“เป็ดที่หายไป”
เด็กบ้านน้อย
คราบเลือดจากซากศพเป็ดกระจัดกระจายยาวเป็นทางไปหลายเมตรจนถึงทุ่งนาของเพื่อนบ้านแล้วหายเข้าไปในโพราหญ้า เด็กหนุ่มและพ่อต่างตกใจกับซากศพเป็ดที่ตายนับสิบ ลักษณะของศพเป็ดคล้ายกับถูกขยำด้วยคมเขี้ยวของสัตว์บางชนิด เศษเนื้อจากซากศพไม่ว่าจะเป็นคอ ปีก ขาถูกแยกออกจากลำตัวกระจัดกระจายไปคนละทิศไม่เหลือชิ้นดี สองพ่อลูกต่างสงสัยในต้นเหตุที่ทำให้เป็ดของพวกเขาเป็นเช่นนี้
ท่ามกลางชนบทที่อ้อมล้อมไปด้วยพื้นที่ทำการเกษตร ต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปะปนกันมากมาย แผ่นดินสีส้มที่เต็มไปด้วยฝุ่นจากฤดูแล้งถูกพัดพาไปตามแรงลมกระจายล่องลอยอยู่ในอากาศ ฤดูร้อนอันแห้งแล้งเช่นนี้ผู้คนในชนบทส่วนใหญ่ต่างพักผ่อนจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร เด็กหนุ่มและครอบครัวอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทแห่งนี้ภายใต้หลังคากระเบื้องสีเขียวซึ่งเป็นวิมานหลังเล็กที่เต็มไปด้วยพืชผักสวนครัวอยู่บริเวณด้านข้างของรั้วบ้าน ถัดจากบริเวณหลังบ้านเป็นกอไผ่สีเขียวน้อยใหญ่ที่ขึ้นล้อมรอบสระน้ำขนาดกลาง ในพื้นที่แห่งนี้พ่อของเด็กหนุ่มได้ทำการเลี้ยงเป็ดไว้เป็นจำนวนมากเพื่อจำหน่ายและนำมาประกอบเป็นอาหาร เด็กหนุ่มคอยเฝ้าดูพฤติกรรมต่าง ๆ ที่แสนจะประหลาดของพวกมันอย่างตื่นเต้น พวกมันบางตัวมีสีขาวล้วนแต่บางตัวก็มีก็มีสีดำผสม เส้นขนสีขาวบริสุทธิ์ถูกจัดเรียงอยู่บนปีกของพวกมันอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ขาของพวกมันนั้นสั้น เท้าของพวกมันมีลักษณะคลายกับใบพัด สำหรับเด็กหนุ่มแล้วสัตว์เลี้ยงชนิดนี้เป็นสิ่งที่พิเศษมากพวกมันสามารถบินได้ เฉกเช่นเดียวกับนกและสามารถลอยน้ำได้เป็นอย่างดี จนในบางครั้งก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอิจฉากับความสามรถของพวกมัน พ่อของเด็กหนุ่มเลี้ยงเป็ดเหล่านี้โดยปล่อยให้หากินอย่างอิสระ ไม่ได้กักขังไว้ในเล้าทำให้พวกมันขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เด็กหนุ่มก็จะเห็นแม่เป็ดเดินนำเหล่าลูกเป็ดสีเหลืองตัวน้อยมากมายอยู่เป็นประจำ เมื่อพวกมันโตเต็มที่ก็จะถูกจำหน่ายหรือถูกนำมาประกอบเป็นอาหาร เพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารในครอบครัวของเด็กหนุ่ม วัฏจักรของพวกมันยังคงวนเวียนอยู่เช่นนี้
ดวงตะวันเริ่มเคลื่อนตัวไปอยู่ริมขอบฟ้าแล้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวลับขอบฟ้าไปลงเหลือไว้เพียงแสงสีแดงเข้มของมัน ชนบทแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ธรรมชาติคล้ายกับหยุดเคลื่อนไหวเหล่าต้นไม้แลดูนิ่งสงบท่ามกลางความมืด ทุกสรรพสิ่งเข้าสู่ความหลับใหลรวมไปถึงฝูงเป็ดนับสามสิบกว่าตัวก็จับกลุ่มนอนรวมกัน เว้นแต่เพียงสองพ่อลูกที่เดินมาพร้อมกับแสงไปฉายที่อยู่บนหัวกำลังตรงเข้าไปบริเวณที่เป็ดนอน เด็กหนุ่มเดินตามหลังผู้เป็นพ่อที่กำลังฉายไฟไปในความมืด เด็กหนุ่มสงสัยถึงสิ่งที่พ่อกำลังจะทำในค่ำคืนนี้โดยในมือของเด็กหนุ่มมีกรรไกรที่พ่อให้หยิบมาด้วย จนกระทั่งถึงฝูงเป็ดที่นอนอยู่
