[CR] What's up! Kansai | Kyoto Kobe Osaka ฉบับสากกะเบือยันเรือรบ [Part3]

กระทู้นี้เป็นภาคต่อและภาคสุดท้ายของรีวิวทริปคันไซนะครับ




pompompompompompompompom

ใน Part 3 : Day4 [Himeji Castle > Steak land > ย่านบ้านพักชาวต่างชาติ Kitano Ijinkan > Kobe port & Kobe Port Tower > Dotonbori]
                     Day5 [Nakazakicho Artist Street > Osaka Museum of Housing and Living > Onsen at Spa World > ย่าน Shinsekai > Namba Park]


กดอ่าน Part ก่อนหน้า ได้ที่ลิงค์นี้ครับ
Part 1 : การเตรียมตัว และ Day0-1 >> http://ppantip.com/topic/35331197
Part 2 : Day2-3 >> http://ppantip.com/topic/35334874




Day4 [Himeji Castle > Steak land > ย่านบ้านพักชาวต่างชาติ Kitano Ijinkan > Kobe port & Kobe Port Tower > Dotonbori]

พระอาทิตย์พระอาทิตย์พระอาทิตย์พระอาทิตย์พระอาทิตย์


วันนี้ก็ตื่นมาอย่างๆเบลอๆว่า เห้ยนี่มันวันที่ 4 แล้วหรอ เห็นว่าเที่ยวอย่างหนักหน่วง แต่จริงๆมันผ่านไปไวมากฮะ

ก็วันนี้เราจะไป Kobe กันนนนนนน!! ยิ้ม เดินทางไปต่างเมืองอีกครั้งก็ต้องออกแต่เช้ากันหน่อย ในวันนี้และพรุ่งนี้ผมจะใช้ JR Pass 2Days ที่ซื้อไว้นะครับ
เพราะว่าค่ารถไฟที่จะใช้วันนี้ก็แพงอยู่ เลยใช้ Pass ไปเลยจะคุ้มกว่าครับ
**แนะนำเหมือนเดิมว่าคำนวณค่ารถไฟก่อนมาให้เรียบร้อย ถ้าคุ้มก็ซื้อ Pass ไปเลยครับ ยิ่งจับวันที่ใช้รถไฟแบบเดียวกันหนักๆ 2 วันมาชนกันแล้วซื้อ 2Days จะยิ่งคุ้มโคตรๆ (เป็นการงกแบบมีสาระนะครับ จะบอกให้555555555)

ที่แรกที่เราจะไปคืน Himeji Castle หรือที่คนญี่ปุ่นจะเรียกว่า "ปราสาทนกกระสาขาว" (อันนี้แปลจากญี่ปุ่นนะครับ เขาคงไม่ใช้ภาษาไทย5555)

ออก Start ที่เดิมครับ สถานี Osaka โดยจะนั่ง JR ไปลงที่สถานี Himeji เช็คเวลาได้ที่สถานีเลย ผมนั่งอันที่เป็น Limited Express นะครับ จะจอดสถานีน้อยกว่า เร็วกว่า


โดยต้องไปขึ้นรถไฟที่ Track 3-4 [A - JR Kobe Line for Sannomiya, Himeji ]


ใช้เวลาประมาณ 1ชม.ครึ่ง ก็ถึงสถานี Himeji แล้วครับ เอาจริงๆผมรู้สึกว่า โคตรนาน หลับแล้วหลับอีก นั่งจนเปื่อยยังไม่ถึงอีกหรอ ร้องไห้ สถานีหลังๆ คนในรถไฟก็น้อยมากๆครับ แทบจะเป็นโบกี้ส่วนตัว55555

ลงมาก็จะมีป้ายบอกเลยครับ ว่าปราสาทต้องออกประตูไหน ไปทางไหน


แต่ว่าผมกับพ่อยังไม่ได้กินข้าวเช้ากันเลย หิวมาตลอดทาง ลงมาเลยแวะกินข้าวเช้าที่ Yoshinoya ในสถานีรถไฟเลยครับ
2 อย่างนี้ 1160 yen ครับ แค่ประมาณชุดละ 200 บาทเอง ถูกและดีมากๆ รสชาติไม่ได้แย่เลยนะครับ



เดินออกมาจากสถานีก็เดินเลยครับ เดินตรงอย่างเดียวเลย จะเป็นถนนตรงไปถึงตัวปราสาทเลยครับ หรือว่าใครจะนั่งรถเมล์ก็ได้นะครับ ผมเห็นมีรถเมล์ผ่านอยู่ แต่ผมสายถึก (พ่อนี่น่าจะไม่5555555 พาพ่อมาลำบากแท้ๆ) เลยเดินชมวิวไปเรื่อยเปื่อยครับ อากาศไม่ค่อยร้อน



ที่ญี่ปุ่นก็มีสาวยาคูลท์เหมือนไทยนะครับ พอดีเดินผ่านเลยถ่ายรูปมา เป็นบรรยากาศที่คุ้นเคยเหมือนที่บ้านเรา


ถึงแล้วววววว ปราสาทฮิเมจิ !!


