คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
ญี่ปุ่นเป็นเมืองน่าเที่ยว แต่ไม่ใช่เมืองน่าอยู่
คนไปเที่ยวจะได้รับภาพอีกแบบ ส่วนคนที่
ได้ไปอยู่ระยะยาว ไปทำงานก็จะมีภาพอีกแบบกลับมา
โดยเฉพาะสังคมเด็ก ที่มีอัตราการ Bully ที่สูงและรุนแรง
การโดนแบนหรือการไม่มีคนคบในสังคมนี้ กดดันมากๆ
แต่ถ้าอยู่ได้ก็อาจจะสนุก(หรอ?) เพราะคนญี่ปุ่นมีสเปสระหว่างกันสูง
ถ้าชินก็ดี แต่ถ้าไม่ชินก็อีกเรื่องหนึ่ง แล้วก็อีกอย่างการที่เราเป็นเด็กต่างชาติ
อาจจะถูกการเลือกปฏิบัติได้
ถ้าคิดว่าตัวเองสตรอง ถ้าเกิดเจอเหตุการณ์แย่ๆ ก็ไปเลยครับ
หรือเรื่องข้างต้น คุณจะรับได้ไหม
ถ้าคิดว่าตัวเองไม่แกร่ง ผมไม่แนะนำนะ
คนไปเที่ยวจะได้รับภาพอีกแบบ ส่วนคนที่
ได้ไปอยู่ระยะยาว ไปทำงานก็จะมีภาพอีกแบบกลับมา
โดยเฉพาะสังคมเด็ก ที่มีอัตราการ Bully ที่สูงและรุนแรง
การโดนแบนหรือการไม่มีคนคบในสังคมนี้ กดดันมากๆ
แต่ถ้าอยู่ได้ก็อาจจะสนุก(หรอ?) เพราะคนญี่ปุ่นมีสเปสระหว่างกันสูง
ถ้าชินก็ดี แต่ถ้าไม่ชินก็อีกเรื่องหนึ่ง แล้วก็อีกอย่างการที่เราเป็นเด็กต่างชาติ
อาจจะถูกการเลือกปฏิบัติได้
ถ้าคิดว่าตัวเองสตรอง ถ้าเกิดเจอเหตุการณ์แย่ๆ ก็ไปเลยครับ
หรือเรื่องข้างต้น คุณจะรับได้ไหม
ถ้าคิดว่าตัวเองไม่แกร่ง ผมไม่แนะนำนะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ตอบในฐานะคนที่เคยไปเรียนที่ญี่ปุ่นตั้งแต่ ม.ปลายครับ
ผมเข้าใจความรู้สึกของ จขกท. ดีมากครับ
ตอนที่ไปอายุ 16 จบม.4 แล้วไปเข้าม.5 ที่นั่นเลยครับ
ถามว่าภาษาต้องแน่นไหม ผมตอบได้เลยครับว่าไม่จำเป็น แต่ว่านะครับ
ตอนผมไปความรู้ภาษาญี่ปุ่น = 0 อังกฤษ = 0 แล้วต้องเข้าไปนั่งเรียน
ห้องเดียวกับคนญี่ปุ่นเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ ช่วง 3 เดือนแรกเป็นอะไรที่ทรมานมาก
ฟังก็ไม่รู้เรื่อง สื่อสารกับใครก็ไม่ได้ คนส่วนใหญ่ก็จะเย็นชาใส่เพราะเห็นเราเป็นตัวประหลาด
จขกทต้องอดทน เรียนรู้การเข้าหาคนอื่นก่อน เปิดใจยอมรับทุกสิ่ง
เพราะคน(วัยรุ่น)ญี่ปุ่นค่อนข้างขี้นินทาบ้าง เราต้องใจดีสู้เสือเข้าหาเขาครับ
พยายามพูดภาษาญี่ปุ่น เวลาโดนล้อภาษาก็ต้องยิ้มรับอย่าไปใส่ใจ
ถ้าคุณสามารถทำได้คุณผ่านด่านแรกแล้วครับ
ด่านที่สองเรื่องการเรียน
แน่นอนว่าต้องเรียนเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ถ้าจขกท เรียนไปเรื่อยๆไม่มีทางทันใครแน่ครับ
คุณจะต้องพยายามกว่าคนอื่นไม่ใช่แค่เท่าตัวแต่ต้องเป็นสิบๆเท่า
ตอนผมอยู่ผมเอาหนังสือเกือบทุกวิชามาท่องทุกวันเกือบทั้งคืนถึงจะเรียนตามคนอื่นทัน
ตรงนี้ถ้าคุณเรียนได้ไม่ดีจะมีหลายคนไม่ให้การยอมรับคุณ
คุณต้องเรียนให้ได้ดีกว่ามาตรฐานครับเขาถึงจะยอมรับคุณ
ถ้าสองข้อนี้ผ่านคุณสามารถไปได้ครับ แต่นะครับ
ถ้าคุณตั้งใจจะต่อมหาวิทยาลัยดีๆที่นั่น ผมไม่แนะนำให้ไปครับ
เรื่องนี้ไม่มีนายหน้าที่ไหนบอกคุณแน่ครับ เพราะผมเจอมาแล้ว
ตามระเบียบกระทรวงศึกษาที่นั่น ถึงแม้จะเป็นชาวต่างชาติแต่