พ่อ : เอากรรไกรให้พ่อหน่อย
เด็กหนุ่ม : พ่อจะทำอะไรอ่ะ (เด็กหนุ่มเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยพร้อมส่งกรรไกรให้พ่อ )
พ่อ : จะตัดขนปีกมัน มันชอบบินไปทั่ว
สิ้นเสียงคำตอบพ่อ เด็กหนุ่มจึงช่วยพ่อตัดขนปีกเป็ดทั้งสามสิบกว่าตัวจนเสร็จทั้งสองจึงเข้านอน ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าตั้งแต่ไกล ๆ แสงแดดเริ่มสาดส่องไปยังยอดต้นไม้น้อยใหญ่เด็กหนุ่มยังคงพาดตัวอยู่บนที่นอนแสนนุ่ม แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นจากเสียงตะโกนของพ่อที่ดังมาจากหลังบ้าน
พ่อ : เป็ดตาย! เป็ดตาย! มาดูเร็ว
เด็กหนุ่มลุกจากที่นอนอันแสนนุ่นนวลทันที แล้วจึงรีบไปยังหลังบ้านอันเป็นที่มาของต้นเสียงพ่อด้วยความแตกตื่นภาพเป็ดเกือบสิบตัวนอนตายกระจัดกระจายอยู่บริเวณริมสระหลังบ้าน ศพของพวกมันถูกฉีกจนไม่เหลือชิ้นดี ขนสีขาวอันเรียบเนียนของมันแปดเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงที่มาจากตัวของมันเอง ขนสีขาวที่เปื้อนเลือดถูกทิ้งไว้เต็มขอบสระ เด็กหนุ่มและพ่อต่างงุนงงถึงต้นเหตุที่ทำให้เป็ดของพวกเขาต้องตาย แต่ก็ไร้วี่แววของผู้ที่ทำการฆาตกรรมในครั้งนี้ เด็กหนุ่มและพ่อทำได้เพียงฝังศพเป็ดของพวกเขาเอง เป็ดที่เหลือคล้ายกับว่ายังดูหวาดกลัวอยู่กับสิ่งที่เกิด แต่พวกมันก็ยังคงหากินอยู่บริเวณริมสระน้ำ บางตัวก็ลอยเล่นน้ำในสระ เด็กหนุ่มให้อาหารพวกมันเป็นเวลาและคอยเฝ้าดูพวกมันอย่างห่าง ๆ ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ พ่อของเด็กหนุ่มกลับมาจากไร่จนดึกดื่น ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมบ้านหลังเล็กอีกครั้ง แสงไฟสีขาวจากหลอดนีออนสว่างไสวอยู่ภายในบ้าน จนเวลาสามทุ่มกว่า ๆ ไฟก็ดับลงทุกคนหลับกันอย่างสบายบนที่นอนและผ้าห่มแสนนุ่ม ปล่อยให้ความมืดเข้าปกคลุมทั่วบ้าน
เช้าวันใหม่ความมืดเริ่มถูกขับไล่ด้วยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ พื้นที่อันแห้งแล้งที่อุดมไปด้วยพื้นฝุ่นสีส้มเช่นนี้ก็กลับมาสว่างไสวอีกครั้ง เด็กหนุ่มถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงของพ่อที่ตะโกนมาจากหลังบ้านอีกเช่นเคย
พ่อ : เป็ดตาย! เป็ดมันตายอีกแล้วใครมันทำแบบนี้วะ อย่าให้กูเจอนะ
ด้วยเสียงของพ่อ เด็กหนุ่มรีบลุกจากที่นอนเพื่อไปดูเป็ดที่เขาเคยให้อาหาร ภาพที่เด็กหนุ่มเห็นไม่ต่างจากภาพของเมื่อวาน เป็ดของเขานอนตายกันอย่างเกลื่อนกลาด อยู่บริเวณริมสระน้ำหลังบ้าน ชิ้นส่วนของพวกมันคล้ายกับถูกฉีกออกจากลำตัวเลือดสีแดงกระจายไปตามพื้นดินและติดตามใบไม้สีเขียว สีหน้าของพ่อโกรธอย่างเห็นได้ชัด พ่อของเด็กหนุ่มทั้งตะโกนด่าและสาปแช่งให้กับผู้ที่ทำเช่นนี้กับเป็ดของเขา
เด็กหนุ่ม : พ่อใครมันทำแบบนี้กัน มันต้องการอะไร ?
