เชื่อว่าแฟนแมนยูหลายๆ คนคงไม่คาดหวังว่ามูจะพาทีมคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกแน่ๆ
ผมเองก็ไม่คิดงั้นเหมือนกัน แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ถ้ามูจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ให้ได้
ฤดูกาลนี้คือฤดูกาลที่ง่ายที่สุดแล้ว ถ้าเทียบกับปีที่ 2 หรือปีที่ 3 ที่คู่แข่งจะมีทีมที่ลงตัวกว่านี้
และเรียนรู้เกี่ยวกับพรีเมียร์ลีได้ดีกว่านี้
มาวิเคราะห์กันดูว่าผู้จัดการทีมแต่ละคนที่มีโอกาสลุ้นแชมป์ว่าเป็นยังไงบ้าง
เป็ป ณ แมนซิตี้ - คู่แข่งร่วมเมืองที่จะทำให้ศึกประจำเมืองแมนเชสเตอร์ดุเดือนกว่ามัยสเปนแน่นอน
ข้อเสียเปรียบของเป็ปคือการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เลย ทั้งกับตัวผู้เล่นที่ยังไม่ลงตัว ต้องซื้อเพิ่มขายออก
อีกพอสมควร กว่าจะลงตัว ลงระบบ ไหนจะเรื่องของการเรียนรู้ระบบการเล่นของทีมอื่นๆ ในพรีเมียร์
ไหนจะเรื่องการบริหารจัดการภายใน ไม่ว่าจะระบบซ้อม ระบบบริหาร นู้นนั่นนี่สารพัด
ก็เลยมองว่าปีแรก เป็ปคงลุ้นแค่อันดับ 1-3 มากกว่า ไม่น่าไปถึงขั้นลุ้นแชมป์ได้ แต่ปีที่ 2 นี่คงน่ากลัวแน่ๆ
เพราะนักเตะน่าจะเข้าใจระบบการเล่นของเป็ปมากขึ้น และน่าจะคว้านักเตะที่ต้องการเข้าทีมได้ครบสักที
ดังนั้นปีที่สอง เป็ปน่าจะมีลุ้นแชมปมากกว่าปีแรกเยอะมาก
---------------------------------------------------------------------------------------------
คอนเต้ ณ เชลซี - ว่าที่ฟานกัล แห่งลอนดอน
รายนี้ผมกำลังดูว่าจะเป็นฟานกัล 2 หรือเปล่า เพราะเข้ามาคล้ายฟานกัลมาก
ไม่ว่าจะระบบที่โปรดปรานอย่าง 3-5-2 ที่เป็นของแสลงมากในพรีเมียร์ที่มักจะเน้นการลุกทางริมเส้น
ถ้าแบ็คสองตัวไม่อึดพอ การโดนสวนกลับทางริมเส้นจะเป็นปัญหามาก ซึ่งฟานกัลโดนมาแล้ว
ไหนจะเรื่องที่กว่าจะได้มาคุมทีมเชลซี ก็ช้ากว่าคนอื่น เพราะต้องทุ่มเทให้กับอิตาลีในยูโร
แถมอิตาลีก็เข้ามาซะลึกเชียว กว่าจะตกรอบและเก็บกระเป๋าเข้ามาเปิดตัวกับเชลซีได้
คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะจัดการเรื่องทีมใหม่ได้อย่างตัว เหมือนฟานกัล
กว่าจะได้ลองตัวนักเตะ ได้เห็นฟอร์มในช่วงซ้อม กับช่วงเล่นแบบจริงจัง
ก็ตอนไปทัวร์ที่อเมริกานู้น แถมช่วงพรีซีซั่นก็เล่นกันซะดี แผน 3-5-2 นี่คว้าแชมป์ได้
ปราบทีมดังๆ ได้หมดจนคว้าแชมป์ได้ ผมนี่ลุกขึ้นยืนน้ำตาไหลเลย แมนยูกรูกลับมาแล้ว
แต่สุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นยืนอีกทีหลังจากผ่านไปหนึ่งฤดูกาล ลุงลุกหนีไปเถอะ ฮ่าๆๆๆ
ไหนจะเรื่องการจัดหานักเตะที่ยังเดินเครื่องได้ไม่เต็มที่ ต้องดูฟอร์มนักเตะที่มีว่าต้องซื้อขายใครเพิ่ม
แม้ว่าจะได้นักเตะมาเพิ่มบ้างแล้ว แต่ก็ต้องดูอีกทีว่าใครเป็นยังไง แต่จริงๆ แล้วคอนเต้
ยังได้เปรียบฟานกัลคือประกาศเปิดตัวไปตั้งแต่กลางฤดูกาล ดังนั้นคงมีเวลาศึกษาฟอร์มนักเตะบ้างแล้ว
