เป็นแนวทางการหาหุ้นจากหนังสือชื่อ "How to make money in stocks" เขียนโดย William J.O'Neil
โดยเป็นการกรองหุ้นโดยใช้ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค
ปัจจัยพื้นฐานที่ใช้ก็คืออัตราการเติบโตของกำไรย้อนหลัง 3ปี 1ปี และรายไตรมาส มาจัดอันดับหุ้นที่มีการเติบโตมากที่สุด โดยให้น้ำหนักกับกำไรย้อนหลัง 3ปีมากที่สุด และมีการตัดเกรดด้วยผลประกอบการ ได้แก่ อัตราเติบโตของรายได้(S/Sales) อัตรากำไรสุทธิ(M/Margin) และ
ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น(R/ROE) เป็นเกณฑ์วัดโดยหุ้นที่ได้เกรด A คือหุ้นที่มีผลงานดีกว่าหุ้นในตลาด80% หรือผลงานดีที่สุด20%แรก และไล่ลงมาเป็น B,C,D และE ถ้าได้เกรดตั้งแต่Dลงไปก็ไม่น่าลงทุน เป็นต้นครับ
สำหรับปัจจัยทางเทคนิคก็คือใช้ Relative Price Strength Rating จัดอันดับหุ้นที่มีผลงานดีที่สุด(ราคา)เทียบกับดัชนีหลัก ในที่นี้ผมก็เทียบกับ Set index ตัวไหนแข็งแกร่งสุดก็ได้อันดับดีสุด ในหนังสือคือ 99 ดีสุด แต่โปรแกรมที่ผมเขียนจะปรับปรุงนิดหน่อย โดยใช้อันดับดีที่สุดเป็น 1 แล้วไล่ลงไป แล้วนำลำดับจากปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคมารวมกัน มาหาอันดับที่ดีที่สุด30%แรก เพื่อนำมาไว้ใน Watch List และจะพิจารณาลงทุนโดยดูจากเกรดที่มาจากปัจจัยพื้นฐาน คือ A-C และดูว่าหุ้นที่เราสนใจอยู่ในช่วงสะสม/ช่วงกระจายหุ้น (สำหรับผมช่วงสะสมผมใช้ช่วงปรับฐานในเวฟ 2,4 และช่วงกระจายหุ้นผมใช้แถวๆที่คิดว่าเป็นยอดของเวฟ 1,3,5) ถ้าอยู่ในช่วงกระจายก็ไม่ต้องไปแตะมันเพราะราคานี้เสี่ยงมากเกินไป เราจะสนใจเข้าในหุ้นที่อยู่ในช่วงที่สะสมเท่านั้น และหาจุดเข้าซื้อและออกด้วยระบบเทรดที่เราคิดขึ้นมาเอง
ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการคัดกรองหุ้น ถ้ามีนักลงทุนท่านใดสนใจก็ลองไปหาหนังสือมาอ่านศึกษาดูได้ครับ ผิดพลาดประการใดหรือมีข้อเสนอแนะก็แนะนำมาได้นะครับ ผมก็ลองสรุปและลองเอามาปรับใช้นิดหน่อยอาจจะไม่ถูกต้อง100% ยังไงก็ใช้วิจารณญาณส่วนตัวด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
วิธีการหาหุ้นด้วย Smart Select ที่รวมทั้งพื้นฐานและเทคนิคเข้าด้วยกัน
โดยเป็นการกรองหุ้นโดยใช้ปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค
ปัจจัยพื้นฐานที่ใช้ก็คืออัตราการเติบโตของกำไรย้อนหลัง 3ปี 1ปี และรายไตรมาส มาจัดอันดับหุ้นที่มีการเติบโตมากที่สุด โดยให้น้ำหนักกับกำไรย้อนหลัง 3ปีมากที่สุด และมีการตัดเกรดด้วยผลประกอบการ ได้แก่ อัตราเติบโตของรายได้(S/Sales) อัตรากำไรสุทธิ(M/Margin) และ
ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น(R/ROE) เป็นเกณฑ์วัดโดยหุ้นที่ได้เกรด A คือหุ้นที่มีผลงานดีกว่าหุ้นในตลาด80% หรือผลงานดีที่สุด20%แรก และไล่ลงมาเป็น B,C,D และE ถ้าได้เกรดตั้งแต่Dลงไปก็ไม่น่าลงทุน เป็นต้นครับ
สำหรับปัจจัยทางเทคนิคก็คือใช้ Relative Price Strength Rating จัดอันดับหุ้นที่มีผลงานดีที่สุด(ราคา)เทียบกับดัชนีหลัก ในที่นี้ผมก็เทียบกับ Set index ตัวไหนแข็งแกร่งสุดก็ได้อันดับดีสุด ในหนังสือคือ 99 ดีสุด แต่โปรแกรมที่ผมเขียนจะปรับปรุงนิดหน่อย โดยใช้อันดับดีที่สุดเป็น 1 แล้วไล่ลงไป แล้วนำลำดับจากปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิคมารวมกัน มาหาอันดับที่ดีที่สุด30%แรก เพื่อนำมาไว้ใน Watch List และจะพิจารณาลงทุนโดยดูจากเกรดที่มาจากปัจจัยพื้นฐาน คือ A-C และดูว่าหุ้นที่เราสนใจอยู่ในช่วงสะสม/ช่วงกระจายหุ้น (สำหรับผมช่วงสะสมผมใช้ช่วงปรับฐานในเวฟ 2,4 และช่วงกระจายหุ้นผมใช้แถวๆที่คิดว่าเป็นยอดของเวฟ 1,3,5) ถ้าอยู่ในช่วงกระจายก็ไม่ต้องไปแตะมันเพราะราคานี้เสี่ยงมากเกินไป เราจะสนใจเข้าในหุ้นที่อยู่ในช่วงที่สะสมเท่านั้น และหาจุดเข้าซื้อและออกด้วยระบบเทรดที่เราคิดขึ้นมาเอง
ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการคัดกรองหุ้น ถ้ามีนักลงทุนท่านใดสนใจก็ลองไปหาหนังสือมาอ่านศึกษาดูได้ครับ ผิดพลาดประการใดหรือมีข้อเสนอแนะก็แนะนำมาได้นะครับ ผมก็ลองสรุปและลองเอามาปรับใช้นิดหน่อยอาจจะไม่ถูกต้อง100% ยังไงก็ใช้วิจารณญาณส่วนตัวด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