ขอโทษที่มาอัพช้านะคะ เนื่องจากว่า จขกท ต้องใช้เวลาในการเขียนนานมาก ไหนจะต้องทำงาน กว่าจะเรียบเรียงคำ กว่าจะนึกย้อนกลับไปช่วงแรกๆ และไปขุดคุ้ยหารูปภาพเมื่อก่อน และหาเวลาว่างในการเขียนอีก ช้าหน่อย อย่าโกรธกันนะคะ ผู้อ่านที่น่ารัก แต่จะพยายามมาอัพลงเรื่อยๆนะคะ
พร้อมแล้ว~~~ ขอเล่าต่อเลยนะคะ \\^0^//
________________________________________________________________________________________________
ต่อจากตอนที่แล้ว
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอน 6 โมงเช้า เราก็งัวเงียรีบตื่นมาปิด เรานอนขดอยู่ในผ้าห่ม รู้สึกตัวอีกทีก็คิดขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืนเราเอาผ้าห่มไปห่มให้พี่เค้านี่นา แล้วทำไมผ้าห่มถึงมาอยู่บนตัวเราได้ล่ะ? - -* พอหันไปมองบนโซฟาพี่เค้าก็ยังหลับสนิท แต่มีผ้าเช็ดตัวสองผืนที่เค้าห่มไว้อยู่ เค้านอนขดตัวไม่ต่างจากเรา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังหนาว (เมื่อคืนคงเอาผ้าห่มมาห่มให้เราคืนตอนเราหลับสินะ... รู้สึกผิด... T^T) เราค่อยๆลุกเอาผ้าไปห่มให้เค้าคืนอีกรอบ โถววว... หนุ่มญี่ปุ่นผู้น่าสงสาร... สงสัยพี่เค้าคงจะเหนื่อยจริง เพราะหลับสนิทไม่รู้เรื่องเลย เราก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่พี่เค้าจะตื่น กลัวเค้าตื่นมาแล้วเห็นสภาพศพของเราแล้วรับไม่ได้ -....- เราก็หากระดาษโน๊ตของโรงแรมมาเขียนทิ้งไว้ว่า
'ไปทำงานแล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับเมื่อวาน สนุกมากๆเลย'
แล้วเราก็กลับไปบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปทำงานด้วยความงัวเงียสุดๆ (-.,-)
...ง่วงนอน...
วันนี้ทั้งวันก็เฝ้าบูทขายของ เฝ้าไปคุยไลน์กะพี่เค้าไป เค้าก็ยังส่งรูปแต่ละที่ ที่เค้าไปมาให้ดูตลอด เค้าบอกวันนี้ไปห้าง Mega Bangna ที่เราออกบูทอยู่ แต่ห้างกว้างมากเค้าเดินหาไม่เจอ เค้าเลยถอดใจกลับเราก็ขำ เค้าจะมาทำไมกันนะ? ที่อื่นมีให้ไปเยอะแยะ 5555
จนกระทั่งอีกวันต่อมา เราก็ขายของอยู่ดีๆ เห็นคนเดินผ่านไปผ่านมา แต่งตัวคล้ายๆหนุ่มญี่ปุ่น หลายครั้งที่คิดว่าเป็นพี่เค้า (คือใจลอยไปไหนต่อไหนแล้วเนี่ยเรา?) แต่อยู่ดีๆ พี่แกก็โผล่มาจ๊ะเอ๋ที่บูทของเรา คือตกใจมากค่ะ! มาถูกได้ยังไง? หาเราเจอได้ยังไง? *0* พี่แกก็ทำเนียนเลือกดูตุ๊กตา แบบว่าจะซื้อตัวไหนดี สุดท้ายก็เลือกซื้อพวงกุญแจหมีไป เราก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ มีแต่ยิ้มๆไปให้ เค้าก็ไปเดินเล่นของเค้าทั่วห้างต่อ อีก 3 ชม. ก็กลับมาใหม่ ทำมาเป็นดูตุ๊กตาหน้าร้านเหมือนเดิม -____- แต่เราไม่สนใจค่ะ เดินหนี จนพี่แกต้องเดินมาทักเอง