เหลือแค่มาดูด้วยตาตัวเอง ว่าสถิติที่เก็บได้มานั้น กับของจริงเป็นไง แล้วค่อยวัดอีกทีว่าจะขาย
หรือว่าซื้อใครมาเพิ่มบ้าง ตอนนี้จบยูโรแล้ว คงได้เห็นเชลซีขยับมากขึ้นสักที
ไม่รวมกับปัญหาเดียวกับเป็ปทั้งเรื่องไม่คุ้นพรีเมียร์ ต้องนับหนึ่งใหม่ การบริหารจัดการภายในอีก
ผมว่าเผลอๆ อาจจะต้องไปลุ้นอันดับสี่กับสเปอร์นู้นเลยในฤดูกาลแรก ส่วนลุ้นแชมป์คงฤดูกาลที่สองนู้นเลย
---------------------------------------------------------------------------------------------
คล็อป ณ The Kop - คนดีคนเดียวที่จะปลุกเครื่องจักรสีแดงให้ร้อนฉ่าอีกครั้ง
รายนี้ได้เปรียบคนอื่นที่สุดในแง่การบริหารจัดการทีม เพราะได้มาลองเชิงครึ่งฤดูกาลแล้ว
ดังนั้นคล็อปน่าจะมีทีมในใจแล้ว ว่าต้องซื้อใคร ขายใครบ้าง ติดปัญหาเดียวคือนักเตะเกรด A+ อาจจะไม่มา
เพราะลิเวอร์พูลไม่ได้ไปบอลยุโรป และความสามารถในการทุ่มค่าเหนื่อยก็น้อยกว่าทีมอื่น
แม้ว่าบารมีของคล็อปจะพอมีบ้าง แต่ฉายาเจ้าพ่อรองแชมป์ก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยเช่นกัน
ดังนั้นนักเตะที่อยากเป็นแชมป์ก็อาจจะเลือกทีมอื่นมากกว่า เว้นแต่ว่าจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกันมาก่อน
ดังนั้นก็จะเจอปัญหาเดิมๆ คือได้นักเตะเกรด B+ เป็นส่วนมาก จริงอยู่ว่าคล็อปถนัดปั้นนักเตะมากกว่าซื้อดาวดัง
แต่พรีเมียร์ไม่ง่ายเหมือนเยอรมันนะ เพราะทุกทีมในพรีเมียร์นี่แพ้ชนะกันได้หมด คล็อปเองก็รู้ดีอยุ่แล้ว
สรุปว่าแม้จะได้เปรียบเรื่องการได้มาคุมทีมลองเชิงมาแล้ว เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างแล้ว
แต่สุดท้ายวัดที่ตัวผู้เล่น ชื่อชั้นต่างๆ ยังไม่น่าจะดีพอให้ขึ้นไปลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ น่าจะฤดูกาลถัดไปมากกว่า
ปีนี้ก็คงลุ้นอันดับ 4-5 เหมือนเดิม อยู่ที่ว่าจะสามารถปลุกเครื่องจักรกลับมาได้ดีแค่ไหน
เพราะจุดเด่นของคล็อปคือการสร้างสปิริตให้กับนักเตะในทีม โดยไม่เน้นพึ่งดาวดังมากนัก
ซึ่งถ้าทำสำเร็จอาจจะขึ้นมาลุ้นพี้นที่แชมป์เปี้ยนลีคได้เลย ในช่วงที่ทีมอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการปรับตัว
---------------------------------------------------------------------------------------------
เวงเกอร์ ณ ปืนโต - ขาประจำผู้รู้ทุกอย่าง ยกเว้นการคว้าแชมป์ (มูกล่าวไว้)
ถ้ามองในแง่ประสบการณ์ ได้คะแนนเต็มไปเลย เพราะเยอะสุดแล้วในบรรดาทีมลุ้นแชมป์
แต่ปัญหาใหญ่ของปืนคือมีนักเตะไม่มากพอ มีเท่าไหร่ก็เจ็บวนๆ กันไป
คือจะเด้งฟอร์มดีมากๆ อยู่ช่วงหนึ่ง สักพักพอตัวหลักเจ็บก็ร่วงไป
เป็นแบบนี้วนมาวนไปตลอด แต่ปีนี้ถ้าทุ่มเงินคว้านักเตะกองหน้ามาเพิ่ม
เสริมนักเตะในตำแหน่งอื่นๆ ให้หมุนวนกันได้แบบไม่สะดุด
โอกาสก็มีเช่นกัน ถ้าเจ๊แกไม่ชิ่งหนีไปคุมอังกฤษก่อนนะ