พ่อ: ไม่รู้เหมือนกัน อย่าให้รู้นะ จะยิงทิ้งเลย
เด็กหนุ่ม : ซากเป็ดมันเหมือนโดนตัวอะไรกัดนะพ่อ
พ่อ : น่าจะเป็นหมา ถ้าเป็นฝีมือคนศพมันคงไม่เละขนาดนี้หรอก
เด็กหนุ่ม : ห๊ะ! หมามันกินเป็ดหรอพ่อ? บ้านเราก็มีหมาทำไมมันถึงไม่เห่าเลยสักนิด
พ่อ : กินสิ ถ้าฟันมันเคยโดนเลือดแล้ว มันต้องกิน ส่วนไอ้ กิ (ชื่อหมาที่เด็กหนุ่มเลี้ยงไว้) กลางคืนมันคงนอนอยู่หน้าบ้านโน่น มันจะรู้เรื่องอะไร
เดี่ยวเย็นวันนี้พ่อจะดักยิงมัน ไปเอาปืนมาไว้ให้พ่อด้วย
สิ้นสุดการสนทนา ทั้งสองพ่อลูกต่างช่วยกันฝังศพเป็ดของพวกเขาเป็นครั้งที่สอง ฝูงเป็ดที่เหลือยังคงหากินอยู่รอบๆ บริเวณของสระเช่นเดิม ทุกอย่างดำเนินไปปกติเพียงแต่จำนวนเป็ดที่ลดลง เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว จนความมืดเริ่มเข้าปกคลุมหลังบ้าน ฝูงเป็ดจับกลุ่มกันนอนดังเช่นเคยท่ามกลางความมืด ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อกำลังดักซุ่ม รอผู้ที่จะมาลงมือฆาตกรรมเป็ดของเขาอยู่ อากาศเย็นเริ่มเคลือบคลานเข้ามา พ่อของเด็กหนุ่มไม่ได้ยินหรือเห็นสิ่งที่เขาต้องการพบเจอ มีเพียงความเงียบและความมืดเท่านั้นที่ล่องลอยอยู่รอบ ๆ ตัวเขา เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงความง่วงเริ่มแทรกตัวเข้ามาจนสุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้ ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อตัดสินใจเดินกลับบ้านด้วยความผิดหวัง
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแสงแดดอ่อน ๆ ฉายแสงไฟทั่วหลังคาบ้านหลังเล็กของเด็กหนุ่ม มีลมเย็น ๆ ในตอนเช้าพัดมาในบางเวลา ทำให้ใบไม้สั่นไหวเล็กน้อย เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาจากแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางช่องแคบของไม้ที่ตอกปิดขอบหน้าต่าง แต่ในวันนี้ไม่มีข่าวการตายของเป็ดจากพ่อของเขา แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงสงสัยว่าต้นเหตุที่ทำให้เป็ดของเขาตายมาจากใครกันแน่ แล้วฆาตกรเล็ดลอดผ่านสายตาและจมูกอันว่องไวของหมาที่เขาเลี้ยงไว้มาได้อย่างไร เป็ดที่เหลือก็ยังคงหากินอยู่ปกติ บางครั้งก็ลอยเล่นน้ำอยู่ในสระ บางทีพวกมันก็นอนอาบแดดแล้วใช้ปากของมันทำความสะอาดขนของพวกมัน ชีวิตของพวกมันวนเวียนอยู่กับพฤติกรรมไม่กี่อย่าง พอตกเย็นพวกมันก็จับกลุ่มกันนอนเพื่อให้เกิดความอบอุ่น ค่ำคืนนี้เด็กหนุ่มรู้สึกเหนื่อยจากการเลี้ยงเป็ดมาทั้งวัน เด็กหนุ่มกำลังจะเข้านอน แต่หูของเขาแว่วคล้ายกับได้ยินเสียงเป็ดร้องอยู่หลังบ้าน เด็กหนุ่มรีบคว้าไปฉายแล้ววิ่งไปตามเสียงเป็ด เขาฉายแสงไฟไปตามความมืดเห็นเพียงเป็ดที่ยืนเป็นกลุ่ม พวกมันมีอาการเหน็ดเหนื่อยและหายใจรุนแรงคล้ายกับวิ่งหนีบางสิ่งมา เด็กหนุ่มฉายไปไปเรื่อย ๆ ตามแนวหญ้าแต่ก็ต้องตกใจสะดุ้งกับดวงตาสีแดงคู่นั้นที่สะท้อนแสงไฟฉายของเด็กหนุ่ม มันกำลังกัดกินซากเป็ดอยู่หลังพุ่มไม้บาง ๆ ใบหน้ายาวมี 