K : "Hi~~ ^^"
N : "ฉันทำงานอยู่ค่ะ" เราตอบไปแบบหัวเสียเล็กน้อย มาผลุบๆโผล่ๆอยู่ได้ น่ารำคาญจริง ฮึ่มมมมม
เราก็เลยไลน์ไปถามเค้าว่ามาทำไมไม่บอก เค้าก็ตอบ 'ไม่รู้จะไปไหน แค่อยากจะเจอคุณน่ะครับ' เอ่อ.... เราก็เลยขอให้เค้าไม่ต้องมาที่บูทอีก ไม่มีสมาธิในการทำงานเลยนะ -...-
เวลาผ่านไปจนกระทั่งวันที่ 31 มกรามาถึง วันนี้ปิดร้านเร็ว เราก็นัดกับพี่เค้าไว้ที่ BTS ตอน 3ทุ่มครึ่ง พากันไป Central World บรรยากาศคึกคักคนเยอะมาก ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ เสียงเพลงจากหลายๆร้านหลายๆโซน แสงไฟวิบวับ คนเยอะจนต้องเบียดกันเข้าไป เราไปซื้อที่คาดผมโบว์ไฟกระพริบมุ้งมิ้ง ซื้อมา 2 อันให้เค้าด้วย เทศกาลทั้งทีต้องครื้นเครงกันหน่อย เดินไปถ่ายรูปไป มือสั่นรูปส่วนใหญ่เลยออกมาเบลอๆ
รูปตอนเค้าท์ดาวน์กันค่ะ มือสั่นรูปอื่นๆเบลอมากมาย เลยได้รูปนี้รูปเดียว
พี่เค้าบอกนี่เป็นการมาเค้าท์ดาวน์ต่างประเทศครั้งแรกของเค้าเลย เราก็ไปซื้อเครื่องดื่ม และก็เป็นครั้งแรกที่พี่เค้าดื่มเบียร์ไทย ส่วนเราขอเป็นน้ำอัดลมละกัน (เด็กดี หรอ?) ความจริงคือไม่อยากเมาค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำงานแต่เช้าต่อ กลัวตื่นไม่ทัน (´▽`) เราพากันเดินถ่ายรูปและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศเค้าท์ดาวปีใหม่ เกาะๆดึงๆกันไว้เพราะคนเบียดกันสุดๆ ไม่ต้องถามถึงว่าโดนเหยียบเท้าไปแล้วกี่ที -"- และแล้วก็ถึงเวลาเค้าท์ดาวน์ หลายคนจับจ้องอยู่ที่จอ พากันเริ่มนับถอยหลัง 10-9-8-7-6-5-4-3-2-1 (พี่เค้าจับมือเรา) และ ..... 0 ..... Happy New Year! เย้! (≧∇≦)!!!ผู้คนพากันกะโกนร้องด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่อพลุถูกจุดขึ้น เรายืนดูพลุกันอยู่พักนึง แล้วเดินไปเรื่อยๆตามทาง เฮียแกดื่มหมดก็แวะซื้อตลอด ติดใจในรสชาติเบียร์ไทยเร๊อะ? ระวังเมานะเฮีย -*- ความรู้สึกตอนนี้คือดีใจนะที่ปีนี้ได้มาเค้าท์ดาวน์กะลูกศิษย์ ไม่รู้หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ดื่มไปกี่กระป๋องแล้ว แต่พอหันไปมองอีกทีคือทั้งหน้าทั้งตัวนี่แดงเชียว เดินก็เซ เดินสะดุดอีก จนเราต้องพยุงเค้าเดิน (ไหวมั้ยเพ่?) เอ่อ... พี่แกคงเมาน่าดูเดินไปขำไป หัวเราะคิกคักตลอดทาง เราพากันจะไปขึ้น BTS แต่เนื่องจากคนเยอะมาก เราเลยเดินไปตามถนนเรื่อยๆ จนถึงสถานีถัดไป พอเข้ามาในขบวน คนเยอะจนเราไม่มีที่จับ เยอะแบบไม่เคยเป็นมาก่อนในไทย นึกว่าอยู่ต่างประเทศ เบียดกันจนจะได้เสียกับคนในขบวนอยู่แล้ว (꒪⌓꒪) (หายใจไม่ออกเว้ยยยย) ที่แย่กว่าคือกลิ่นตัวของใครสักคนในขบวน ส่งกลิ่นรุนแรงมากจนบางคนนิ่วหน้า อ๊ากกกก!!! นี่มันคือการฆาตกรรมหมู่บนรถไฟชัดๆ เราต้องยืนทรงตัวไม่มีที่จับ ความจริงก็ทรงตัวได้นะ แต่เวลาเบรกก่อนถึงสถานี คนจะไถลมากองกัน หนุ่มญี่ปุ่นมองเราแบบเหมือนจะสงสาร เลยลากเราไปกอดเค้าไว้แบบไม่ทันตั้งตัว (~_~!) อารมณ์ประมาณกอดผมไว้นะ จะได้ไม่ล้ม~ แหม.. ช่างโรแมนติกซะจริงจริ๊งงงง (-////-)
พอมาถึงที่หมาย พี่แกก็เดินโซเซเข้าโรงแรม สั่งเบียร์อีก 4 กระป๋อง ไปกินต่อที่ห้อง จะยัดเยียดให้เรากินด้วย แต่เราขอบายค่ะ ดูพี่แกดื่มไป เล่าเรื่องตัวเองไป ท่าทางจะเมามากแล้วนะเนี่ย.. (´▽`) สุดท้ายก็ยังยัดเยียดให้เราดื่ม เมื่อรู้ตัวว่าปฏิเสธไม่ได้เราเลยยื่นข้อเสนอคือ ให้พี่เค้าร้องเพลงญี่ปุ่นให้ฟังก่อนแล้วเราค่อยดื่ม เค้าก็นึกเพลงอยู่นาน แต่ก็ยอมร้องให้ฟังแบบอายๆ (เรานี่แอบอัดเสียงไว้เลยค่ะ 555) เสียงนุ๊ม-นุ่ม ฟังเพลินมาก พอร้องจบเราเลยแกล้งทำเป็นดื่ม แต่ที่จริงแค่จิบๆพอ เวลาพี่เค้าเมานี่พูดมากกว่าเดิมเยอะเลยแหะ หน้าก็แดง ตัวก็แดง ดูแล้วก็ตลกดี พี่เค้าโซเซจะเข้าห้องน้ำ เรานี่ต้องคอยพยุงไว้กลัวเค้าล้ม แต่เค้าบอกไม่เป็นไร สบายมาก หรา? จ้า... เอาที่สบายใจ ล้มมาอย่ามาโทษละกันนะ -.- พอกลับมานั่งคุยกันอยู่บนโซฟาสักพัก เรามองดูเวลาก็เกือบ ตี 4 แล้ว เราเลยขอกลับก่อน แต่เค้าก็ไม่ยอมอยากให้เราค้างที่นี่ เราบอกไม่ได้ต้องทำงานเช้า ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน อยากกลับไปที่บ้าน เค้าก็บอกให้ค้างเหมือนคราวที่แล้ว เรารู้สึกไม่ค่อยโอเค เสื้อผ้าเราตอนนี้มีเหงื่อซกตอนเค้าท์ดาวน์ ทั้งกลิ่นเบียร์ กลิ่นบุหรี่ เราอยากกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เถียงกันไปเถียงกันมา เราพูดยังไม่ทันขาดคำ พี่เค้าก็ดึงเราไปแล้วก้มลงจูบ.... (OxO!!?) อุ๊ฟฟฟฟฟ! ปากนุ่มจังแหะ~♡ (>///<)
เห้ยยยยยยยยย!!! ไม่สิ! นี่ชั้นกำลังโดนจูบจริงๆใช่ม้ายยยยยย!??? พอสติมาก็คิดว่า ม่ายยยยยย! เรื่องจะเลยเถิดบานปลายกว่านี้ม่ายด้ายยยยย!!!
เราผลักเค้าออก ต่างคนต่างตกใจเหมือนกัน ด้วยความที่เราคิดอะไรไม่ออก เราเลยรีบลุกขึ้นพูดแบบไม่มองหน้าพี่เค้า เราบอกเค้าว่าจะกลับแล้ว ซาโยนาระ... พี่เค้ามองเราแบบอึ้งๆอยู่สักพัก
แล้วเราก็รีบเดินจากห้องไป.....
