คนเราไม่ว่าเพศไหน วัยไหน รวยจน ก็บรรลุโสดาบันได้ด้วยตัวเองจริงๆค่ะ ซึ่งฉันมีแรงบันดาลใจแบบนี้...ที่อยากแชร์ให้เพื่อนๆ

สวัสดีค่ะ วันนี้อยากพูดถึงเรื่องศาสนาและคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ปัจจุบันแทบไม่มีใครคิดสนใจ แต่ยังมีบางคนที่เข้าถึงธรรมะด้วยการสนใจธรรมะ เมื่อก่อนเคยมองว่าเขาธรรมะกันจัง อะไรแบบนี้น่ะค่ะ ฉันไม่เคยรู้ว่าแก่นแท้ของธรรมะคืออะไร เกิดมาก็รู้แค่เรานับถือพระพุทธเจ้า เราต้องสวดมนต์ พอถึงวันสำคัญทางศาสนา ก็ไปเวียนเทียน วนเวียนอยู่แค่นี้ แต่เมื่อได้มาสัมผัสกับธรรมะจริงๆ เหมือนจิตใจเราเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แล้วจะรู้ว่าการใช้ชีวิตบนโลกกับทางธรรมมันแตกต่างกันมากแต่สามารถเอามาใช้ด้วยกันได้อย่างไม่น่าเชื่อโดยเฉพาะคนที่รู้ในทางธรรม จะใช้ชีวิตในทางโลกได้อย่างราบรื่นและสงบสุขอย่างไม่มีทุกข์ใดๆมาก้าวก่ายจิตใจเลย ฉันขอแชร์เรื่องราวของเด็ก ม.ปลาย อย่างฉัน ยังเรียนหนังสืออยู่ แต่ก็ยังมีเวลาอ่านธรรมสนใจในธรรมจนขัดเกลาหัวใจของเด็กที่'ยึดติดกับสิ่งเร้าภายนอก มีก็สุข ไม่มีก็ทุกข์ อยากแล้วไม่ได้ก็ทุกข์ ใครมาด่าก็โกรธ เมื่อโกรธคนก็ทำร้ายเขา ใครทำเรา เราต้องทำกลับ มองโลกแง่ลบ เห็นเงินเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด' อย่างฉัน จนเปลี่ยนไปเป็นคนแทบไม่ยึดติดกับสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด ได้ยังไง วันนี้ฉันขอคัดลอกจากสมุดกลอนธรรมะของฉันที่ฉันแต่งขึ้นมาเองไว้เพื่อบันทึกการเดินทางสายธรรมะของฉันเองให้เพื่อนๆห้องธรรมะได้อ่านกันนะค่ะ เพราะฉันเป็นคนชอบแต่งกลอน เลยบันทึกไว้เป็นบทกวีซะเลย 5555 เผื่อจะได้จำขึ้นใจด้วย อิอิ
          ตัวข้านี้ ปลื้มใจนัก เกิดเป็นพุทธ        ใจได้หลุด จากความโลภ โกรธและหลง
เพียงยึดถือ สมาธิ จิตมั่นคง                        จะยืนยง ด้วยปัญญา พานิพพาน
----------------------------------------------------
         วณัชฌา(ชื่อฉัน)ได้เกิดมา อยู่บนโลก      ความทุกข์โศก ย่อมเกิดมา ตามสังขาร
อยู่ที่ฉัน ต้องตั้งมั่น รู้วิญญาณ                         กิเลสมาร ในใจหา ใช่ยั่งยืน
-----------------------------------------------------
          ตอนตัวเล็ก ฉันเป็นเด็ก ยังมิรู้              ว่าตนเอง เกิดมาคู่ พุทธศาสนา
ไม่รู้ศีล สมาธิ และปัญญา                            ทั้งยังพา ความทุกข์สู่ บุพการี
-----------------------------------------------------
          เมื่อสิบหก ก็ตั้งใจ จะถือศีล                 ยากดั่งปีน ขาเดียว ขึ้นเขาสูง
เปรียบดังกา อยากจะงาม เหมือนนกยูง           กิเลสยัง ชักจูง มิรู้ตัว
-----------------------------------------------------
          เข้าทางธรรม ต้องตัดแล้ว คำว่า'อยาก'     การพลัดพราก ควรต้องรู้ ทุกข์โศกสม
กิเลสนั้น มักผ่านมา เหมือนสายลม                    น่าชื่นชม เย็นรื่นรมย์ และจากไป
-----------------------------------------------------
