O r a n g e
เราจะข้ามเวลามาพบกัน ...
ชื่อเรื่อง : Orange
ผู้กำกับ : Kojiro Hashimoto
ผู้แต่งนิยายฉบับบมังงะ : Ichigo Takano , Arisa Kaneko
ผู้ถ่ายทำ : Atsuhiro Nabeshima
วันที่เข้าฉาย : 12 ธันวาคม 2015
(ขอบคุณข้อมูลจากเวบ dark-drama.com)
Orange
เป็นภาพยนต์ที่สร้างมาจากการ์ตูนมังงะที่ได้รับความนิยมเรื่องหนึ่งในญี่ปุ่น มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องราวมิตรภาพของกลุ่มเพื่อนนักเรียนมัธยมกลุ่มหนึ่ง นอกจากจะนำเสนอมุมมองของชีวิตวัยรุ่น วัยเรียน ทั่วๆไปแล้ว ความพิเศษของหนังยังอยู่ที่การสอดแทรกพลอตสำคัญเกี่ยวกับ
โลกคู่ขนาน เข้าไปเป็นส่วนสำคัญในเนื้อเรื่องด้วยค่ะ สำหรับเรามันทำให้หนังเรื่องนี้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
อีกอย่างคือ ยามะเคน (Kento yamazaki ) (แรกๆก็ไม่ได้ติ่งอะไรมากนักนะคะ แต่เห็นเกือบทุกเรื่องเลย พอดูไปดูมา เลยมีความรู้สึกว่ารอยยิ้มและแววตา ของยามะเคน มีบางมุมที่คล้ายกันกับยามะพี (สำหรับเรานะ) เราก็เลยติ่งน้องเค้าค่ะ แต่การจะเลือกดูเราดูที่เนื้อหาของผลงานที่แสดงด้วย อย่าง Orange มีเนื้อหาของโลกคู่ขนาน มาเป็นประเด็นหลัก เลยทำให้ตัดสินใจดู และอยากเขียนรีวิวเล็กๆถึงเรื่องนี้เก็บเอาไว้ )
โลกคู่ขนานคืออะไร ?
จริงๆเราก็ไม่กล้าออกตัวว่าเรารู้เรื่องนี้ดี แต่เราพอจะเข้าใจคร่าวๆ โลกคู่ขนานคือโลกที่มีตัวตนของเรา
ในแบบ ที่ 1 แบบ ที่ 2 แบบที่ 3 และอีกหลายๆแบบต่อๆไปเรื่อยๆ ในอีกมิติหนึ่ง น่ะค่ะ แต่ไม่ใช่ผีไม่ใช่วิญญาณ แต่หมายถึงว่า น่าจะมีอีกโลกหนึ่งเป็นโลกคู่ขนานที่ซ้อนทับกันกับโลกที่เราอยู่ และก็จะมีตัวตนของเราอยู่ในหลายๆแบบ
เหมือนมันเป็นโลกหรือเป็นมิติที่ เกิดขึ้นจาก
ทางแยก (จุดทางแยกที่ว่านี้คือการตัดสินใจและการกระทำของเราในหลายๆแบบน่ะค่ะ) (งงมั้ย)
เช่นว่าในรูปประกอบที่หามาแบบ(น่าจะ) พอนึกภาพง่ายๆออก นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(หากมีข้อมูลเพิ่มเติมก็บอกได้นะคะ ยินดีมากๆ คือเราเชื่อ แต่ถามว่าถึงขั้นจะศึกษาอย่างเอาเป็นเอาตายเลยไหม ก็ไม่ขนาดนั้นค่ะ)
คิดว่า การตัดสินใจ ในปัจจุบันคือดีที่สุดแล้ว
อย่างในรูปนี้ สรุปก็คือ ในโลกคู่ขนานแต่ละโลก ก็จะมีตัวของเราในตอนช่วงอายุต่างๆที่แตกต่างกันไป ประมาณนี้
เรื่อง Orange ก็เหมือนกันค่ะ (เข้าเรื่องซะที 55)
พอดีตัดสินใจซื้อแบบมังงะมาอ่านก่อนดูด้วย ถามว่าชอบแบบไหน เราชอบทั้งสองแบบนะ มันได้ความรู้สึกที่ดีคนละแบบ
แต่จะเอียงๆไปทางมังงะมากกว่าอยู่นิดนึง
สิ่งที่ชอบที่สุด คือชอบตัวละคร คาเครุ ค่ะ (ป่าวนะ ไม่ได้ชอบเพราะเป็นยามะเคน) แต่ที่ชอบที่สุดเป็นเพราะ สายตาเศร้าๆ ของยามะเคน มันสามารถสื่อความรู้สึกเหงา ของตัวละคร คาเครุ ออกมาได้แบบธรรมชาติมากเลยค่ะ ส่วนตัวละครตัวอื่นเราค่อนข้างเฉยๆ