แต่ในภาพรวม ผมว่าก็คงลุ้นแค่อันดับ 2-4 เหมือนเดิมนะแหละ
จะน่าสนุกมากถ้าเวงเกอร์จะผันตัวไปคุมอังกฤษ แล้วปีนได้บล็องค์มาคุม
พรีเมียร์คงน่าสนุกและมีสีสันมากกว่านี้เยอะเลย
เพราะผมมองว่าถ้าแกขยับไปคุมอังกฤษ รับรองว่าน่าจะพาทีมไปได้ดีแน่ๆ
เรื่องเทคติคการเล่นบอลถ้วย อาร์เซนอลก็เยี่ยมไม่แพ้ใครเลยนะ
ดังนั้นถ้าผันตัวไปคุมอังกฤษ ผมว่าระดับทีมจะพุ่งขึ้นกว่านี้แน่ๆ
---------------------------------------------------------------------------------------------
รานิเอรี่ - ขรัวเฒ่าแห่งจิ้งจอกสยาม
มาแบบนิ่งๆ คว้าแชมป์แบบนิ่มๆ ชนิดที่ตะลึงกันทั้งเมือง แต่ต้องดูว่าฤดูกาลนี้
ตัวดังๆ จะยังอยู่สักกี่คน โดยเฉพาะมาเรซ, กองเต้ เนี่ย จะดึงไว้ได้หรือเปล่า
ซึ่งผมมองว่าดึงไว้ยาก ตอนนี้มองผ่านไปแล้วว่าเงินที่ได้มาเยอะเนี่ย
จะเปลี่ยนไปซื้อนักเตะได้ดีแค่ไหนเท่านั้นเอง
เพราะจะเห็นได้ว่าในบรรดาทีมลุ้นแชมป์เนี่ย เลสเตอร์ซื้อเยอะสุดแล้วตอนนี้
คือเตรียมพร้อมในการเพิ่มขนาดทีมเพื่อลุยบอลถ้วยยุโรปอย่างเต็มที่แล้ว
และด้วยเทคติคต่างๆ ที่มี ผมว่าไม่น่าพลาดไปบอลยุโรปแน่ๆ คือน่าจะติดอันดับ 3-5 ได้
แต่คงไม่สามารถไปลุ้นแชมป์ได้แล้วล่ะ เพราะต้องไปโฟกัสถ้วยยุโรปอีก
ต้องเตะหลายถ้วยขึ้น นักเตะคงกรอบกว่าเดิม และถ้าขุมกำลังไม่ดีพอ
ระหว่างตัวสำรองกับตัวจริง นั่นจะเป็นปัญหาแน่ๆ ทางแก้คือขายตัวที่ได้ราคา
แล้วเอาเงินนั้นไปซื้อตัวระดับใกล้เคียงกันมาหมุนเวียนเยอะขึ้น ซึ่งก็ทำตามนี้อยู่
สรุปเลสเตอร์ผมว่าคงได้ลุ้นอันดับ 4-5 เท่านั้นในฤดูกาลนี้
ส่วนฤดูกาลหน้าอาจจะมีลุ้นน้อยกว่าเดิม เพราะทีมระดับหัวแถว
คงทยอยกลับมายึดพื้นที่คืนหลังจากที่ทุกอย่างลงตัวแล้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------
เมารีซีโอ โปเชตีโน หนุ่มไฟแรงแห่งลอนดอน
ฤดูกาลที่แล้วฟอร์มดีมาก ทีมสปิริตเยี่ยม แต่ปัญหาของทีมคนหนุ่มคือ
บทจะหมดไฟก็หมดและน็อคไปดื้อๆ เลยในช่วงปลายฤดูกาลที่รู้ว่าพลาดแชมป์แน่ๆ
นักเตะก็ฟอร์มตกส่งท้ายกันหมด เหมือนกับว่ากำลังใจหมดไปซะเฉยๆ
ซึ่งนี่คือปัญหาของการไล่ล่าแชมป์ที่นักเตะส่วนใหญ่รวมถึงผู้จัดการทีมไม่เคยเจอ
คือจะบริหารจิตใจนักเตะหนุ่มเหล่านี้ยังไง ให้ไม่เสียสมาธิหรือจิตหลุด
พอเป้าหมายที่ใกล้แค่คว้ามือเอื้อมหลุดลอยไป
ฤดูกาลนี้น่าจะเดินสายช็อปไม่แพ้กันกับทีมอื่นๆ แต่โอกาสได้นักเตะระดับ A+ น้อย
แม้ว่าจะได้ไปเตะแชมปเปี้ยนลีคก็ตามที เพราะตอนนี้นักเตะดังๆ ถ้าจะย้ายมาพรีเมียร์
คงเล็งทีมอื่นๆ มากกว่า ดังนั้นจะเจอปัญหาเดียวกับคล็อปคือดึงผู้เล่นระดับ A+ ไม่ได้
แต่ด้วยความที่ทีมค่อนข้างลงตัวแล้ว ดังนั้นน่าจะเน้นเสริมมากกว่า น่าจะหานักเตะ
ที่มีประสบการณ์ลุ้นแชมป์ และเป็นกำลังใจให้นักเตะหนุ่มๆ ในทีมได้สักคน
เสนอคนนี้เลย เบอร์ 7 แห่งเยอรมัน ฮ่าๆๆ
ส่วนตัวคิดว่าสเปอร์ปีนี้คงลุ้นอันดับ 3-5 มากกว่า อยู่ที่ว่าจะแก้ไขปัญหาได้ดีแค่ไหน
