ขอเล่าสั้นๆนะคะ พอดีขอคืนเงินจากกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ทำไว้กับธนาคารนึง โดยมีการยื่นคำร้องไปเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือนแล้ว แต่เรื่องยังเงียบไป เลยอยากทราบว่า ปกติใช้เวลานานเท่าไหร่ หรือแล้วแต่กรณี แล้วเงินจะได้ครบหรือไม่
หมายเหตุ
1. ยอดเงินจำนวนสูง
2.เป็นการขายแบบผิดวัตถุประสงค์โดยพนักงานแจ้งว่าเป็นเงินฝากแบบมีดอกเบี้ย
3.ระยะเวลาการทำประกัน ประมาณ1ปีกว่าๆ
ใครเคยเจอกรณีแบบนี้ หรือ คนใกล้ตัว ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
เพิ่มเติมนะคะ
พนักงานทำการขายประกันแบบออม โดยมีการเสนอว่าเป็นเงินฝากแบบดอกเบี้ยสูง แต่ต้องทำเป็นคู่ ฝากแค่เพียงครั้งเดียว ครบ5 ปีจะได้เงินทั้งหมดคืน พอมีดอกเบี้ยสูง เลยจูงใจให้ย้ายมาจากบัญชีฝากประจำที่มี เดิมทีก็เป็นลูกค้าชั้นดี ใช้บริการมาตลอด ทุกครั้งจะไปกับหลาน (ป้าไม่รู้หนังสือ เซ็นชื่อได้อย่างเดียว) แต่ช่วงที่ทำนั้นหลานไปบวช ตกลงทำไป เพราะมีของแถมให้(ทองกับตรวจสุขภาพ) ตอนรับกรมธรรม์เอาไปให้ พนักงานดูและถามว่าทำไมไม่ใช่สมุด(ก่อนหน้านี้เคยซื้อหุ้นกู้ได้รับมาเป็นกระดาษ เลยคิดว่าเป็นแบบเดียวกัน) พนักงานแจ้งว่าให้เก็บไว้เป็นแบบนี้ ผ่านมา 1 ปี มีโทรศัพท์โทรมาแจ้งให้ชำระ ไม่ได้เอะใจเพราะคิดว่าไม่ได้ทำประกัน ต่อมามีหนังสือแจ้งหักบัญชี เลยเอามาให้หลานดู จึงรู้ว่าเป็นการทำประกัน (ในกรณีนี้ ถ้าเงินในบัญชีมีพอ จะไม่มีจดหมายส่งมาเตือน แล้วก็จะหักไปเลย อาจจะมีจดหมายแจ้งว่าชำระแล้ว )จึงได้ไปติดต่อที่ธนาคาร พนักงานบอกจะมาดูให้ที่บ้าน เมื่อมาที่บ้านได้นำประกันอีกแบบมาแนะนำให้เปลี่ยนแผน พร้อมบอกว่ายกเลิกไม่ได้ แต่ทางป้ายืนยันจะยกเลิก จึงจะเข้าไปทำที่ธนาคารเอง หลังจากนั้นพนักงานบอกว่าได้คุยกับฝ่ายประกันแล้ว จะได้เงินครบให้เอาเอกสารมาที่ธนาคาร เมื่อไปถึงได้ให้กรอกเอกสาร "เวนคืน" (การเวนคืน จะไม่ได้รับเงินคืนเต็มจำนวน) โดยให้เขียนว่า มีความจำเป็นต้องใช้เงินเนื่องจากต้องนำเงินส่วนนี้ไปดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ทั้งๆที่จริงแล้ว พนักงานเป็นคนเสนอว่าเป็นเงินฝากที่มีดอกเบี้ยสูง ซึ่งมันขัดแย้งกัน ขณะที่พนักงานเจรจา ย้ำว่า คุยกับผู้ใหญ่แล้ว จะได้รับเงินครบทั้งจำนวน และได้ทวงถามถึงของแถมที่ให้ไป แต่ทางป้าขอความแน่ชัดว่าจะได้เงินคืนเต็มจำนวนแน่นอน ทางพนักงานก็อ้ำอึ้งและโทรไปยัง บริษัทประกัน เพื่อสอบถาม(ทั้งๆที่ก่อนนี้แจ้งว่าคุยให้เรียบร้อยแล้ว) ป้าไม่ได้เซ็นเอกสารเวนคืนแต่อย่างใด เพียงแต่เขียนคำร้องในกระดาษ a4 แยกไปพร้อมหลักฐานต่างๆ แจ้งความจำนงขอเงินคืนพร้อมเหตุผลตามจริง ไม่มีแม้แต่คำขอโทษจากพนักงานคนดังกล่าวเลยทั้งๆที่เป็นคนทำการขายผิดวัตถุประสงค์แท้ๆ
ใครเคยขอคืนเงินคืนจากการทำประกันกับธนาคารบ้างคะ???
