สวัสดีครับ กระทู้นี้จะรวบรวมความเห็นของผมกับเพื่อนๆ ที่ได้จากการไปเที่ยวย่างกุ้งเมื่อวันที่ 17 – 19 มาเล่าให้ฟัง โดยแบ่งเป็น 8 หัวข้อครับ
บอกไว้ก่อนว่ากระทู้นี้มีคนเขียน 2 คน อ่านๆ ไปแล้วไม่ต้องแปลกใจนะครับว่าทำไมสำนวนไม่เหมือนกัน แล้วตกลงเจ้าของกระทู้เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ 5555 อีกอย่างรูปประกอบอาจจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ถ่ายเตรียมไว้สำหรับทำรีวิวเลยครับ
ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยครับ
1. การแลกเงิน
เท่าที่เห็น รีวิวส่วนใหญ่จะแนะนำให้แลกเงิน USD จากไทยไปก่อน แล้วค่อยแลกเป็นเงิน Kyat ที่พม่า แต่แบงค์ USD ที่นำไปแลกนั้นจะต้องใหม่และไม่ยับ เงื่อนไขนี้ทำให้ผมรู้สึกว่ายุ่งยากไปหน่อย ก็เลยแลกเงิน Kyat ไปจากไทยเลยครับ ได้อัตราแลกเปลี่ยน 100 Kyat ต่อ 3 บาท เมื่อคำนวณกลับไปกลับมาแล้วคิดว่าอัตราไม่น่าจะต่างจากวิธีแรกมากนะครับ
ปัญหาที่ผมพบคือหาร้านแลกเงินที่มีเงิน Kyat ยากซักหน่อย เพื่อนผมไปดูที่ SuperRich สาขาสีลมแล้วไม่มีขาย ผมกับเพื่อนอีกคนก็เลยต้องไปหาแถวประดิพัทธ์ หลายร้านที่เราเข้าไปถามก็ไม่มีขาย มาเจอร้าน JAG มีขาย แต่คิด 100 Kyat ต่อ 3.2 บาท พอเห็นเราทำท่าลังเล เจ๊แกเลยลดให้เหลือ 3.1 บาท ซึ่งก็ยังแพงกว่าอัตราที่เราดูมาอยู่ดี เราเลยปฏิเสธไป หลังจากเดินหากันอยู่อีกซักพักจนเกือบจะถอดใจแล้ว สุดท้ายก็เจอร้านที่มีเงิน Kyat ขายในอัตราที่น่าพอใจจนได้ครับ นั่นก็คือร้านลินดาสาขา 1
รวย!!!
ถึงจุดนี้ อยากจะเล่าไว้เป็นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ว่า ก่อนไปหาร้านแลกเงินที่ประดิพัทธ์นั้น เพื่อนผมได้ โทร. ไปสอบถามร้านมิติกับร้านลินดาแล้วว่ามีเงิน Kyat ขายหรือไม่ ได้คำตอบว่า ร้านมิติมี ส่วนร้านลินดาไม่มี แต่เมื่อไปถึงกลับปรากฏว่า ร้านมิติไม่มีเงิน Kyat ขาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ป้าแกบอกว่า สงสัยลูกชายแกเข้าใจผิด ส่วนร้านลินดา เราเข้าไปถามสาขา 2 ก็พบว่าไม่มีขายจริงๆ อย่างที่ โทร. ถาม ถึงอย่างงั้น เราก็ยังลองไปถามสาขา 1 ดูอีกที่ จึงได้เงิน Kyat มาในที่สุด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าหากคุณรู้สึกว่าเงินสกุลที่ต้องการนั้นหายาก ก็อย่าเพิ่งถอดใจง่ายๆ นะครับ
2. สภาพอากาศ
นี่เป็นพยากรณ์อากาศที่ผมเปิดดูก่อนวันเดินทางครับ
ตอนนั้นผมก็แอบกังวลว่าคงต้องหลบฝนตลอดทริปแน่ๆ แต่ปรากฏว่าพอไปถึงย่างกุ้งแล้ว ฝนไม่ได้ตกหนักมากอย่างที่คิดครับ ส่วนใหญ่จะตกหยิมๆ ให้พอรู้สึกรำคาญมากกว่า 5555 จะมีตกหนักก็แค่ช่วงค่ำวันที่ 17 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เที่ยวหน้าฝน พกร่มไว้ก็อุ่นใจดีครับ แต่ถ้าขี้เกียจ พกหมวกไปซักใบกันฝนหยิมก็ได้ ฝนตกหนักเมื่อไหร่ก็ตัวใครตัวมันครับ 5555
ฝนตกหยิมๆ ยายฉิมเก็บเห็ด
ใครขี้เกียจพกทั้งร่มทั้งหมวก พกถุงพลาสติกไปแทนก็ได้ครับ เวลาเข้าวัดใช้ใส่รองเท้า เวลาฝนตกใช้คลุมหัว ประโยชน์ 2 in 1 เลยครับ
3. แท็กซี่
ดูเหมือนว่าวิธีเดินทางในย่างกุ้งที่สะดวกที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือแท็กซี่ ค่าโดยสารในเมืองจะอยู่ในช่วง 2,000 – 3,000 Kyat ซึ่งสำหรับพวกเรา 6 คน เมื่อหารออกมาแล้วก็ตกคนละ 10 – 15 บาทเท่านั้นครับ แท็กซี่ที่นี่ไม่มีมิเตอร์ ถ้าคุณถามราคาแล้วอยู่ในช่วงนี้ก็นับว่าไม่แพงครับ
สำหรับแท็กซี่จากสนามบินเข้าเมือง เมื่อออกจากอาคารผู้โดยสารมาแล้ว จะมีคนคอยถามว่าต้องการแท็กซี่หรือไม่ พี่คนหนึ่งเสนอราคา 20,000 Kyat (600 บาท) สำหรับพวกเรา 6 คน ผมต่อรองเหลือ 16,000 Kyat (480 บาท) ตามที่ทำการบ้านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ค่าแท็กซี่เข้าเมืองคันละ 8,000 Kyat สำหรับพวกเราที่ควรต้องแบ่งเป็น 2 คัน จึงเป็น 16,000 Kyat แต่เนื่องจากพี่เค้าเรียกรถตู้ให้ จึงได้นั่งด้วยกันในราคาเดิมครับ แต่เมื่อขึ้นรถแล้ว พี่แกก็เอ่ยปากขอค่าทิปในฐานะที่ช่วยเรียกแท็กซี่ให้ พวกผมจึงให้ไป 1,000 Kyat (30 บาท) อย่างงงๆ
ส่วนขากลับไปสนามบิน พวกเราให้พนักงานโรงแรมช่วยเรียกแท็กซี่ให้ ถ้านั่งรวมไป 6 คนในรถคันเดียว คิด 10,000 Kyat (300 บาท) แต่ถ้าแบ่งเป็น 2 คัน จะได้ราคาคันละ 8,000 Kyat (240 บาท) พวกเราเลือกอย่างหลัง เนื่องจากมีสัมภาระด้วย จึงเป็นอันว่าได้ราคาแท็กซี่เท่ากันทั้งขาไปและขากลับครับ
แท็กซี่หน้าสถานีรถไฟย่างกุ้ง
ข้อที่น่าชื่นชมของแท็กซี่ที่นี่ก็คือ คนขับไม่เซ้าซี้ พวกเค้าจะเพียงแค่ถามว่าเราต้องการแท็กซี่หรือไม่ หากปฏิเสธก็จะไม่ถามต่ออีก ผิดกับบางประเทศที่ผมเคยไปมา ที่คนขับจะถามซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้ได้ผู้โดยสาร ผมจึงรู้สึกว่า แท็กซี่พม่าให้บริการเพื่อความสะดวกของผู้โดยสารจริงๆ ไม่ได้หวังเพียงรายได้อย่างเดียว
ส่วนข้อเสียก็คือ รถแท็กซี่พม่าค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับแท็กซี่ไทย และมักจะเปิดหน้าต่างเอาไว้แม้ฝนจะตกก็ตาม ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเค้าต้องการประหยัดแอร์หรือเปล่านะครับ
4. ภาษา
เท่าที่เห็น คนพม่าไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเก่งกว่าคนไทยทั่วไปนัก การพูดคุยหลายครั้งจึงต้องใช้ภาษามือเป็นหลัก ซึ่งก็สนุกดีครับ
ถามแม่ค้าทานาคาเป็นภาษาอังกฤษแล้วแม่ค้าทำหน้างงๆ คุณลุงเลยมาช่วยขาย แกก็พูดอังกฤษไม่ได้เหมือนกัน แต่ว่าฟังออก พวกเราก็เลยจัดกันมาคนละแท่งสองแท่ง
อย่างไรก็ตาม ถ้าใครพอมีเวลา ผมขอแนะนำให้ศึกษาภาษาพม่าเอาไว้บ้างเล็กๆ น้อยๆ เวลาซื้อของจะรู้สึกสนุกไปอีกแบบครับ
นี่คือคลิปที่ผมใช้ฝึกถามราคาและบอกจำนวนก่อนไปพม่า ลองดูกันนะครับ
5. สรุปค่าใช้จ่าย
นี่เป็นสรุปค่าใช้จ่ายของผมครับ สำหรับของเพื่อนๆ ในทริปนี้ก็คงไม่หนีกันเท่าไหร่ เพราะแลกเงินไปพอๆ กันและใช้เกือบหมดกันทุกคนครับ
