ผมชอบใช้วิธีสะกดจิตตัวเองอย่างหนึ่งในช่วงหลัง พอจะทราบไหมครับว่าคืออะไร ....
https://www.facebook.com/guessingstock/posts/1024938747541598
คนเรามักจะหลอนกับราคารายวันหุ้นขึ้นลงใช่ไหมครับ แต่เราก็มีราคาเป้าหมายในใจ บางครั้งเราศึกษามาดีอยากจะถือเอาปันผล แล้วให้กิจการโตไป 3 ปี สุดท้ายหุ้นขึ้นไป 200% แต่สุดท้ายระหว่างทางเจอพายุราคา ทั้ง FED ขึ้นดอก จีนจะไม่โต ญี่ปุ่นเงินเยนแข็งค่า Brexit กีดกันการค้า และต่างๆนานา จนทำให้หุ้นดีๆอยู่กับคนโง่ๆ คนที่ใจโลเลอย่างเราได้ไม่นาน สุดท้ายก็พลาดที่จะถือหุ้นดีๆ แต่พอหันไปมองหุ้นตัวเองกลายเป็นแดงติดดอยทั้งพอร์ทเลย แล้วก็ปลอบกับตัวเองว่าซักวันเดี๋ยวมันก็ขึ้นมา เป็นอย่างนี้เยอะ แล้วพอมันขึ้นดีใจไม่ขาย สุดท้ายมาไม่ถึงทุน ถือต่อยาวไปอีกปีก็คงไม่เป็นไร สามปีผ่านมาก็ยังไม่ถึงทุนได้แค่เสียว .... (ถ้าพี่จะเอาอย่างนั้นจริงๆ เอาเงินไปทำอย่างอื่นได้เสียวกว่าเยอะครับไม่ทรมานด้วย)
วิธีที่ผมใช้คือเปลี่ยนต้นทุนทันทีที่ซื้อหุ้น โดยเพื่อนๆทราบกันไหมครับว่าเราสามารถเปลี่ยนราคาต้นทุนหุ้นในพอร์ทได้เพียงแค่แจ้งมาร์เก็ตติ้งให้จัดการให้ก็เรียบร้อยแล้ว (ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันยังทำได้ไหม อันนี้คือทำเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ลอง inbox ถาม Pierh Tanun มาร์เทพแห่ง asp ดูนะครับ) โดยหุ้นที่เปลี่ยนครั้งสุดท้ายคือหุ้นโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตอนที่ซื้อนั้นเล่นอยู่คนเดียวเลย ไม่มีคนสนใจ พอหุ้นลงเพื่อนก็ทิ้งหมด แถมด่าด้วยว่าหุ้นห่วย ตอนนั้นคาดว่าราคาหุ้นจะไป 2 เท่าภายใน 3 ปี เลยตั้งราคาเล่นๆไว้สูงกว่าราคาทุนที่ซื้อคือ 4 เท่า สมมติซื้อที่ราคา 1 บาท ก็แก้ราคาเป็น 4 บาท ทำให้ขาดทุนทันทีเละเทะเลยครับตั้งแต่ตอนซื้อ คือขาดทุน -75% และตั้งแต่วันนั้นผ่านมา 4 ปีแล้วถึงวันนี้ ยอดขาดทุนก็ลดลงตามที่ท่านได้เห็นกันนี่แหละครับคืออีก 30% จะถึงทุนที่ผมตั้งบ้าๆไว้คือ 4 เท่าในอนาคต ไม่รู้จะอีกกี่ปีแต่ก็ต้องทนติดดอยต่อไป
ดังนั้นช่วงที่ฝึกจิตพอร์ทของผมเลยกลายเป็นสีแดงทั้งพอร์ทและขาดทุนถึง -50% โดยเฉลี่ย (เลียนแบบคำพูดของบัฟเฟตว่าถ้าคุณทนขาดทุน -50% ไม่ได้ก็อย่ามาลงทุนในตลาดหุ้น) จากวันนั้นมาถึงวันนี้พอร์ทผมก็ได้ลดสัดส่วนการขาดทุนรวมมาเรื่อยๆ จนเมื่อผมเท่าทุนแล้ว ผมก็จะเดินทางมาถึงเป้าหมายทางการเงินของผมที่ตั้งไว้ในลำดับแรก มันอาจจะน้อยนิดเมื่อเทียบกับคนอื่นหรือเซียน เทพ มหาเทพ อะไรอีกมากมายที่ทำกำไรได้ชิวๆวันหละหลายหมื่นหลายแสนทุกวัน แต่ชีวิตผมทุกวันนี้ก็มีความสุขพอในระดับที่ไม่ต้องไปเบียดเบียนใครแล้ว ถึงแม้ความฝันของผมจะสำเร็จไม่ทันเมื่อผมอายุ 30 ปีค่อนข้างจะแน่แล้ว เพราะจากนี้ไปเหลือเวลาอีกแค่ 8 เดือน แต่ชีวิตผมที่เริ่มต้นมาจากเงินเดือนของตัวเอง บวกกับความรู้ที่สะสมมา ก็สามารถทำให้ตัวผมยืนเองได้ และไม่ต้องลำบากที่บ้านสำหรับการตั้งต้นชีวิตเลย ถึงแม้ว่าระหว่างทางจะมีท้อแต่ก็มีแม่ที่คอยให้กำลังใจมาตลอด
