คงไม่มีใครไม่รู้จักIRONMANใช่ไหมครับ?
หนึ่งในซุปเปอร์ฮีโร่ที่โด่งดังที่สุดในจักรวาลหนัง Marvel
ส่วนสำคัญที่ทำให้ Tony Stark หรือ ironman โด่งดังขนาดนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะป๋า Robert Downey Jr. ที่แสดงได้ดีและตีความบทโทนี่ได้มีเสน่ห์มากจนไม่มีใครที่จะเป็นโทนี่สตาร์คได้ดีเท่าป๋าอีกแล้ว ป๋าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Marvel เติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้
แต่ก่อนที่ป๋าจะมาเป็นIRONMANนั้น หลายๆคนคงทราบประวัติป๋ามาแล้วบ้างว่าป๋าผ่านมรสุมมานักต่อนัก (ซึ่งจริงๆแล้วแกก็ทำตัวเองเสียเยอะ) มีหลายคนเปรียบไว้ว่าป๋าเหมือนแมวเก้าชีวิต เกิดๆดับๆอยู่หลายรอบ เป็น Bad Boy ตัวพ่อของฮอลิวูดเลยทีเดียว
ป๋าเข้าสู่วงการภาพยนตร์ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เพราะคุณพ่อของป๋าเป็นผู้กำกับหนังอินดี้ จึงจับป๋ามาเล่นบทเล็กๆตัวประกอบในหนังของตัวเอง ส่วนคุณแม่ของป๋าก็ทำงานในวงการ ทำให้ป๋าเติบโตมาท่ามกลางสปอต์ไลท์และได้รู้เห็นอะไรๆมากกว่าเด็กวัยเดียวกัน
ป๋าเสพกัญชาครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ โดยผู้ที่หยิบยื่นสิ่งนี้ให้ป๋าก็คือคุณพ่อของป๋านั่นเอง
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะในชีวิตของป๋าครับ
ป๋าเคยให้สัมภาษณ์ว่า
"When my dad and I would do drugs together, it was like him trying to express his love for me in the only way he knew how."
“ตอนที่ผมกับพ่อเสพกัญชาร่วมกัน มันเหมือนกันว่าเขาพยายามถ่ายทอดความรักที่มีต่อผมมาให้ในแบบที่เขาทำได้”
ซึงในภายหลังคุณพ่อของป๋าได้บอกว่า การที่ให้ลูกชายตัวเองเสพกัญชาในครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
เมื่อป๋าอายุ 11 ปี คุณพ่อกับคุณแม่ของป๋าแยกทางกัน ทำให้ป๋าต้องย้ายตามคุณพ่อมาอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย เมื่อป๋าอยู่ชั้นมัธยมปลายป๋าก็ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเริ่มต้นชีวิตนักแสดงเต็มตัวที่นิวยอร์ค และหลังจากนั้นป๋าก็เริ่มรับงานแสดงในบทเล็กๆ รวมถึงได้เป็นหนึ่งในพิธีกรในรายการตลกชื่อดัง Saturday night live ในปี 1985
จากนั้นป๋าก็รับงานแสดงมาเรื่อยๆ ภาพยนตร์ที่ถือว่าทำให้ป๋าแจ้งเกิดในฐานะนักแสดงก็คือเรื่อง Less than zero ในปี 1987 ป๋ารับบทเป็นลูกชายเศรษฐีแต่ดันไปติดยาทำให้ชีวิตดิ่งลงเหว ซึ่งเป็นบทที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริงของป๋าในตอนนั้นมาก
หลังจากนั้นป๋าก็เริ่มได้รับบทนำในภาพยนตร์ ฝีมือการแสดงของป๋าเริ่มโดดเด่นพร้อมๆกับหน้าตาที่หล่อเหลา
