☥☥ข้อตกลงเบื้องต้น☥☥
ขอเขียนเรื่องนี้แบบกึ่งเรื่องสั้น
เพราะเอกสารที่ค้นคว้าหายากมาก
รวมทั้งเป็นเรื่องนานกว่า 44 ปีแล้ว
เหยื่ออธรรม ญาติพี่น้องผู้ตาย/นักโทษประหารยังมีมีชีวิตอยู่
บางคนยังอยู่ในอำเภอเมืองจังหวัดสงขลา
ไม่มีใครอยากพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว
แบบจำไม่ได้ ลืมไม่ลง อะไรทำนองนั้น
ส่วนญาติพี่น้องฆาตกรก็ไม่อยากพูดถึง
กับไม่กล้าสู้หน้าชาวบ้านเรื่องนี้เท่าใดนัก
ยังจำเรื่องราวพอสังเขปได้คือ
เหตุการณ์นี้อยู่ในช่วงปีพ.ศ.2515
หลังจอมพลถนอม กิตติขจร
ปฏิวัติตนเองแล้วตำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติกับนายกรัฐมนตรี
เพราะข้อหาเบื่อพวกสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรที่ผ่านการเลือกตั้งในรัฐสภา
มีคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้นในสงขลา
มีการฆ่าครูชายวิทยาลัยเทคนิค
ขณะที่กำลังนั่งพลอดรักกับแฟนสาว
แล้วข่มขืนแฟนสาวที่เป็นครูเทคนิคด้วย
แถวชายหาดที่ตั้งอยู่ด้านหลังวิทยาลัยที่ทั้งคู่สอน
ยุคนั้นยังเป็นทางรกร้างยังไม่มีการพัฒนา
มีต้นสนขึ้นแบบไม่หนาแน่นมากนัก
เป็นถนนชั่วคราวใช้ได้เฉพาะหน้าแล้งเท่านั้น
☥
☥
หมายเหตุ
ถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางเลียบชายทะเลทางไปเก้าเส้ง
จะผ่านฐานทัพทหารเรือในปัจจุบัน
ที่เปิดทางเข้าไว้สองทางแล้ว
เส้นเดิมมาจากวิทยาลัยครู
เข้าถนนสายที่ป๋าเปรมมักจะบ่นกับ
อดีตนายกเทศมนตรีสงขลา ป. ว่า
นั่งรถยนต์ผ่านตรงนี้รู้เลยว่าเข้าตัวเมืองสงขลาแล้ว
เพราะสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งคัน
เพราะถนนตรงบริเวณนั้นเป็นดินตาย
ช่างกรมทางมักจะบอกว่าดินมีชีวิต
ดินตาย คือรับน้ำหนักรถวิ่งผ่านไม่ค่อยได้
สาเหตุจากการบดทับไม่แน่นตอนก่อสร้าง
ดินที่มีการปนเปื้อนวัสดุบางอย่างมากเกินไป
มีน้ำใต้ดินซึมขึ้นมาจนดินอ่อนตัว
หรือสาเหตุอื่นที่ยังไม่ทราบแน่ชัด
บางครั้งต้องขุดลอกดินเก่าออกมา
แล้วหาดินใหม่ไปถมแทน
หรือเทซีเมนต์/ลาดยางทับให้หนากว่าเดิม
เส้นเลียบชายทะเล
ตอนที่มีการจี้ตัวประกันผู้พิพากษาสตรีที่สงขลา
รถยนต์โจรก็วิ่งผ่านเส้นทางนี้
แต่ถูกทหารเรือกับตำรวจยิงใส่ตั้งหลายนัด
เพราะว่าไม่มีตัวประกันอยู่ในรถยนต์แล้ว
กับยิงไปก็ลงเลหมด ไม่ถูกใคร
(ลงเล=ลงทะเล หมดตัวหรือไม่ได้เรื่อง)
เก้าเส้ง/เก้าแสน มีตำนานคนจีนจากเมืองจีน
จะนำเงินไปทำบุญบูรณะวัดพระบรมธาตุที่นครศรีธรรมราช
แต่พอทราบข่าวว่ามีการบูรณะเสร็จแล้ว
