วันนี้นึกครึ้มอกครี้มใจอยากออกมาเขียนและเล่าประสบการณ์ตรงเกือบสิบปีที่จากเมืองไทย
เผื่อลูกหลานชนรุ่นหลังได้เข้ามาอ่านโดยบังเอิญ ( เอิ้กๆ บางคนอาจไม่รู้ว่ายัยป้านี่ จะมีลอคอินพันทิป )
ก่อนอื่นต้องออกตัวว่าไม่ได้เข้าเวปมานานมาก เนื่องจากเข้าโหมดชีวิตจริงเวลาเข้าเวปก็เหือดหายไป
เคยเป็นสาวก กระทู้ของหลายๆท่าน ถ้าเอ่ยนามไปเหล่าสาวกรุ่นเก่าคงคุ้นเคยนาม แวะหาความรู้จากหลายๆกระทู้ ก่อนเดินทาง
บางคนกลายเป็นนักเขียน ออกหนังสือขาย บางคนเรื่องก็ถูกนำไปเป็นละคร ยาวๆ
เอาเป็นว่าวันนี้เรามีเวลาเราก็มาแชร์เรื่องของเรามั่ง
คนที่กำลังหาข้อมูลจะได้มีเก็บไว้อ่านประกอบกับข้อมูลอื่น
1.ทำไมถึงตัดสินใจจากบ้านจากเมืองมาที่ นิวซีแลนด์
2.สิบปีที่ผ่านมาได้อะไร แล้วก็เสียอะไรไปบ้างในชีวิต
3.เป้าหมายต่อไปในชีวิต
4.สิ่งที่อยากฝากถึงเด็กรุ่นหลัง
ข้อแรก ทำไมถึงตัดสินใจจากบ้านจากเมืองมาที่ นิวซีแลนด์
อันนี้เค้าเรียกว่าโชคชะตาพามาหรือเปล่าไม่รู้ เพราะใจจริงอยากไปออสเตรเลีย
ส่วนตัวถือว่าเป็นคนโชคดีมาก เพราะว่า เป็นรุ่นแรกที่ได้ Working and Holiday Visa นิวซีแลนด์
ตอนแรกอยากได้ออสเตรเลีย แต่โควต้าหมด เลยจับพลัดจับผลูสมัครโควต้าของนิวซีแลนด์
แต่ก่อนที่จะสมัครได้ กระบวนการการเตรียมตัวเยอะมาก เนื่องจากว่าความพร้อมด้านภาษาไม่พอ
ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็เรียนแค่พอผ่าน ไม่มีเป้าหมายชีวิตที่แท้จริง
รู้แต่ว่าต้องเรียนให้จบสูงๆ จะได้ทำงานเงินเดือนดีๆ หรือไม่ก็เป็นราชการ
ด้วยความที่เป็นน้องคนสุดท้อง
โดนอุ้มตลอดเมื่อล้ม ทำให้รู้สึกว่าตัวเองใช้ความสามารถยังไม่เต็มที่ ถึงแม้จะจบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ
แต่จุดเปลี่ยนทำให้สมเพชตัวเองมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ชาวต่างชาติเดินมาถามทาง
แล้วตัวเองไม่สามารถอธิบายข้อมูลการใช้รถเมล์ให้เค้าเข้าใจได้ จนต้องได้ขับมอเตอร์ไซด์ไปส่งเค้าที่โรงแรม
เกิดโมเมนท์ที่ว่า เรียนภาษาอังกฤษมาทั้งชีวิตแล้วทำไมพอเวลาใช้จริงมันไม่เวิร์ค
ตัดสินใจเด็ดขาด
ออกจากงานผู้ช่วยวิจัยแล้วดั้นด้นไปหางานในแหล่งที่มันต้องใช้ภาษาอังกฤษ
ซึ่งจะเป็นที่ไหนไม่ได้ นอกจาก พัทยา หรือไม่ ก็ภูเก็ต
แล้วก็ถือว่ามาถูกทาง เพราะว่าได้เริ่มใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น
ทักษะการพูด พุ่งปรี้ด จากหนึ่ง มาอยู่ในระดับที่สื่อสารได้รู้เรื่อง
หลังจากอยู่พัทยาเกือบปี เริ่มมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
บวกกับเริ่มคบกับแฟนคนแรก ทำให้ปีกกล้าขาแข็งมากขึ้น
เริ่มอยากขยับขยาย บวกกับ เป็นปีที่ ซึนามิถล่มไทย
ส่วนตัว มีเงินเก็บนิดหน่อย ทำให้อยากไปเปิดธุระกิจที่ ภูเก็ต
ส่วนตัวแฟนไม่ต้องพูดถึงเนื่องจากคุณชายไม่อยากกลับบ้านเดิม