ทางเดินไปสู่ความสำเร็จในวงการฮอลิวู้ดของป๋าเริ่มชัดเจนขึ้น และในทางกลับกันป๋าก็เริ่มติดยาเสพติดหนักขึ้นเช่นกัน เริ่มลองยาเสพติดสารพัดชนิดที่มี ติดทั้งโคเคน เฮโรอีน กัญชาอย่างหนัก ดาราสาว Sarah Jessica Parker ที่คบหากับป๋ามา 7 ปีถึงกับขอเลิกเพราะทนไม่ไหว ป๋าเคยพูดถึงแฟนสาวคนนี้ว่า “ผมชอบดื่ม ผมมีปัญหาเรื่องยาเสพติด และนั่นทำให้มันไปได้ไม่สวยกับซาร่าห์เจสสิก้า เธอพยายามจะช่วยผมแล้ว”
ในปี 1993 ป๋าได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากการรับบท ชาลี แชปลิน ในภาพยนตร์เรื่อง Chaplin ในตอนนั้นทุกคนต่างยอมรับในฝีมือของป๋าแล้ว และใครๆก็คิดว่า Robert Downey Jr. คนนี้คงได้เป็นดาวเด่นดวงต่อไปของฮอลิวูดอย่างแน่นอน
แต่..ยาเสพติดไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้นหรอกครับ
ป๋ายังคงแสดงภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง มีภาพยนตร์น่ารักๆอย่าง only you , heart and souls บทหนักๆอย่าง Natural Born Killers และอีกหลายเรื่องในช่วงเวลานั้น
และเมื่อถึงปี 1996 กราฟชีวิตของป๋าก็พุ่งต่ำลงเรื่อยๆจนไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นมาได้อีกเลย
Robert Downey Jr. ถูกจับขณะเมายาและเปลือยกายขับรถ Porsche บนถนน Sunset Boulevard และยังพกอาวุธปืน พร้อมมีเฮโรอีนกับโคเคนในครอบครอง
ในครั้งนั้นป๋าถูกตัดสินให้รอลงอาญา แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นเพียงหนึ่งเดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านของป๋าว่ามีคนบุกรุกเข้ามานอนในเตียงเด็กในบ้าน ซึ่งก็คือป๋าดาวนีย์ที่เสพยาจนขาดสติและเข้าไปในบ้านเพื่อนบ้านตอนที่ไม่มีใครอยู่นั่นเอง แต่ศาลก็พิพากษาให้รอลงอาญาอีกครั้งหนึ่ง และติดทัณฑ์บน 3 ปี ซึ่งในระหว่าง 3 ปีนี้ ป๋าต้องมารับการตรวจสารเสพติดในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
แต่ป๋าก็ละเมิดเงื่อนไขนั้นครับ ป๋าไม่ยอมมาพบเจ้าหน้าที่ตามสัญญา ทำให้ศาลตัดสินจำคุกป๋า 6 เดือนทันที ในคุกที่เมืองลอสแองเจลิส
ในตอนนั้นป๋าได้พูดต่อหน้าศาลเกี่ยวกับเรื่องการใช้ยาเสพติดว่า “it's like I have a shotgun in my mouth, and I've got my finger on the trigger, and I like the taste of the gunmetal.” มันเหมือนกับผมมีปืนลูกซองจ่ออยู่ในปาก และนิ้วผมก็อยู่บนไกปืน และผมก็อยากลิ้มรสลูกกระสุนปืนนั้น
หลังจากพ้นโทษออกมา ป๋าก็ยังทำตัวเละเทะเหมือนเดิม จนภรรยาคนปัจจุบันในตอนนั้นต้องหอบลูกหนีไปเพราะทนไม่ไหว
ในช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุด ป๋าก็ยังคงแสดงภาพยนตร์ ซึ่งในตอนนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรให้จดจำเท่าไหร่ และป๋าก็ยังคงใช้ยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง
