คือ ผมเห็น สื่อฯชอบพาดหัวข่าวในทำนองว่า รุกที่เขาใหญ่
แต่เมื่อดูเนื้อข่าว กลับเข้าใจว่า พื้นที่บางส่วน(ที่เป็นปัญหา) อยู่ในเขตนิคมสร้างตนเอง
ตามความเข้าใจของผมนะ
ที่ดินในเขตนิคมฯ ยังไม่มีโฉนด เข้าใจว่า ยังเป็น เอกสาร นค3 อยู่
ถ้าเป็นกรณีนี้จริง หมายความว่า เป็นการซื้อขายที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย(พรบ. จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511)
การซื้อขายเป็นโมฆะ ถ้ามีสิ่งปลูกสร้างอะไรอยู่ในที่ดิน ก็ให้รื้อถอนออกไป(ภายในสามสิบวัน) ก็จบ
และอันที่จริง ตามพรบฉบับนี้ คนนอก ก็สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ ครับ
มาตรา 14 ให้อธิบดีมีอำนาจปฏิบัติการในที่ดินภายในเขตของนิคม เกี่ยวกับไม้หวงห้าม แร่ หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งผล ประโยชน์เป็นเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นสำหรับบำรุงส่งเสริมกิจกรรมและ การจัดทำสิ่งก่อสร้างอันเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมของนิคมได้ โดยปฏิบัติ การตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
มาตรา 15 ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปหาประโยชน์ ยึดถือ ครอบครอง ปลูกสร้าง ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการ ทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน หรือทำให้เป็นอันตรายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในที่ดินภายในเขตของนิคมเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี สมาชิกนิคมจะกระทำการตามวรรคหนึ่งได้โดยไม่ต้องเสียเงิน ค่าบำรุงตาม มาตรา 16 เฉพาะในที่ดินที่ตนได้รับมอบให้เข้าทำประโยชน์ เท่านั้น
มาตรา 16 ในการอนุญาตตาม มาตรา 15 ให้อธิบดีมีอำนาจเรียกเก็บเงินค่าบำรุงตามจำนวนที่อธิบดีกำหนดโดยสมควรแก่กิจการนั้น เงินค่าบำรุงนั้นให้ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของนิคม
แต่ถ้าหากเป็น การบุกรุกป่า มันจะเป็นคนละเรื่อง กัน เลยนะครับ
ดังนั้น ข้อสงสัยเบื้องต้นของผมก็คือ สรุปแล้ว ที่ดินที่มีปัญหาในกรณีนี้ อยู่ในเขตนิคมฯ หรือ เขตป่าฯ กันแน่ครับ ?
เพราะถ้าอยู่ในเขตนิคมฯ มันก็ไม่ใช่การ บุกรุกป่า แต่ถ้าเป็น ป่า มันก็ต้องไม่ใช่ที่ดินของ นิคมฯ
ท่านใด ทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ กรุณาแบ่งปันด้วยครับ
เพราะสื่อฯ สมัยนี้ ชอบ สร้าง และเผยแพร่ ข้อมูลที่สับสน อยู่ ตลอดเวลา งงกับเขาจริงๆ
อนุโมทนา ครับท่าน
สรุปแล้ว ศูนย์ปฏิบัติธรรม เวิลด์พีซ วัลเล่ย์ บุกรุกป่า หรือ อยู่ในเขตนิคมฯ กันแน่ครับ ?
แต่เมื่อดูเนื้อข่าว กลับเข้าใจว่า พื้นที่บางส่วน(ที่เป็นปัญหา) อยู่ในเขตนิคมสร้างตนเอง
ตามความเข้าใจของผมนะ
ที่ดินในเขตนิคมฯ ยังไม่มีโฉนด เข้าใจว่า ยังเป็น เอกสาร นค3 อยู่
ถ้าเป็นกรณีนี้จริง หมายความว่า เป็นการซื้อขายที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย(พรบ. จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511)
การซื้อขายเป็นโมฆะ ถ้ามีสิ่งปลูกสร้างอะไรอยู่ในที่ดิน ก็ให้รื้อถอนออกไป(ภายในสามสิบวัน) ก็จบ
และอันที่จริง ตามพรบฉบับนี้ คนนอก ก็สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ ครับ
มาตรา 14 ให้อธิบดีมีอำนาจปฏิบัติการในที่ดินภายในเขตของนิคม เกี่ยวกับไม้หวงห้าม แร่ หรือทรัพยากรธรรมชาติอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งผล ประโยชน์เป็นเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นสำหรับบำรุงส่งเสริมกิจกรรมและ การจัดทำสิ่งก่อสร้างอันเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมของนิคมได้ โดยปฏิบัติ การตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
มาตรา 15 ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปหาประโยชน์ ยึดถือ ครอบครอง ปลูกสร้าง ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการ ทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดิน หรือทำให้เป็นอันตรายแก่ทรัพยากรธรรมชาติในที่ดินภายในเขตของนิคมเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี สมาชิกนิคมจะกระทำการตามวรรคหนึ่งได้โดยไม่ต้องเสียเงิน ค่าบำรุงตาม มาตรา 16 เฉพาะในที่ดินที่ตนได้รับมอบให้เข้าทำประโยชน์ เท่านั้น
มาตรา 16 ในการอนุญาตตาม มาตรา 15 ให้อธิบดีมีอำนาจเรียกเก็บเงินค่าบำรุงตามจำนวนที่อธิบดีกำหนดโดยสมควรแก่กิจการนั้น เงินค่าบำรุงนั้นให้ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของนิคม
แต่ถ้าหากเป็น การบุกรุกป่า มันจะเป็นคนละเรื่อง กัน เลยนะครับ
ดังนั้น ข้อสงสัยเบื้องต้นของผมก็คือ สรุปแล้ว ที่ดินที่มีปัญหาในกรณีนี้ อยู่ในเขตนิคมฯ หรือ เขตป่าฯ กันแน่ครับ ?
เพราะถ้าอยู่ในเขตนิคมฯ มันก็ไม่ใช่การ บุกรุกป่า แต่ถ้าเป็น ป่า มันก็ต้องไม่ใช่ที่ดินของ นิคมฯ
ท่านใด ทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ กรุณาแบ่งปันด้วยครับ
เพราะสื่อฯ สมัยนี้ ชอบ สร้าง และเผยแพร่ ข้อมูลที่สับสน อยู่ ตลอดเวลา งงกับเขาจริงๆ
อนุโมทนา ครับท่าน