เลยนำเงินเก้าแสนฝังไว้ใต้หินที่โยกเยกด้านหลังพระอุโบสถ
พิษฐานว่าวันใดมีการบูรณะวัดนี้อีก
ให้ใครก็ได้มาหยิบเงินนี้ไปทำบุญได้เลย
จะเห็นหินก้อนนี้ได้แต่ไกลตรงทางไปวัดดังกล่าว
ชาวบ้านบางคนเรียกว่า หัวนายเล หรือหัวนายแรง
เด็ก ๆ ผมเคยเอามือล้วงลงใต้ก้อนหิน
เผื่อฟลุคหยิบเงินติดมือขึ้นมาได้
แต่ยังไม่มีใครหยิบได้แต่อย่างใด
เก้าเส้งแต่เดิมเป็นชายหาดรกร้าง
แต่ตอนที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มาตรวจเยี่ยมสงขลา
ชายหาดสมิหลาสงขลาแถวที่มีนางเงือกอยู่
ท่านไปเดินเล่นบริเวณชายหาดสมิหลา
ใกล้ ๆ กับโรงแรมสมิหลาที่ขึ้นชื่อที่สุดในยุคนั้น
ท่านเหยียบเอาขี้ชาวประมงที่เกลื่อนกลาดบริเวณนั้น
เพราะชาวประมงมีประเพณีว่า ห้ามขี้ทับกัน
ต้องไปหาแหล่งที่ขี้ใหม่ไกลจากรอยเดิม
ท่านเลยมีคำสั่งขับไล่พวกชาวประมงทั้งหมด
ให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น เลยย้ายไปอยู่เก้าเส้งในตอนนี้
ไม่มีชาวประมงคนไหนกล้าขัดขืนไม่ยอมย้ายไป
เพราะกลัวมาตรา 17 ของท่านทุกคน
แบบว่าท่านเป็นคนดุ พูดจริง เอาจริง
หรือกลัวถูกคำสั่งยิงเป้าทันที
ตอนญวนอพยพมีการนำคนพวกนี้ไปกักขังแถวนี้
ตอนนี้เป็นสถาบันเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
อยู่ใกล้ ๆ กับวัดเก้าเส้งและมัศยิศ
ก่อนส่งตัวพวกญวนอพยพไปค่ายกักกัน/ประเทศที่ 3
ผมกับเพื่อนยังเคยไปเยี่ยมกับเอาข้าวของไปให้
น่าสงสารมากคนพวกนี้ที่ไร้แผ่นดิน
กับถูกร้านทองในสงขลาหาดใหญ่ปล้นอีกรอบ
หลังหลุดพ้นชาวประมงโจรในอ่าวไทย
ด้วยการรับซื้อทองคำแบบกดราคา
หรือโกงเอาดื้อ ๆ ว่าไม่ใช่ทองคำ
หรือเป็นทองคำปลอม
ทั้งที่คนพวกนี้แอบซุกซ่อนมาทางเรือจนถึงไทย
มีหลายร้านร่ำรวยท่ามกลางเงินบาป
ทองคำยุคนั้นบาทละสองพันเศษ
แต่ร้านค้าทองกดเหลือไม่เกินพันบาท
มีคนหนึ่งในหาดใหญ่โกงคนญวนไป 5 กิโลกรัม(ฉายาไอ้ 5 กิโล)
ราว 328.9 บาท เป็เงินร่วม 6.5 แสนบาท
แบบหน้าด้านไม่จ่ายตังค์หาว่าทองปลอม
แถมขู่ว่าจะแจ้งตำรวจจับตัวข้อหาหลบหนีออกมา
แล้วนำเงินเลวไปลงทุน/ฟอกเงินเปิดเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง
ในหาดใหญ่กับเมืองเงาะร้อยเกาะในภายหลัง
ญวนอพยพต้องรีบขายทองคำ
แบบของร้อนต้องรีบขาย/ขายแบบถูก ๆ
เพื่อหาเงินยังชีพมาใช้จ่าย
กับเจ้าหน้าที่บางรายแอบพาออกมา
ทำธุระ/ขายทองที่หาดใหญ่/สงขลา
ส่วนเรื่องชั่ว ๆ อื่น ๆ ถือว่าจำไม่ได้ก็แล้วกัน
###จบเรื่องไม่อยากจำ###
☥
☥
หัวหน้าคนร้าย ที่ฆ่าครูโรงเรียนเทคโนสงขลาเป็นลูกคนมีเงิน