---------------------------------------------------------------------------------------------
มูริญโญ่ - ผีแดงตัวใหม่ที่ไม่รู้จะผีเข้าผีออกตอนไหน
ไล่เลียงด้านบนมาจะเห็นได้ว่า ตอนนี้เรื่องประสบการณ์ ขุมกำลัง
และความพร้อมในการเตรียมตัวรับงาน มูริญโญ่น่าจะถือว่าพร้อม
และได้เปรียบกว่าเป็ป และคอนเต้พอสมควร
เพราะมีเวลาวางแผน จัดตัวนักเตะ และเตรียม List รายชื่อนักเตะ
ที่จะดึงมาร่วมทีมพอสมควร เพราะแต่ละตัวที่ได้มานี่ถือว่าตอบโจทย์เลย
อีกทั้งงบที่ทีมพร้อมเสนอให้ก็ถือว่ามากมายมหาศาล เรียกว่าทุ่มไม่อั้น
แม้ว่าจะไม่ได้ไปแชมป์เปี้ยนลีค แต่บารมีของมูริญโญ่ก็ดีพอ
ที่จะดึงให้นักเตะระดับ A+ หรือแม้แต่ระดับ S (โรยรา) อย่างสลาตัน
ให้เดินหน้าเข้ามาในทีมได้เช่นกัน และดูเหมือนว่าน่าจะเสริมอีก
อย่างน้อยหนึ่งตำแหน่งคือกองกลางตัวหลักอีกหนึ่งตัว
ที่จะทำหน้าที่แบกทีม สร้างสรรค์เกมส์รุกให้กับทีม
ข่าวตอนนี้ก็คือป็อกบาซึ่งราคามหาโหดมาก
และตลกที่แฟนผีหลายๆ คนลุ้นให้ป็อกบาไปรีล มาดริดซะ
เดี๋ยวผีแดงจะเซ้งโทนี่ โครสต่อเอง ฮ่าๆๆ
สรุปว่าตัวนักเตะไม่น่าจะใช่ปัญหาของแมนยูอีกแล้ว
ส่วนระบบที่จะใช้เล่นคงเป็น 4-3-3 ไม่ก็ 4-2-1-3 เวลาเน้นรับ
ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ได้ยากต่อการปรับตัวเท่าไหร่ นักเตะคงไม่มีปัญหา
ลุ้นแค่ให้เล่นเข้าขากันได้ไวๆ เท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องประสบการณ์ในพรีเมียร์ ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลใจ
เพราะถือว่ามีเยอะมาก ผ่านทั้งประสบการณ์ลุ้นแชมป์ คว้าแชมป์
รวมไปถึงโดนไล่ออกก็โดนมาแล้ว เรียกว่าผ่านมาทุกสิ่งอย่างแล้ว
ซึ่งการโดนไล่ออกถือเป็นสิ่งใหม่ที่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของมูเลย
ดังนั้นการกลับมาครั้งนี้ ได้คุมทีมที่อยากคุม ได้การสนับสนุนเต็มที่
ทั้งจากนักเตะ และทีมบริหาร รวมไปถึงทุนซื้อนักเตะ
บวกกับ Passion ในการพิสูจน์ตัวเอง และแก้ไขปัญหาที่เคยก่อไว้
ผมว่าน่าจะทำให้มูนิ่งขึ้น และคงไม่ออกอาการผีเข้าผีออกเหมือนเดิม
ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้มากแค่ไหน
ดังนั้นเมื่อไล่เรียงดูคู่แข่งแล้ว ผมว่าถ้าแมนยูจะคว้าแชมป์พรีเมียร์
ปีนี้คือโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว เพราะปีหน้าทีมอื่นๆ น่าจะลงตัวกว่านี้
และทำให้งานยากขึ้นอีกเยอะ
แต่ด้วยสถิติแล้ว มูมักจะคว้าแชมป์ได้ในปีที่สองเสมอ
ดังนั้นผมว่าปีนี้พรีเมียร์ยังไม่ไฟแลบอย่างที่หลายๆ คนคิด
แต่ฤดูกาล 2017/18 นี่แหละ ที่จะโหดสุดขั้วจริงๆ
เพราะหลายๆ ทีมคงอยู่ในฟอร์มที่พร้อมรบกับแบบสุดขั้ว
สำหรับผมขอเดาอันดับ 1-5 พรีเมียร์ฤดูกาล 2016/2017 ไว้ดังนี้
1. Man Utd
2. Man City
3. Arsenal
4. Spur
5. Chelsea