ในปี 1999 ป๋าถูกตัดสินให้จำคุกอีกครั้ง ด้วยข้อหาเดิมๆคือละเมิดการตรวจสารเสพติด คราวนี้โดนโทษติดคุก 3 ปี ทำให้หนังที่ป๋ารับเล่นต้องมีปัญหา บางเรื่องต้องถอดป๋าออก แต่บางเรื่องป๋ายังได้รับอนุญาตให้เข้ากล้องจนหนังถ่ายทำเสร็จสิ้น ป๋าไปเข้าฉากเล่นหนังพร้อมมีผู้คุมเรือนจำมานั่งเฝ้าเลยล่ะครับ เรื่องที่ได้เล่นในตอนนั้นคือเรื่อง In Dreams ครับ
ถึงป๋าจะโดนโทษติดคุก 3 ปี แต่ป๋าใช้ชีวิตอยู่ในนั้นราวเกือบๆ12เดือนก็ได้ออกมา โดยวางเงินประกัน
หลังจากที่ออกมาได้ไม่นาน คราวนี้ป๋าได้งานเด็ดครับ คือซีรีส์เรื่อง Ally Mcbeal ตอนที่ป๋าร่วมแสดงในซีรีส์เรื่องนี้เป็นช่วงที่ภรรยาและลูกหนีและตีจากป๋าไปแล้ว โดยที่ภรรยาป๋าได้บอกว่าเธออนุญาตให้ป๋าเจอลูกได้แต่มีข้อแม้ว่าป๋าต้องคลีน ต้องไม่มียาเสพติดแล้ว ในช่วงที่ถ่ายทำซีรีส์ Ally Mcbeal ป๋าจึงเช่าอพาร์ตเมนต์ในนิวยอร์คใกล้โรงเรียนลูกชาย บรรดาผู้คนที่ทำงานร่วมกับป๋าต่างบอกว่าป๋าทำงานหนักเพื่อจะได้เจอลูกอีกครั้ง และป๋าก็แสดงบทบาท Larry Paul ในซีรีส์จนได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy Award และได้รับรางวัลลูกโลกทองคำมาด้วย ซึ่งในตอนนั้นหลายคนก็คิดว่าป๋าดาวนีย์คงได้หยุดเข้าออกศาลกับคุกเสียที แต่.. ป๋ายังไม่เลิกยาครับ ยังคงใช้ยาเสพติดเหมือนที่ผ่านอย่างต่อเนื่อง
ในวันขอบคุณพระเจ้า ปี 2000 มีคนโทรแจ้งตำรวจว่ามีการใช้สารเสพติดในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเมื่อตำรวจเข้าไปถึงป๋าก็ถูกจับอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ค้นพบโคเคน เสื้อผ้าชุด wonder women และชุดแฟนซีอื่นๆในห้อง (ซึ่งน่าจะเป็นของผู้หญิงที่จะมานอนด้วย) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตอนนั้นได้บอกสื่อว่า ‘เราพูดกับเขาว่าถึงคุณจะเป็นดาราแต่เราจะให้เราปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ และเขาตอบผมว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องยาเสพติดเท่านั้นเอง’
ครั้งนี้ป๋าต้องกลับมาเข้าๆออกๆศาลอีกแล้ว และครั้งนี้ถ้าถูกตัดสินว่าผิดจริง ป๋าจะต้องถูกจำคุกถึง 4 ปี 8 เดือน ทำให้ทางซีรีส์ Ally Mcbeal ตัดสินใจจ้างป๋าเล่นต่ออีกแค่ 8 ตอน และเขียนบทใหม่โดยตัดบทป๋าออกไปแม้ว่าตอนนั้นป๋าจะเป็นตัวทำเรทติ้งให้ซีรีส์ก็ตาม
คดีนี้ทำให้ศาลตัดสินให้ป๋าเข้ารับการบำบัดและดูแลความประพฤติเป็นเวลา 3 ปี
ช่วงนั้นป๋าก็เข้าๆออกๆสถานบำบัดตลอด พอจะทำงานก็ไม่มีใครจ้าง ถูกปฏิเสธงานในวงการ ทำให้ป๋ายังคงต้องพึ่งพายาเสพติดอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรียกได้ว่าช่วงเวลานี้เป็นนรกบนดินสำหรับผู้ชายคนนี้เลยทีเดียว ไม่มีงาน ไม่มีเงิน และยังมีคดีความติดตัวอีกมากมาย
จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2003 ป๋าได้ขับรถไปนั่งกิน Burger King หลังจากสั่งเบอร์เกอร์มาป๋าก็ได้นั่งคิด นั่งทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต แน่นอนว่าต้นเหตุแห่งความเลวร้ายในชีวิตของป๋ามันก็คือยาเสพติดที่เขาติดอยู่กับมันเป็นเวลาสิบๆปีนั่นเอง ป๋าจึงตัดสินใจออกจากร้านและนำยาเสพติดที่เขามีทั้งหมดไปโยนทิ้งทะเล วันนั้นเป็นวันที่ป๋าตัดสินใจเด็ดเดี่ยวว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันอีกต่อไปแล้ว ป๋าได้ขอบคุณเบอร์เกอร์คิงที่มีส่วนช่วยชีวิตป๋าไว้ด้วยครับ
หลังจากที่ป๋าตัดสินใจเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแล้ว หนทางกลับเข้าสู่วงการก็ไม่ได้ง่ายเลย ใครจะอยากจ้างป๋าล่ะ ชื่อเสียงไม่ดี ค่าประกันหนังก็แพง ไม่มีใครกล้าเสี่ยงกับดาราชื่อเสียฉาวแบบนี้
และคนที่มาช่วยชีวิตป๋าไว้คือ Mel Gibson ที่สนิทกับป๋าตอนที่เล่นภาพยนตร์ Air America ด้วยกัน ได้ช่วยเหลือด้วยการออกค่าประกันหนังให้ป๋า ให้โอกาสป๋าได้กลับมาโลดแล่นในจอภาพยนตร์อีกครั้ง และครั้งนี้ป๋าก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ
ป๋าเริ่มกลับมาทำงานเต็มที่โดยไม่มียาเสพติดมาเกี่ยวข้องอีก และนอกจากนี้ยังได้พบรักกับคุณ Susan ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ในหนังเรื่องหนึ่งที่ป๋าแสดง ป๋าแต่งงานกับคุณซูซานในปี 2005 และยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงปัจจุบัน และมีลูกชายลูกสาวด้วยกันอีก 2 คน ป๋าได้ให้เครดิตภรรยาคนนี้ว่าเธอเป็นคนสำคัญที่ทำให้ป๋าอยากกลับตัวเป็นคนดี
หลังจากป๋าเลิกยุ่งกับยาเสพติด กลับมามีงานในวงการ และชื่อ Robert Downey Jr. เริ่มกลับมาให้ผู้คนได้เห็นอีกครั้ง กราฟชีวิตของป๋าหลังจากนี้ก็มีแต่ไต่ขึ้นๆ
และเมื่อป๋าได้รับบท Tony Stark หรือ IRONMAN นั้นก็เป็นช่วงเวลาที่กราฟชีวิตของป๋าพุ่งขึ้นสูงสุด
ป๋าได้รับรางวัลมากมาย ป๋าติดอันดับนักแสดงที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลก ป๋าเป็นขวัญใจเด็กๆ ภาพลักษณ์ดูสะอาดขึ้นมาก และเป็นที่รักของคนในวงการและนอกวงการ
ช่วงชีวิตป๋าในปัจจุบันนั้นไม่ต้องเขียนอะไรมากมาย เพราะผมคิดว่าทุกคนคงเห็นความสำเร็จของป๋ากันอย่างชัดเจนแล้ว
ผมหวังว่าเรื่องราวของป๋าคงเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิต ใครจะไปคิดว่าคนที่มีคดีติดยาติดคุกมาหลายครั้งหลายหนจะกลับมายิ่งใหญ่เจิดจรัสได้ขนาดนี้ ผมคิดว่าเรื่องราวของป๋าคงเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดไม่มากก็น้อย และอยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้กับเด็กๆวัยรุ่นที่กำลังคิดจะลอง มันไม่มีอะไรดีหรอกครับ ถอยห่างมันออกมา ชีวิตมีอะไรดีๆให้ยุ่งเกี่ยวอีกเยอะ