พ่อแม่ทำโรงกระเบื้องชื่อจังหวัดที่มีงานช้างทุกปี
อยู่ติดกับจังหวัดท่านเนวิน ชิดชอบ
เจ้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์
สมัยก่อนเมืองไทยยังไม่มีกระเบื้องลอนเดี่ยวลอนคู่
ใช้สังกะสีซึ่งร้อนมากเวลาหน้าแล้ง
เผลอ ๆ ฝนหยดตามรูรั่วของสังกะสี
พอใช้นาน ๆ มักจะเป็นสนิม/ฉีกขาดจากแรงลม
หรือมีของหล่นใส่ฉีก
หรือถูกขว้างหลังคาบ้านจากคนเหม็นขี้หน้า
แต่ถ้าใช้กระเบื้องมุงหลังที่เป็นแผ่นเล็ก ๆ
ที่ทำมาจากดินเหนียวเผาขึ้นรูป
ก็มีขายกันแต่ไม่ค่อยคงเส้นคงวา
ใหญ่บ้างเล็กบ้างขนาดผิดเพี้ยน
ขั้นตอนยุ่งยากทั้งตอนทำและใช้
จนมีคนนำปูนซีเมนต์มาทำเป็นแผ่นเรียกว่า
กระเบื้องว่าว แต่ค่อนข้างหนักมาก
วางบนหลังคาบนขื่อคาไม้กันแดดกันฝน
ใช้ทนใช้นานใช้จนรำคาญ
ที่บ้านผมก็เคยใช้แบบนี้
ตลาดท้องถิ่นนิยมกันมากในยุคนั้น
แต่ตอนนี้กลายเป็นของเก่าหายาก
สมัยนั้นจัดว่าแพงพอสมควร
สินค้าบางประเภทต้องขายแพงไปเลย
เพราะโอกาสกลับมาซื้ออีกครั้งน้อยมาก
เช่น เหล็กทอดโรตี ปล่องบ่อ ถังเกรอะถังซึม
หรือพวกบ้านจัดสรรค์ตามโครงการต่าง ๆ
☥
☥
หัวหน้าฆาตกร จบจากโรงเรียนเดียวกับ
ป๋าเปรมคนสงขลาแต่เป็นรุ่นน้องหลายปี
พอจบการศึกษาระดับมัธยมต้นก็ไม่เรียนต่อ
อาศัยเงินทองบารมีพ่อแม่เที่ยวเกะกะระราน
และสร้างปัญหาและความรำคาญไปทั่วหมด
ข่าวว่าถึงขนาดว่าไปทำอวัยวะเพศ
ฝังมุกแบบพวกนักโทษในคุก
ที่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำกัน
เผื่อเวลาไปเที่ยวผู้หญิงหากิน
จะได้เป็นข่าวที่รู้กันทั่วทั้งอำเภอเมืองกับหาดใหญ่
แถมพกมีคดีไปทั่วจนเลื่องลือกันทั้งโรงพักสงขลาหาดใหญ่
แต่พ่อแม่รังแกลูก ไปปัดเป่าคดีให้ทุกครั้ง
เรียกว่าคนมีประวัติก็แล้วกัน
วันนั้นหลังจาก
ฆาตกรทั้งฝูง กินเหล้าย้อมใจได้ที่
กับพวกอีกสองคนขับรถเครื่อง(รถจักรยานยนต์)
มาตระเวณแถวชายหาดสงขลาหาเหยื่อ
สมัยนั้นใครมีรถเครื่องก็จัดว่าเป็นคนรวยแล้ว
คาดว่าคงทำชั่วมาหลายครั้งแล้ว
ไม่มีปัญหาไม่มีใครกล้าแจ้งความดำเนินคดี
หรือถึงใครแจ้งความก็มีเงินเป่าคดี
ให้ Blowing the wind ไปลงเล
พอเจอครูเทคนิคนั่งจีบกัน
กับพวกก็เลยลงมือเอามีดจี้ครูผู้ชาย
แต่ครูชายเป็นคนพื้นที่ในอำเภอเมืองสงขลา
ไม่ยอมให้จี้เลยเกิดการต่อสู้กัน
แต่สู้ไม่ได้ถูกมันแทงจนตาย
แล้วมันกับพวกก็เอามีดจี้คอหอยครูสตรี
ทำการข่มขืนครูสตรีอย่างทารุณ
รายงานข่าวไม่แน่ชัดว่า
เพื่อนมันอีกคนร่วมข่มขืนด้วยหรือไม่
แต่พอข่มขืนเสร็จมันเอาไฟรถจักรยานยนต์