เพื่อนๆ เดาว่าใครจะติดอันดับไหนกันมั่ง มาลองเดาดูกันเล่นๆ จบฤดูกาลมาวัดกันใครแม่นสุด
@... Man Utd 2016/17 : มูต้องพยายามคว้าแชมป์ในฤดูกาลแรกให้ได้ เพราะได้เปรียบคนอื่นที่สุดแล้ว ...@
ผมเองก็ไม่คิดงั้นเหมือนกัน แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ถ้ามูจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ให้ได้
ฤดูกาลนี้คือฤดูกาลที่ง่ายที่สุดแล้ว ถ้าเทียบกับปีที่ 2 หรือปีที่ 3 ที่คู่แข่งจะมีทีมที่ลงตัวกว่านี้
และเรียนรู้เกี่ยวกับพรีเมียร์ลีได้ดีกว่านี้
มาวิเคราะห์กันดูว่าผู้จัดการทีมแต่ละคนที่มีโอกาสลุ้นแชมป์ว่าเป็นยังไงบ้าง
เป็ป ณ แมนซิตี้ - คู่แข่งร่วมเมืองที่จะทำให้ศึกประจำเมืองแมนเชสเตอร์ดุเดือนกว่ามัยสเปนแน่นอน
ข้อเสียเปรียบของเป็ปคือการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เลย ทั้งกับตัวผู้เล่นที่ยังไม่ลงตัว ต้องซื้อเพิ่มขายออก
อีกพอสมควร กว่าจะลงตัว ลงระบบ ไหนจะเรื่องของการเรียนรู้ระบบการเล่นของทีมอื่นๆ ในพรีเมียร์
ไหนจะเรื่องการบริหารจัดการภายใน ไม่ว่าจะระบบซ้อม ระบบบริหาร นู้นนั่นนี่สารพัด
ก็เลยมองว่าปีแรก เป็ปคงลุ้นแค่อันดับ 1-3 มากกว่า ไม่น่าไปถึงขั้นลุ้นแชมป์ได้ แต่ปีที่ 2 นี่คงน่ากลัวแน่ๆ
เพราะนักเตะน่าจะเข้าใจระบบการเล่นของเป็ปมากขึ้น และน่าจะคว้านักเตะที่ต้องการเข้าทีมได้ครบสักที
ดังนั้นปีที่สอง เป็ปน่าจะมีลุ้นแชมปมากกว่าปีแรกเยอะมาก
---------------------------------------------------------------------------------------------
คอนเต้ ณ เชลซี - ว่าที่ฟานกัล แห่งลอนดอน
รายนี้ผมกำลังดูว่าจะเป็นฟานกัล 2 หรือเปล่า เพราะเข้ามาคล้ายฟานกัลมาก
ไม่ว่าจะระบบที่โปรดปรานอย่าง 3-5-2 ที่เป็นของแสลงมากในพรีเมียร์ที่มักจะเน้นการลุกทางริมเส้น
ถ้าแบ็คสองตัวไม่อึดพอ การโดนสวนกลับทางริมเส้นจะเป็นปัญหามาก ซึ่งฟานกัลโดนมาแล้ว
ไหนจะเรื่องที่กว่าจะได้มาคุมทีมเชลซี ก็ช้ากว่าคนอื่น เพราะต้องทุ่มเทให้กับอิตาลีในยูโร
แถมอิตาลีก็เข้ามาซะลึกเชียว กว่าจะตกรอบและเก็บกระเป๋าเข้ามาเปิดตัวกับเชลซีได้
คงต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะจัดการเรื่องทีมใหม่ได้อย่างตัว เหมือนฟานกัล
กว่าจะได้ลองตัวนักเตะ ได้เห็นฟอร์มในช่วงซ้อม กับช่วงเล่นแบบจริงจัง
ก็ตอนไปทัวร์ที่อเมริกานู้น แถมช่วงพรีซีซั่นก็เล่นกันซะดี แผน 3-5-2 นี่คว้าแชมป์ได้
ปราบทีมดังๆ ได้หมดจนคว้าแชมป์ได้ ผมนี่ลุกขึ้นยืนน้ำตาไหลเลย แมนยูกรูกลับมาแล้ว
แต่สุดท้ายก็ต้องลุกขึ้นยืนอีกทีหลังจากผ่านไปหนึ่งฤดูกาล ลุงลุกหนีไปเถอะ ฮ่าๆๆๆ
ไหนจะเรื่องการจัดหานักเตะที่ยังเดินเครื่องได้ไม่เต็มที่ ต้องดูฟอร์มนักเตะที่มีว่าต้องซื้อขายใครเพิ่ม
แม้ว่าจะได้นักเตะมาเพิ่มบ้างแล้ว แต่ก็ต้องดูอีกทีว่าใครเป็นยังไง แต่จริงๆ แล้วคอนเต้