หมายเหตุ
1. ยอดเงินจำนวนสูง
2.เป็นการขายแบบผิดวัตถุประสงค์โดยพนักงานแจ้งว่าเป็นเงินฝากแบบมีดอกเบี้ย
3.ระยะเวลาการทำประกัน ประมาณ1ปีกว่าๆ
ใครเคยเจอกรณีแบบนี้ หรือ คนใกล้ตัว ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
เพิ่มเติมนะคะ
พนักงานทำการขายประกันแบบออม โดยมีการเสนอว่าเป็นเงินฝากแบบดอกเบี้ยสูง แต่ต้องทำเป็นคู่ ฝากแค่เพียงครั้งเดียว ครบ5 ปีจะได้เงินทั้งหมดคืน พอมีดอกเบี้ยสูง เลยจูงใจให้ย้ายมาจากบัญชีฝากประจำที่มี เดิมทีก็เป็นลูกค้าชั้นดี ใช้บริการมาตลอด ทุกครั้งจะไปกับหลาน (ป้าไม่รู้หนังสือ เซ็นชื่อได้อย่างเดียว) แต่ช่วงที่ทำนั้นหลานไปบวช ตกลงทำไป เพราะมีของแถมให้(ทองกับตรวจสุขภาพ) ตอนรับกรมธรรม์เอาไปให้ พนักงานดูและถามว่าทำไมไม่ใช่สมุด(ก่อนหน้านี้เคยซื้อหุ้นกู้ได้รับมาเป็นกระดาษ เลยคิดว่าเป็นแบบเดียวกัน) พนักงานแจ้งว่าให้เก็บไว้เป็นแบบนี้ ผ่านมา 1 ปี มีโทรศัพท์โทรมาแจ้งให้ชำระ ไม่ได้เอะใจเพราะคิดว่าไม่ได้ทำประกัน ต่อมามีหนังสือแจ้งหักบัญชี เลยเอามาให้หลานดู จึงรู้ว่าเป็นการทำประกัน (ในกรณีนี้ ถ้าเงินในบัญชีมีพอ จะไม่มีจดหมายส่งมาเตือน แล้วก็จะหักไปเลย อาจจะมีจดหมายแจ้งว่าชำระแล้ว )จึงได้ไปติดต่อที่ธนาคาร พนักงานบอกจะมาดูให้ที่บ้าน เมื่อมาที่บ้านได้นำประกันอีกแบบมาแนะนำให้เปลี่ยนแผน พร้อมบอกว่ายกเลิกไม่ได้ แต่ทางป้ายืนยันจะยกเลิก จึงจะเข้าไปทำที่ธนาคารเอง หลังจากนั้นพนักงานบอกว่าได้คุยกับฝ่ายประกันแล้ว จะได้เงินครบให้เอาเอกสารมาที่ธนาคาร เมื่อไปถึงได้ให้กรอกเอกสาร "เวนคืน" (การเวนคืน จะไม่ได้รับเงินคืนเต็มจำนวน) โดยให้เขียนว่า มีความจำเป็นต้องใช้เงินเนื่องจากต้องนำเงินส่วนนี้ไปดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ทั้งๆที่จริงแล้ว พนักงานเป็นคนเสนอว่าเป็นเงินฝากที่มีดอกเบี้ยสูง ซึ่งมันขัดแย้งกัน ขณะที่พนักงานเจรจา ย้ำว่า คุยกับผู้ใหญ่แล้ว จะได้รับเงินครบทั้งจำนวน และได้ทวงถามถึงของแถมที่ให้ไป แต่ทางป้าขอความแน่ชัดว่าจะได้เงินคืนเต็มจำนวนแน่นอน ทางพนักงานก็อ้ำอึ้งและโทรไปยัง บริษัทประกัน เพื่อสอบถาม(ทั้งๆที่ก่อนนี้แจ้งว่าคุยให้เรียบร้อยแล้ว) ป้าไม่ได้เซ็นเอกสารเวนคืนแต่อย่างใด เพียงแต่เขียนคำร้องในกระดาษ a4 แยกไปพร้อมหลักฐานต่างๆ แจ้งความจำนงขอเงินคืนพร้อมเหตุผลตามจริง ไม่มีแม้แต่คำขอโทษจากพนักงานคนดังกล่าวเลยทั้งๆที่เป็นคนทำการขายผิดวัตถุประสงค์แท้ๆ