หันหัวรถไปส่องหน้าคนถูกข่มขืน
ไม่รู้ว่าจะขู่ฆ่าหรือขับชนทับให้ตายในสถานที่ทำชั่ว
เป็นการอำพรางคดีว่าตายเพราะอุบัติเหตุ
มอเตอร์ไซด์ทับคนตายได้นี่เรื่องจริง
เพราะทั้งน้ำหนักคนกับน้ำหนักรถจักรยานยนต์
เหยียบบนร่างกายคนโดนตรงส่วนสำคัญ
ไม่ตายก็พิการไปเลยเช่นกัน
แต่พอมันเห็นหน้าของเหยื่อมันแล้ว มันร้องว่า
"อย่าแจ้งความไม่งั้นตายแน่ "
แล้วมันร้องว่า "ขอโทษด้วย"
เพราะครูคนนั้นมีศักดิ์เป็นน้ามัน
กับเคยเจอหน้ากันมาก่อนหน้านี้แล้ว
ข่าวจากวงในตำรวจระบุว่า
พวกมันมากันสามตัวอีกตัวคอยดูต้นทาง
แต่ที่ลงมือทำการคือ ตัวฆาตกร กับเพื่อนมันอีกคน
มันจัดว่าเป็นพวกขาใหญ่ (มีอิทธิพลพอสมควร)
เคยต้องคดีหลายครั้ง
แต่หลุดคดีมาทุกครั้ง
เพราะเงินช่วยปัดเป่าคดี
เพราะพ่อแม่มันไปจ่ายรายการกับเป่าคดี
รวมทั้งส่วนมากผู้เสียหายมักยอมความ
เพราะอับอายขายขี้หน้าเรื่องถูกข่มขืน
ทำให้มันชะล่าใจว่าไม่เป็นไร
ยังไง ๆ ก็รอดมาตลอดอยู่แล้ว
แต่กรรมชั่วครั้งนี้
☥โชคชะตา ฟ้าลิขิต☥
ทั้งคนตายกับผู้หญิงที่ถูกข่มขืน
เป็นข้าราชการครูเทคนิคทั้งคู่
เรื่องเลยบานปลายกันไปใหญ่
เพราะครูอาจารย์นักเรียนเทคนิค
ที่รู้เรื่องโหดร้ายเรื่องนี้ ยิ่งเป็นครู
ยิ่งใกล้ที่เรียน ยิ่งกลัวผี เลยต่างยิ่งไม่ยอม
จะรวมกลุ่มเดินขบวนไปที่จังหวัด
ให้ลากคอฆาตกรมาลงโทษให้ได้
แม้ว่าจะอยู่ในช่วงประกาศกฎอัยการศึกก็ตาม
แต่เลือดขึ้นหน้าความตายความกลัวก็มลายหายไป
จนต้องมีการห้ามปรามกันวุ่นวายทั้งวิทยาลัย
รวมทั้งครูผู้หญิงจำหน้ามันได้
เพราะมันมีศักดิ์เป็นหลานทรพี
☥☥☥อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล☥☥☥
งานนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องลงมือมาดูสำนวนเอง
พร้อมกับอัยการจังหวัด ผู้กำกับการตำรวจจังหวัด
สารวัตรตำรวจอำเภอเมือง กับผู้พันค่ายคอหงษ์
จนมีการจับตัวฆาตกรมาไว้ที่โรงพักสงขลา
มันแอ่นอกรับว่า " กูรับผิดชอบว่ากูทำคนเดียว "
ไม่ยอมซัดทอดเพื่อนมันอีกคนว่าเป็นคนดูต้นทาง
เรื่องนี้เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ
หนังสือพิมพ์ต่างลงข่าวพาดหัวหน้าหนึ่ง
ที่สงขลากับหาดใหญ่มีการลงขันพนันกันว่า
รอดหรือไม่รอด
เล่นพนันคดีนี้กันอย่างมโหฬาร
ได้เสียกันหลายพันหลายหมื่นหลายวงพนัน
เพราะที่ผ่านมามันรอดมาหลายคดีแล้ว
มีคนไปดูหน้ามันที่โรงพัก แล้วด่าแม่มัน
แต่มันยิ้มเยาะแบบสะใจ
เพราะคิดว่ายังไงกูก็รอดอยู่แล้ว
เดี๋ยวพ่อแม่มันก็จ่าย
ตังค์ครบหลุดแน่
ย้อนอดีตนักโทษประหาร ม.17 ถูกยิงเป้าที่สงขลา