จากดาวเด่นตกลงมายังเหวนรกและปีนกลับไปยังจุดที่สูงกว่าเดิม ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายของ Robert Downey Jr ผู้รับบท IRONMAN
หนึ่งในซุปเปอร์ฮีโร่ที่โด่งดังที่สุดในจักรวาลหนัง Marvel
ส่วนสำคัญที่ทำให้ Tony Stark หรือ ironman โด่งดังขนาดนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะป๋า Robert Downey Jr. ที่แสดงได้ดีและตีความบทโทนี่ได้มีเสน่ห์มากจนไม่มีใครที่จะเป็นโทนี่สตาร์คได้ดีเท่าป๋าอีกแล้ว ป๋าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Marvel เติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้
แต่ก่อนที่ป๋าจะมาเป็นIRONMANนั้น หลายๆคนคงทราบประวัติป๋ามาแล้วบ้างว่าป๋าผ่านมรสุมมานักต่อนัก (ซึ่งจริงๆแล้วแกก็ทำตัวเองเสียเยอะ) มีหลายคนเปรียบไว้ว่าป๋าเหมือนแมวเก้าชีวิต เกิดๆดับๆอยู่หลายรอบ เป็น Bad Boy ตัวพ่อของฮอลิวูดเลยทีเดียว
ป๋าเข้าสู่วงการภาพยนตร์ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เพราะคุณพ่อของป๋าเป็นผู้กำกับหนังอินดี้ จึงจับป๋ามาเล่นบทเล็กๆตัวประกอบในหนังของตัวเอง ส่วนคุณแม่ของป๋าก็ทำงานในวงการ ทำให้ป๋าเติบโตมาท่ามกลางสปอต์ไลท์และได้รู้เห็นอะไรๆมากกว่าเด็กวัยเดียวกัน
ป๋าเสพกัญชาครั้งแรกตอนอายุ 6 ขวบ โดยผู้ที่หยิบยื่นสิ่งนี้ให้ป๋าก็คือคุณพ่อของป๋านั่นเอง
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะในชีวิตของป๋าครับ
ป๋าเคยให้สัมภาษณ์ว่า
"When my dad and I would do drugs together, it was like him trying to express his love for me in the only way he knew how."
“ตอนที่ผมกับพ่อเสพกัญชาร่วมกัน มันเหมือนกันว่าเขาพยายามถ่ายทอดความรักที่มีต่อผมมาให้ในแบบที่เขาทำได้”
ซึงในภายหลังคุณพ่อของป๋าได้บอกว่า การที่ให้ลูกชายตัวเองเสพกัญชาในครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
เมื่อป๋าอายุ 11 ปี คุณพ่อกับคุณแม่ของป๋าแยกทางกัน ทำให้ป๋าต้องย้ายตามคุณพ่อมาอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย เมื่อป๋าอยู่ชั้นมัธยมปลายป๋าก็ตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเริ่มต้นชีวิตนักแสดงเต็มตัวที่นิวยอร์ค และหลังจากนั้นป๋าก็เริ่มรับงานแสดงในบทเล็กๆ รวมถึงได้เป็นหนึ่งในพิธีกรในรายการตลกชื่อดัง Saturday night live ในปี 1985
จากนั้นป๋าก็รับงานแสดงมาเรื่อยๆ ภาพยนตร์ที่ถือว่าทำให้ป๋าแจ้งเกิดในฐานะนักแสดงก็คือเรื่อง Less than zero ในปี 1987 ป๋ารับบทเป็นลูกชายเศรษฐีแต่ดันไปติดยาทำให้ชีวิตดิ่งลงเหว ซึ่งเป็นบทที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริงของป๋าในตอนนั้นมาก
หลังจากนั้นป๋าก็เริ่มได้รับบทนำในภาพยนตร์ ฝีมือการแสดงของป๋าเริ่มโดดเด่นพร้อมๆกับหน้าตาที่หล่อเหลา
