ด้านในไม่สามารถถ่ายรูปค่ะ สามารถถ่ายได้จาก rooftop เมื่อชมด้านในเรียบร้อยแล้วนะคะ หลังจากยื่นตั๋วเข้าพร้อมได้รับคำเตือนจากพนักงานว่าห้ามถ่ายรูปภายในพิพิธภัณฑ์ ก็ได้รับแผ่นฟิล์มมา 1 ใบ ใช้สำหรับเข้าชมภาพยนต์ของจิบลิที่ไม่มีเผยแพร่ข้างนอกและDVD พอดูหนังจบก็เดินมาอีกโซนนึง เป็นโซนจัดแสดงโมเดล และการสร้างอนิเมชันจากโมเดล ซึ่งสุดยอดมากๆ อยากถ่ายรูปมากแต่เขาไม่ให้เศร้าแท้!!!!
เมื่อขึ้นไปชั้น 2 จะเป็นการรวมภาพการทำงานของสตูดิโอจิบลิที่น่าสนใจมาก ที่ผนังจะเต็มไปด้วยภาพการออกแบบตัวละคร สถานที่ในเรื่องต่างๆ มีการจำลองการทำงานของของอนิเมเตอร์ จำพวกการลงสีแผ่นเซลล์ การเลือกสีที่มีเบอร์มากมาย มีโต๊ะทำงานของลุงมิยาซากิด้วยนะ มีพวกอุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะด้วย(ของจริงมั้ย? ไม่รู้....) นอกจากนั้นก็เป็นการทำงานของอนิเมชั่น มีให้ไปหมุนฟิล์มให้เปิดภาพเคลื่อนไหว มีเด็กเยอะไปหมด ไปวันธรรมดายังคนเยอะเลย เหอๆ ไม่รอไปต่อดีกว่า
ชั้น3 จะมีร้านขายของฝาก แต่ราคาก็ไม่ธรรมดาเช่นกานนน เหอๆ ซื้อทีตัวเบาเลย อิอิ นอกจากร้านขายของฝากแล้ว ยังมีโซนสำหรับเด็กเล่นด้วยนะคะ มีตุ๊กตารถเมล์แมวไซส์จับโบ้ ไว้ให้เด็กๆวิ่งเข้าวิ่งออก ดูเด็กๆจะชอบกันมาเลยทีเดียว พอออกมาอีกด้านนึง จะเป็นทางออกสู่ด้านนอก เพื่อขึ้นไปชมวิวบน rooftop เราก็จะสามารถถ่ายรูปได้ละ เดินขึ้นไปกันเลยค่ะ ดูทางขึ้นสวยมะ มาส่องวิวกันหน่อย สวยมั้ย พอขึ้นมาบนดาดฟ้าเราจะเจอกับมีหุ่นรบจากลาพิวต้าตั้งตระหง่านรอรับนักท่องเที่ยวให้มาถ่ายรูปด้วย เดินเข้าไปตามทางจะเจอกับแท่นหินสลักจากลาพิวต้าเช่นกัน เมื่อเราเดินกันอย่างจุใจละไปหาอะไรทานกันค่ะ ที่นี่มี museum น่ารักตั้งอยู่ข้างๆ แต่เนื่องจากว่าคิวเยอะเวอร์ เราเลยจัดแค่ hotdog กันนิดหน่อยแล้วไปกันต่อค่าาา สำหรับขากลับใครขี้เกียจเดินก็นั่งรถของ museum กลับไปที่ Mitaka Station ได้นะคะ แต่อยากชมบรรยากาศรอบๆเราก็เลยตัดสวนสาธารณะไปเรื่อยๆ อากาศดีมากค่ะ สามารถเดินไปขึ้นรถไฟที่ Kichijoji Station ได้นะคะ พอเดินมาซักพักเราก็ได้เจอร้าน coffee shop อยู่ร้านนึง จำได้ว่าเคยออกรายการ มาจิเด๊ะเจแปน ร้านของจริงน่ารักมากค่ะ บรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่นดีค่ะ พนักงานน่ารัก ขนมก็อร่อยนะ อิอิ มีเมนูให้เลือกเพียบ น่ากินทั้งนั้นเลย เอามายั่วซะหน่อย อิอิ หลังจากอิ่มหน่ำสำราญ ถึงเวลาเดินย่อยค่ะ อิอิ เราจะไปเที่ยวอีก museum นึงนั่นก็คือ Fujio F Fujio Museum หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ พิพิธภัณฑ์โดราเอมอนนั่นเอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองคาวาซากิ (Kawasaki City) จาก Kichijoji stationไปลงที่ Noborito ที่นี่ก็จะเหมือนกับ Ghibli Museum นั่นก็คือ จะมีรถของ museum มารอรับนะคะ แต่ถ้าขยันเดิน แนะนำให้ไปลงสถานี Mukougaoka Yuen หรือสถานี Shuku-Gawara และเดินไปประมาณ 15นาทีคะ เมื่อมาถึง museum เราต้องเอาตั๋วที่เราซื้อมาจาก Lawson มายื่นที่ Counter พนักงานจะเปลิ่ยนเป็นตั๋วภาพยนต์ และโปรชัวร์ให้นะคะ โปรชัวร์จะมีภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ และจีนให้คะ มีAudio Guideให้ฟังด้วยนะคะ [cente