ถ้าหากเข้ารับการศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นในหลักสูตรเดียวกับคนญี่ปุ่นตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป
จะไม่สามารถสอบเข้ามหาวิมยาลัยในโควต้าคนต่างชาติได้ครับ
ดังนั้นแล้วถ้าคุณจะสอบเข้ามหาลัยรัฐ คุณต้องสอบแข่งกับคนญี่ปุ่น
ผมขอยืนยันเลยครับว่าคุณไม่มีทางชนะเด็ดขาด ถึงแม้ว่าคุณจะพยายามแค่ไหนตอนม.ปลายก็ตาม
คณิตศาสตร์ อังกฤษ วิทย์ พวกนี้ถ้าพยายามคุณชนะได้สบายๆก็จริง แต่คุณจะตกม้าตาย
ในวิชาหลักภาษาแน่นอนครับ
ดังนั้นแล้วถ้าคุณอยากจะเข้ามหาลัยญี่ปุ่นด้วยผมแนะนำให้มาตอนม.6 หรือจบม.6แล้ว
ค่อยมาเรียนภาษา1 ปีก่อนแล้วค่อยสอบเข้าดู
ต่อไปเรื่องของงบประมาณ
ถ้าคุณไม่ติดขัดก็คงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าคุณมีงบประมาณจำกัดผมแนะนำให้มาตอนมหาวิทยาลัยดีกว่าครับ
สาเหตุ 1. ม.ปลายคุณทำงานพิเศษไม่ได้
2. ม.ปลายทุยการศึกษาน้อยมาก ต่างกับของมหาลัยที่มีทั้งทุนรัฐ ทุนเอกชน ทุนของมหาลัย
มีให้เยอะมากจนคุณอาจจะไม่ต้องจ่ายค่าอะไรเลย (ในกรณีที่คุณเรียนดี)
สุดท้ายขอให้ถามตัวคุณเองดีๆก่อนครับว่า คุณอยากจะไปเรียนญี่ปุ่นเพื่ออะไร
ถ้าคุณบอกว่าเพราะชอบความคิดคนญี่ปุ่น คุณต้องเตรียมใจที่จะผิดหวังบ้าง
ทุกประเทศมีคนทุกประเภทครับ ไม่ได้มีแต่แบบที่คุณคาดหวังแน่นอน
ผมเห็นคนไทยหลายคนมีมุมมองที่ดีต่อคนญี่ปุ่นที่ดีเกินไปมากครับ
การเรียนม.ปลายที่ญี่ปุ่นเป็นประสบการณ์ที่ดีมากครับ แต่เกินครึ่ง
จะไม่ใช่เรื่องสนุก อย่างที่บอกไปข้างต้นคุณต้องเรียนรู้การอดทน เรียนรู้การเข้าหาคน
และเรียนรู้การปล่อยวาง ผมเห็นหลายๆคนที่ไปเรียนที่ญี่ปุ่น แต่เกินครึ่งมักจะไปไม่ถึงสุดทาง
ในที่นี้หมายถึงเรียนจบแต่ไม่ได้อะไรกลับมาด้วยนะครับ ผมเลยอยากจะให้คุณทบทวนเป้าหมายตัวเองดีๆก่อน
ปรึกษาผู้ปกครอง ถ้าคุณเห็นว่าใช่ผู้ปกครองสนับสนุนก็ลุยเต็มที่ครับ
หวังว่าประสบการณ์ของผมจะช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
และขอให้การตัดสินใจของคุณเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องนะครับ
ปล. ประสบการณ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อนนะครับ
ผมเข้าใจความรู้สึกของ จขกท. ดีมากครับ
ตอนที่ไปอายุ 16 จบม.4 แล้วไปเข้าม.5 ที่นั่นเลยครับ
ถามว่าภาษาต้องแน่นไหม ผมตอบได้เลยครับว่าไม่จำเป็น แต่ว่านะครับ
ตอนผมไปความรู้ภาษาญี่ปุ่น = 0 อังกฤษ = 0 แล้วต้องเข้าไปนั่งเรียน
ห้องเดียวกับคนญี่ปุ่นเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ ช่วง 3 เดือนแรกเป็นอะไรที่ทรมานมาก
ฟังก็ไม่รู้เรื่อง สื่อสารกับใครก็ไม่ได้ คนส่วนใหญ่ก็จะเย็นชาใส่เพราะเห็นเราเป็นตัวประหลาด
จขกทต้องอดทน เรียนรู้การเข้าหาคนอื่นก่อน เปิดใจยอมรับทุกสิ่ง
เพราะคน(วัยรุ่น)ญี่ปุ่นค่อนข้างขี้นินทาบ้าง เราต้องใจดีสู้เสือเข้าหาเขาครับ
พยายามพูดภาษาญี่ปุ่น เวลาโดนล้อภาษาก็ต้องยิ้มรับอย่าไปใส่ใจ
ถ้าคุณสามารถทำได้คุณผ่านด่านแรกแล้วครับ
ด่านที่สองเรื่องการเรียน
