สวัสดีทุกคน วันนี้เราอยากถามอะไรหน่อยน่ะว่าทุกคนเคยมีประสบการณ์เกลียดใครมากๆบ้างมั้ย ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วแต่ก็หยุดเกลียดไม่ได้เลย เรามีอยู่คนหนึ่ง อยากเอามาแชร์
ตอนนั้นเราเป็นเด็กนักเรียนประจำ เข้าเรียนตอน ม.ปลาย ด้วยความที่หัวดี และเป็นเด็กที่เชื่อฟังผู้ใหญ่กับครูอาจารย์มาก มีกิจกรรมอะไรจะช่วยตลอด ทั้งงานโรงเรียน งานกีฬา งานวิชาการ ช่วยทุกด้าน จนเป็นที่ไว้วางใจของทั้งครู เพื่อน พี่และผู้ใหญ่ในโรงเรียน
แต่มีอยู่วันหนึ่ง จำได้ว่าวันนั้นกลับมาจากกิจกรรมค่ำ และต้องซักผ้าตากเอง เป็นโรงเรียนรัฐชีวิตไม่ได้สวยหรูเหมือนโรงเรียนประจำเอกชน ตากผ้าเสร็จก็เข้ามาอาบน้ำ ซึ่งน้ำในโรงเรียนจะปิด-เปิดเป็นเวลาทำให้น้ำในอ่างเหลือไม่มาก และเราก็ไปเข้าห้องอาบน้ำห้องหนึ่งที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไป
ห้องอาบน้ำห้องนี้มีน้ำพอให้อาบได้คนหนึ่งพอดี อาบก็อาบไปเรื่อยๆจนล้างเนื้อล้างตัวเสร็จก็มีเด็กนักเรียนหญิงมาเคาะห้องบอกลืมของลืมเงืนไว้ในห้องอาบน้ำ เรายังไม่ทันจะได้ใส่เสื้อผ้าเลยเด็กคนนั้นก็ทุบประตูอยู่อย่างนั้น จนเราต้องอาบผ้าเช็ดตัวมาพันตัวและเปิดให้น้องเข้ามา และน้องก็เข้ามาส่องๆก้มๆเงยๆหาเงินที่ว่านั้น แต่หายังไงก็หาไม่เจอ น้องก็เลยมาหาว่าเราขโมยไป บังคับให้เราคืนเงินเขาไป เราก็บอกว่าไม่ได้ขโมยให้ลองหาอีกรอบ เขาก็หาอีก ก็ยังไม่เจอ น้องก็ยังกล่าวหาเราอยู่อย่างนั้นและบังคับให้เราเปิดผ้าพันตัวออก เราก็เอาวะก็บริสุทธิ์ใจและเป็นผู้หญิงเหมือนกัน กฌเลยเปิดซะอ้าซ่าเลย ก็ไม่มีเงินที่หายอยู่ดี พอออกจากห้องน้ำน้องก็บอกว่าขอค้นตู้กลัวเอาเงินไปซ่อนในนั้น เราก็ให้ค้น เพราะไม่มีอยู่แล้ว และก็ไม่มีจริงๆ
แต่มันยังไม่จบเท่านั้น เมื่อน้องไม่ยอมเชื่อและไปฟ้องครูหอ งานเข้าเลยทีนี้ ก่อนเข้าอบรมสวดมนต์ก่อนนอนคืนนั้นเราโดนเรียกเข้าห้องพักของครูหอซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหอนอนของเราพร้อมน้องที่เงินหาย พอเข้าไปในห้อง ครูไม่สอบสวนหรือหาที่ไปที่มาซักคำ บอกเราแค่เอาเงินที่ขโมยมาคืนน้องซะแล้วจะไม่เอาความ (ชิปหายละกู คิดในใจ) เราได้แต่นั่งมองหน้าครูคนนั้นและพูดอะไรไม่ออก นั่งนิ่ง จนแกพูดซ้ำอีกรอบ เราถึงบอกว่าไม่ได้เอาไป ครูก็พูดมาอีกว่า "แล้วใครจะเอาไป ก็ในห้องนั้นมีเธออยู๋แค่คนเดียว" เราก็เลยพูดไปว่า "ห้องอาบน้ำรวม คนอื่นมันก็เข้าได้ พอเข้าเสร็จ เขาก็ออกได้ และคนที่อาบทีหลังมันจะเหลืออะไรให้ขโมย" พอเราพูดแค่นี้ครูก็ด่าว่าเราใหญ่เลย ด่าอะไรบ้างก็จำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าหมดศรัทธากับคนๆนี้ตั้งแต่วันนี้เลย ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ขโมยอะไร แต่โดนบังคับให้ยอมรับมัน เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนใส่ร้ายก็วันนี้ละค่ะ
ด้วยความที่ว่าอยู่โรงเรียนประจำ ข่าวคราวต่างๆถึงกันเร็วยิ่งกว่า 3G 4G เรากลายเป็นหัวขโมยไปโดยทันที สายตาที่ทุกคนมองมันกลายเป็นสายตาที่ไม่น่ามองสำหรับเราแล้ว และยิ่งน้องคนนั้นกับครูคนนั้นด้วย เอาไปป่าวประกาศ จนไม่รู้ว่าถึงไหนต่อไหน และอยู่ที่หอนอนนั่น ก็โดนแกล้งสารพัด ทำไรนิดหน่อยก็โดนครูด่า จนเกลียดครูคนนั้นเข้าไส้ เจอกันก็ไม่ไหว้ กะว่าตายกูก็ไม่แคร์ อะไรอย่างนั้นเลย
แต่ฟ้าก็มีตาอยู่บ้าง เมื่อความจริงเปิดเผย น้องคนอื่นๆที่อยู่ในหอนอนไม่เชื่อว่าเราขโมยเงินไป ก็ช่วยเราสืบหาตัวคนร้าย จนจับได้ ว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับน้องเจ้าของเงิน น้องที่ขโมยพูดว่าหลังจากน้องเจ้าของเงินออกจากห้องอาบน้ำ ตนเองก็เข้าไปอาบต่อและเจอเงินวางอยู่จึงหยิบไป และเราก็เข้าต่อจากน้องเขา ทำให้เราโดนแจ็คพ็อตไปด้วย พอรู้ความจริงกันทุกฝ่ายอย่างนี้ น้องๆทุกคนที่เคยดูถูกเราก็มาขอโทษเรากันใหญ่เราทั้งน้องเจ้าของเงินด้วย ขอโทษเราหลายครั้งมาก และเราก็ไม่ติดใจอะไร จนครูมารร้ายตัวเด็ดนี่ละไม่ยอมจบพอรู้ความจริงไม่ขอโทษเราสักคำ กลับมองเราแบบเหยียดหยามอีก ประมาณว่า "แล้วยังไง" และยังไม่หยุดพูดใส่ร้ายเราอีก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเราก็เลยมีนิสัยรั้นบ้าง และพูดตรงประเด็น ฉะให้ขาดกันไปข้างหนึ่ง แต่ความรู้สึกเกลียดครูคนนั้นกลับยังฝังใจ ชนิดลืมไม่ลง ถ้าของใครหายแล้วถามหรือพูดขึ้นมา ว่ามีคนเห็นหรือเปล่า เราจะสะดุ้งทุกที เพราะอดีตเป็นตัวกระตุ้นตลอด แต่เราก็มั่นใจในความดีของเรา ว่าเราทำดีต้องมีคนช่วยคนเห็นด้วยสิน่า