ต้องเสียค่าเข้าคนละ 1000 yen นะครับ จะได้แผ่นพับมา มีภาษาไทยด้วยยยย แสดงว่าคนไทยมาเยือนเยอะ55555


ตัวปราสาทจะเหมือนอยู่บนเนินนะครับ ต้องเดินขึ้นไปอีกนิดนึง (แอบเมื่อยอยู่ฮะ ลากขามาตั้งแต่สถานีรถไฟ)
สวยมากกกกกกกกกก วันที่มาฟ้าเปิดพอดี สวยเลยครับ ประหลาดใจ ผมชอบมากกว่าปราสาทโอซาก้าอีก ถ้ามีโอกาสต้องมานะครับ ผม Recommended!


ก่อนจะขึ้นต้องถอดรองเท้าใส่ถุงก่อนนะครับ ผมประทับใจเจ้าหน้าที่มาก เขาจะยืนคอยพูดขอบคุณนักท่องเที่ยว แล้วไม่น่าบึ้งด้วย ยิ้มแย้มตลอดเหมือนแบบขอบคุณที่ให้ความร่วมมือนะคะ อะไรแบบนี้ ดูเป็นธรรมเนียมที่น่าประทับใจครับ


ภายในปราสาทจะเป็นไม้ทั้งหลังเลยครับ จัดแสดงเหมือนพิพิธภัณฑ์ในแต่ละชั้น แล้วก็มีช่องหน้าต่างที่เห็นวิวในทุกชั้นเลยครับ


จะบอกว่าแต่ละชั้นต้องปีนบันไดแบบนี้ขึ้นนาจาาา ไม่มีลิฟต์แบบปราสาทโอซาก้านะฮะ แล้วก็บันไดค่อนข้างชันครับ อาจจะลำบากนิดนึง


ไม้ทั้งหมดเลยยยย ดูฟีลเก่าแก่มากๆครับ


และโมเดลจิ๋วอีกแล้ว เหมือนจัดแสดงเป็นเมืองในอดีตที่อยู่รอบๆปราสาทครับ
ผมหลงรักโมเดลแบบนี้มากๆ 555555555 อยากมีที่บ้านเลย


ปีนป่ายบันไดมาถึงชั้นบนสุดก็จะเจอเหมือนแท่นบูชาแบบนี้ครับ ผมนี่รีบไหว้ ขอพรรัวๆเลยยยยยย เก็ทเอเยอะๆๆๆ มีแฟนซักที (อะ ล้อเล่น555555)


วิวจากชั้นบนสุด สวยมากครับ ผมถ่ายรูปแทบทุกทิศเลย


เหมือนบ้านที่แน่นอยู่ระหว่างภูเขาเลย งามเด้ออออออ (การ์ดกล้องจะเต็มมั้ยเนี่ย)


อันนี้เป็นมุมที่ผมชอบที่สุดครับ ผมลงทุนฝ่านักท่องเที่ยว แทบจะเอาเลนส์แนบเส้นเอ็นตรงหน้าต่าง5555555
งามอีกแบ้ววววว ถนนที่เห็นเป็นถนนที่เราเดินจากสถานีรถไฟมาตัวปราสาทนะครับ


จากนั้นพอออกจากปราสาท ตามแพลนผมจะไปกินเนื้อที่ Steak Land ที่คนไทยอื้ออึ้งและแห่กันมา ผมก็จะไม่พลาดครับ นี่ปกติผมไม่กินเนื้อนะ แต่อันนี้จะขอลองซักครั้ง ลงทุนมั้ยล้าาา

เดินกลับไปสถานี Himeji เหมือนเดิมครับ เพื่อนั่ง JR ย้อนกลับไปที่สถานี Sannomiya ครับ


ถึงสถานี Sannomiya ผมก็เปิด Google Maps ให้นำทางไปร้าน Steak Land เลย
แถวๆนั้นมีร้านสเต็กเยอะมากกกก หลายราคามาก นี่มันดงร้านสเต็กชัดๆ

หน้าร้านก็จะประมาณนี้ครับ ร้านจะเปิดเป็นมื้อเที่ยงตั้งแต่เวลา 11โมง-บ่าย2 ครับ ราคามันจะถูกกว่าหลังจากช่วงนี้
แล้วจะบอกว่า ผมไปถึงร้านตอน บ่าย 2 3 นาที!!! คิดในใจ "โอ้ย WTF! ทำไมต้องเลยมา 3 นาทีเนี่ย" แต่ก็โอเค ผมผิดเอง ช้าไปหน่อย แต่ก็กินนะครับ
ยอมจ่ายแพงขึ้น ร้องไห้ร้องไห้