4 ขาและมีหาง ขนของมันเป็นสีน้ำตาลเข้มไม่ยาวมาก เด็กหนุ่มรู้ได้เลยว่าฆาตกรที่กำลังกัดกินซากศพเป็ดของเขาคือ หมา ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังจะเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อดูให้เห็นชัดเจนขึ้นอีก ด้วยความที่มันเป็นสัตว์ที่มีสายตาที่ดีเยี่ยม เส้นประสาทรับกลิ่นบริเวณจมูกที่มีมาก ทำให้มันรับกลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์หลายเท่า ใบหูที่ใหญ่ทำให้มันได้ยินเสียงจากระยะไกลได้เป็นอย่างดี ฆาตกรจึงวิ่งลงจากขอบสระผ่านทุ่งนาเข้าไปในโพรงหญ้าแล้วหายเข้าไปในความมืด เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กหนุ่มอธิบายถึงรายละเอียดของหมาที่มากัดเป็ดของเขาเมื่อคืนนี้ให้พ่อของเขาได้ฟัง พ่อของเขารู้ได้ทันที
พ่อ : ใช่ ๆ ใช่แน่ ๆ หมาของยายจิต มันต้องคุยกันหน่อยแล้ว
พ่อของเด็กหนุ่มเดินออกจากบ้านไปยังบ้านยายจิตที่อยู่ถัดจากบ้านของเด็กหนุ่มไปหกเจ็ดหลัง เด็กหนุ่มเฝ้ารอพ่อของเขาอยู่จนเที่ยง จนพ่อของเขากลับมาพร้อมเงินในมือ เด็กหนุ่มเอ่ยปากถามถึงความเป็นไป
เด็กหนุ่ม : เป็นไงบ้างพ่อ เขาว่าไง
พ่อ : ใช่จริง ๆ ด้วย เห็นแกบอกว่า หมาแกชอบหายไปตอนดึก ๆ แกก็เลยจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายแทนเป็ดที่ตายไป แล้วแกก็บอกว่าคงเลี้ยงไว้ต่อไปไม่ได้แล้วต้องเอาไปแลกกะละมัง เลี้ยงไว้ก็มีแต่ความ
เด็กหนุ่มรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเพราะรู้ถึงฆาตกรที่ทำให้เป็ดของเขาตายและหายไป นั้นก็คือ หมาของยายจิต นั่นเอง เด็กหนุ่มเลี้ยงเป็ดที่เหลือได้อย่างสบายใจ ตัวสีขาวของพวกมันมองเห็นได้แต่ไกล พวกมันยังคงหากินอยู่แถวขอบสระ ลูกเป็ดสีเหลืองปนดำยังเดินตามหลังแม่อย่างเป็นแถว จนตกเย็นความมืดเข้าปกคลุ่มชนบทแห่งนี้อีกครั้ง ฝูงเป็ดจับกลุ่มนอนดั่งเช่นทุกวัน เด็กหนุ่มเองก็เข้านอนโดยไร้ความกังวล
เช้าตรู่ของวันใหม่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วพื้นที่ชนบทแห่งนี้ พื้นที่ทางการเกษตรเต็มไปด้วยต้นข้าวโพดแห้งสีน้ำตาลที่ถูกทิ้งไว้หลังการเก็บเกี่ยว ต้นไม้น้อยใหญ่ยืนตระหง่านเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ลมยังคงพัดฝุ่นสีส้มกลางเส้นทางไปตามแรงลม ท้องทุ่งนาเหลือเพียงตอซังข้าวที่แห้งเหี่ยว ธรรมชาติดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็นเฉกเช่นทุกวัน เด็กหนุ่มรีบตื่นเช้าก่อนพ่อเพื่อไปให้อาหารเป็ดแต่เช้า เด็กหนุ่มเดินไปหลังบ้านแต่ต้องตกตะลึงกับภาพเป็ดของเขาที่ตายเกลื่อนกลาดอยู่ริมขอบสระ ศพของพวกมันถูกฉีกกระจุยกระจายเลือดสีแดงแปดเปื้อนเป็นทางดังเช่นเดิม ศพของพวกมันกระจัดกระจายจนไปถึงทุ่งนาที่อยู่ถัดลงไปด้านล่างของขอบสระน้ำ ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังมองภาพเป็ดที่ตายและงุนงงถึงต้นเหตุที่ยังทำให้เป็ดเขาตาย “ไอ้กิ หมาที่เด็กหนุ่มเลี้ยงไว้ก็เดินผ่านไปพร้อมกับปากที่เปื้อนเลือดและขนเป็ดสีขาวที่ติดอยู่บริเวณริมปากของมัน”