เดี๋ยวจะมาต่อให้เร็วที่สุดนะคะ ^__^
อ่านย้อนหลังได้ที่
http://ppantip.com/topic/35309885
✿✿แชร์ประสบการณ์ ♥ริรักกับหนุ่มญี่ปุ่น♥ เมื่อความบังเอิญทำให้เราได้มาเจอกัน✿✿ (●^o^●) ตอนที่ 3
พร้อมแล้ว~~~ ขอเล่าต่อเลยนะคะ \\^0^//
________________________________________________________________________________________________
ต่อจากตอนที่แล้ว
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตอน 6 โมงเช้า เราก็งัวเงียรีบตื่นมาปิด เรานอนขดอยู่ในผ้าห่ม รู้สึกตัวอีกทีก็คิดขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืนเราเอาผ้าห่มไปห่มให้พี่เค้านี่นา แล้วทำไมผ้าห่มถึงมาอยู่บนตัวเราได้ล่ะ? - -* พอหันไปมองบนโซฟาพี่เค้าก็ยังหลับสนิท แต่มีผ้าเช็ดตัวสองผืนที่เค้าห่มไว้อยู่ เค้านอนขดตัวไม่ต่างจากเรา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังหนาว (เมื่อคืนคงเอาผ้าห่มมาห่มให้เราคืนตอนเราหลับสินะ... รู้สึกผิด... T^T) เราค่อยๆลุกเอาผ้าไปห่มให้เค้าคืนอีกรอบ โถววว... หนุ่มญี่ปุ่นผู้น่าสงสาร... สงสัยพี่เค้าคงจะเหนื่อยจริง เพราะหลับสนิทไม่รู้เรื่องเลย เราก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนที่พี่เค้าจะตื่น กลัวเค้าตื่นมาแล้วเห็นสภาพศพของเราแล้วรับไม่ได้ -....- เราก็หากระดาษโน๊ตของโรงแรมมาเขียนทิ้งไว้ว่า
'ไปทำงานแล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับเมื่อวาน สนุกมากๆเลย'
แล้วเราก็กลับไปบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปทำงานด้วยความงัวเงียสุดๆ (-.,-)
...ง่วงนอน...
วันนี้ทั้งวันก็เฝ้าบูทขายของ เฝ้าไปคุยไลน์กะพี่เค้าไป เค้าก็ยังส่งรูปแต่ละที่ ที่เค้าไปมาให้ดูตลอด เค้าบอกวันนี้ไปห้าง Mega Bangna ที่เราออกบูทอยู่ แต่ห้างกว้างมากเค้าเดินหาไม่เจอ เค้าเลยถอดใจกลับเราก็ขำ เค้าจะมาทำไมกันนะ? ที่อื่นมีให้ไปเยอะแยะ 5555
จนกระทั่งอีกวันต่อมา เราก็ขายของอยู่ดีๆ เห็นคนเดินผ่านไปผ่านมา แต่งตัวคล้ายๆหนุ่มญี่ปุ่น หลายครั้งที่คิดว่าเป็นพี่เค้า (คือใจลอยไปไหนต่อไหนแล้วเนี่ยเรา?) แต่อยู่ดีๆ พี่แกก็โผล่มาจ๊ะเอ๋ที่บูทของเรา คือตกใจมากค่ะ! มาถูกได้ยังไง? หาเราเจอได้ยังไง? *0* พี่แกก็ทำเนียนเลือกดูตุ๊กตา แบบว่าจะซื้อตัวไหนดี สุดท้ายก็เลือกซื้อพวงกุญแจหมีไป เราก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ มีแต่ยิ้มๆไปให้ เค้าก็ไปเดินเล่นของเค้าทั่วห้างต่อ อีก 3 ชม. ก็กลับมาใหม่ ทำมาเป็นดูตุ๊กตาหน้าร้านเหมือนเดิม -____- แต่เราไม่สนใจค่ะ เดินหนี จนพี่แกต้องเดินมาทักเอง