ในส่วนพลอตเรื่องที่เกี่ยวกับมิตรภาพ ยังไม่พีคเท่าไหร่ (อันนี้สำหรับเราคนเดียวนะคะ อย่าว่ากันน้า 55)
คืออาจจะด้วยเรื่องนี้เป็นหนัง เลยมีเวลาในการดำเนินเรื่องค่อนข้างกระชับและสั้น เพราะฉะนั้นเราเลยรู้สึกว่า ความผูกพันมันถูกบีบมาให้รักกันมากไปหน่อย ทั้งๆที่เพิ่งมาเป็นเพื่อนกัน (แต่เรื่องความถูกชะตาก็ไม่แน่เนาะ บางทีคนเราคบกันเป็นเพื่อนแค่ไม่กี่อาทิตย์ก็อาจรู้สึกสนิทกันมาก
อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้เนอะ)
ในส่วนของตอนจบ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของโลกคู่ขนาน ส่วนตัวประทับใจมากนะคะ อาจจะด้วยภาษาที่ผู้แปลแปลออกมาด้วย
มันเลยทำให้รู้สึกเข้าถึงความรู้สึกของตัวละครได้ดี
และก็รู้สึกว่า คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ (แม้ว่าเราจะไม่มีเครื่องย้อนเวลากลับมาบอกตัวเราก็ตามว่าในอนาคตเราจะเป็นยังไง จะมีชีวิตในแบบไหน)
ขอขอบคุณ เวบ dark-drama.com
ขอขอบคุณผู้แปล คุณ สัปปะรดสีเขียว (แอดมินเพจนั่นเองค่ะ555)
ขอบคุณทุกคนที่อ่านกระทู้จนจบ
ใครดูบ้างแล้ว เข้ามาแชร์กันได้นะ
ใครที่ยังไม่ดู ก็อยากแนะนำภาพยนต์เรื่องนี้ด้วยค่ะ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย แต่เราว่าหนังก็มีประเด็นเนื้อหาที่ให้ข้อคิดที่ดีทีเดียวค่ะ
Orange
ชื่อเรื่อง : Orange
ผู้กำกับ : Kojiro Hashimoto
ผู้แต่งนิยายฉบับบมังงะ : Ichigo Takano , Arisa Kaneko
ผู้ถ่ายทำ : Atsuhiro Nabeshima
วันที่เข้าฉาย : 12 ธันวาคม 2015
(ขอบคุณข้อมูลจากเวบ dark-drama.com)
Orange
เป็นภาพยนต์ที่สร้างมาจากการ์ตูนมังงะที่ได้รับความนิยมเรื่องหนึ่งในญี่ปุ่น มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องราวมิตรภาพของกลุ่มเพื่อนนักเรียนมัธยมกลุ่มหนึ่ง นอกจากจะนำเสนอมุมมองของชีวิตวัยรุ่น วัยเรียน ทั่วๆไปแล้ว ความพิเศษของหนังยังอยู่ที่การสอดแทรกพลอตสำคัญเกี่ยวกับ โลกคู่ขนาน เข้าไปเป็นส่วนสำคัญในเนื้อเรื่องด้วยค่ะ สำหรับเรามันทำให้หนังเรื่องนี้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
อีกอย่างคือ ยามะเคน (Kento yamazaki ) (แรกๆก็ไม่ได้ติ่งอะไรมากนักนะคะ แต่เห็นเกือบทุกเรื่องเลย พอดูไปดูมา เลยมีความรู้สึกว่ารอยยิ้มและแววตา ของยามะเคน มีบางมุมที่คล้ายกันกับยามะพี (สำหรับเรานะ) เราก็เลยติ่งน้องเค้าค่ะ แต่การจะเลือกดูเราดูที่เนื้อหาของผลงานที่แสดงด้วย อย่าง Orange มีเนื้อหาของโลกคู่ขนาน มาเป็นประเด็นหลัก เลยทำให้ตัดสินใจดู และอยากเขียนรีวิวเล็กๆถึงเรื่องนี้เก็บเอาไว้ )
โลกคู่ขนานคืออะไร ?
