>> กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 กรกฎาคม 2559
กรมเชื้อเพลิงฯ เผยจำนวนแท่น ขุดเจาะในไทยลดลงเกือบครึ่งจาก 24 เหลือ 13 แท่น
ส่งสัญญาณผู้รับสัมปทานไม่ลงทุนต่อและอาจทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันดิบ 100% ในอนาคต

นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) เปิดเผยว่า
ผู้สำรวจและผลิตปิโตรเลียมตัดสินใจถอนแท่นขุดเจาะหลุมผลิตออกจากประเทศไทยเกือบครึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อน
เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า จะไม่มีการขุดเจาะปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นในประเทศไทย ปัจจุบันประเทศไทยเหลือแท่นขุดเจาะ 13 แท่น
ลดลงจากปี 2558 ที่มีทั้งหมด 24 แท่น แท่นขุดเจาะในอ่าวไทยลดลงจาก 18 แท่น เหลือ 12 แท่น
และไม่มีบริษัทใดขุดหลุมสำรวจในอ่าวไทยแล้วโดยที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของบริษัท เชฟรอน และบริษัท ปตท.สผ.
ซึ่งลงทุนเพื่อรักษากำลังการผลิต เนื่องจากแหล่งเอราวัณของเชฟรอน และแหล่งบงกชของ ปตท.สผ. กำลังจะหมดสัญญาสัมปทาน
"ตอนนี้การผลิตก๊าซฯจากอ่าวไทยยังทรงๆ และเอกชนต้องรักษา กำลังการผลิตไว้จนกว่าจะตกลงเรื่องปริมาณก๊าซฯ กันใหม่
ตามเงื่อนไขในสัญญาสัมปทานใหม่ โดยการเจรจาจะเกิดขึ้นภายในปีนี้" นายวีระศักดิ์กล่าว
ส่วนแหล่งน้ำมันดิบคงไม่มีการขุดเจาะขึ้นเพิ่มเช่นกัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบระดับ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปัจจุบัน
ยังเสี่ยงต่อความอยู่รอดของเอกชน แต่ถ้าราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นก็เชื่อว่าจะทำให้การขุดเจาะเพิ่มขึ้นตาม
"เราพยายามรักษาน้ำมัน 15% ที่ผลิตได้เองไว้ แต่ถ้ายังไม่มีการลงใหม่ ก็เชื่อว่าจะเห็นผลในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ซึ่งเป็นไปได้ว่าประเทศไทยอาจต้องนำเข้าน้ำมัน 100% ของความต้องการในอนาคต" นายวีระศักดิ์ กล่าว
แท่นขุดน้ำมัน (RIG) ลดฮวบ เอกชนถอนการลงทุน
กรมเชื้อเพลิงฯ เผยจำนวนแท่น ขุดเจาะในไทยลดลงเกือบครึ่งจาก 24 เหลือ 13 แท่น
ส่งสัญญาณผู้รับสัมปทานไม่ลงทุนต่อและอาจทำให้ต้องนำเข้าน้ำมันดิบ 100% ในอนาคต
นายวีระศักดิ์ พึ่งรัศมี อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) เปิดเผยว่า
ผู้สำรวจและผลิตปิโตรเลียมตัดสินใจถอนแท่นขุดเจาะหลุมผลิตออกจากประเทศไทยเกือบครึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อน
เหตุการณ์นี้สะท้อนว่า จะไม่มีการขุดเจาะปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นในประเทศไทย ปัจจุบันประเทศไทยเหลือแท่นขุดเจาะ 13 แท่น
ลดลงจากปี 2558 ที่มีทั้งหมด 24 แท่น แท่นขุดเจาะในอ่าวไทยลดลงจาก 18 แท่น เหลือ 12 แท่น
และไม่มีบริษัทใดขุดหลุมสำรวจในอ่าวไทยแล้วโดยที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของบริษัท เชฟรอน และบริษัท ปตท.สผ.
ซึ่งลงทุนเพื่อรักษากำลังการผลิต เนื่องจากแหล่งเอราวัณของเชฟรอน และแหล่งบงกชของ ปตท.สผ. กำลังจะหมดสัญญาสัมปทาน
"ตอนนี้การผลิตก๊าซฯจากอ่าวไทยยังทรงๆ และเอกชนต้องรักษา กำลังการผลิตไว้จนกว่าจะตกลงเรื่องปริมาณก๊าซฯ กันใหม่
ตามเงื่อนไขในสัญญาสัมปทานใหม่ โดยการเจรจาจะเกิดขึ้นภายในปีนี้" นายวีระศักดิ์กล่าว
ส่วนแหล่งน้ำมันดิบคงไม่มีการขุดเจาะขึ้นเพิ่มเช่นกัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบระดับ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปัจจุบัน
ยังเสี่ยงต่อความอยู่รอดของเอกชน แต่ถ้าราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นก็เชื่อว่าจะทำให้การขุดเจาะเพิ่มขึ้นตาม
"เราพยายามรักษาน้ำมัน 15% ที่ผลิตได้เองไว้ แต่ถ้ายังไม่มีการลงใหม่ ก็เชื่อว่าจะเห็นผลในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ซึ่งเป็นไปได้ว่าประเทศไทยอาจต้องนำเข้าน้ำมัน 100% ของความต้องการในอนาคต" นายวีระศักดิ์ กล่าว