ไม่คู่ควรอย่างยิ่งกับฉายาสิงโตคำรามเลยสำหรับอังกฤษที่ประกอบด้วยผู้เล่นชั้นแนวหน้าของลีกและของยุโรป แพ้แบบหมดรูปต่อไอซ์แลนด์ ที่มี ปชก.แค่ 3.3 แสนคน (หักผู้หญิงออกเสีย 2 แสน เด็กและคนแก่ที่เล่นบอลไม่ได้อีก 1 แสน เหลือหนุ่มเหน้าแค่ไม่กี่หมื่น หักที่ไปเล่นกีฬาชนิดอื่นอีกครึ่งหนึ่ง ที่เหลือคัดเอามา 22 ผู้เล่น นี่เกือบจะเรียกว่า ไปเคาะตามประตูบ้านเพื่อคัดเลือกตัวผู้เล่นฟุตบอลกันแล้ว)

ความผิดพลาดของอังกฤษ ผมว่าต้องย้อนไปตั้งแต่คัดเลือกผู้จัดการทีมเป็นรอย ฮอดจ์สันแล้ว  ตอนนั้น ผมก็งงๆ อยู่ เอ ทำไมเอาคนแก่ปูนนั้น แถมก็ไม่ได้ทำทีมใหญ่อะไร และประสบความสำเร็จในระดับแนวหน้าเลย  แม้จะทำผลงานรอบคัดเลือกได้ดี แต่รูปแบบการเล่นของทีมอังกฤษก็ยังเป็นแบบโบราณนานเน แต่ทีมนี้ศักยภาพน้อยกว่าอีกในบอลยูโร เพราะแต่ละคนแทบไม่ได้โชว์ทักษะ ความสามารถโดดเด่นอะไรเลย เมื่อเทียบกับผู้เล่นทุกทีม  ประตูที่อังกฤษยิงได้แต่ละลูก หากลองย้อนกลับไปเปิดดูใหม่ ไม่ได้เกิดจากการประสานงานของกองหน้าอย่างสวยงามอะไรเลยสักลูก

หันมาดูผู้เล่น โดยเฉพาะกองกลางที่ขับเคลื่อนทีม เกมรุกนี่ไม่ไหวจะเคลียร์เลยครับ  ฮอดจ์สันเลือกใช้ดายเออร์ กับรูนีย์ ที่คนหนึ่งเหมือนมาเดินช็อปปิ้ง กับอีกคนที่ฟอร์มตกต่ำมาไม่น้อยกว่า 2 ปีแล้ว มาวางบอล ที่เน้นจ่ายออกข้างๆ และไม่มีความสามารถในการวางบอลแม่นๆ ให้เพื่อนร่วมทีม

บอกตามตรงนะ หากรูนีย์ยังไม่เลิกเล่นเป็นตัวหลัก ทีมชาติอังกฤษและทีมแมนยูเอง ไม่มีโอกาสหยิบถ้วยรายการใหญ่ๆ บนโลกนี้ได้หรอก นี่ไม่ได้ปรามาสนะครับ เห็นผลงานมา 2-3 ปีล่าสุดแล้ว เป็นขาลงอย่างถาวรครับ

ผมแปลกใจมากๆ ที่ฮอดจ์สันเลือกใช้บริการแจ็ก วีลแชร์ เอ๊ย วีลเชียร์แทนที่จะใช้เฮนเดอสันเพื่อแก้เกมที่ตกเป็นรองอยู่  และงงๆ ที่ปล่อยให้สเตอริดจ์ และแฮรี เคนที่เล่นทั้งเกมไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันยืนอยู่ในสนามครบ 90 นาที ทั้งๆ ที่ต้องปรับเปลี่ยนเกมรุกได้แล้ว เพราะเห็นๆ ว่า ทั้งสองคนเล่นออกทะเลเมดิเตอเรเนียนไปไกลมากแล้ว การเปลี่ยนเอามาคัส แรชฟอร์ดลงในช่วง 3 นาทีสุดท้ายเป็นการแก้เกมที่ถูกต้องที่สุดของอังกฤษในบอลยูโรครั้งนี้ แต่ปู่แกคงตาฝ้าฟางมากๆ หรือไม่ก็อยู่ในอาการทำอะไรไม่ถูกเลยไม่ส่งลงมา

แม้แรชฟอร์ดอาจจะทำประตูไม่ได้ แต่การกล้าเล่นกล้าเปลี่ยนรูปแบบการรุกของทีมจะส่งผลให้กองหลังของไอซ์แลนด์รับมือยาก และจะทำฟาวล์สำคัญๆ รอบๆ เขตโทษได้ ซึ่งอาจได้ทั้งใบเหลืองแดงและลูกยิงฟรีคิกอันเป็นที่พึ่งสุดท้ายของทีมแมวเซา  