ขอเขียนเรื่องนี้แบบกึ่งเรื่องสั้น
เพราะเอกสารที่ค้นคว้าหายากมาก
รวมทั้งเป็นเรื่องนานกว่า 44 ปีแล้ว
เหยื่ออธรรม ญาติพี่น้องผู้ตาย/นักโทษประหารยังมีมีชีวิตอยู่
บางคนยังอยู่ในอำเภอเมืองจังหวัดสงขลา
ไม่มีใครอยากพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว
แบบจำไม่ได้ ลืมไม่ลง อะไรทำนองนั้น
ส่วนญาติพี่น้องฆาตกรก็ไม่อยากพูดถึง
กับไม่กล้าสู้หน้าชาวบ้านเรื่องนี้เท่าใดนัก
ยังจำเรื่องราวพอสังเขปได้คือ
เหตุการณ์นี้อยู่ในช่วงปีพ.ศ.2515
หลังจอมพลถนอม กิตติขจร
ปฏิวัติตนเองแล้วตำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติกับนายกรัฐมนตรี
เพราะข้อหาเบื่อพวกสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรที่ผ่านการเลือกตั้งในรัฐสภา
มีคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้นในสงขลา
มีการฆ่าครูชายวิทยาลัยเทคนิค
ขณะที่กำลังนั่งพลอดรักกับแฟนสาว
แล้วข่มขืนแฟนสาวที่เป็นครูเทคนิคด้วย
แถวชายหาดที่ตั้งอยู่ด้านหลังวิทยาลัยที่ทั้งคู่สอน
ยุคนั้นยังเป็นทางรกร้างยังไม่มีการพัฒนา
มีต้นสนขึ้นแบบไม่หนาแน่นมากนัก
เป็นถนนชั่วคราวใช้ได้เฉพาะหน้าแล้งเท่านั้น
☥
หมายเหตุ
ถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางเลียบชายทะเลทางไปเก้าเส้ง
จะผ่านฐานทัพทหารเรือในปัจจุบัน
ที่เปิดทางเข้าไว้สองทางแล้ว
เส้นเดิมมาจากวิทยาลัยครู
เข้าถนนสายที่ป๋าเปรมมักจะบ่นกับ
อดีตนายกเทศมนตรีสงขลา ป. ว่า
นั่งรถยนต์ผ่านตรงนี้รู้เลยว่าเข้าตัวเมืองสงขลาแล้ว
เพราะสะเทือนเลือนลั่นไปทั้งคัน
เพราะถนนตรงบริเวณนั้นเป็นดินตาย
ช่างกรมทางมักจะบอกว่าดินมีชีวิต
ดินตาย คือรับน้ำหนักรถวิ่งผ่านไม่ค่อยได้
สาเหตุจากการบดทับไม่แน่นตอนก่อสร้าง
ดินที่มีการปนเปื้อนวัสดุบางอย่างมากเกินไป
มีน้ำใต้ดินซึมขึ้นมาจนดินอ่อนตัว
หรือสาเหตุอื่นที่ยังไม่ทราบแน่ชัด
บางครั้งต้องขุดลอกดินเก่าออกมา
แล้วหาดินใหม่ไปถมแทน
หรือเทซีเมนต์/ลาดยางทับให้หนากว่าเดิม
เส้นเลียบชายทะเล
ตอนที่มีการจี้ตัวประกันผู้พิพากษาสตรีที่สงขลา
รถยนต์โจรก็วิ่งผ่านเส้นทางนี้
แต่ถูกทหารเรือกับตำรวจยิงใส่ตั้งหลายนัด
เพราะว่าไม่มีตัวประกันอยู่ในรถยนต์แล้ว
กับยิงไปก็ลงเลหมด ไม่ถูกใคร
(ลงเล=ลงทะเล หมดตัวหรือไม่ได้เรื่อง)
เก้าเส้ง/เก้าแสน มีตำนานคนจีนจากเมืองจีน
จะนำเงินไปทำบุญบูรณะวัดพระบรมธาตุที่นครศรีธรรมราช
แต่พอทราบข่าวว่ามีการบูรณะเสร็จแล้ว
เลยนำเงินเก้าแสนฝังไว้ใต้หินที่โยกเยกด้านหลังพระอุโบสถ