จบรีวิวส่วนของผมแล้วครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อส่วนที่เพื่อนเขียนอีก 3 ข้อครับ
8 อย่างย่างกุ้ง : อ่านก่อนไป รู้ไว้ก่อนเดินทาง
บอกไว้ก่อนว่ากระทู้นี้มีคนเขียน 2 คน อ่านๆ ไปแล้วไม่ต้องแปลกใจนะครับว่าทำไมสำนวนไม่เหมือนกัน แล้วตกลงเจ้าของกระทู้เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ 5555 อีกอย่างรูปประกอบอาจจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ถ่ายเตรียมไว้สำหรับทำรีวิวเลยครับ
ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยครับ
1. การแลกเงิน
เท่าที่เห็น รีวิวส่วนใหญ่จะแนะนำให้แลกเงิน USD จากไทยไปก่อน แล้วค่อยแลกเป็นเงิน Kyat ที่พม่า แต่แบงค์ USD ที่นำไปแลกนั้นจะต้องใหม่และไม่ยับ เงื่อนไขนี้ทำให้ผมรู้สึกว่ายุ่งยากไปหน่อย ก็เลยแลกเงิน Kyat ไปจากไทยเลยครับ ได้อัตราแลกเปลี่ยน 100 Kyat ต่อ 3 บาท เมื่อคำนวณกลับไปกลับมาแล้วคิดว่าอัตราไม่น่าจะต่างจากวิธีแรกมากนะครับ
ปัญหาที่ผมพบคือหาร้านแลกเงินที่มีเงิน Kyat ยากซักหน่อย เพื่อนผมไปดูที่ SuperRich สาขาสีลมแล้วไม่มีขาย ผมกับเพื่อนอีกคนก็เลยต้องไปหาแถวประดิพัทธ์ หลายร้านที่เราเข้าไปถามก็ไม่มีขาย มาเจอร้าน JAG มีขาย แต่คิด 100 Kyat ต่อ 3.2 บาท พอเห็นเราทำท่าลังเล เจ๊แกเลยลดให้เหลือ 3.1 บาท ซึ่งก็ยังแพงกว่าอัตราที่เราดูมาอยู่ดี เราเลยปฏิเสธไป หลังจากเดินหากันอยู่อีกซักพักจนเกือบจะถอดใจแล้ว สุดท้ายก็เจอร้านที่มีเงิน Kyat ขายในอัตราที่น่าพอใจจนได้ครับ นั่นก็คือร้านลินดาสาขา 1
รวย!!!
ถึงจุดนี้ อยากจะเล่าไว้เป็นเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ว่า ก่อนไปหาร้านแลกเงินที่ประดิพัทธ์นั้น เพื่อนผมได้ โทร. ไปสอบถามร้านมิติกับร้านลินดาแล้วว่ามีเงิน Kyat ขายหรือไม่ ได้คำตอบว่า ร้านมิติมี ส่วนร้านลินดาไม่มี แต่เมื่อไปถึงกลับปรากฏว่า ร้านมิติไม่มีเงิน Kyat ขาย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ส่วนร้านลินดา เราเข้าไปถามสาขา 2 ก็พบว่าไม่มีขายจริงๆ อย่างที่ โทร. ถาม ถึงอย่างงั้น เราก็ยังลองไปถามสาขา 1 ดูอีกที่ จึงได้เงิน Kyat มาในที่สุด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าหากคุณรู้สึกว่าเงินสกุลที่ต้องการนั้นหายาก ก็อย่าเพิ่งถอดใจง่ายๆ นะครับ
2. สภาพอากาศ
นี่เป็นพยากรณ์อากาศที่ผมเปิดดูก่อนวันเดินทางครับ
ตอนนั้นผมก็แอบกังวลว่าคงต้องหลบฝนตลอดทริปแน่ๆ แต่ปรากฏว่าพอไปถึงย่างกุ้งแล้ว ฝนไม่ได้ตกหนักมากอย่างที่คิดครับ ส่วนใหญ่จะตกหยิมๆ ให้พอรู้สึกรำคาญมากกว่า 5555 จะมีตกหนักก็แค่ช่วงค่ำวันที่ 17 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เที่ยวหน้าฝน พกร่มไว้ก็อุ่นใจดีครับ แต่ถ้าขี้เกียจ พกหมวกไปซักใบกันฝนหยิมก็ได้ ฝนตกหนักเมื่อไหร่ก็ตัวใครตัวมันครับ 5555
ฝนตกหยิมๆ ยายฉิมเก็บเห็ด