ไม่ได้บอกว่าผมเก่งหรืออะไรนะครับ แต่ผมอยากจะบอกว่าถ้าเราสู้ไม่ท้อและถอย สู้ให้มันขาดใจ ยังไงแล้วเราก็จะเห็นทางที่เราสามารถยืนได้ครับ แล้วค่อยๆไต่สูงไปเรื่อยๆ การอยู่ที่ต่ำมันทรมานกว่าจะตั้งตัวขึ้นมาได้ พอตั้งได้แล้วค่อยๆปีนให้สูงขึ้น เดี๋ยวจะค่อยๆสบายๆ แล้วอย่าลืมว่าข้างล่างเป็นอย่างไร โตขึ้นมาแล้วจะได้ไม่ลืมว่าเรานั้นโตมาจากไหนนะครับ และจะได้ปฏิบัติต่อทุกๆคนได้เท่าเทียมกัน อย่าลืมว่าเรามีเขาไม่มีไม่ได้แปลว่าเราจะดีกว่าเขาหรือเราจะไปข่มเหงรังแกคนอื่นได้
ขอให้ทุกคนมีชีวิตที่สู้และตั้งเป้าหมายค่อยๆทีละก้าว และพยายามจะไปให้ถึงนะครับ อย่ารีบ อย่าหาสูตรสำเร็จที่ตายตัว ชีวิตไม่ใช่ข้อสอบหรือสูตรฟิสิกส์ เพราะคุณใช้สูตรถูกคุณก็ไปผิดคำตอบได้เพราะคำตอบดันเปลี่ยนไป สิ่งที่ไม่คาดหวังเกิดขึ้นได้เสมอ เตรียมพร้อมกับทุกความผิดหวังไว้เถอะครับ แล้วลุกขึ้นมาสู้ต่อไป ถ้าชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป แต่ถ้าชีวิตไม่ดิ้นก็คงต้องสิ้นกันไป
นายมั่วหุ้น ณ ยอดดอย
ฝากเพจด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/guessingstock
ปล. ถ้าคนตามเพจผมมานานจะรู้ว่าหุ้นนั้นคือหุ้นอะไรครับ
วิธีสะกดจิตตัวเอง .... ชีวิตผมในตลาดหุ้นที่ขาดทุนย่อยยับ (อยากให้เข้ามาอ่านกันครับ)
https://www.facebook.com/guessingstock/posts/1024938747541598
คนเรามักจะหลอนกับราคารายวันหุ้นขึ้นลงใช่ไหมครับ แต่เราก็มีราคาเป้าหมายในใจ บางครั้งเราศึกษามาดีอยากจะถือเอาปันผล แล้วให้กิจการโตไป 3 ปี สุดท้ายหุ้นขึ้นไป 200% แต่สุดท้ายระหว่างทางเจอพายุราคา ทั้ง FED ขึ้นดอก จีนจะไม่โต ญี่ปุ่นเงินเยนแข็งค่า Brexit กีดกันการค้า และต่างๆนานา จนทำให้หุ้นดีๆอยู่กับคนโง่ๆ คนที่ใจโลเลอย่างเราได้ไม่นาน สุดท้ายก็พลาดที่จะถือหุ้นดีๆ แต่พอหันไปมองหุ้นตัวเองกลายเป็นแดงติดดอยทั้งพอร์ทเลย แล้วก็ปลอบกับตัวเองว่าซักวันเดี๋ยวมันก็ขึ้นมา เป็นอย่างนี้เยอะ แล้วพอมันขึ้นดีใจไม่ขาย สุดท้ายมาไม่ถึงทุน ถือต่อยาวไปอีกปีก็คงไม่เป็นไร สามปีผ่านมาก็ยังไม่ถึงทุนได้แค่เสียว .... (ถ้าพี่จะเอาอย่างนั้นจริงๆ เอาเงินไปทำอย่างอื่นได้เสียวกว่าเยอะครับไม่ทรมานด้วย)