ยังได้เปรียบฟานกัลคือประกาศเปิดตัวไปตั้งแต่กลางฤดูกาล ดังนั้นคงมีเวลาศึกษาฟอร์มนักเตะบ้างแล้ว
เหลือแค่มาดูด้วยตาตัวเอง ว่าสถิติที่เก็บได้มานั้น กับของจริงเป็นไง แล้วค่อยวัดอีกทีว่าจะขาย
หรือว่าซื้อใครมาเพิ่มบ้าง ตอนนี้จบยูโรแล้ว คงได้เห็นเชลซีขยับมากขึ้นสักที
ไม่รวมกับปัญหาเดียวกับเป็ปทั้งเรื่องไม่คุ้นพรีเมียร์ ต้องนับหนึ่งใหม่ การบริหารจัดการภายในอีก
ผมว่าเผลอๆ อาจจะต้องไปลุ้นอันดับสี่กับสเปอร์นู้นเลยในฤดูกาลแรก ส่วนลุ้นแชมป์คงฤดูกาลที่สองนู้นเลย
---------------------------------------------------------------------------------------------
คล็อป ณ The Kop - คนดีคนเดียวที่จะปลุกเครื่องจักรสีแดงให้ร้อนฉ่าอีกครั้ง
รายนี้ได้เปรียบคนอื่นที่สุดในแง่การบริหารจัดการทีม เพราะได้มาลองเชิงครึ่งฤดูกาลแล้ว
ดังนั้นคล็อปน่าจะมีทีมในใจแล้ว ว่าต้องซื้อใคร ขายใครบ้าง ติดปัญหาเดียวคือนักเตะเกรด A+ อาจจะไม่มา
เพราะลิเวอร์พูลไม่ได้ไปบอลยุโรป และความสามารถในการทุ่มค่าเหนื่อยก็น้อยกว่าทีมอื่น
แม้ว่าบารมีของคล็อปจะพอมีบ้าง แต่ฉายาเจ้าพ่อรองแชมป์ก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยเช่นกัน
ดังนั้นนักเตะที่อยากเป็นแชมป์ก็อาจจะเลือกทีมอื่นมากกว่า เว้นแต่ว่าจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกันมาก่อน
ดังนั้นก็จะเจอปัญหาเดิมๆ คือได้นักเตะเกรด B+ เป็นส่วนมาก จริงอยู่ว่าคล็อปถนัดปั้นนักเตะมากกว่าซื้อดาวดัง
แต่พรีเมียร์ไม่ง่ายเหมือนเยอรมันนะ เพราะทุกทีมในพรีเมียร์นี่แพ้ชนะกันได้หมด คล็อปเองก็รู้ดีอยุ่แล้ว
สรุปว่าแม้จะได้เปรียบเรื่องการได้มาคุมทีมลองเชิงมาแล้ว เข้าใจอะไรหลายๆ อย่างแล้ว
แต่สุดท้ายวัดที่ตัวผู้เล่น ชื่อชั้นต่างๆ ยังไม่น่าจะดีพอให้ขึ้นไปลุ้นแชมป์ในฤดูกาลนี้ น่าจะฤดูกาลถัดไปมากกว่า
ปีนี้ก็คงลุ้นอันดับ 4-5 เหมือนเดิม อยู่ที่ว่าจะสามารถปลุกเครื่องจักรกลับมาได้ดีแค่ไหน
เพราะจุดเด่นของคล็อปคือการสร้างสปิริตให้กับนักเตะในทีม โดยไม่เน้นพึ่งดาวดังมากนัก
ซึ่งถ้าทำสำเร็จอาจจะขึ้นมาลุ้นพี้นที่แชมป์เปี้ยนลีคได้เลย ในช่วงที่ทีมอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการปรับตัว
---------------------------------------------------------------------------------------------
เวงเกอร์ ณ ปืนโต - ขาประจำผู้รู้ทุกอย่าง ยกเว้นการคว้าแชมป์ (มูกล่าวไว้)
ถ้ามองในแง่ประสบการณ์ ได้คะแนนเต็มไปเลย เพราะเยอะสุดแล้วในบรรดาทีมลุ้นแชมป์
แต่ปัญหาใหญ่ของปืนคือมีนักเตะไม่มากพอ มีเท่าไหร่ก็เจ็บวนๆ กันไป
คือจะเด้งฟอร์มดีมากๆ อยู่ช่วงหนึ่ง สักพักพอตัวหลักเจ็บก็ร่วงไป
เป็นแบบนี้วนมาวนไปตลอด แต่ปีนี้ถ้าทุ่มเงินคว้านักเตะกองหน้ามาเพิ่ม
เสริมนักเตะในตำแหน่งอื่นๆ ให้หมุนวนกันได้แบบไม่สะดุด
โอกาสก็มีเช่นกัน ถ้าเจ๊แกไม่ชิ่งหนีไปคุมอังกฤษก่อนนะ
แต่ในภาพรวม ผมว่าก็คงลุ้นแค่อันดับ 2-4 เหมือนเดิมนะแหละ