แด่เป็ดที่หายไป
เรื่องสั้น เป็ดที่หายไป (ลองอ่านและติชมได้นะครับ )
คราบเลือดจากซากศพเป็ดกระจัดกระจายยาวเป็นทางไปหลายเมตรจนถึงทุ่งนาของเพื่อนบ้านแล้วหายเข้าไปในโพราหญ้า เด็กหนุ่มและพ่อต่างตกใจกับซากศพเป็ดที่ตายนับสิบ ลักษณะของศพเป็ดคล้ายกับถูกขยำด้วยคมเขี้ยวของสัตว์บางชนิด เศษเนื้อจากซากศพไม่ว่าจะเป็นคอ ปีก ขาถูกแยกออกจากลำตัวกระจัดกระจายไปคนละทิศไม่เหลือชิ้นดี สองพ่อลูกต่างสงสัยในต้นเหตุที่ทำให้เป็ดของพวกเขาเป็นเช่นนี้
ท่ามกลางชนบทที่อ้อมล้อมไปด้วยพื้นที่ทำการเกษตร ต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปะปนกันมากมาย แผ่นดินสีส้มที่เต็มไปด้วยฝุ่นจากฤดูแล้งถูกพัดพาไปตามแรงลมกระจายล่องลอยอยู่ในอากาศ ฤดูร้อนอันแห้งแล้งเช่นนี้ผู้คนในชนบทส่วนใหญ่ต่างพักผ่อนจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร เด็กหนุ่มและครอบครัวอาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทแห่งนี้ภายใต้หลังคากระเบื้องสีเขียวซึ่งเป็นวิมานหลังเล็กที่เต็มไปด้วยพืชผักสวนครัวอยู่บริเวณด้านข้างของรั้วบ้าน ถัดจากบริเวณหลังบ้านเป็นกอไผ่สีเขียวน้อยใหญ่ที่ขึ้นล้อมรอบสระน้ำขนาดกลาง ในพื้นที่แห่งนี้พ่อของเด็กหนุ่มได้ทำการเลี้ยงเป็ดไว้เป็นจำนวนมากเพื่อจำหน่ายและนำมาประกอบเป็นอาหาร เด็กหนุ่มคอยเฝ้าดูพฤติกรรมต่าง ๆ ที่แสนจะประหลาดของพวกมันอย่างตื่นเต้น พวกมันบางตัวมีสีขาวล้วนแต่บางตัวก็มีก็มีสีดำผสม เส้นขนสีขาวบริสุทธิ์ถูกจัดเรียงอยู่บนปีกของพวกมันอย่างเป็นระเบียบสวยงาม ขาของพวกมันนั้นสั้น เท้าของพวกมันมีลักษณะคลายกับใบพัด สำหรับเด็กหนุ่มแล้วสัตว์เลี้ยงชนิดนี้เป็นสิ่งที่พิเศษมากพวกมันสามารถบินได้ เฉกเช่นเดียวกับนกและสามารถลอยน้ำได้เป็นอย่างดี จนในบางครั้งก็ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอิจฉากับความสามรถของพวกมัน พ่อของเด็กหนุ่มเลี้ยงเป็ดเหล่านี้โดยปล่อยให้หากินอย่างอิสระ ไม่ได้กักขังไว้ในเล้าทำให้พวกมันขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เด็กหนุ่มก็จะเห็นแม่เป็ดเดินนำเหล่าลูกเป็ดสีเหลืองตัวน้อยมากมายอยู่เป็นประจำ เมื่อพวกมันโตเต็มที่ก็จะถูกจำหน่ายหรือถูกนำมาประกอบเป็นอาหาร เพื่อลดค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารในครอบครัวของเด็กหนุ่ม วัฏจักรของพวกมันยังคงวนเวียนอยู่เช่นนี้
ดวงตะวันเริ่มเคลื่อนตัวไปอยู่ริมขอบฟ้าแล้วค่อย ๆ เคลื่อนตัวลับขอบฟ้าไปลงเหลือไว้เพียงแสงสีแดงเข้มของมัน ชนบทแห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ธรรมชาติคล้ายกับหยุดเคลื่อนไหวเหล่าต้นไม้แลดูนิ่งสงบท่ามกลางความมืด ทุกสรรพสิ่งเข้าสู่ความหลับใหลรวมไปถึงฝูงเป็ดนับสามสิบกว่าตัวก็จับกลุ่มนอนรวมกัน เว้นแต่เพียงสองพ่อลูกที่เดินมาพร้อมกับแสงไปฉายที่อยู่บนหัวกำลังตรงเข้าไปบริเวณที่เป็ดนอน เด็กหนุ่มเดินตามหลังผู้เป็นพ่อที่กำลังฉายไฟไปในความมืด เด็กหนุ่มสงสัยถึงสิ่งที่พ่อกำลังจะทำในค่ำคืนนี้โดยในมือของเด็กหนุ่มมีกรรไกรที่พ่อให้หยิบมาด้วย จนกระทั่งถึงฝูงเป็ดที่นอนอยู่