พิมพ์มาซะยาว แล้วเพื่อนๆละมีความรู้สึกแบบนี้ หรือประสบการณ์แบบนี้บ้างรึเปล่า ถ้ามีก็ระบายได้นะ เป็นกำลังให้ค่ะ
เคยเกลียดใครมากๆผ่านไป 10 ปี ก็ยังเกลียดอยู่มั้ย
ตอนนั้นเราเป็นเด็กนักเรียนประจำ เข้าเรียนตอน ม.ปลาย ด้วยความที่หัวดี และเป็นเด็กที่เชื่อฟังผู้ใหญ่กับครูอาจารย์มาก มีกิจกรรมอะไรจะช่วยตลอด ทั้งงานโรงเรียน งานกีฬา งานวิชาการ ช่วยทุกด้าน จนเป็นที่ไว้วางใจของทั้งครู เพื่อน พี่และผู้ใหญ่ในโรงเรียน
แต่มีอยู่วันหนึ่ง จำได้ว่าวันนั้นกลับมาจากกิจกรรมค่ำ และต้องซักผ้าตากเอง เป็นโรงเรียนรัฐชีวิตไม่ได้สวยหรูเหมือนโรงเรียนประจำเอกชน ตากผ้าเสร็จก็เข้ามาอาบน้ำ ซึ่งน้ำในโรงเรียนจะปิด-เปิดเป็นเวลาทำให้น้ำในอ่างเหลือไม่มาก และเราก็ไปเข้าห้องอาบน้ำห้องหนึ่งที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไป
ห้องอาบน้ำห้องนี้มีน้ำพอให้อาบได้คนหนึ่งพอดี อาบก็อาบไปเรื่อยๆจนล้างเนื้อล้างตัวเสร็จก็มีเด็กนักเรียนหญิงมาเคาะห้องบอกลืมของลืมเงืนไว้ในห้องอาบน้ำ เรายังไม่ทันจะได้ใส่เสื้อผ้าเลยเด็กคนนั้นก็ทุบประตูอยู่อย่างนั้น จนเราต้องอาบผ้าเช็ดตัวมาพันตัวและเปิดให้น้องเข้ามา และน้องก็เข้ามาส่องๆก้มๆเงยๆหาเงินที่ว่านั้น แต่หายังไงก็หาไม่เจอ น้องก็เลยมาหาว่าเราขโมยไป บังคับให้เราคืนเงินเขาไป เราก็บอกว่าไม่ได้ขโมยให้ลองหาอีกรอบ เขาก็หาอีก ก็ยังไม่เจอ น้องก็ยังกล่าวหาเราอยู่อย่างนั้นและบังคับให้เราเปิดผ้าพันตัวออก เราก็เอาวะก็บริสุทธิ์ใจและเป็นผู้หญิงเหมือนกัน กฌเลยเปิดซะอ้าซ่าเลย ก็ไม่มีเงินที่หายอยู่ดี พอออกจากห้องน้ำน้องก็บอกว่าขอค้นตู้กลัวเอาเงินไปซ่อนในนั้น เราก็ให้ค้น เพราะไม่มีอยู่แล้ว และก็ไม่มีจริงๆ
แต่มันยังไม่จบเท่านั้น เมื่อน้องไม่ยอมเชื่อและไปฟ้องครูหอ งานเข้าเลยทีนี้ ก่อนเข้าอบรมสวดมนต์ก่อนนอนคืนนั้นเราโดนเรียกเข้าห้องพักของครูหอซึ่งอยู่ตรงข้ามกับหอนอนของเราพร้อมน้องที่เงินหาย พอเข้าไปในห้อง ครูไม่สอบสวนหรือหาที่ไปที่มาซักคำ บอกเราแค่เอาเงินที่ขโมยมาคืนน้องซะแล้วจะไม่เอาความ (ชิปหายละกู คิดในใจ) เราได้แต่นั่งมองหน้าครูคนนั้นและพูดอะไรไม่ออก นั่งนิ่ง จนแกพูดซ้ำอีกรอบ เราถึงบอกว่าไม่ได้เอาไป ครูก็พูดมาอีกว่า "แล้วใครจะเอาไป