จะน่าสนุกมากถ้าเวงเกอร์จะผันตัวไปคุมอังกฤษ แล้วปีนได้บล็องค์มาคุม
พรีเมียร์คงน่าสนุกและมีสีสันมากกว่านี้เยอะเลย
เพราะผมมองว่าถ้าแกขยับไปคุมอังกฤษ รับรองว่าน่าจะพาทีมไปได้ดีแน่ๆ
เรื่องเทคติคการเล่นบอลถ้วย อาร์เซนอลก็เยี่ยมไม่แพ้ใครเลยนะ
ดังนั้นถ้าผันตัวไปคุมอังกฤษ ผมว่าระดับทีมจะพุ่งขึ้นกว่านี้แน่ๆ
---------------------------------------------------------------------------------------------
รานิเอรี่ - ขรัวเฒ่าแห่งจิ้งจอกสยาม
มาแบบนิ่งๆ คว้าแชมป์แบบนิ่มๆ ชนิดที่ตะลึงกันทั้งเมือง แต่ต้องดูว่าฤดูกาลนี้
ตัวดังๆ จะยังอยู่สักกี่คน โดยเฉพาะมาเรซ, กองเต้ เนี่ย จะดึงไว้ได้หรือเปล่า
ซึ่งผมมองว่าดึงไว้ยาก ตอนนี้มองผ่านไปแล้วว่าเงินที่ได้มาเยอะเนี่ย
จะเปลี่ยนไปซื้อนักเตะได้ดีแค่ไหนเท่านั้นเอง
เพราะจะเห็นได้ว่าในบรรดาทีมลุ้นแชมป์เนี่ย เลสเตอร์ซื้อเยอะสุดแล้วตอนนี้
คือเตรียมพร้อมในการเพิ่มขนาดทีมเพื่อลุยบอลถ้วยยุโรปอย่างเต็มที่แล้ว
และด้วยเทคติคต่างๆ ที่มี ผมว่าไม่น่าพลาดไปบอลยุโรปแน่ๆ คือน่าจะติดอันดับ 3-5 ได้
แต่คงไม่สามารถไปลุ้นแชมป์ได้แล้วล่ะ เพราะต้องไปโฟกัสถ้วยยุโรปอีก
ต้องเตะหลายถ้วยขึ้น นักเตะคงกรอบกว่าเดิม และถ้าขุมกำลังไม่ดีพอ
ระหว่างตัวสำรองกับตัวจริง นั่นจะเป็นปัญหาแน่ๆ ทางแก้คือขายตัวที่ได้ราคา
แล้วเอาเงินนั้นไปซื้อตัวระดับใกล้เคียงกันมาหมุนเวียนเยอะขึ้น ซึ่งก็ทำตามนี้อยู่
สรุปเลสเตอร์ผมว่าคงได้ลุ้นอันดับ 4-5 เท่านั้นในฤดูกาลนี้
ส่วนฤดูกาลหน้าอาจจะมีลุ้นน้อยกว่าเดิม เพราะทีมระดับหัวแถว
คงทยอยกลับมายึดพื้นที่คืนหลังจากที่ทุกอย่างลงตัวแล้ว
---------------------------------------------------------------------------------------------
เมารีซีโอ โปเชตีโน หนุ่มไฟแรงแห่งลอนดอน
ฤดูกาลที่แล้วฟอร์มดีมาก ทีมสปิริตเยี่ยม แต่ปัญหาของทีมคนหนุ่มคือ
บทจะหมดไฟก็หมดและน็อคไปดื้อๆ เลยในช่วงปลายฤดูกาลที่รู้ว่าพลาดแชมป์แน่ๆ
นักเตะก็ฟอร์มตกส่งท้ายกันหมด เหมือนกับว่ากำลังใจหมดไปซะเฉยๆ
ซึ่งนี่คือปัญหาของการไล่ล่าแชมป์ที่นักเตะส่วนใหญ่รวมถึงผู้จัดการทีมไม่เคยเจอ
คือจะบริหารจิตใจนักเตะหนุ่มเหล่านี้ยังไง ให้ไม่เสียสมาธิหรือจิตหลุด
พอเป้าหมายที่ใกล้แค่คว้ามือเอื้อมหลุดลอยไป
ฤดูกาลนี้น่าจะเดินสายช็อปไม่แพ้กันกับทีมอื่นๆ แต่โอกาสได้นักเตะระดับ A+ น้อย
แม้ว่าจะได้ไปเตะแชมปเปี้ยนลีคก็ตามที เพราะตอนนี้นักเตะดังๆ ถ้าจะย้ายมาพรีเมียร์
คงเล็งทีมอื่นๆ มากกว่า ดังนั้นจะเจอปัญหาเดียวกับคล็อปคือดึงผู้เล่นระดับ A+ ไม่ได้
แต่ด้วยความที่ทีมค่อนข้างลงตัวแล้ว ดังนั้นน่าจะเน้นเสริมมากกว่า น่าจะหานักเตะ
ที่มีประสบการณ์ลุ้นแชมป์ และเป็นกำลังใจให้นักเตะหนุ่มๆ ในทีมได้สักคน
เสนอคนนี้เลย เบอร์ 7 แห่งเยอรมัน ฮ่าๆๆ
ส่วนตัวคิดว่าสเปอร์ปีนี้คงลุ้นอันดับ 3-5 มากกว่า อยู่ที่ว่าจะแก้ไขปัญหาได้ดีแค่ไหน