พ่อ : เอากรรไกรให้พ่อหน่อย
เด็กหนุ่ม : พ่อจะทำอะไรอ่ะ (เด็กหนุ่มเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยพร้อมส่งกรรไกรให้พ่อ )
พ่อ : จะตัดขนปีกมัน มันชอบบินไปทั่ว
สิ้นเสียงคำตอบพ่อ เด็กหนุ่มจึงช่วยพ่อตัดขนปีกเป็ดทั้งสามสิบกว่าตัวจนเสร็จทั้งสองจึงเข้านอน ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าตั้งแต่ไกล ๆ แสงแดดเริ่มสาดส่องไปยังยอดต้นไม้น้อยใหญ่เด็กหนุ่มยังคงพาดตัวอยู่บนที่นอนแสนนุ่ม แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นจากเสียงตะโกนของพ่อที่ดังมาจากหลังบ้าน
พ่อ : เป็ดตาย! เป็ดตาย! มาดูเร็ว
เด็กหนุ่มลุกจากที่นอนอันแสนนุ่นนวลทันที แล้วจึงรีบไปยังหลังบ้านอันเป็นที่มาของต้นเสียงพ่อด้วยความแตกตื่นภาพเป็ดเกือบสิบตัวนอนตายกระจัดกระจายอยู่บริเวณริมสระหลังบ้าน ศพของพวกมันถูกฉีกจนไม่เหลือชิ้นดี ขนสีขาวอันเรียบเนียนของมันแปดเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงที่มาจากตัวของมันเอง ขนสีขาวที่เปื้อนเลือดถูกทิ้งไว้เต็มขอบสระ เด็กหนุ่มและพ่อต่างงุนงงถึงต้นเหตุที่ทำให้เป็ดของพวกเขาต้องตาย แต่ก็ไร้วี่แววของผู้ที่ทำการฆาตกรรมในครั้งนี้ เด็กหนุ่มและพ่อทำได้เพียงฝังศพเป็ดของพวกเขาเอง เป็ดที่เหลือคล้ายกับว่ายังดูหวาดกลัวอยู่กับสิ่งที่เกิด แต่พวกมันก็ยังคงหากินอยู่บริเวณริมสระน้ำ บางตัวก็ลอยเล่นน้ำในสระ เด็กหนุ่มให้อาหารพวกมันเป็นเวลาและคอยเฝ้าดูพวกมันอย่างห่าง ๆ ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ พ่อของเด็กหนุ่มกลับมาจากไร่จนดึกดื่น ความมืดเริ่มเข้าปกคลุมบ้านหลังเล็กอีกครั้ง แสงไฟสีขาวจากหลอดนีออนสว่างไสวอยู่ภายในบ้าน จนเวลาสามทุ่มกว่า ๆ ไฟก็ดับลงทุกคนหลับกันอย่างสบายบนที่นอนและผ้าห่มแสนนุ่ม ปล่อยให้ความมืดเข้าปกคลุมทั่วบ้าน
เช้าวันใหม่ความมืดเริ่มถูกขับไล่ด้วยแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ พื้นที่อันแห้งแล้งที่อุดมไปด้วยพื้นฝุ่นสีส้มเช่นนี้ก็กลับมาสว่างไสวอีกครั้ง เด็กหนุ่มถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงของพ่อที่ตะโกนมาจากหลังบ้านอีกเช่นเคย
พ่อ : เป็ดตาย! เป็ดมันตายอีกแล้วใครมันทำแบบนี้วะ อย่าให้กูเจอนะ
ด้วยเสียงของพ่อ เด็กหนุ่มรีบลุกจากที่นอนเพื่อไปดูเป็ดที่เขาเคยให้อาหาร ภาพที่เด็กหนุ่มเห็นไม่ต่างจากภาพของเมื่อวาน เป็ดของเขานอนตายกันอย่างเกลื่อนกลาด อยู่บริเวณริมสระน้ำหลังบ้าน ชิ้นส่วนของพวกมันคล้ายกับถูกฉีกออกจากลำตัวเลือดสีแดงกระจายไปตามพื้นดินและติดตามใบไม้สีเขียว สีหน้าของพ่อโกรธอย่างเห็นได้ชัด พ่อของเด็กหนุ่มทั้งตะโกนด่าและสาปแช่งให้กับผู้ที่ทำเช่นนี้กับเป็ดของเขา
เด็กหนุ่ม : พ่อใครมันทำแบบนี้กัน มันต้องการอะไร ?