จริงๆเราก็ไม่กล้าออกตัวว่าเรารู้เรื่องนี้ดี แต่เราพอจะเข้าใจคร่าวๆ โลกคู่ขนานคือโลกที่มีตัวตนของเรา
ในแบบ ที่ 1 แบบ ที่ 2 แบบที่ 3 และอีกหลายๆแบบต่อๆไปเรื่อยๆ ในอีกมิติหนึ่ง น่ะค่ะ แต่ไม่ใช่ผีไม่ใช่วิญญาณ แต่หมายถึงว่า น่าจะมีอีกโลกหนึ่งเป็นโลกคู่ขนานที่ซ้อนทับกันกับโลกที่เราอยู่ และก็จะมีตัวตนของเราอยู่ในหลายๆแบบ
เหมือนมันเป็นโลกหรือเป็นมิติที่ เกิดขึ้นจาก ทางแยก (จุดทางแยกที่ว่านี้คือการตัดสินใจและการกระทำของเราในหลายๆแบบน่ะค่ะ) (งงมั้ย)
เช่นว่าในรูปประกอบที่หามาแบบ(น่าจะ) พอนึกภาพง่ายๆออก นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อย่างในรูปนี้ สรุปก็คือ ในโลกคู่ขนานแต่ละโลก ก็จะมีตัวของเราในตอนช่วงอายุต่างๆที่แตกต่างกันไป ประมาณนี้
เรื่อง Orange ก็เหมือนกันค่ะ (เข้าเรื่องซะที 55)
พอดีตัดสินใจซื้อแบบมังงะมาอ่านก่อนดูด้วย ถามว่าชอบแบบไหน เราชอบทั้งสองแบบนะ มันได้ความรู้สึกที่ดีคนละแบบ
แต่จะเอียงๆไปทางมังงะมากกว่าอยู่นิดนึง
สิ่งที่ชอบที่สุด คือชอบตัวละคร คาเครุ ค่ะ (ป่าวนะ ไม่ได้ชอบเพราะเป็นยามะเคน) แต่ที่ชอบที่สุดเป็นเพราะ สายตาเศร้าๆ ของยามะเคน มันสามารถสื่อความรู้สึกเหงา ของตัวละคร คาเครุ ออกมาได้แบบธรรมชาติมากเลยค่ะ ส่วนตัวละครตัวอื่นเราค่อนข้างเฉยๆ
ในส่วนพลอตเรื่องที่เกี่ยวกับมิตรภาพ ยังไม่พีคเท่าไหร่ (อันนี้สำหรับเราคนเดียวนะคะ อย่าว่ากันน้า 55)
คืออาจจะด้วยเรื่องนี้เป็นหนัง เลยมีเวลาในการดำเนินเรื่องค่อนข้างกระชับและสั้น เพราะฉะนั้นเราเลยรู้สึกว่า ความผูกพันมันถูกบีบมาให้รักกันมากไปหน่อย ทั้งๆที่เพิ่งมาเป็นเพื่อนกัน (แต่เรื่องความถูกชะตาก็ไม่แน่เนาะ บางทีคนเราคบกันเป็นเพื่อนแค่ไม่กี่อาทิตย์ก็อาจรู้สึกสนิทกันมาก
อาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้เนอะ)
ในส่วนของตอนจบ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของโลกคู่ขนาน ส่วนตัวประทับใจมากนะคะ อาจจะด้วยภาษาที่ผู้แปลแปลออกมาด้วย
มันเลยทำให้รู้สึกเข้าถึงความรู้สึกของตัวละครได้ดี
และก็รู้สึกว่า คนเราสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้ (แม้ว่าเราจะไม่มีเครื่องย้อนเวลากลับมาบอกตัวเราก็ตามว่าในอนาคตเราจะเป็นยังไง จะมีชีวิตในแบบไหน)
ขอขอบคุณ เวบ dark-drama.com
ขอขอบคุณผู้แปล คุณ สัปปะรดสีเขียว (แอดมินเพจนั่นเองค่ะ555)
ขอบคุณทุกคนที่อ่านกระทู้จนจบ
ใครดูบ้างแล้ว เข้ามาแชร์กันได้นะ
ใครที่ยังไม่ดู ก็อยากแนะนำภาพยนต์เรื่องนี้ด้วยค่ะ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย แต่เราว่าหนังก็มีประเด็นเนื้อหาที่ให้ข้อคิดที่ดีทีเดียวค่ะ