พิษฐานว่าวันใดมีการบูรณะวัดนี้อีก
ให้ใครก็ได้มาหยิบเงินนี้ไปทำบุญได้เลย
จะเห็นหินก้อนนี้ได้แต่ไกลตรงทางไปวัดดังกล่าว
ชาวบ้านบางคนเรียกว่า หัวนายเล หรือหัวนายแรง
เด็ก ๆ ผมเคยเอามือล้วงลงใต้ก้อนหิน
เผื่อฟลุคหยิบเงินติดมือขึ้นมาได้
แต่ยังไม่มีใครหยิบได้แต่อย่างใด
☥
Credit : youtube.com
☥
☥
Credit : http://bit.ly/29nFd5B
☥
☥
เก้าเส้งแต่เดิมเป็นชายหาดรกร้าง
แต่ตอนที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มาตรวจเยี่ยมสงขลา
ชายหาดสมิหลาสงขลาแถวที่มีนางเงือกอยู่
ท่านไปเดินเล่นบริเวณชายหาดสมิหลา
ใกล้ ๆ กับโรงแรมสมิหลาที่ขึ้นชื่อที่สุดในยุคนั้น
ท่านเหยียบเอาขี้ชาวประมงที่เกลื่อนกลาดบริเวณนั้น
เพราะชาวประมงมีประเพณีว่า ห้ามขี้ทับกัน
ต้องไปหาแหล่งที่ขี้ใหม่ไกลจากรอยเดิม
ท่านเลยมีคำสั่งขับไล่พวกชาวประมงทั้งหมด
ให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น เลยย้ายไปอยู่เก้าเส้งในตอนนี้
ไม่มีชาวประมงคนไหนกล้าขัดขืนไม่ยอมย้ายไป
เพราะกลัวมาตรา 17 ของท่านทุกคน
แบบว่าท่านเป็นคนดุ พูดจริง เอาจริง
หรือกลัวถูกคำสั่งยิงเป้าทันที
☥
Credit : http://bit.ly/29uWoTE
☥
☥
ตอนญวนอพยพมีการนำคนพวกนี้ไปกักขังแถวนี้
ตอนนี้เป็นสถาบันเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
อยู่ใกล้ ๆ กับวัดเก้าเส้งและมัศยิศ
ก่อนส่งตัวพวกญวนอพยพไปค่ายกักกัน/ประเทศที่ 3
ผมกับเพื่อนยังเคยไปเยี่ยมกับเอาข้าวของไปให้
น่าสงสารมากคนพวกนี้ที่ไร้แผ่นดิน
กับถูกร้านทองในสงขลาหาดใหญ่ปล้นอีกรอบ
หลังหลุดพ้นชาวประมงโจรในอ่าวไทย
ด้วยการรับซื้อทองคำแบบกดราคา
หรือโกงเอาดื้อ ๆ ว่าไม่ใช่ทองคำ
หรือเป็นทองคำปลอม
ทั้งที่คนพวกนี้แอบซุกซ่อนมาทางเรือจนถึงไทย
มีหลายร้านร่ำรวยท่ามกลางเงินบาป
ทองคำยุคนั้นบาทละสองพันเศษ
แต่ร้านค้าทองกดเหลือไม่เกินพันบาท
มีคนหนึ่งในหาดใหญ่โกงคนญวนไป 5 กิโลกรัม(ฉายาไอ้ 5 กิโล)
ราว 328.9 บาท เป็เงินร่วม 6.5 แสนบาท
แบบหน้าด้านไม่จ่ายตังค์หาว่าทองปลอม
แถมขู่ว่าจะแจ้งตำรวจจับตัวข้อหาหลบหนีออกมา
แล้วนำเงินเลวไปลงทุน/ฟอกเงินเปิดเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง
ในหาดใหญ่กับเมืองเงาะร้อยเกาะในภายหลัง
ญวนอพยพต้องรีบขายทองคำ
แบบของร้อนต้องรีบขาย/ขายแบบถูก ๆ
เพื่อหาเงินยังชีพมาใช้จ่าย
กับเจ้าหน้าที่บางรายแอบพาออกมา
ทำธุระ/ขายทองที่หาดใหญ่/สงขลา
ส่วนเรื่องชั่ว ๆ อื่น ๆ ถือว่าจำไม่ได้ก็แล้วกัน
###จบเรื่องไม่อยากจำ###
☥