พ่อ: ไม่รู้เหมือนกัน อย่าให้รู้นะ จะยิงทิ้งเลย
เด็กหนุ่ม : ซากเป็ดมันเหมือนโดนตัวอะไรกัดนะพ่อ
พ่อ : น่าจะเป็นหมา ถ้าเป็นฝีมือคนศพมันคงไม่เละขนาดนี้หรอก
เด็กหนุ่ม : ห๊ะ! หมามันกินเป็ดหรอพ่อ? บ้านเราก็มีหมาทำไมมันถึงไม่เห่าเลยสักนิด
พ่อ : กินสิ ถ้าฟันมันเคยโดนเลือดแล้ว มันต้องกิน ส่วนไอ้ กิ (ชื่อหมาที่เด็กหนุ่มเลี้ยงไว้) กลางคืนมันคงนอนอยู่หน้าบ้านโน่น มันจะรู้เรื่องอะไร
เดี่ยวเย็นวันนี้พ่อจะดักยิงมัน ไปเอาปืนมาไว้ให้พ่อด้วย
สิ้นสุดการสนทนา ทั้งสองพ่อลูกต่างช่วยกันฝังศพเป็ดของพวกเขาเป็นครั้งที่สอง ฝูงเป็ดที่เหลือยังคงหากินอยู่รอบๆ บริเวณของสระเช่นเดิม ทุกอย่างดำเนินไปปกติเพียงแต่จำนวนเป็ดที่ลดลง เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว จนความมืดเริ่มเข้าปกคลุมหลังบ้าน ฝูงเป็ดจับกลุ่มกันนอนดังเช่นเคยท่ามกลางความมืด ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อกำลังดักซุ่ม รอผู้ที่จะมาลงมือฆาตกรรมเป็ดของเขาอยู่ อากาศเย็นเริ่มเคลือบคลานเข้ามา พ่อของเด็กหนุ่มไม่ได้ยินหรือเห็นสิ่งที่เขาต้องการพบเจอ มีเพียงความเงียบและความมืดเท่านั้นที่ล่องลอยอยู่รอบ ๆ ตัวเขา เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงความง่วงเริ่มแทรกตัวเข้ามาจนสุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้ ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อตัดสินใจเดินกลับบ้านด้วยความผิดหวัง
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งแสงแดดอ่อน ๆ ฉายแสงไฟทั่วหลังคาบ้านหลังเล็กของเด็กหนุ่ม มีลมเย็น ๆ ในตอนเช้าพัดมาในบางเวลา ทำให้ใบไม้สั่นไหวเล็กน้อย เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาจากแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทางช่องแคบของไม้ที่ตอกปิดขอบหน้าต่าง แต่ในวันนี้ไม่มีข่าวการตายของเป็ดจากพ่อของเขา แต่เด็กหนุ่มก็ยังคงสงสัยว่าต้นเหตุที่ทำให้เป็ดของเขาตายมาจากใครกันแน่ แล้วฆาตกรเล็ดลอดผ่านสายตาและจมูกอันว่องไวของหมาที่เขาเลี้ยงไว้มาได้อย่างไร เป็ดที่เหลือก็ยังคงหากินอยู่ปกติ บางครั้งก็ลอยเล่นน้ำอยู่ในสระ บางทีพวกมันก็นอนอาบแดดแล้วใช้ปากของมันทำความสะอาดขนของพวกมัน ชีวิตของพวกมันวนเวียนอยู่กับพฤติกรรมไม่กี่อย่าง พอตกเย็นพวกมันก็จับกลุ่มกันนอนเพื่อให้เกิดความอบอุ่น ค่ำคืนนี้เด็กหนุ่มรู้สึกเหนื่อยจากการเลี้ยงเป็ดมาทั้งวัน เด็กหนุ่มกำลังจะเข้านอน แต่หูของเขาแว่วคล้ายกับได้ยินเสียงเป็ดร้องอยู่หลังบ้าน เด็กหนุ่มรีบคว้าไปฉายแล้ววิ่งไปตามเสียงเป็ด เขาฉายแสงไฟไปตามความมืดเห็นเพียงเป็ดที่ยืนเป็นกลุ่ม พวกมันมีอาการเหน็ดเหนื่อยและหายใจรุนแรงคล้ายกับวิ่งหนีบางสิ่งมา เด็กหนุ่มฉายไปไปเรื่อย ๆ ตามแนวหญ้าแต่ก็ต้องตกใจสะดุ้งกับดวงตาสีแดงคู่นั้นที่สะท้อนแสงไฟฉายของเด็กหนุ่ม มันกำลังกัดกินซากเป็ดอยู่หลังพุ่มไม้บาง ๆ ใบหน้ายาวมี 4 ขาและมีหาง ขนของมันเป็นสีน้ำตาลเข้มไม่ยาวมาก