---------------------------------------------------------------------------------------------
มูริญโญ่ - ผีแดงตัวใหม่ที่ไม่รู้จะผีเข้าผีออกตอนไหน
ไล่เลียงด้านบนมาจะเห็นได้ว่า ตอนนี้เรื่องประสบการณ์ ขุมกำลัง
และความพร้อมในการเตรียมตัวรับงาน มูริญโญ่น่าจะถือว่าพร้อม
และได้เปรียบกว่าเป็ป และคอนเต้พอสมควร
เพราะมีเวลาวางแผน จัดตัวนักเตะ และเตรียม List รายชื่อนักเตะ
ที่จะดึงมาร่วมทีมพอสมควร เพราะแต่ละตัวที่ได้มานี่ถือว่าตอบโจทย์เลย
อีกทั้งงบที่ทีมพร้อมเสนอให้ก็ถือว่ามากมายมหาศาล เรียกว่าทุ่มไม่อั้น
แม้ว่าจะไม่ได้ไปแชมป์เปี้ยนลีค แต่บารมีของมูริญโญ่ก็ดีพอ
ที่จะดึงให้นักเตะระดับ A+ หรือแม้แต่ระดับ S (โรยรา) อย่างสลาตัน
ให้เดินหน้าเข้ามาในทีมได้เช่นกัน และดูเหมือนว่าน่าจะเสริมอีก
อย่างน้อยหนึ่งตำแหน่งคือกองกลางตัวหลักอีกหนึ่งตัว
ที่จะทำหน้าที่แบกทีม สร้างสรรค์เกมส์รุกให้กับทีม
ข่าวตอนนี้ก็คือป็อกบาซึ่งราคามหาโหดมาก
และตลกที่แฟนผีหลายๆ คนลุ้นให้ป็อกบาไปรีล มาดริดซะ
เดี๋ยวผีแดงจะเซ้งโทนี่ โครสต่อเอง ฮ่าๆๆ
สรุปว่าตัวนักเตะไม่น่าจะใช่ปัญหาของแมนยูอีกแล้ว
ส่วนระบบที่จะใช้เล่นคงเป็น 4-3-3 ไม่ก็ 4-2-1-3 เวลาเน้นรับ
ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ได้ยากต่อการปรับตัวเท่าไหร่ นักเตะคงไม่มีปัญหา
ลุ้นแค่ให้เล่นเข้าขากันได้ไวๆ เท่านั้นเอง
ส่วนเรื่องประสบการณ์ในพรีเมียร์ ก็ไม่มีอะไรน่ากังวลใจ
เพราะถือว่ามีเยอะมาก ผ่านทั้งประสบการณ์ลุ้นแชมป์ คว้าแชมป์
รวมไปถึงโดนไล่ออกก็โดนมาแล้ว เรียกว่าผ่านมาทุกสิ่งอย่างแล้ว
ซึ่งการโดนไล่ออกถือเป็นสิ่งใหม่ที่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนของมูเลย
ดังนั้นการกลับมาครั้งนี้ ได้คุมทีมที่อยากคุม ได้การสนับสนุนเต็มที่
ทั้งจากนักเตะ และทีมบริหาร รวมไปถึงทุนซื้อนักเตะ
บวกกับ Passion ในการพิสูจน์ตัวเอง และแก้ไขปัญหาที่เคยก่อไว้
ผมว่าน่าจะทำให้มูนิ่งขึ้น และคงไม่ออกอาการผีเข้าผีออกเหมือนเดิม
ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้มากแค่ไหน
ดังนั้นเมื่อไล่เรียงดูคู่แข่งแล้ว ผมว่าถ้าแมนยูจะคว้าแชมป์พรีเมียร์
ปีนี้คือโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว เพราะปีหน้าทีมอื่นๆ น่าจะลงตัวกว่านี้
และทำให้งานยากขึ้นอีกเยอะ
แต่ด้วยสถิติแล้ว มูมักจะคว้าแชมป์ได้ในปีที่สองเสมอ
ดังนั้นผมว่าปีนี้พรีเมียร์ยังไม่ไฟแลบอย่างที่หลายๆ คนคิด
แต่ฤดูกาล 2017/18 นี่แหละ ที่จะโหดสุดขั้วจริงๆ
เพราะหลายๆ ทีมคงอยู่ในฟอร์มที่พร้อมรบกับแบบสุดขั้ว
สำหรับผมขอเดาอันดับ 1-5 พรีเมียร์ฤดูกาล 2016/2017 ไว้ดังนี้
1. Man Utd
2. Man City
3. Arsenal
4. Spur
5. Chelsea
เพื่อนๆ เดาว่าใครจะติดอันดับไหนกันมั่ง มาลองเดาดูกันเล่นๆ จบฤดูกาลมาวัดกันใครแม่นสุด