หัวหน้าคนร้าย ที่ฆ่าครูโรงเรียนเทคโนสงขลาเป็นลูกคนมีเงิน
พ่อแม่ทำโรงกระเบื้องชื่อจังหวัดที่มีงานช้างทุกปี
อยู่ติดกับจังหวัดท่านเนวิน ชิดชอบ
เจ้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์
สมัยก่อนเมืองไทยยังไม่มีกระเบื้องลอนเดี่ยวลอนคู่
ใช้สังกะสีซึ่งร้อนมากเวลาหน้าแล้ง
เผลอ ๆ ฝนหยดตามรูรั่วของสังกะสี
พอใช้นาน ๆ มักจะเป็นสนิม/ฉีกขาดจากแรงลม
หรือมีของหล่นใส่ฉีก
หรือถูกขว้างหลังคาบ้านจากคนเหม็นขี้หน้า
แต่ถ้าใช้กระเบื้องมุงหลังที่เป็นแผ่นเล็ก ๆ
ที่ทำมาจากดินเหนียวเผาขึ้นรูป
ก็มีขายกันแต่ไม่ค่อยคงเส้นคงวา
ใหญ่บ้างเล็กบ้างขนาดผิดเพี้ยน
ขั้นตอนยุ่งยากทั้งตอนทำและใช้
จนมีคนนำปูนซีเมนต์มาทำเป็นแผ่นเรียกว่า
กระเบื้องว่าว แต่ค่อนข้างหนักมาก
วางบนหลังคาบนขื่อคาไม้กันแดดกันฝน
ใช้ทนใช้นานใช้จนรำคาญ
ที่บ้านผมก็เคยใช้แบบนี้
ตลาดท้องถิ่นนิยมกันมากในยุคนั้น
แต่ตอนนี้กลายเป็นของเก่าหายาก
สมัยนั้นจัดว่าแพงพอสมควร
สินค้าบางประเภทต้องขายแพงไปเลย
เพราะโอกาสกลับมาซื้ออีกครั้งน้อยมาก
เช่น เหล็กทอดโรตี ปล่องบ่อ ถังเกรอะถังซึม
หรือพวกบ้านจัดสรรค์ตามโครงการต่าง ๆ
☥
หัวหน้าฆาตกร จบจากโรงเรียนเดียวกับ
ป๋าเปรมคนสงขลาแต่เป็นรุ่นน้องหลายปี
พอจบการศึกษาระดับมัธยมต้นก็ไม่เรียนต่อ
อาศัยเงินทองบารมีพ่อแม่เที่ยวเกะกะระราน
และสร้างปัญหาและความรำคาญไปทั่วหมด
ข่าวว่าถึงขนาดว่าไปทำอวัยวะเพศ
ฝังมุกแบบพวกนักโทษในคุก
ที่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำกัน
เผื่อเวลาไปเที่ยวผู้หญิงหากิน
จะได้เป็นข่าวที่รู้กันทั่วทั้งอำเภอเมืองกับหาดใหญ่
แถมพกมีคดีไปทั่วจนเลื่องลือกันทั้งโรงพักสงขลาหาดใหญ่
แต่พ่อแม่รังแกลูก ไปปัดเป่าคดีให้ทุกครั้ง
เรียกว่าคนมีประวัติก็แล้วกัน
วันนั้นหลังจาก ฆาตกรทั้งฝูง กินเหล้าย้อมใจได้ที่
กับพวกอีกสองคนขับรถเครื่อง(รถจักรยานยนต์)
มาตระเวณแถวชายหาดสงขลาหาเหยื่อ
สมัยนั้นใครมีรถเครื่องก็จัดว่าเป็นคนรวยแล้ว
คาดว่าคงทำชั่วมาหลายครั้งแล้ว
ไม่มีปัญหาไม่มีใครกล้าแจ้งความดำเนินคดี
หรือถึงใครแจ้งความก็มีเงินเป่าคดี
ให้ Blowing the wind ไปลงเล
พอเจอครูเทคนิคนั่งจีบกัน
กับพวกก็เลยลงมือเอามีดจี้ครูผู้ชาย
แต่ครูชายเป็นคนพื้นที่ในอำเภอเมืองสงขลา
ไม่ยอมให้จี้เลยเกิดการต่อสู้กัน
แต่สู้ไม่ได้ถูกมันแทงจนตาย
แล้วมันกับพวกก็เอามีดจี้คอหอยครูสตรี
ทำการข่มขืนครูสตรีอย่างทารุณ
รายงานข่าวไม่แน่ชัดว่า
เพื่อนมันอีกคนร่วมข่มขืนด้วยหรือไม่