เด็กหนุ่มรู้ได้เลยว่าฆาตกรที่กำลังกัดกินซากศพเป็ดของเขาคือ หมา ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังจะเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อดูให้เห็นชัดเจนขึ้นอีก ด้วยความที่มันเป็นสัตว์ที่มีสายตาที่ดีเยี่ยม เส้นประสาทรับกลิ่นบริเวณจมูกที่มีมาก ทำให้มันรับกลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์หลายเท่า ใบหูที่ใหญ่ทำให้มันได้ยินเสียงจากระยะไกลได้เป็นอย่างดี ฆาตกรจึงวิ่งลงจากขอบสระผ่านทุ่งนาเข้าไปในโพรงหญ้าแล้วหายเข้าไปในความมืด เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กหนุ่มอธิบายถึงรายละเอียดของหมาที่มากัดเป็ดของเขาเมื่อคืนนี้ให้พ่อของเขาได้ฟัง พ่อของเขารู้ได้ทันที
พ่อ : ใช่ ๆ ใช่แน่ ๆ หมาของยายจิต มันต้องคุยกันหน่อยแล้ว
พ่อของเด็กหนุ่มเดินออกจากบ้านไปยังบ้านยายจิตที่อยู่ถัดจากบ้านของเด็กหนุ่มไปหกเจ็ดหลัง เด็กหนุ่มเฝ้ารอพ่อของเขาอยู่จนเที่ยง จนพ่อของเขากลับมาพร้อมเงินในมือ เด็กหนุ่มเอ่ยปากถามถึงความเป็นไป
เด็กหนุ่ม : เป็นไงบ้างพ่อ เขาว่าไง
พ่อ : ใช่จริง ๆ ด้วย เห็นแกบอกว่า หมาแกชอบหายไปตอนดึก ๆ แกก็เลยจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายแทนเป็ดที่ตายไป แล้วแกก็บอกว่าคงเลี้ยงไว้ต่อไปไม่ได้แล้วต้องเอาไปแลกกะละมัง เลี้ยงไว้ก็มีแต่ความ
เด็กหนุ่มรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเพราะรู้ถึงฆาตกรที่ทำให้เป็ดของเขาตายและหายไป นั้นก็คือ หมาของยายจิต นั่นเอง เด็กหนุ่มเลี้ยงเป็ดที่เหลือได้อย่างสบายใจ ตัวสีขาวของพวกมันมองเห็นได้แต่ไกล พวกมันยังคงหากินอยู่แถวขอบสระ ลูกเป็ดสีเหลืองปนดำยังเดินตามหลังแม่อย่างเป็นแถว จนตกเย็นความมืดเข้าปกคลุ่มชนบทแห่งนี้อีกครั้ง ฝูงเป็ดจับกลุ่มนอนดั่งเช่นทุกวัน เด็กหนุ่มเองก็เข้านอนโดยไร้ความกังวล
เช้าตรู่ของวันใหม่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วพื้นที่ชนบทแห่งนี้ พื้นที่ทางการเกษตรเต็มไปด้วยต้นข้าวโพดแห้งสีน้ำตาลที่ถูกทิ้งไว้หลังการเก็บเกี่ยว ต้นไม้น้อยใหญ่ยืนตระหง่านเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ลมยังคงพัดฝุ่นสีส้มกลางเส้นทางไปตามแรงลม ท้องทุ่งนาเหลือเพียงตอซังข้าวที่แห้งเหี่ยว ธรรมชาติดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็นเฉกเช่นทุกวัน เด็กหนุ่มรีบตื่นเช้าก่อนพ่อเพื่อไปให้อาหารเป็ดแต่เช้า เด็กหนุ่มเดินไปหลังบ้านแต่ต้องตกตะลึงกับภาพเป็ดของเขาที่ตายเกลื่อนกลาดอยู่ริมขอบสระ ศพของพวกมันถูกฉีกกระจุยกระจายเลือดสีแดงแปดเปื้อนเป็นทางดังเช่นเดิม ศพของพวกมันกระจัดกระจายจนไปถึงทุ่งนาที่อยู่ถัดลงไปด้านล่างของขอบสระน้ำ ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังมองภาพเป็ดที่ตายและงุนงงถึงต้นเหตุที่ยังทำให้เป็ดเขาตาย “ไอ้กิ หมาที่เด็กหนุ่มเลี้ยงไว้ก็เดินผ่านไปพร้อมกับปากที่เปื้อนเลือดและขนเป็ดสีขาวที่ติดอยู่บริเวณริมปากของมัน”
แด่เป็ดที่หายไป