เรื่องที่น่าจดจำ (๒) ๑ ก.ค.๕๙

เรื่องที่น่าจดจำ (๒)

เพทาย


วันนั้นผมกับนายหงอกจะต้องไปเผาศพญาติของนายแมว ที่วัดโพธิ์แก้ว แถวบางปะแก้วสามแยกถนนพระราม ๒ หรือหัวถนนธนบุรี – ปากท่อเดิมนั่นเอง นายหงอกนั้นบ้านอยู่ ทุ่งสีกัน ดอนเมือง อุตส่าห์นั่งรถมาหาผมที่บ้านสวนอ้อย ตั้งแต่บ่ายสองโมง เพื่อจะได้ไปพร้อมกัน เพราะไม่รู้จักวัดนี้ทั้งสองคน แล้วก็พากันขึ้นรถปรับอากาศสาย ๓ ที่ผ่านหน้าโรงพยาบาลวชิระ ไปลงป้ายวงเวียนใหญ่เมื่อเวลาบ่ายสามโมง

เวลายังเหลืออีกเยอะกว่าจะถึงกำหนดวางเพลิง..ขอโทษ....ประชุมเพลิง ห้าโมงเย็น เราจึงคอยมองข้างรถเมล์ที่แล่นเข้ามาจอดป้ายทุกคัน ว่าสายไหนไปถึงไหน และผ่านที่ใดบ้าง นายแมวได้แนะนำว่าให้ขึ้นสาย ๖๘ จะเลี้ยวขวาไปจอดหน้าวัดเลย แต่เราก็ไม่เห็นมีผ่านมาสักคัน

ขณะนั้นมีพระภิกษุรูปหนึ่งยืนรอรถเมล์อยู่ใกล้ ๆ กัน ท่านจึงเมตตาถามว่า โยมจะไปไหนกัน นายพริ้งก็บอกจุดหมายให้ท่านทราบ แล้วก็เลยคุยกับท่านต่อไป ถึงรถเมล์สายโน้นสายนี้ ท่านก็ออกความเห็นว่าควรจะไปสายไหนได้บ้าง และจะต้องลงที่ไหน ต่อรถสายไหนไปอีก เพราะท่านก็ไม่รู้จริงเหมือนกัน จนกระทั่งมีรถสายที่ท่านต้องการจะขึ้นมาจอดตรงป้าย ท่านจึงร่ำราเราก็ยกมือไหว้คารวะในน้ำใจอันดีของท่านที่เป็นห่วงเรา

เมื่อรถเมล์คันนั้นเคลื่อนที่ออกจากป้ายไปแล้ว เราก็หันไปมองทางขวารอดูรถคันอื่นต่อไป แต่มีผู้ที่ยืนรออยู่ด้วยกันชี้มือบอกว่า ลุงรถคันนั้นเขาเรียก เราก็หันไปดูเห็นรถคันที่พระท่านขึ้นไปเมื่อกี้ จอดรออยู่ไม่ห่างนัก มีแขนคนใส่เสื้อขาว ๆ กวักมือมาที่เราสองคน

นายหงอกจึงชวนผมก้าวยาว ๆ ไปขึ้นรถคันนั้น พอเราสองคนขึ้นไปยืนหอบอยู่บนรถแล้ว กระปี๋ซึ่งเป็นคนโบกมือจึงบอกว่า พระท่านบอกว่าลุงจะไปวัดโพธิ์แก้วใช่ไหม เราก็รับคำแล้วไปหาที่นั่งด้านหน้าบันได เพราะมีผู้โดยสารไม่กี่คน

เมื่อชำระค่าโดยสารในราคาผู้เยาว์ เอ๊ย..ผู้เฒ่าแล้ว นายตรวจหญิงซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าซ้ายใกล้คนขับ หันหน้ามาเห็นเราก็ทักทายปราศรัยไต่ถาม อย่างมีไมตรี

พอรู้ว่านายหงอกมาจากดอนเมือง จะไปบางปะแก้วก็คงจะมีเมตตา ว่าอุตส่าห์ถ่อสังขารมาตั้งไกลถึงเพียงนี้ โดยที่ไม่รู้จักถนนหนทางอะไรเลย เธอจึงอธิบายถึงรถเมล์สายต่าง ๆ ที่ผ่านเส้นทางนี้ เป็นการสาธิต นายหงอกก็ต้องพยักหน้าหงึกหงักไปอย่างเดียว จนไม่ทันสังเกตว่าพระภิกษุผู้ใจดีรูปนั้นลงจากรถไปตั้งแต่เมื่อไร เมื่อรถแล่นผ่านดาวคะนองใกล้จะถึงทางแยก เธอก็บอกว่า

“ เดี๋ยวเลิกงานแล้วลุงเดินข้ามสะพานลอยมาฝั่งตรงข้าม แล้วเดินเลาะมาถึงป้ายนี้นะ “

เธอชี้มือประกอบการบรรยายไปยังป้ายจอดรถเมล์ฝั่งตรงข้าม

“ แล้วจะขึ้นรถสายอะไรก็ได้ แต่มีอยู่สายหนึ่ง ไปถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ เลย ลุงจะได้ต่อไปดอนเมืองง่ายดี “

แล้วเธอก็บอกเบอร์รถสายนั้นให้ แต่ผมก็ไม่ได้จำ ขณะนั้นรถก็เลี้ยวขวาแล้วหยุดรอไฟแดงอยู่ครู่หนึ่ง นายตรวจหญิงก็บอกคนขับว่า ให้จอดป้ายหน้าให้ลุงสองคนนี่ลง แต่พอได้ไฟเขียวรถก็แล่นไปจนเลยป้าย คนขับรีบบอกว่า

“ รอแป๊บผมจะจอดให้หน้าประตูวัดเลย เดี่ยวจะหาวัดไม่ถูกอีก “

ผมกับนายหงอกกล่าวขอบคุณ ผู้หวังดีทั้งสาม ก่อนก้าวลงมายืนบนพื้นถนนเมื่อรถจอดสนิท ตรงหน้าประตูวัดโพธิ์แก้ว ด้วยความซาบซึ้งในความเมตตาอารี ซึ่งหาได้ยากยิ่งเช่นนี้

แม้จะไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามของเขาและเธอเหล่านั้น แต่ผมก็คงจะจดจำรถโดยสารคันนี้ ไปอีกนาน

เพราะผมเห็นหมายเลข ๑๗๓ – ๑๙ ที่ข้างตัวถังรถอย่างชัดเจน.

###############
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่