พูดถึง Karuizawa นั้น เริ่มแรกก็ไม่เคยได้ยินได้ฟังชื่อเมืองๆนี้มาก่อนเลยจริงๆ เพียงแต่แรงบันดาลใจเริ่มต้นที่ทำให้เดินทางไปเยือนเมือง Karuizawa แห่งนี้ ก็เนื่องจากเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตเบียร์ชื่อดัง Yo-Ho Brewing Company โดยได้รับการชักชวนให้ไปเยี่ยมชมและรับฟังบรรยายเล็กน้อยเกี่ยวกับเบียร์อินดี้ที่รู้จักกันในนาม Craft Beer ซึ่งเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ที่ติดชาร์ตอันดับ 1 ในใจมาตลอด แต่เมื่อได้ไปเยือน Karuizawa จริงๆแล้ว ก็ได้รู้ว่า Karuizawa ไม่ได้มีดีแค่เบียร์แล้วล่ะ มันยังเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมจากคนญี่ปุ่นในการเดินทางไปพักตากอากาศไม่แพ้ หัวหิน หรือ เขาใหญ่ ในบ้านเราเลยทีเดียว

Karuizawa ตั้งอยู่ในบริเวณเชิงเขา Asama ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ยังคงปะทุใน Nagano Prefecture ลักษณะของเมืองนั้นเป็นเมืองท่องเที่ยวพักผ่อน มี Resort อยู่ตามภูเขารอบๆจำนวนมากพอสมควร ด้วยความที่สภาพอากาศใน Karuizawa เหมาะแก่การท่องเที่ยวตลอดทั้งปี ในฤดูร้อนก็เหมาะให้คนเมืองได้มารับลมเย็นๆ และทำกิจกรรม Outdoor และในฤดูหนาวก็เหมาะกับการเล่นสกีซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิตของประชากรในประเทศที่มีหิมะตก ดังนั้น คนมีเงินจากเมืองใหญ่จึงมาซื้อบ้านหลังที่สองไว้ที่ Karuizawa เป็นจำนวนไม่น้อย ถ้าเปรียบเทียบบรรยากาศภายในเมืองกับประเทศทางแถบยุโรป ก็จะมีความคล้ายกับ Switzerland อยู่ไม่มากก็น้อย เนื่องจากเป็นเมืองเล็กๆ มีอาคารบ้านเมืองหลังเล็กๆน่ารักให้ดูตลอดทางและล้อมรอบไปด้วยภูเขามากมาย ที่สำคัญก็เห็นจะไม่พ้น Prince Shopping Plaza ซึ่งเป็น Outlet ขนาดมหึมา ให้กับขา Shop ทั้งหลายได้เดินกันอย่างเพลิดเพลิน จากการกะด้วยสายตาแล้ว Outlet แห่งนี้ มีพื้นที่เทียบเท่ากับ Disney Land ได้เลยทีเดียว

- อ อ ก ไ ป วั น นี้ -
07:30 am : ออกเดินทางจาก Takaragawa Onsen
09:30 am : แวะชมโรงงานผลิตเบียร์ของบริษัท Yo-Ho Brewing Company
11:00 am : แวะชมธรรมชาติ ณ Kumoba Pond
11:30 am : แวะ Hoshino Hotel ชม Karuizawakogen Church และ Stone Church
12:30 pm : แวะ Hoshino Onsen รับประทานอาหารกลางวันและชมบริเวณสวน
02:00 pm : Shopping ที่ Outlet Prince Shopping Plaza

หลังจากแช่ออนเซ็นกันจนอิ่มหนำแล้ว ก็ถึงคราวต้องเก็บของและบอกลา Takaragawa Onsen (จาก รีวิว [CR]เที่ยวไม่ง้อรถไฟ ขอไปตะลุย Gunma ด้วยตัวเอง (Exploring North Western Japan Trip) Day 2) ออกเดินทางจาก Minakami โดยมุ่งหน้าลงใต้ด้วยทางด่วนสาย Kan-etsu เส้นเดิม แล้วเปลี่ยนเส้นทางแยกออกขวามาเป็นทางด่วนสาย Joshin-etsu ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถึง Exit ป้าย Karuizawa หลังจากลงทางด่วนมา ต้องขับไต่เนินเขาไประยะหนึ่งก็ถึงทางหลวงหมายเลข 43 พาเข้าสู่ตัวเมือง Karuizawa รวมระยะทางทั้งหมด 146 กิโลเมตร





