สนธิ ลิ้มทองกุล และ สุเทพ เทือกสุบรรณ หนทางแห่งหอยทาก ที่มีบทลงเอยเช่นเดียวกัน

กระทู้คำถาม
หอยทากนั้น   ต้องคายเมือกเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง และความสะดวกในการเคลื่อนไหว
มีการเปรียบเปรยว่า   หอยทากมีเมือก  ก็เหมือนคนมีอุปาทาน   
หอยทากไร้เมือก  ก็ไปไหนไม่ได้    คนยึดอุปาทานก็ทำอะไรไปตามอุปาทาน

นักก่อม็อบก็เช่นเดียวกัน
จะมีอุปาทานเสมอว่า   มีคนเชื่อตัวเองแน่นอน   มีคนเชื่อถือตัวเองตลอดไป


ปี 2548-2549  และปี 2551   คือจุดพีคสูงสุดของสนธิ  ลิ้มทองกุล
พูดอะไรคนก็เชื่อไปหมด  และหลายคนยังเชื่ออยู่จนถึงทุกวันนี้

แต่หลังจากนั้น
ไม่ว่าจะก่อม็อบในปี 2554   ไม่ว่าจะก่อม็อบในปี 2556
ล้วนล้มเหลว   จากม็อบเรือนแสนเรือนหมื่น  จากปรากฎการณ์สนธิ  ก็กลายเป็นม็อบสามร้อย
ระดมพลมาได้สูงสุด  ไม่เกินห้าพัน

พูดอะไรใครก็คลางแคลง  ตั้งคำถาม
พันธมิตรกลายเป็นตัวตลกบนเวทีการเมือง   ถึงขนาดต้องกลายเป็นติ่งเกาะม็อบ กปปส. ของเทพเทือก
เพื่อไม่ให้ตกขบวนโค่นล้มยิ่งลักษณ์

ว่ากันว่า   หากวันนี้สนธิออกมานำม็อบอีกครั้ง
ได้คนร่วมม็อบสักห้าร้อย  ก็ถือว่ามากเกินคาด



สุเทพ  เทือกสุบรรณ
ก่อม็อบยังไม่จบ  ยังอยู่ระหว่างก่อม็อบ   แต่ผู้ร่วมชุมนุมลดลง ๆ
จวนเจียนจะไปมิไปแหล่   ย่ำแย่เทบจะทนไม่ไหว

หากไม่มีเหตุการณ์พิเศษ 22 พ.ค. 57
ไม่รู้ว่าสุเทพจะหาทางลงอย่างไร   สัญญาว่าจะผูกคอตายก็ทำไปแล้วสองสามหน   โดนล้อจนถึงทุกวันนี้

แต่สุเทพ  ยังติดอยู่ในอุปาทาน
คิดว่าตัวเองมีความเชื่อถือ   ถึงขนาดออกมาพูดเรื่องรับร่างรัฐะรรมนูญ




ก็จำเป็นล่ะครับ  ยังไงก็ต้องเข็นให้ผ่านประชามติให้ได้
ต้องทำทุกทาง  เล่นทุกอย่าง  

แต่การใช้นักการเมืองที่กลายเป็นสิงชำรุดทางสังคมและประวัติศาสตร์มาช่วยนี่
บอกผมที   มันดีหรือมันเสีย




ดู ๆ แล้วก็สนุกดีครับ
เหมือนคนเมากำลังช่วยกันสวดมนต์
อมยิ้ม01
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่