วิธีที่ผมใช้คือเปลี่ยนต้นทุนทันทีที่ซื้อหุ้น โดยเพื่อนๆทราบกันไหมครับว่าเราสามารถเปลี่ยนราคาต้นทุนหุ้นในพอร์ทได้เพียงแค่แจ้งมาร์เก็ตติ้งให้จัดการให้ก็เรียบร้อยแล้ว (ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันยังทำได้ไหม อันนี้คือทำเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ลอง inbox ถาม Pierh Tanun มาร์เทพแห่ง asp ดูนะครับ) โดยหุ้นที่เปลี่ยนครั้งสุดท้ายคือหุ้นโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตอนที่ซื้อนั้นเล่นอยู่คนเดียวเลย ไม่มีคนสนใจ พอหุ้นลงเพื่อนก็ทิ้งหมด แถมด่าด้วยว่าหุ้นห่วย ตอนนั้นคาดว่าราคาหุ้นจะไป 2 เท่าภายใน 3 ปี เลยตั้งราคาเล่นๆไว้สูงกว่าราคาทุนที่ซื้อคือ 4 เท่า สมมติซื้อที่ราคา 1 บาท ก็แก้ราคาเป็น 4 บาท ทำให้ขาดทุนทันทีเละเทะเลยครับตั้งแต่ตอนซื้อ คือขาดทุน -75% และตั้งแต่วันนั้นผ่านมา 4 ปีแล้วถึงวันนี้ ยอดขาดทุนก็ลดลงตามที่ท่านได้เห็นกันนี่แหละครับคืออีก 30% จะถึงทุนที่ผมตั้งบ้าๆไว้คือ 4 เท่าในอนาคต ไม่รู้จะอีกกี่ปีแต่ก็ต้องทนติดดอยต่อไป
ดังนั้นช่วงที่ฝึกจิตพอร์ทของผมเลยกลายเป็นสีแดงทั้งพอร์ทและขาดทุนถึง -50% โดยเฉลี่ย (เลียนแบบคำพูดของบัฟเฟตว่าถ้าคุณทนขาดทุน -50% ไม่ได้ก็อย่ามาลงทุนในตลาดหุ้น) จากวันนั้นมาถึงวันนี้พอร์ทผมก็ได้ลดสัดส่วนการขาดทุนรวมมาเรื่อยๆ จนเมื่อผมเท่าทุนแล้ว ผมก็จะเดินทางมาถึงเป้าหมายทางการเงินของผมที่ตั้งไว้ในลำดับแรก มันอาจจะน้อยนิดเมื่อเทียบกับคนอื่นหรือเซียน เทพ มหาเทพ อะไรอีกมากมายที่ทำกำไรได้ชิวๆวันหละหลายหมื่นหลายแสนทุกวัน แต่ชีวิตผมทุกวันนี้ก็มีความสุขพอในระดับที่ไม่ต้องไปเบียดเบียนใครแล้ว ถึงแม้ความฝันของผมจะสำเร็จไม่ทันเมื่อผมอายุ 30 ปีค่อนข้างจะแน่แล้ว เพราะจากนี้ไปเหลือเวลาอีกแค่ 8 เดือน แต่ชีวิตผมที่เริ่มต้นมาจากเงินเดือนของตัวเอง บวกกับความรู้ที่สะสมมา ก็สามารถทำให้ตัวผมยืนเองได้ และไม่ต้องลำบากที่บ้านสำหรับการตั้งต้นชีวิตเลย ถึงแม้ว่าระหว่างทางจะมีท้อแต่ก็มีแม่ที่คอยให้กำลังใจมาตลอด
ไม่ได้บอกว่าผมเก่งหรืออะไรนะครับ แต่ผมอยากจะบอกว่าถ้าเราสู้ไม่ท้อและถอย สู้ให้มันขาดใจ ยังไงแล้วเราก็จะเห็นทางที่เราสามารถยืนได้ครับ แล้วค่อยๆไต่สูงไปเรื่อยๆ การอยู่ที่ต่ำมันทรมานกว่าจะตั้งตัวขึ้นมาได้ พอตั้งได้แล้วค่อยๆปีนให้สูงขึ้น เดี๋ยวจะค่อยๆสบายๆ แล้วอย่าลืมว่าข้างล่างเป็นอย่างไร โตขึ้นมาแล้วจะได้ไม่ลืมว่าเรานั้นโตมาจากไหนนะครับ และจะได้ปฏิบัติต่อทุกๆคนได้เท่าเทียมกัน อย่าลืมว่าเรามีเขาไม่มีไม่ได้แปลว่าเราจะดีกว่าเขาหรือเราจะไปข่มเหงรังแกคนอื่นได้
ขอให้ทุกคนมีชีวิตที่สู้และตั้งเป้าหมายค่อยๆทีละก้าว และพยายามจะไปให้ถึงนะครับ อย่ารีบ อย่าหาสูตรสำเร็จที่ตายตัว ชีวิตไม่ใช่ข้อสอบหรือสูตรฟิสิกส์ เพราะคุณใช้สูตรถูกคุณก็ไปผิดคำตอบได้เพราะคำตอบดันเปลี่ยนไป สิ่งที่ไม่คาดหวังเกิดขึ้นได้เสมอ เตรียมพร้อมกับทุกความผิดหวังไว้เถอะครับ แล้วลุกขึ้นมาสู้ต่อไป ถ้าชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป แต่ถ้าชีวิตไม่ดิ้นก็คงต้องสิ้นกันไป
นายมั่วหุ้น ณ ยอดดอย
ฝากเพจด้วยนะครับ https://www.facebook.com/guessingstock
ปล. ถ้าคนตามเพจผมมานานจะรู้ว่าหุ้นนั้นคือหุ้นอะไรครับ