แน่นอนว่าต้องเรียนเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด ถ้าจขกท เรียนไปเรื่อยๆไม่มีทางทันใครแน่ครับ
คุณจะต้องพยายามกว่าคนอื่นไม่ใช่แค่เท่าตัวแต่ต้องเป็นสิบๆเท่า
ตอนผมอยู่ผมเอาหนังสือเกือบทุกวิชามาท่องทุกวันเกือบทั้งคืนถึงจะเรียนตามคนอื่นทัน
ตรงนี้ถ้าคุณเรียนได้ไม่ดีจะมีหลายคนไม่ให้การยอมรับคุณ
คุณต้องเรียนให้ได้ดีกว่ามาตรฐานครับเขาถึงจะยอมรับคุณ
ถ้าสองข้อนี้ผ่านคุณสามารถไปได้ครับ แต่นะครับ
ถ้าคุณตั้งใจจะต่อมหาวิทยาลัยดีๆที่นั่น ผมไม่แนะนำให้ไปครับ
เรื่องนี้ไม่มีนายหน้าที่ไหนบอกคุณแน่ครับ เพราะผมเจอมาแล้ว
ตามระเบียบกระทรวงศึกษาที่นั่น ถึงแม้จะเป็นชาวต่างชาติแต่
ถ้าหากเข้ารับการศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นในหลักสูตรเดียวกับคนญี่ปุ่นตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป
จะไม่สามารถสอบเข้ามหาวิมยาลัยในโควต้าคนต่างชาติได้ครับ
ดังนั้นแล้วถ้าคุณจะสอบเข้ามหาลัยรัฐ คุณต้องสอบแข่งกับคนญี่ปุ่น
ผมขอยืนยันเลยครับว่าคุณไม่มีทางชนะเด็ดขาด ถึงแม้ว่าคุณจะพยายามแค่ไหนตอนม.ปลายก็ตาม
คณิตศาสตร์ อังกฤษ วิทย์ พวกนี้ถ้าพยายามคุณชนะได้สบายๆก็จริง แต่คุณจะตกม้าตาย
ในวิชาหลักภาษาแน่นอนครับ
ดังนั้นแล้วถ้าคุณอยากจะเข้ามหาลัยญี่ปุ่นด้วยผมแนะนำให้มาตอนม.6 หรือจบม.6แล้ว
ค่อยมาเรียนภาษา1 ปีก่อนแล้วค่อยสอบเข้าดู
ต่อไปเรื่องของงบประมาณ
ถ้าคุณไม่ติดขัดก็คงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าคุณมีงบประมาณจำกัดผมแนะนำให้มาตอนมหาวิทยาลัยดีกว่าครับ
สาเหตุ 1. ม.ปลายคุณทำงานพิเศษไม่ได้
2. ม.ปลายทุยการศึกษาน้อยมาก ต่างกับของมหาลัยที่มีทั้งทุนรัฐ ทุนเอกชน ทุนของมหาลัย
มีให้เยอะมากจนคุณอาจจะไม่ต้องจ่ายค่าอะไรเลย (ในกรณีที่คุณเรียนดี)
สุดท้ายขอให้ถามตัวคุณเองดีๆก่อนครับว่า คุณอยากจะไปเรียนญี่ปุ่นเพื่ออะไร
ถ้าคุณบอกว่าเพราะชอบความคิดคนญี่ปุ่น คุณต้องเตรียมใจที่จะผิดหวังบ้าง
ทุกประเทศมีคนทุกประเภทครับ ไม่ได้มีแต่แบบที่คุณคาดหวังแน่นอน
ผมเห็นคนไทยหลายคนมีมุมมองที่ดีต่อคนญี่ปุ่นที่ดีเกินไปมากครับ
การเรียนม.ปลายที่ญี่ปุ่นเป็นประสบการณ์ที่ดีมากครับ แต่เกินครึ่ง
จะไม่ใช่เรื่องสนุก อย่างที่บอกไปข้างต้นคุณต้องเรียนรู้การอดทน เรียนรู้การเข้าหาคน
และเรียนรู้การปล่อยวาง ผมเห็นหลายๆคนที่ไปเรียนที่ญี่ปุ่น แต่เกินครึ่งมักจะไปไม่ถึงสุดทาง
ในที่นี้หมายถึงเรียนจบแต่ไม่ได้อะไรกลับมาด้วยนะครับ ผมเลยอยากจะให้คุณทบทวนเป้าหมายตัวเองดีๆก่อน
ปรึกษาผู้ปกครอง ถ้าคุณเห็นว่าใช่ผู้ปกครองสนับสนุนก็ลุยเต็มที่ครับ
หวังว่าประสบการณ์ของผมจะช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะครับ
และขอให้การตัดสินใจของคุณเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องนะครับ
ปล. ประสบการณ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อนนะครับ
แสดงความคิดเห็น
เรียนมัธยมปลายที่ญี่ปุ่นดีไหมคะ
ขอบคุณค่ะ