ทางเดินไปสู่ความสำเร็จในวงการฮอลิวู้ดของป๋าเริ่มชัดเจนขึ้น และในทางกลับกันป๋าก็เริ่มติดยาเสพติดหนักขึ้นเช่นกัน เริ่มลองยาเสพติดสารพัดชนิดที่มี ติดทั้งโคเคน เฮโรอีน กัญชาอย่างหนัก ดาราสาว Sarah Jessica Parker ที่คบหากับป๋ามา 7 ปีถึงกับขอเลิกเพราะทนไม่ไหว ป๋าเคยพูดถึงแฟนสาวคนนี้ว่า “ผมชอบดื่ม ผมมีปัญหาเรื่องยาเสพติด และนั่นทำให้มันไปได้ไม่สวยกับซาร่าห์เจสสิก้า เธอพยายามจะช่วยผมแล้ว”
ในปี 1993 ป๋าได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากการรับบท ชาลี แชปลิน ในภาพยนตร์เรื่อง Chaplin ในตอนนั้นทุกคนต่างยอมรับในฝีมือของป๋าแล้ว และใครๆก็คิดว่า Robert Downey Jr. คนนี้คงได้เป็นดาวเด่นดวงต่อไปของฮอลิวูดอย่างแน่นอน
แต่..ยาเสพติดไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้นหรอกครับ
ป๋ายังคงแสดงภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง มีภาพยนตร์น่ารักๆอย่าง only you , heart and souls บทหนักๆอย่าง Natural Born Killers และอีกหลายเรื่องในช่วงเวลานั้น
และเมื่อถึงปี 1996 กราฟชีวิตของป๋าก็พุ่งต่ำลงเรื่อยๆจนไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นมาได้อีกเลย
Robert Downey Jr. ถูกจับขณะเมายาและเปลือยกายขับรถ Porsche บนถนน Sunset Boulevard และยังพกอาวุธปืน พร้อมมีเฮโรอีนกับโคเคนในครอบครอง
ในครั้งนั้นป๋าถูกตัดสินให้รอลงอาญา แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นเพียงหนึ่งเดือน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านของป๋าว่ามีคนบุกรุกเข้ามานอนในเตียงเด็กในบ้าน ซึ่งก็คือป๋าดาวนีย์ที่เสพยาจนขาดสติและเข้าไปในบ้านเพื่อนบ้านตอนที่ไม่มีใครอยู่นั่นเอง แต่ศาลก็พิพากษาให้รอลงอาญาอีกครั้งหนึ่ง และติดทัณฑ์บน 3 ปี ซึ่งในระหว่าง 3 ปีนี้ ป๋าต้องมารับการตรวจสารเสพติดในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
แต่ป๋าก็ละเมิดเงื่อนไขนั้นครับ ป๋าไม่ยอมมาพบเจ้าหน้าที่ตามสัญญา ทำให้ศาลตัดสินจำคุกป๋า 6 เดือนทันที ในคุกที่เมืองลอสแองเจลิส
ในตอนนั้นป๋าได้พูดต่อหน้าศาลเกี่ยวกับเรื่องการใช้ยาเสพติดว่า “it's like I have a shotgun in my mouth, and I've got my finger on the trigger, and I like the taste of the gunmetal.” มันเหมือนกับผมมีปืนลูกซองจ่ออยู่ในปาก และนิ้วผมก็อยู่บนไกปืน และผมก็อยากลิ้มรสลูกกระสุนปืนนั้น
หลังจากพ้นโทษออกมา ป๋าก็ยังทำตัวเละเทะเหมือนเดิม จนภรรยาคนปัจจุบันในตอนนั้นต้องหอบลูกหนีไปเพราะทนไม่ไหว
ในช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุด ป๋าก็ยังคงแสดงภาพยนตร์ ซึ่งในตอนนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรให้จดจำเท่าไหร่ และป๋าก็ยังคงใช้ยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง
