"ถ้าเกิดกับแม่แก พี่สาวแก น้องแก แล้วแกจะรู้สึก" กับการใช้อารมณ์ในการเสพข่าวของชาวไทย

เมื่อรองปลัด กระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาโพสต์ในเฟสบุ๊ค ส่วนตัว ถึงกรณีที่นายชาตรี ร่วมสูงเนิน ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่าปาดคอครูสาวอายุ 27 ปี
และได้ให้ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเอาไว้ รวมถึงได้ชี้แจงถึงกระแสสังคมที่เรียกร้องให้ "ข่มขืนต้องประหาร" โดยจำแนกไว้ 2 กรณี คือ
                                  1.ฆ่าข่มขืน(หรือจะข่มขืนฆ่าก็ตาม) ก็เท่ากับประหารอยู่แล้ว
                                  2.ข่มขืนเฉยๆ เท่ากับจำคุก
          และในข้อ 2 นั้น ท่านก็ได้ให้เหตุผลไว้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไม่ได้ยืดยาว หรือมีอะไรที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนซ่อนปมแต่ประการใด โดยท่านได้ให้เหตุผลไว้ว่า ถ้า....ข่มขืน=ประหาร เท่ากับส่งเสริมให้ “มีการข่มขืนทุกราย เพราะต้องฆ่าปิดปากให้หมดเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน” พูดง่ายคือ ถ้าข่มขืนแล้วต้องตาย ผู้กระทำจะปล่อยให้เหยื่อออกไปร้องทุกข์หรือ ก็ย่อมต้องฆ่าเหยื่อเพื่อปิดปากเพื่ออำพลางคดี ถึงแม้ว่าถ้าภายหลังโดนจับได้ ก็ต้องตายอยู่ดี เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องตาย
          ซึ่งไม่ได้มีข้อความไหน หรือประโยคไหนที่ท่านบอกว่า นายชาตรี ร่วมสูงเนินไม่ต้องรับโทษประหาร แต่การออกมาโพสต์ของท่านนั้นเป็นการให้ข้อมูล ความรู้ความเข้าใจอีกด้านหนึ่ง หรือจะมองว่าเป็นการแสดงทัศนเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ตามแต่
           ผลปรากฎคือ... โดนด่าและ โดนแช่งให้ญาติพี่น้องโดนข่มขืน บ้างก็ด่าทอหยาบคาย บางคนก็ด่าว่าเป็นข้าราชการเลว ทำสังคมดักดาน ฯลฯ
           จากข้อความของรองปลัดบางคนก็โยงไปว่า "แล้วที่เหยื่อยตายนี่ฆ่าตัวเองใช่ไหม" ทั้งๆที่ในความเป็นจริง การข่มขืนนั้น ใช่ว่าทุกรายจะโดนฆ่า และรองปลัดก็ได้อธิบายไว้แล้วว่าการให้โทษประหารแก่ผู้กระทำความผิดฐานข่มขืนเสียทุกรายไป มันจะเกิดผลร้ายอย่างไร
           ทั้งนี้ก็เพราะเราเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งไงครับ บางคนไม่ได้อ่านที่รองปลัดเขียนไว้ด้วยซ้ำ ก็อยากด่าจนมือสั่น ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่เราจะบอกว่าหลักอาชญวิทยาและทัณฑวิทยาสมัยใหม่นั้นมันห่วยแตก มันไม่สามารถปราบคนชั่วร้ายเลวทรามได้นั้น หรือท่านจะบอกว่าเป็นแนวคิดของพวกโลกสวยหรืออะไรก็ตามนั้น หรือจะบอกว่าควรจะแก้เรื่องการลดหย่อนโทษห เป็นเรื่องที่ต้องมาถกเถียงกันอีกมาก
           แต่การที่รองปลัดโพสเฟสแสดงความเห็นโดยที่ไม่ได้ร่วมรณรงค์การ ข่มขืน=ประหาร ก็โดนคนด่าขนาดนี้
           บางคนก็ประชดประชันว่ากะลาแลนด์นี้ชอบเก็บรักษาคนเลวเอาไว้ กฎหมายไทยกาก กฎหมายอ่อน ผู้พิพากษาชั่ว ฯลฯ แต่ผมว่าเมืองไทยเราก็คงไม่ต้องหวังก้าวหน้าไปไหนหรอกครับ ขนาดแค่ออกมาแสดงความเห็น ก็โดนการสบถ ก่นด่า สาปแช่ง
           สะท้อนให้เห็นว่าเมืองไทยนั้นเป็นเมืองพุทธ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ผู้คนรักความยุติธรรม(ขอเสียดสีบ้าง) จริงๆครับ ผู้คนถึงได้ใช้โมหะ โทสะ กันขนาดนี้

เสริม
           ความจริงแล้วเรื่องแนวคิดอาชญาวิทยา ทัณฑวิทยาสมัยใหม่ มันก็เกิดมากจากการที่เราเรียนรู้กันมาตลอดว่าที่ทำๆมามันไม่ได้ผลอะไร สมัยก่อนใครทำผิดอะไรก็ฆ่า แถมยังมีโทษมากกว่าประหารอีก ก็คือประหารเจ็ดชั่วโคตรอย่างนี้ แต่ทำไมปัญหาจึงไม่หมดไปล่ะ?? หลักอาชญาวิทยาสมัยใหม่จึงมองย้อนว่าทำไมเราไม่ไปแก้ที่ต้นตอเช่น การอบรม เลี้ยงดู สภาพแวดล้อมและปัจจัยต่างๆต่อมนุษย์ หรือแม้กระทั่งกระบวนการบำบัด เพราะเราผ่านกาลเวลามานานและเราเรียนรู้การฆ่า การตัดปัญหา ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด และความเป็นจริงแล้วหลักของกฎหมายอาญาก็มไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อแก้แค้นให้ใครทั้งสิ้น แต่เกิดขึ้นมาเพื่อความปลอดภัยของสังคมและการบำบัดผู้กระทำผิด (ที่เขียนมานี้หมายถึงเรื่องราวต่างๆโดยรวม ไม่ต้องแช่งให้แม่หรือพี่สาวผมโดนข่มขืนนะครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่