         เมื่อฉันเริ่ม สมาธิ เป็นครั้งแรก           มิรู้แยก จิตและกาย ซึ่งเรียก'ขันธ์'
ไม่สงบ กลุ้มวิตก อยู่หลายวัน                     สงบนั้น ความจริงต้อง ไม่อยากเป็น
          เริ่มต้นใหม่ เอาใจวาง ที่กลางจิต        คุมความคิด ฟุ้งซ่าน มารตัณหา
ฉันจึงเริ่ม สัมผัสได้ ถึงปัญญา                     ที่เริ่มมา แต่ยังไม่ ถึงนิพพาน
-----------------------------------------------------
          กล่าวถึงเรื่อง โทสะ โมหะจริต           ไม่เคยคิด จะดับมัน ออกจากหัว
เพราะเมื่อก่อน ฉันขี้โกรธ จนตามัว               ปัจจุบัน เป็นดอกบัว เย็นในธาร
-----------------------------------------------------
          อยากเล่าสู่ ผู้ที่เป็น เช่นนักปราชญ์       ท่านฉลาด ในธรรม และคำสอน
เขาเปลี่ยนฉัน เพียงแค่อ่าน ฟังคำกลอน          'เจริญพร' คำท่านว. วุฒิชัย
          พุทธว- จน ก็มีส่วน                           เนื้อหาล้วน ซึ้งจับใจ ได้รับผล
สอนมนุษย์ ให้คิดได้ การเป็นคน                    ต้องฝึกตน ตามรอยพระ ศาสดา
-----------------------------------------------------
          'ตถาคต' ความหมาย คือพระภาค         ฉันได้จาก การดูหนัง ศาสนา
' พุทธเจ้า มหา ศาสดา'                               ฉันจึงเกิด ปัญญา เมื่อได้ชม
          ตถาคต กล่าวว่าอย่า แพ้ความคิด         อกุศลจิต น่ากลัว ตัวปัญหา
ยิ่งคิดฟุ้ง อุปสรรค ใช้ชีวา                             จงดำเนิน ด้วยปัญญา พาเบิกบาน
-----------------------------------------------------
          ปัจจุบัน ฉันสนใจ การตักบาตร        เช่นนี้ช่วย มิให้ขาด บุญกุศล
แต่ทว่า ฉันมิได้ อุทิศตน                          มอบบุญผล ทั้งหมดให้ บุพการี
-----------------------------------------------------
           คำด่านั้น พิษร้ายจริง ทุกข์ยิ่งนัก      ปรปักษ์ กล่าวมาน่าโมโห
ปัจจุบัน สบายใจ ท่องพุทโธ                     จะไม่โง่ ไปโกรธเพียง เสียงคนพาล
-----------------------------------------------------
           เคยสงสัย ทำไมคน จึงทำชั่ว           หลงเมามัว ยึดติด ในทรัพย์สิน
อกุศล ตัดชีวิต คิดโกงกิน                          เพียงเพราะสิ้น สติ และปัญญา
          ทุกวันนี้ ใช้ชีวิต ด้วยสติ                  สมาธิ ควบคู่ อยู่เป็นสอง
ความสุขเทียม จากภายนอก ไม่เหลียวมอง    เมื่อได้ลอง เจริญธรรม คำพระองค์
-----------------------------------------------------
          ครั้งหนึ่งฉัน เคยมีมิตร จิตโทสะ               ทั้งโมหะ อคติ ริษยา
ฉันจึงลอง พูดคำธรรม ด้วยปัญญา                     สติพา เปลี่ยนมิตรข้า เป็นคนดี
          ฉันปลื้มนัก มิตรเปลี่ยนใจ และความคิด     เปลี่ยนเป็นจิต เบิกบาน และผ่องใส
พระกล่าวว่า หากสามารถ เปลี่ยนผู้ใด                 จึงเรียกได้ กัลยา ณมิตรธรรม
-----------------------------------------------------
          กล่าวถึงเรื่อง การใช้เงิน ของฉันนี้           ความอยากมี จ่ายทิ้งไป โดยมิเห็น