ในปี 1999 ป๋าถูกตัดสินให้จำคุกอีกครั้ง ด้วยข้อหาเดิมๆคือละเมิดการตรวจสารเสพติด คราวนี้โดนโทษติดคุก 3 ปี ทำให้หนังที่ป๋ารับเล่นต้องมีปัญหา บางเรื่องต้องถอดป๋าออก แต่บางเรื่องป๋ายังได้รับอนุญาตให้เข้ากล้องจนหนังถ่ายทำเสร็จสิ้น ป๋าไปเข้าฉากเล่นหนังพร้อมมีผู้คุมเรือนจำมานั่งเฝ้าเลยล่ะครับ เรื่องที่ได้เล่นในตอนนั้นคือเรื่อง In Dreams ครับ
ถึงป๋าจะโดนโทษติดคุก 3 ปี แต่ป๋าใช้ชีวิตอยู่ในนั้นราวเกือบๆ12เดือนก็ได้ออกมา โดยวางเงินประกัน
หลังจากที่ออกมาได้ไม่นาน คราวนี้ป๋าได้งานเด็ดครับ คือซีรีส์เรื่อง Ally Mcbeal ตอนที่ป๋าร่วมแสดงในซีรีส์เรื่องนี้เป็นช่วงที่ภรรยาและลูกหนีและตีจากป๋าไปแล้ว โดยที่ภรรยาป๋าได้บอกว่าเธออนุญาตให้ป๋าเจอลูกได้แต่มีข้อแม้ว่าป๋าต้องคลีน ต้องไม่มียาเสพติดแล้ว ในช่วงที่ถ่ายทำซีรีส์ Ally Mcbeal ป๋าจึงเช่าอพาร์ตเมนต์ในนิวยอร์คใกล้โรงเรียนลูกชาย บรรดาผู้คนที่ทำงานร่วมกับป๋าต่างบอกว่าป๋าทำงานหนักเพื่อจะได้เจอลูกอีกครั้ง และป๋าก็แสดงบทบาท Larry Paul ในซีรีส์จนได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy Award และได้รับรางวัลลูกโลกทองคำมาด้วย ซึ่งในตอนนั้นหลายคนก็คิดว่าป๋าดาวนีย์คงได้หยุดเข้าออกศาลกับคุกเสียที แต่.. ป๋ายังไม่เลิกยาครับ ยังคงใช้ยาเสพติดเหมือนที่ผ่านอย่างต่อเนื่อง
ในวันขอบคุณพระเจ้า ปี 2000 มีคนโทรแจ้งตำรวจว่ามีการใช้สารเสพติดในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเมื่อตำรวจเข้าไปถึงป๋าก็ถูกจับอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ค้นพบโคเคน เสื้อผ้าชุด wonder women และชุดแฟนซีอื่นๆในห้อง (ซึ่งน่าจะเป็นของผู้หญิงที่จะมานอนด้วย) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตอนนั้นได้บอกสื่อว่า ‘เราพูดกับเขาว่าถึงคุณจะเป็นดาราแต่เราจะให้เราปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ และเขาตอบผมว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องยาเสพติดเท่านั้นเอง’
ครั้งนี้ป๋าต้องกลับมาเข้าๆออกๆศาลอีกแล้ว และครั้งนี้ถ้าถูกตัดสินว่าผิดจริง ป๋าจะต้องถูกจำคุกถึง 4 ปี 8 เดือน ทำให้ทางซีรีส์ Ally Mcbeal ตัดสินใจจ้างป๋าเล่นต่ออีกแค่ 8 ตอน และเขียนบทใหม่โดยตัดบทป๋าออกไปแม้ว่าตอนนั้นป๋าจะเป็นตัวทำเรทติ้งให้ซีรีส์ก็ตาม
คดีนี้ทำให้ศาลตัดสินให้ป๋าเข้ารับการบำบัดและดูแลความประพฤติเป็นเวลา 3 ปี
ช่วงนั้นป๋าก็เข้าๆออกๆสถานบำบัดตลอด พอจะทำงานก็ไม่มีใครจ้าง ถูกปฏิเสธงานในวงการ ทำให้ป๋ายังคงต้องพึ่งพายาเสพติดอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรียกได้ว่าช่วงเวลานี้เป็นนรกบนดินสำหรับผู้ชายคนนี้เลยทีเดียว ไม่มีงาน ไม่มีเงิน และยังมีคดีความติดตัวอีกมากมาย