อีกคนที่อยากพูดถึงคือ เดเล่ อัลลี่ เมื่อวานนี้ ผมว่าเป็นอีกคนที่น่าถูกเปลี่ยนออกนะแล้วใส่อดัม ลัลลาน่า หรือ รอส บาร์คลีย์ลงมาน่าจะดีกว่า เออ..จริงสิ ทำไมไม่ใช้บาร์คลี่เลยตลอดทัวร์นาเม้นนะ  เขาน่าจะเล่นเข้ากับระบบของอังกฤษมากกว่าอัลลี่นะผมว่า

เกมรุกของทีมอังกฤษหาความสร้างสรรค์ไม่ได้เลยจริงๆ ไม่ว่าการต่อบอลจากเท้าสู่เท้าหรือการวางบอลระยะกลาง-ไกล ซึ่งเป็นที่มากของลูกปืน "ฝืด" ในสองเกมสุดท้ายนี้

หันมาดูกองหลังบ้าง  ทั้ง 4 คนเมือวานนี้ ล้วนเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานของตนเองทั้งหมด วิงแบ็กแป้กทั้งคู่ ทั้งๆ ที่ในลีก ผมชมชอบการเติมเกมของพวกเขามาก และเกมก่อนหน้านี้ก็ทำได้ดีทั้งคู่แต่เกมนี้ไปไม่เป็นจริงๆ ส่วนคู่กลาง เล่นในสโมสรก็ดีกว่านี้หลายเท่า ลองคิดดูเหอะ หากทำผลงานได้แค่นี้ แมนยูกับเชลซีจะอยู่ตรงไหนของตาราง  

ไอซ์แลนด์ไม่ใช่ว่า เล่นดี ยิงดีมากมาย แต่การประกบพลาด และวันนั้น โจ ฮาร์ทคงแตะน้ำลายที่มือมากไปหน่อย ลูกบอลที่ดูเหมือนไม่แรงอะไรเลยลื่นไถลเข้าประตูไป
การวางแผนการเล่นที่ถูกต้องมากกว่าครับที่สยบอังกฤษได้ ผู้เล่นไอซ์แลนด์ประกบชิดแบบไม่ยอมให้มีช่องว่างในการครองบอลเลย ทำให้นักเตะอังกฤษเปิดตำรารับไม่ทัน พอจวนตัวก็จะจ่ายให้ข้างๆ หรือคืนหลังดีกว่า เพื่อความปลอดภัย  ซึ่งถ้าคิดกันแบบนี้ โอกาสยิงประตูก็คงไม่มีครับ

การแก้เกมที่คู่แข่งวิ่งเข้ามาประกบเร็วและเข้ามารุมผู้เล่นที่มีบอล คือ ต้องอย่าครองบอลอยู่กับที่นานๆ จะกระชากก็กระชากไปเลย อาจหลุดได้สองคนในเวลาเดียวกัน หรือไม่ก็รีบคายบอลไปให้เพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า ผมเน้นนะครับว่า อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า คือ สามารถพาบอลไปข้างหน้าได้ดีกว่า ไม่ใช่พาย้อนกลับหลัง

ในเกมฟุตบอล การส่งคืนหลังทำได้ในกรณีเดียวที่มีเหตุผลที่ดี คือ เพื่อเปิดโอกาสให้เดินเกมรุกในตำแหน่งที่ดีกว่า  ไม่เช่นนั้นจะเป็นการฆ่าเวลาเกมรุก โดยแท้ครับ ซึ่งนักเตะที่ไร้ความมั่นใจ และไม่ค่อยมีแรงวิ่งนิยมทำกัน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตนเองเป็นสำคัญ (Cover ass)

ถ้าทีมอังกฤษจะเปลี่ยนโค้ชใหม่ ผมแนะนำให้ลองหาชาวเยอรมันดูบ้างนะครับ ทำไมมาตรฐานทีมเยอรมันจึงสูงในระดับคงเส้นคงวามาหลายสิบปีแล้ว และมักจะใช้โค้ชสัญชาติเยอรมันเป็นหลัก ไม่ไขว้เขวไปไหนเลย

บอลโลกที่จะมาถึง ผมหวังจะเห็นโค้ชที่มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนรูปแบบการเล่นของอังกฤษใหม่ทั้งหมดได้ และไม่อยากเห็นเวย์น รูนีย์ในทีมชาติชุดนั้นครับ