เดินทางมาเรียนเป็นเด็กแลกเปลี่ยน เรียนก็ไม่จบ เพราะไม่กลับไม่เรียนต่อให้จบหลักสูตรที่บ้านเกิด
มีแต่ ห
กะรอยยิ้ม ไอ้เราก็บ้า หลงรักไปได้ยังไง
จับพลัดจับผลูอีกแล้ว ไปไหนไปกัน
ย้ายไปทำธุรกิจที่ ภูเก็ต ข้อดีคือ ค่าเช่าถูก ข้อเสีย คือ ต้องรอให้เมืองฟื้นตัวนิดหน่อย
ธุรกิจที่ทำคือพออยู่ได้ เลี้ยงตัวเองรอด แต่ไม่พอส่งให้พ่อแม่ทางบ้าน
ก็เกิดความอยากกกกกกกกก แต่ก็รู้สึกว่าภาษาตัวเองยังไม่เจ๋งพอ
จะได้งานดีๆ ภาษาต้องเจ๋งกว่านี้
แฟนก็เลยชวนให้แบคแพคไปด้วยกัน
เนื่องจากว่าคุณชายทำงานที่บ้านเราไม่ได้ เราก็ต้องเป็นคนออกหน้าทุกอย่าง
โชคดีมากที่ทางบ้านให้การสนับสนุนในการตัดสินใจทุกอย่าง
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เอาวะ สู้โว้ย
หลังจากนี้ ก็เป็นกระบวนการการเตรียมตัวขอวีซ่า
จำได้คร่าวๆ
ณ ตอนนั้น เงื่อนไขการขอวีซ่าคือ
ต้องจบ มหาลัย หรือ มหาวิทยาลัย ติ๊ค
ต้องอายุต่ำกว่าสามสิบ ติ๊ค
ต้องโสด ติ๊ค ( ยังไม่แต่งงานกัน ถือว่าโสด )
ต้องมีภาษาอังกฤษในระดับที่สื่อสารได้ ไม่มีเอกสารยืนยัน ( ต้องสอบไอเอลให้ผ่าน 4.5 )
ต้องมีเงินในบัญชีไม่น้อยกว่า 7000 $ มีแต่ไม่พอ ( แต่งเอาทีหลัง )
ต้องมีคนเซนค้ำประกันว่าเราจะกลับเมืองไทยหลังจากหนึ่งปี ติ๊ค
ต้องมีแผนการเดินทาง รวมถึงประกันการเดินทาง ติ๊ค
ต้องมีเอกสารการยืนยันจากทาง สท ( ไม่มี )
พรุ่งนี้จะเป็นวันครบรอบสิบปีที่มาถึงนิวซีแลนด์ หลังจากที่ตัดสินใจแบคแพคหันหลังให้การงานที่เมืองไทย
เผื่อลูกหลานชนรุ่นหลังได้เข้ามาอ่านโดยบังเอิญ ( เอิ้กๆ บางคนอาจไม่รู้ว่ายัยป้านี่ จะมีลอคอินพันทิป )
ก่อนอื่นต้องออกตัวว่าไม่ได้เข้าเวปมานานมาก เนื่องจากเข้าโหมดชีวิตจริงเวลาเข้าเวปก็เหือดหายไป
เคยเป็นสาวก กระทู้ของหลายๆท่าน ถ้าเอ่ยนามไปเหล่าสาวกรุ่นเก่าคงคุ้นเคยนาม แวะหาความรู้จากหลายๆกระทู้ ก่อนเดินทาง
บางคนกลายเป็นนักเขียน ออกหนังสือขาย บางคนเรื่องก็ถูกนำไปเป็นละคร ยาวๆ
เอาเป็นว่าวันนี้เรามีเวลาเราก็มาแชร์เรื่องของเรามั่ง
คนที่กำลังหาข้อมูลจะได้มีเก็บไว้อ่านประกอบกับข้อมูลอื่น
1.ทำไมถึงตัดสินใจจากบ้านจากเมืองมาที่ นิวซีแลนด์
2.สิบปีที่ผ่านมาได้อะไร แล้วก็เสียอะไรไปบ้างในชีวิต
3.เป้าหมายต่อไปในชีวิต
4.สิ่งที่อยากฝากถึงเด็กรุ่นหลัง
ข้อแรก ทำไมถึงตัดสินใจจากบ้านจากเมืองมาที่ นิวซีแลนด์
อันนี้เค้าเรียกว่าโชคชะตาพามาหรือเปล่าไม่รู้ เพราะใจจริงอยากไปออสเตรเลีย
ส่วนตัวถือว่าเป็นคนโชคดีมาก เพราะว่า เป็นรุ่นแรกที่ได้ Working and Holiday Visa นิวซีแลนด์
ตอนแรกอยากได้ออสเตรเลีย แต่โควต้าหมด เลยจับพลัดจับผลูสมัครโควต้าของนิวซีแลนด์
แต่ก่อนที่จะสมัครได้ กระบวนการการเตรียมตัวเยอะมาก เนื่องจากว่าความพร้อมด้านภาษาไม่พอ
ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็เรียนแค่พอผ่าน ไม่มีเป้าหมายชีวิตที่แท้จริง
รู้แต่ว่าต้องเรียนให้จบสูงๆ จะได้ทำงานเงินเดือนดีๆ หรือไม่ก็เป็นราชการ
ด้วยความที่เป็นน้องคนสุดท้อง
โดนอุ้มตลอดเมื่อล้ม ทำให้รู้สึกว่าตัวเองใช้ความสามารถยังไม่เต็มที่ ถึงแม้จะจบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ
แต่จุดเปลี่ยนทำให้สมเพชตัวเองมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ชาวต่างชาติเดินมาถามทาง
แล้วตัวเองไม่สามารถอธิบายข้อมูลการใช้รถเมล์ให้เค้าเข้าใจได้ จนต้องได้ขับมอเตอร์ไซด์ไปส่งเค้าที่โรงแรม
เกิดโมเมนท์ที่ว่า เรียนภาษาอังกฤษมาทั้งชีวิตแล้วทำไมพอเวลาใช้จริงมันไม่เวิร์ค
ตัดสินใจเด็ดขาด
ออกจากงานผู้ช่วยวิจัยแล้วดั้นด้นไปหางานในแหล่งที่มันต้องใช้ภาษาอังกฤษ
ซึ่งจะเป็นที่ไหนไม่ได้ นอกจาก พัทยา หรือไม่ ก็ภูเก็ต
แล้วก็ถือว่ามาถูกทาง เพราะว่าได้เริ่มใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น
ทักษะการพูด พุ่งปรี้ด จากหนึ่ง มาอยู่ในระดับที่สื่อสารได้รู้เรื่อง
หลังจากอยู่พัทยาเกือบปี เริ่มมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
บวกกับเริ่มคบกับแฟนคนแรก ทำให้ปีกกล้าขาแข็งมากขึ้น
เริ่มอยากขยับขยาย บวกกับ เป็นปีที่ ซึนามิถล่มไทย
ส่วนตัว มีเงินเก็บนิดหน่อย ทำให้อยากไปเปิดธุระกิจที่ ภูเก็ต
ส่วนตัวแฟนไม่ต้องพูดถึงเนื่องจากคุณชายไม่อยากกลับบ้านเดิม
เดินทางมาเรียนเป็นเด็กแลกเปลี่ยน เรียนก็ไม่จบ เพราะไม่กลับไม่เรียนต่อให้จบหลักสูตรที่บ้านเกิด
มีแต่ ห กะรอยยิ้ม ไอ้เราก็บ้า หลงรักไปได้ยังไง
จับพลัดจับผลูอีกแล้ว ไปไหนไปกัน
ย้ายไปทำธุรกิจที่ ภูเก็ต ข้อดีคือ ค่าเช่าถูก ข้อเสีย คือ ต้องรอให้เมืองฟื้นตัวนิดหน่อย
ธุรกิจที่ทำคือพออยู่ได้ เลี้ยงตัวเองรอด แต่ไม่พอส่งให้พ่อแม่ทางบ้าน
ก็เกิดความอยากกกกกกกกก แต่ก็รู้สึกว่าภาษาตัวเองยังไม่เจ๋งพอ
จะได้งานดีๆ ภาษาต้องเจ๋งกว่านี้
แฟนก็เลยชวนให้แบคแพคไปด้วยกัน
เนื่องจากว่าคุณชายทำงานที่บ้านเราไม่ได้ เราก็ต้องเป็นคนออกหน้าทุกอย่าง
โชคดีมากที่ทางบ้านให้การสนับสนุนในการตัดสินใจทุกอย่าง
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เอาวะ สู้โว้ย
หลังจากนี้ ก็เป็นกระบวนการการเตรียมตัวขอวีซ่า
จำได้คร่าวๆ
ณ ตอนนั้น เงื่อนไขการขอวีซ่าคือ
ต้องจบ มหาลัย หรือ มหาวิทยาลัย ติ๊ค
ต้องอายุต่ำกว่าสามสิบ ติ๊ค
ต้องโสด ติ๊ค ( ยังไม่แต่งงานกัน ถือว่าโสด )
ต้องมีภาษาอังกฤษในระดับที่สื่อสารได้ ไม่มีเอกสารยืนยัน ( ต้องสอบไอเอลให้ผ่าน 4.5 )
ต้องมีเงินในบัญชีไม่น้อยกว่า 7000 $ มีแต่ไม่พอ ( แต่งเอาทีหลัง )
ต้องมีคนเซนค้ำประกันว่าเราจะกลับเมืองไทยหลังจากหนึ่งปี ติ๊ค
ต้องมีแผนการเดินทาง รวมถึงประกันการเดินทาง ติ๊ค
ต้องมีเอกสารการยืนยันจากทาง สท ( ไม่มี )