แต่พอข่มขืนเสร็จมันเอาไฟรถจักรยานยนต์
หันหัวรถไปส่องหน้าคนถูกข่มขืน
ไม่รู้ว่าจะขู่ฆ่าหรือขับชนทับให้ตายในสถานที่ทำชั่ว
เป็นการอำพรางคดีว่าตายเพราะอุบัติเหตุ
มอเตอร์ไซด์ทับคนตายได้นี่เรื่องจริง
เพราะทั้งน้ำหนักคนกับน้ำหนักรถจักรยานยนต์
เหยียบบนร่างกายคนโดนตรงส่วนสำคัญ
ไม่ตายก็พิการไปเลยเช่นกัน
แต่พอมันเห็นหน้าของเหยื่อมันแล้ว มันร้องว่า
"อย่าแจ้งความไม่งั้นตายแน่ "
แล้วมันร้องว่า "ขอโทษด้วย"
เพราะครูคนนั้นมีศักดิ์เป็นน้ามัน
กับเคยเจอหน้ากันมาก่อนหน้านี้แล้ว
ข่าวจากวงในตำรวจระบุว่า
พวกมันมากันสามตัวอีกตัวคอยดูต้นทาง
แต่ที่ลงมือทำการคือ ตัวฆาตกร กับเพื่อนมันอีกคน
มันจัดว่าเป็นพวกขาใหญ่ (มีอิทธิพลพอสมควร)
เคยต้องคดีหลายครั้ง
แต่หลุดคดีมาทุกครั้ง
เพราะเงินช่วยปัดเป่าคดี
เพราะพ่อแม่มันไปจ่ายรายการกับเป่าคดี
รวมทั้งส่วนมากผู้เสียหายมักยอมความ
เพราะอับอายขายขี้หน้าเรื่องถูกข่มขืน
ทำให้มันชะล่าใจว่าไม่เป็นไร
ยังไง ๆ ก็รอดมาตลอดอยู่แล้ว
แต่กรรมชั่วครั้งนี้ ☥โชคชะตา ฟ้าลิขิต☥
ทั้งคนตายกับผู้หญิงที่ถูกข่มขืน
เป็นข้าราชการครูเทคนิคทั้งคู่
เรื่องเลยบานปลายกันไปใหญ่
เพราะครูอาจารย์นักเรียนเทคนิค
ที่รู้เรื่องโหดร้ายเรื่องนี้ ยิ่งเป็นครู
ยิ่งใกล้ที่เรียน ยิ่งกลัวผี เลยต่างยิ่งไม่ยอม
จะรวมกลุ่มเดินขบวนไปที่จังหวัด
ให้ลากคอฆาตกรมาลงโทษให้ได้
แม้ว่าจะอยู่ในช่วงประกาศกฎอัยการศึกก็ตาม
แต่เลือดขึ้นหน้าความตายความกลัวก็มลายหายไป
จนต้องมีการห้ามปรามกันวุ่นวายทั้งวิทยาลัย
รวมทั้งครูผู้หญิงจำหน้ามันได้
เพราะมันมีศักดิ์เป็นหลานทรพี
☥☥☥อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล☥☥☥
งานนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องลงมือมาดูสำนวนเอง
พร้อมกับอัยการจังหวัด ผู้กำกับการตำรวจจังหวัด
สารวัตรตำรวจอำเภอเมือง กับผู้พันค่ายคอหงษ์
จนมีการจับตัวฆาตกรมาไว้ที่โรงพักสงขลา
มันแอ่นอกรับว่า " กูรับผิดชอบว่ากูทำคนเดียว "
ไม่ยอมซัดทอดเพื่อนมันอีกคนว่าเป็นคนดูต้นทาง
เรื่องนี้เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ
หนังสือพิมพ์ต่างลงข่าวพาดหัวหน้าหนึ่ง
ที่สงขลากับหาดใหญ่มีการลงขันพนันกันว่า
รอดหรือไม่รอด
เล่นพนันคดีนี้กันอย่างมโหฬาร
ได้เสียกันหลายพันหลายหมื่นหลายวงพนัน
เพราะที่ผ่านมามันรอดมาหลายคดีแล้ว
มีคนไปดูหน้ามันที่โรงพัก แล้วด่าแม่มัน
แต่มันยิ้มเยาะแบบสะใจ
เพราะคิดว่ายังไงกูก็รอดอยู่แล้ว
เดี๋ยวพ่อแม่มันก็จ่าย ตังค์ครบหลุดแน่