จนกระทั่งวันหนึ่งในปี 2003 ป๋าได้ขับรถไปนั่งกิน Burger King หลังจากสั่งเบอร์เกอร์มาป๋าก็ได้นั่งคิด นั่งทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต แน่นอนว่าต้นเหตุแห่งความเลวร้ายในชีวิตของป๋ามันก็คือยาเสพติดที่เขาติดอยู่กับมันเป็นเวลาสิบๆปีนั่นเอง ป๋าจึงตัดสินใจออกจากร้านและนำยาเสพติดที่เขามีทั้งหมดไปโยนทิ้งทะเล วันนั้นเป็นวันที่ป๋าตัดสินใจเด็ดเดี่ยวว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันอีกต่อไปแล้ว ป๋าได้ขอบคุณเบอร์เกอร์คิงที่มีส่วนช่วยชีวิตป๋าไว้ด้วยครับ
หลังจากที่ป๋าตัดสินใจเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแล้ว หนทางกลับเข้าสู่วงการก็ไม่ได้ง่ายเลย ใครจะอยากจ้างป๋าล่ะ ชื่อเสียงไม่ดี ค่าประกันหนังก็แพง ไม่มีใครกล้าเสี่ยงกับดาราชื่อเสียฉาวแบบนี้
และคนที่มาช่วยชีวิตป๋าไว้คือ Mel Gibson ที่สนิทกับป๋าตอนที่เล่นภาพยนตร์ Air America ด้วยกัน ได้ช่วยเหลือด้วยการออกค่าประกันหนังให้ป๋า ให้โอกาสป๋าได้กลับมาโลดแล่นในจอภาพยนตร์อีกครั้ง และครั้งนี้ป๋าก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ
ป๋าเริ่มกลับมาทำงานเต็มที่โดยไม่มียาเสพติดมาเกี่ยวข้องอีก และนอกจากนี้ยังได้พบรักกับคุณ Susan ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ในหนังเรื่องหนึ่งที่ป๋าแสดง ป๋าแต่งงานกับคุณซูซานในปี 2005 และยังอยู่ด้วยกันมาจนถึงปัจจุบัน และมีลูกชายลูกสาวด้วยกันอีก 2 คน ป๋าได้ให้เครดิตภรรยาคนนี้ว่าเธอเป็นคนสำคัญที่ทำให้ป๋าอยากกลับตัวเป็นคนดี
หลังจากป๋าเลิกยุ่งกับยาเสพติด กลับมามีงานในวงการ และชื่อ Robert Downey Jr. เริ่มกลับมาให้ผู้คนได้เห็นอีกครั้ง กราฟชีวิตของป๋าหลังจากนี้ก็มีแต่ไต่ขึ้นๆ
และเมื่อป๋าได้รับบท Tony Stark หรือ IRONMAN นั้นก็เป็นช่วงเวลาที่กราฟชีวิตของป๋าพุ่งขึ้นสูงสุด
ป๋าได้รับรางวัลมากมาย ป๋าติดอันดับนักแสดงที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลก ป๋าเป็นขวัญใจเด็กๆ ภาพลักษณ์ดูสะอาดขึ้นมาก และเป็นที่รักของคนในวงการและนอกวงการ
ช่วงชีวิตป๋าในปัจจุบันนั้นไม่ต้องเขียนอะไรมากมาย เพราะผมคิดว่าทุกคนคงเห็นความสำเร็จของป๋ากันอย่างชัดเจนแล้ว
ผมหวังว่าเรื่องราวของป๋าคงเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคนต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิต ใครจะไปคิดว่าคนที่มีคดีติดยาติดคุกมาหลายครั้งหลายหนจะกลับมายิ่งใหญ่เจิดจรัสได้ขนาดนี้ ผมคิดว่าเรื่องราวของป๋าคงเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดไม่มากก็น้อย และอยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้กับเด็กๆวัยรุ่นที่กำลังคิดจะลอง มันไม่มีอะไรดีหรอกครับ ถอยห่างมันออกมา ชีวิตมีอะไรดีๆให้ยุ่งเกี่ยวอีกเยอะ