ปัจจุบัน แยกแยะได้ ไม่จำเป็น                           ไม่ยากเข็ญ เมื่อประหยัด มัชฌิมา
-----------------------------------------------------
          ความฟุ่งซ่าน เกิดมาเพียง เพราะความคิด       และเพราะจิต ไม่ติดอยู่ กับสังขาร
ชอบนึกถึง อนาคต อดีตกาล                               ล้วนคือมาร มาผจญ จมทุกข์ภัย
          ความสุขจริง ต้องตามอย่าง อรหันต์               จงอยู่กับ ปัจจุบัน ที่สดใส
จิตมุ่งมัน แค่มองดู ลมหายใจ                               จะทำให้ สงบสุข ทุกข์เลือนลาง
-----------------------------------------------------
           ถึงแม้ฉัน ยังไม่ถึง บรรลุแท้                        ก็จะไม่ แพ้กิเลส และตัณหา
จะมุ่งมั่น เข้าหาธรรม ด้วยปัญญา                            ใช้เวลา แต่จะพา ให้นิพพาน
-----------------------------------------------------
อิอิ ไม่จบทีนะคะ แต่จะแต่งไปเรื่อยๆ เพราะปัจจุบันเขียนถึงแค่ตอนนี้ 555 ถ้าอยากเขียนอะไร จิตก็จะวาบสว่างกระตุ้นให้มีคำออกมาเขียนอยู่เรื่อยค่ะ ฉันมีความสุขที่ตัดสินใจใช้ชีวิตในเส้นทางธรรม (แต่ไมได้ถึงกับนักบวชนะคะ 55) ธรรมะ สอนให้เราอยู่บนโลกได้อย่างมีความสุขจริงๆค่ะ อยู่ร่วมกับผู้อื่น ถึงจะมีคนไม่ดี เราอย่าไปมองพวกเขาแล่งบค่ะ กลับกัน พวกเขาน่าสงสารที่เข้าไม่ถึงแก่นธรรม และไม่มีกัลยาณมิตร ก็เลยไม่สามารถตัดกิเลสตัดความชั่วได้ นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันเลิกคิดมากกับคนชั่วและคนทำไม่ดีทั้งหลาย กัลยาณมิตรที่สำคัญของฉัน ก็อย่างที่เขียนไปในกลอนค่ะ มีพระพุทธเจ้า พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี และพุทธจวน คือพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เออ อยากบอกว่าดิฉันไม่มีพระเครื่อง ของขลังค่ะ เพราะสำหรับดิฉัน โลกนี้สิ่งที่ศักด์สิทธิ์ที่สุดคือพระธรรมในใจ ไม่ใช่พระเครื่องค่ะ สุดท้าย อยากฝากให้เพื่อนๆไปลองคิดดูนะคะ เข้าทางธรรมะ ไม่ได้ยากค่ะ อันดับแรกคือสติและสมาธิ แค่นี้ถ้าเพื่อนๆมี ก็จะทำให้เห็นสิ่งต่างๆตามมาเองจริงๆค่ะ ถ้าเราไม่มีสติและสมาธิ แต่เราไปเรียนธรรมะ เราจะเข้าใจยากค่ะ เพราะฉันผ่านมาแล้ว 5555 เราต้องตามสะเตปนะคะ และอย่ารีบร้อน (ไม่งั้นจะเกิดกิเลสจากการอยากบรรลุธรรม ซึ่งมันผิดค่ะ) เราต้องใจเย็นดั่งน้ำไหลนิ่ง และดำเนินไปอย่างทางสายกลาง เหมือนตถาคต ท่านต้องลำบากแค่ไหนกว่าจะตรัสรู้ความจริงอันประเสริฐให้พวกเราได้พ้นทุกข์ เราเกิดมามีพระธรรมคำสอนตั้งอยู่แล้ว ถือว่าโชคดีมาก เราควรเข้าถึงธรรมะเพื่อเป็นประโยชน์แก่เราเองค่ะ ขอให้ทุกคนตั้งมั่นต่อไป คนที่ยังไม่เคยเข้าถึงธรรมก็อยากให้ลองทำความเข้าใจและคุณจะพบกับความสุขที่อธิบายไม่ได้จริงๆค่ะ สุดท้ายอยากฝากให้ทุกคนพึงเดินทางสายกลางมัชฌิมาตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ยิ้ม แล้วจะเขียนกลอนให้ได้อ่านกันอีกคราวหน้านะคะ ^^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่