ก็ในห้องนั้นมีเธออยู๋แค่คนเดียว" เราก็เลยพูดไปว่า "ห้องอาบน้ำรวม คนอื่นมันก็เข้าได้ พอเข้าเสร็จ เขาก็ออกได้ และคนที่อาบทีหลังมันจะเหลืออะไรให้ขโมย" พอเราพูดแค่นี้ครูก็ด่าว่าเราใหญ่เลย ด่าอะไรบ้างก็จำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าหมดศรัทธากับคนๆนี้ตั้งแต่วันนี้เลย ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ขโมยอะไร แต่โดนบังคับให้ยอมรับมัน เพิ่งเข้าใจความรู้สึกของคนที่โดนใส่ร้ายก็วันนี้ละค่ะ
ด้วยความที่ว่าอยู่โรงเรียนประจำ ข่าวคราวต่างๆถึงกันเร็วยิ่งกว่า 3G 4G เรากลายเป็นหัวขโมยไปโดยทันที สายตาที่ทุกคนมองมันกลายเป็นสายตาที่ไม่น่ามองสำหรับเราแล้ว และยิ่งน้องคนนั้นกับครูคนนั้นด้วย เอาไปป่าวประกาศ จนไม่รู้ว่าถึงไหนต่อไหน และอยู่ที่หอนอนนั่น ก็โดนแกล้งสารพัด ทำไรนิดหน่อยก็โดนครูด่า จนเกลียดครูคนนั้นเข้าไส้ เจอกันก็ไม่ไหว้ กะว่าตายกูก็ไม่แคร์ อะไรอย่างนั้นเลย
แต่ฟ้าก็มีตาอยู่บ้าง เมื่อความจริงเปิดเผย น้องคนอื่นๆที่อยู่ในหอนอนไม่เชื่อว่าเราขโมยเงินไป ก็ช่วยเราสืบหาตัวคนร้าย จนจับได้ ว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับน้องเจ้าของเงิน น้องที่ขโมยพูดว่าหลังจากน้องเจ้าของเงินออกจากห้องอาบน้ำ ตนเองก็เข้าไปอาบต่อและเจอเงินวางอยู่จึงหยิบไป และเราก็เข้าต่อจากน้องเขา ทำให้เราโดนแจ็คพ็อตไปด้วย พอรู้ความจริงกันทุกฝ่ายอย่างนี้ น้องๆทุกคนที่เคยดูถูกเราก็มาขอโทษเรากันใหญ่เราทั้งน้องเจ้าของเงินด้วย ขอโทษเราหลายครั้งมาก และเราก็ไม่ติดใจอะไร จนครูมารร้ายตัวเด็ดนี่ละไม่ยอมจบพอรู้ความจริงไม่ขอโทษเราสักคำ กลับมองเราแบบเหยียดหยามอีก ประมาณว่า "แล้วยังไง" และยังไม่หยุดพูดใส่ร้ายเราอีก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเราก็เลยมีนิสัยรั้นบ้าง และพูดตรงประเด็น ฉะให้ขาดกันไปข้างหนึ่ง แต่ความรู้สึกเกลียดครูคนนั้นกลับยังฝังใจ ชนิดลืมไม่ลง ถ้าของใครหายแล้วถามหรือพูดขึ้นมา ว่ามีคนเห็นหรือเปล่า เราจะสะดุ้งทุกที เพราะอดีตเป็นตัวกระตุ้นตลอด แต่เราก็มั่นใจในความดีของเรา ว่าเราทำดีต้องมีคนช่วยคนเห็นด้วยสิน่า
พิมพ์มาซะยาว แล้วเพื่อนๆละมีความรู้สึกแบบนี้ หรือประสบการณ์แบบนี้บ้างรึเปล่า ถ้ามีก็ระบายได้นะ เป็นกำลังให้ค่ะ