สำหรับทางเข้าเมืองจะเป็นถนนเส้นที่เรียกว่า Karuizawa By-Pass บรรยากาศบนถนนเส้นนี้แหละครับ ที่ทำให้นึกถึงเมืองเล็กๆกลางหุบเขาในประเทศ Switzerland เนื่องด้วยมองไปด้านหน้าจะเห็นภูเขาล้อมรอบไปหมด ชีวิตคนเมืองนี้ตามข้างทาง เป็นไปอย่าง Slowlife จริงๆ เห็นได้จากกิจกรรมที่ชาวเมืองกำลังทำกิจกรรมกับครอบครัว บ้างก็เห็นพ่อแม่ที่กำลังเล่นกับลูกในสวนหลังบ้านอย่างมีความสุข บ้างก็กำลังนั่งจับกลุ่มดูโทรทัศน์กันอยู่ในห้องรับแขกของบ้าน หรือแม้กระทั่งบางคนก็กำลังขนของที่ซื้อจาก Super Market เข้าบ้าน เป็นบรรยากาศเมืองที่มีแต่ความสงบ ความสุข และน่าอยู่อาศัยเสียเหลือเกิน

รายการท่องเที่ยวในวันนี้ เริ่มต้นขึ้นจากการเยี่ยมชม Yo-Ho Brewing Company โดยได้นัดพบกับพนักงานจากบริษัท Yo-Ho ซึ่งจะมารับที่สถานี Karuizawa Station หลังจากทักทายพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อย Yo-Ho Staff ได้ขับรถนำไปที่โรงงาน ใช้เวลาเดินทางจากกลางเมืองประมาณ 15 - 20 นาที ก็มาถึง โดยตัวโรงงานเป็นอาคารสีเทา มีทั้งส่วนที่เป็นสำนักงานและส่วนที่ใช้สำหรับการผลิต



เริ่มแรกพนักงานได้พาเข้าสู่ส่วนที่เป็นสำนักงานและได้นำตัวอย่างเบียร์ที่ผลิตโดย Yo-Ho มาให้ลองมากมาย ตัวโปรดของผม คงจะหนีไม่พ้น เบียร์กระป๋องสีฟ้ารูปแมว ใช้ชื่อ Suiyoubi No Neko เป็นเบียร์ที่ไม่แรงมาก ปริมาณแอลกอฮอร์อยู่ที่ประมาณ 4.5% มีกลิ่นหอมคล้ายดอกมะลิ และอีกตัวที่ผมค่อนข้างชอบรสชาติ คือ Yona Yona Ale กระป๋องสีเหลือง ซึ่งจะแรงขึ้นมาจากตัวแรก มีปริมาณแอลกอฮอร์อยู่ที่ 5.5% หลังจากได้ทดลองเบียร์หลายๆตัวแล้ว แกก็เริ่มอธิบายถึงความแตกต่างระหว่าง Draught Beer และ Craft Beer ให้ฟัง โดยความแตกต่างระหว่างเบียร์สองตัวนี้ อยู่ที่ตัวยีสต์ที่ใช้หมัก และการใช้พืชพันธุ์สมุนไพรในการสร้างกลิ่นหอมให้เบียร์ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Craft Beer ทั่วไปถึงมีกลิ่นหอมชวนดื่มมาก


หลังจากทดลองเบียร์และฟังบรรยายจนครบกระบวนการแล้ว พนักงาน Yo-Ho ก็เริ่มพาเข้าชมบริเวณโรงงาน ตั้งแต่เริ่มแรก คือ บริเวณที่ใช้หมักยีสต์ โดยมีถังสแตนเลสเป็นที่เก็บยีสต์ และจะมีการรักษาอุณหภูมิให้พอเหมาะภายในถังด้วย