เมนูที่สั่งมาเป็นเซ็ทเนื้อแบบในรูปนะครับ จะมีเชฟมายืนทำให้ตรงหน้าเลย แล้วก็ถามเราว่าอยากได้เนื้อสุกประมาณไหน ผมเลือก Medium Rare ไปครับ
คือปกติไม่กินเนื้อ แต่นี่ลองแล้วฟินมากกกกกก เนื้อนุ่มอร่อย กินคู่กับกระเทียมและผักที่ผัดมาแบบพิถีพิถัน อร่อยยย อมยิ้ม05 เห็นเชฟหั่นนู่น ผัดนี่อะไรไม่รู้5555555 (ค่าเสียหายตกชุดละเกือบ 3000 yen ต่อคนครับ)


กินเนื้อเสร็จผมนี่ Blank เลยเพราะว่า ตอนแรกกะจะไป Kobe Port แต่มันดูจะไวไป เลยเปิด Guidebook บวกกับเคยดู เทยเที่ยวไทย 55555555 เห็นพี่ๆเขาเคยเป็นหมู่บ้านชาวยุโรปที่อยู่ในโกเบ ก็เลยอะ ไปที่นี่แหละ เปิด Google Maps นำไปครับ คือจากร้านสเต็กผมเลือกเดินไปเลยครับ อาจจะไกลนิดนึง แต่ก็เดินไปเรื่อยๆ (จริงๆมีรถบัสนะครับ)

เดินชมบ้านเรือน ชมถนน ชมเมือง ไปเรื่อยๆครับ สวยดี (แต่ก็แอบเมื่อยขาอยู่นะะะะ)


ถึงแล้วววววฮะ ย่านบ้านพักชาวต่างชาติ Kitano Ijinkan


บ้านเรือนในย่านนี้จะสวย แปลกไปจากบ้านคนญี่ปุ่นปกตินะครับ อันนี้เป็นร้าน Starbucks ที่เปิดในตัวบ้านเลยครับ


ถนนในย่านนี้ 2 ข้างทางก็จะปลูกดอกไม้ไว้ด้วยครับ มีหลายสีเลย สวยดีครับ


เดินถัดขึ้นมาอีก ก็ยังเป็นบ้านสวยๆ อีกหลายหลังครับ (บันไดสูงจัง เฮ้ออออ สู้!)


หลังนี้คือ Weather Cock House ครับ เป็นบ้านที่สร้างด้วยอิฐหลังเดียวในย่านนี้ มีสัญลักษณ์เป็นเครื่องวัดทิศทางลมรูปไก่ที่อยู่บนหลังคาบ้าน


อีกหลังที่ผมถ่ายมาคือ Moegi House เป็นบ้านสีเขียวที่อยู่ใกล้ๆกับหลังแรก ทั้งสองหลังถ้าจะเข้าด้านในต้องเสียค่าเข้าชมนะครับ แต่ผมไม่ได้เข้าครับ


แถวนี้จะมีรูปปั้นบนเก้าอี้ให้เรานั่งถ่ายรูปคู่ได้ด้วยครับ ผมก็เอาหน่อย ตลกๆดี55555555 คุณลุงอุตส่าห์เป่าแซกให้ผมฟัง


ที่สุดท้ายใน Kobe ที่ผมจะไปก็คือบริเวณ Kobe Port ที่มี Kobe Port Tower น่ะครับ
โดยนั่ง JR จากสถานี Sannomiya ย้อนกลับไปลงที่สถานี Motomachi จริงๆถ้านั่งรถไฟที่ไม่ใช่ของ JR อย่าง Portliner จะเดินใกล้กว่านะครับ
แต่ผมมี JR Pass เลยไม่อยากเสียค่ารถไฟแยก ด้วยความงก อันนี้ยอมรับโดยดี เลยยอมเดินนิดนึง (เอาจริงไม่นิดเลยยย)


เปิด Maps เดินไปเรื่อยๆเลยครับ (ไกลชิบบบบบ ไม่น่าเลย)



สุดท้ายก็ถึงครับเห็น Kobe Port Tower แล้วววววววว!!! เย้วววว เมื่อยขามั่ก ร้องไห้


จริงๆมีรถเมล์จอดหน้า Kobe Port Tower เลยนะครับ นั่งมาได้


ตัว Tower ชั้นล่างก็ไม่มีอะไรนะครับ เราสามารถขึ้นไปชมวิวชั้นบนสุดได้ เสียค่าขึ้นถ้าจำไม่ผิดก็ 700 yen ครับ แต่ผมไม่ได้ขึ้นไป


ผมก็เดินถ่ายรูปอยู่ข้างล่างอยู่แป๊บนึง วิวจากตรงฝั่งนี้มองไปด้านห้างโมเซคสวยดีครับ
ชื่อสินค้า:   Kansai Japan
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่