ใครขี้เกียจพกทั้งร่มทั้งหมวก พกถุงพลาสติกไปแทนก็ได้ครับ เวลาเข้าวัดใช้ใส่รองเท้า เวลาฝนตกใช้คลุมหัว ประโยชน์ 2 in 1 เลยครับ
3. แท็กซี่
ดูเหมือนว่าวิธีเดินทางในย่างกุ้งที่สะดวกที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวก็คือแท็กซี่ ค่าโดยสารในเมืองจะอยู่ในช่วง 2,000 – 3,000 Kyat ซึ่งสำหรับพวกเรา 6 คน เมื่อหารออกมาแล้วก็ตกคนละ 10 – 15 บาทเท่านั้นครับ แท็กซี่ที่นี่ไม่มีมิเตอร์ ถ้าคุณถามราคาแล้วอยู่ในช่วงนี้ก็นับว่าไม่แพงครับ
สำหรับแท็กซี่จากสนามบินเข้าเมือง เมื่อออกจากอาคารผู้โดยสารมาแล้ว จะมีคนคอยถามว่าต้องการแท็กซี่หรือไม่ พี่คนหนึ่งเสนอราคา 20,000 Kyat (600 บาท) สำหรับพวกเรา 6 คน ผมต่อรองเหลือ 16,000 Kyat (480 บาท) ตามที่ทำการบ้านมา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แต่เมื่อขึ้นรถแล้ว พี่แกก็เอ่ยปากขอค่าทิปในฐานะที่ช่วยเรียกแท็กซี่ให้ พวกผมจึงให้ไป 1,000 Kyat (30 บาท) อย่างงงๆ
ส่วนขากลับไปสนามบิน พวกเราให้พนักงานโรงแรมช่วยเรียกแท็กซี่ให้ ถ้านั่งรวมไป 6 คนในรถคันเดียว คิด 10,000 Kyat (300 บาท) แต่ถ้าแบ่งเป็น 2 คัน จะได้ราคาคันละ 8,000 Kyat (240 บาท) พวกเราเลือกอย่างหลัง เนื่องจากมีสัมภาระด้วย จึงเป็นอันว่าได้ราคาแท็กซี่เท่ากันทั้งขาไปและขากลับครับ
แท็กซี่หน้าสถานีรถไฟย่างกุ้ง
ข้อที่น่าชื่นชมของแท็กซี่ที่นี่ก็คือ คนขับไม่เซ้าซี้ พวกเค้าจะเพียงแค่ถามว่าเราต้องการแท็กซี่หรือไม่ หากปฏิเสธก็จะไม่ถามต่ออีก ผิดกับบางประเทศที่ผมเคยไปมา ที่คนขับจะถามซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้ได้ผู้โดยสาร ผมจึงรู้สึกว่า แท็กซี่พม่าให้บริการเพื่อความสะดวกของผู้โดยสารจริงๆ ไม่ได้หวังเพียงรายได้อย่างเดียว
ส่วนข้อเสียก็คือ รถแท็กซี่พม่าค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับแท็กซี่ไทย และมักจะเปิดหน้าต่างเอาไว้แม้ฝนจะตกก็ตาม ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเค้าต้องการประหยัดแอร์หรือเปล่านะครับ
4. ภาษา
เท่าที่เห็น คนพม่าไม่ได้พูดภาษาอังกฤษเก่งกว่าคนไทยทั่วไปนัก การพูดคุยหลายครั้งจึงต้องใช้ภาษามือเป็นหลัก ซึ่งก็สนุกดีครับ
ถามแม่ค้าทานาคาเป็นภาษาอังกฤษแล้วแม่ค้าทำหน้างงๆ คุณลุงเลยมาช่วยขาย แกก็พูดอังกฤษไม่ได้เหมือนกัน แต่ว่าฟังออก พวกเราก็เลยจัดกันมาคนละแท่งสองแท่ง
อย่างไรก็ตาม ถ้าใครพอมีเวลา ผมขอแนะนำให้ศึกษาภาษาพม่าเอาไว้บ้างเล็กๆ น้อยๆ เวลาซื้อของจะรู้สึกสนุกไปอีกแบบครับ
นี่คือคลิปที่ผมใช้ฝึกถามราคาและบอกจำนวนก่อนไปพม่า ลองดูกันนะครับ
5. สรุปค่าใช้จ่าย
นี่เป็นสรุปค่าใช้จ่ายของผมครับ สำหรับของเพื่อนๆ ในทริปนี้ก็คงไม่หนีกันเท่าไหร่ เพราะแลกเงินไปพอๆ กันและใช้เกือบหมดกันทุกคนครับ
จบรีวิวส่วนของผมแล้วครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาต่อส่วนที่เพื่อนเขียนอีก 3 ข้อครับ