K : "Hi~~ ^^"
N : "ฉันทำงานอยู่ค่ะ" เราตอบไปแบบหัวเสียเล็กน้อย มาผลุบๆโผล่ๆอยู่ได้ น่ารำคาญจริง ฮึ่มมมมม
เราก็เลยไลน์ไปถามเค้าว่ามาทำไมไม่บอก เค้าก็ตอบ 'ไม่รู้จะไปไหน แค่อยากจะเจอคุณน่ะครับ' เอ่อ.... เราก็เลยขอให้เค้าไม่ต้องมาที่บูทอีก ไม่มีสมาธิในการทำงานเลยนะ -...-
เวลาผ่านไปจนกระทั่งวันที่ 31 มกรามาถึง วันนี้ปิดร้านเร็ว เราก็นัดกับพี่เค้าไว้ที่ BTS ตอน 3ทุ่มครึ่ง พากันไป Central World บรรยากาศคึกคักคนเยอะมาก ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ เสียงเพลงจากหลายๆร้านหลายๆโซน แสงไฟวิบวับ คนเยอะจนต้องเบียดกันเข้าไป เราไปซื้อที่คาดผมโบว์ไฟกระพริบมุ้งมิ้ง ซื้อมา 2 อันให้เค้าด้วย เทศกาลทั้งทีต้องครื้นเครงกันหน่อย เดินไปถ่ายรูปไป มือสั่นรูปส่วนใหญ่เลยออกมาเบลอๆ
พี่เค้าบอกนี่เป็นการมาเค้าท์ดาวน์ต่างประเทศครั้งแรกของเค้าเลย เราก็ไปซื้อเครื่องดื่ม และก็เป็นครั้งแรกที่พี่เค้าดื่มเบียร์ไทย ส่วนเราขอเป็นน้ำอัดลมละกัน (เด็กดี หรอ?) ความจริงคือไม่อยากเมาค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำงานแต่เช้าต่อ กลัวตื่นไม่ทัน (´▽`) เราพากันเดินถ่ายรูปและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศเค้าท์ดาวปีใหม่ เกาะๆดึงๆกันไว้เพราะคนเบียดกันสุดๆ ไม่ต้องถามถึงว่าโดนเหยียบเท้าไปแล้วกี่ที -"- และแล้วก็ถึงเวลาเค้าท์ดาวน์ หลายคนจับจ้องอยู่ที่จอ พากันเริ่มนับถอยหลัง 10-9-8-7-6-5-4-3-2-1 (พี่เค้าจับมือเรา) และ ..... 0 ..... Happy New Year! เย้! (≧∇≦)!!!ผู้คนพากันกะโกนร้องด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่อพลุถูกจุดขึ้น เรายืนดูพลุกันอยู่พักนึง แล้วเดินไปเรื่อยๆตามทาง เฮียแกดื่มหมดก็แวะซื้อตลอด ติดใจในรสชาติเบียร์ไทยเร๊อะ? ระวังเมานะเฮีย -*- ความรู้สึกตอนนี้คือดีใจนะที่ปีนี้ได้มาเค้าท์ดาวน์กะลูกศิษย์ ไม่รู้หนุ่มญี่ปุ่นคนนี้ดื่มไปกี่กระป๋องแล้ว แต่พอหันไปมองอีกทีคือทั้งหน้าทั้งตัวนี่แดงเชียว เดินก็เซ เดินสะดุดอีก จนเราต้องพยุงเค้าเดิน (ไหวมั้ยเพ่?) เอ่อ... พี่แกคงเมาน่าดูเดินไปขำไป หัวเราะคิกคักตลอดทาง เราพากันจะไปขึ้น BTS แต่เนื่องจากคนเยอะมาก เราเลยเดินไปตามถนนเรื่อยๆ จนถึงสถานีถัดไป พอเข้ามาในขบวน คนเยอะจนเราไม่มีที่จับ เยอะแบบไม่เคยเป็นมาก่อนในไทย นึกว่าอยู่ต่างประเทศ เบียดกันจนจะได้เสียกับคนในขบวนอยู่แล้ว (꒪⌓꒪) (หายใจไม่ออกเว้ยยยย) ที่แย่กว่าคือกลิ่นตัวของใครสักคนในขบวน ส่งกลิ่นรุนแรงมากจนบางคนนิ่วหน้า อ๊ากกกก!!! นี่มันคือการฆาตกรรมหมู่บนรถไฟชัดๆ เราต้องยืนทรงตัวไม่มีที่จับ ความจริงก็ทรงตัวได้นะ แต่เวลาเบรกก่อนถึงสถานี คนจะไถลมากองกัน หนุ่มญี่ปุ่นมองเราแบบเหมือนจะสงสาร เลยลากเราไปกอดเค้าไว้แบบไม่ทันตั้งตัว (~_~!) อารมณ์ประมาณกอดผมไว้นะ จะได้ไม่ล้ม~ แหม.. ช่างโรแมนติกซะจริงจริ๊งงงง (-////-)
พอมาถึงที่หมาย พี่แกก็เดินโซเซเข้าโรงแรม สั่งเบียร์อีก 4 กระป๋อง ไปกินต่อที่ห้อง จะยัดเยียดให้เรากินด้วย แต่เราขอบายค่ะ ดูพี่แกดื่มไป เล่าเรื่องตัวเองไป ท่าทางจะเมามากแล้วนะเนี่ย.. (´▽`) สุดท้ายก็ยังยัดเยียดให้เราดื่ม เมื่อรู้ตัวว่าปฏิเสธไม่ได้เราเลยยื่นข้อเสนอคือ ให้พี่เค้าร้องเพลงญี่ปุ่นให้ฟังก่อนแล้วเราค่อยดื่ม เค้าก็นึกเพลงอยู่นาน แต่ก็ยอมร้องให้ฟังแบบอายๆ (เรานี่แอบอัดเสียงไว้เลยค่ะ 555) เสียงนุ๊ม-นุ่ม ฟังเพลินมาก พอร้องจบเราเลยแกล้งทำเป็นดื่ม แต่ที่จริงแค่จิบๆพอ เวลาพี่เค้าเมานี่พูดมากกว่าเดิมเยอะเลยแหะ หน้าก็แดง ตัวก็แดง ดูแล้วก็ตลกดี พี่เค้าโซเซจะเข้าห้องน้ำ เรานี่ต้องคอยพยุงไว้กลัวเค้าล้ม แต่เค้าบอกไม่เป็นไร สบายมาก หรา? จ้า... เอาที่สบายใจ ล้มมาอย่ามาโทษละกันนะ -.- พอกลับมานั่งคุยกันอยู่บนโซฟาสักพัก เรามองดูเวลาก็เกือบ ตี 4 แล้ว เราเลยขอกลับก่อน แต่เค้าก็ไม่ยอมอยากให้เราค้างที่นี่ เราบอกไม่ได้ต้องทำงานเช้า ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน อยากกลับไปที่บ้าน เค้าก็บอกให้ค้างเหมือนคราวที่แล้ว เรารู้สึกไม่ค่อยโอเค เสื้อผ้าเราตอนนี้มีเหงื่อซกตอนเค้าท์ดาวน์ ทั้งกลิ่นเบียร์ กลิ่นบุหรี่ เราอยากกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เถียงกันไปเถียงกันมา เราพูดยังไม่ทันขาดคำ พี่เค้าก็ดึงเราไปแล้วก้มลงจูบ.... (OxO!!?) อุ๊ฟฟฟฟฟ! ปากนุ่มจังแหะ~♡ (>///<)
เห้ยยยยยยยยย!!! ไม่สิ! นี่ชั้นกำลังโดนจูบจริงๆใช่ม้ายยยยยย!??? พอสติมาก็คิดว่า ม่ายยยยยย! เรื่องจะเลยเถิดบานปลายกว่านี้ม่ายด้ายยยยย!!!
เราผลักเค้าออก ต่างคนต่างตกใจเหมือนกัน ด้วยความที่เราคิดอะไรไม่ออก เราเลยรีบลุกขึ้นพูดแบบไม่มองหน้าพี่เค้า เราบอกเค้าว่าจะกลับแล้ว ซาโยนาระ... พี่เค้ามองเราแบบอึ้งๆอยู่สักพัก
แล้วเราก็รีบเดินจากห้องไป.....
เดี๋ยวจะมาต่อให้เร็วที่สุดนะคะ ^__^
อ่านย้อนหลังได้ที่ http://ppantip.com/topic/35309885