พนักงาน Yo-Ho ได้พาไปดูถึงขั้นตอนการ Packaging ก่อนนำออกขาย รวมถึงพาไปดูการวางขายที่ Super Market ใกล้เคียงปิดท้ายทัวร์โรงงานอย่างสวยงาม พร้อมแถมเบียร์ให้จำนวนหนึ่งไว้ไปกินระหว่างทริปอีกด้วย

ตามภาพด้านบนนี้ คือ Suiyoubi No Neko เบียร์ตัวโปรดของผม

ส่วนภาพนี้ คือ Yona Yona Ale เป็นตัวที่แรงขึ้นกว่า Suiyoubi นิดหน่อย รสชาติหนักกว่า แต่ก็อร่อยไม่แพ้กัน

ได้ทั้งความรู้และความอร่อยซาบซ่ากันเรียบร้อย ก็ถึงเวลาออกจาก Brewing กลับสู่ตัวเมือง โดยจุดมุ่งหมายถัดไป ได้แก่ Kumoba Pond





Kumoba Pond เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามจุดหนึ่งของเมือง โดยมีลักษณะเป็นบึงน้ำกว้างใหญ่ มีบริเวณป่าย่อมๆล้อมรอบ เป็นสถานที่ๆนักท่องเที่ยวนิยมมาชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้คนก็ทราบว่าสามารถเดินรอบบริเวณ Komoba Pond ได้ แต่ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ด้วยความที่มีจุดมุ่งหมายต้องไปและได้จอดรถไว้ตรงบริเวณที่ห้ามจอด จึงเดินดูบริเวณด้านหน้าพอสมควร ได้เดินในบรรยากาศใบไม้เขียวเต็มพื้นที่ก็สวยไปอีกแบบ


จากนั้นจึงออกรถมุ่งหน้าสู่ Hoshino Hotel เพื่อเยี่ยมชม Karuizawakogen Church สถานที่ Popular ที่สุดแห่งหนึ่งที่คนญี่ปุ่นนิยมจัดงานแต่งงานขึ้นที่นี่ หากเทียบกับบ้านเราก็คงจะเทียบได้กับห้องน้ำชา Tea Room ของโรงแรม Oriental ตัวโบสถ์นั้นมีลักษณะรูปทรงเป็นรูปสามเหลี่ยม ทำขึ้นจากไม้ มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเรื่องการจัดงานตลอดเวลา โดยในวันดังกล่าว มีพิธีงานแต่งงานหลายคู่มาก ทำให้ไม่สามารถเข้าเดินเยี่ยมชมภายในได้ จึงต้องชมความสวยงามของโบสถ์ได้จากภายนอกเท่านั้น



กลับหลังหันให้กับ Karuizawakogen Church แล้วเดินตัดลานจอดรถมาอีกฝั่งหนึ่ง จะเป็นที่ตั้งของ Stone Church ซึ่งเป็นโบสถ์อีกแห่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นจากหิน และมีการตกแต่งลงตัวสวยงาม เป็นหนึ่งในสถานที่แต่งงานในฝันของชาวญี่ปุ่นหลายคนไม่แพ้ Karuizawakogen เลย ทั้งนี้ ในวันดังกล่าว Stone Church ก็ไม่สามารุเปิดให้เยี่ยมชมภายในได้เช่นกัน เนื่องจากมีพิธีแต่งงานที่คู่บ่าวสาวจะต้องจองสถานที่ข้ามเดือนข้ามปีกันเลยทีเดียว




นอกจากบริเวณ Hoshino Hotel ที่มีความสวยงามแล้ว หากเดินลงเนินไปยัง Hoshino Onsen ก็จะผ่านเส้นทางที่มีบรรยากาศร่มรื่นตลอดทาง



Hoshino Onsen ก็จะมีบริเวณสวนด้านในและมีบริเวณให้รับประทานอาหารด้วย โดยร้านอาหารได้จัดโซน Outdoor ให้ลูกค้าได้นั่งรับประทานอาหารไป และชมบรรยากาศไปได้อย่างดี ผมก็ได้ฝากท้องทั้งอาหารและเครื่องดื่มไว้ที่ร้านอาหารนี้แหละครับ