รายงานของหมงส่งภรรยาฉบับที่ 1 เรื่องขออนุมัติซื้อ CRF สำหรับท่องเที่ยวทางไกล(ยกขึ้นรถไฟ) และลุยทางดิน

สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ ชาวมอเตอร์ไซด์
ไม่ได้พบกันนาน ไม่ได้ห่างหายไปไหน เพียงแต่เตรียมตัว เตรียมงาน และผ่านพิธีแต่งงานมาเท่านั้นเอง
กระทู้นี้ไม่ได้เกี่ยวกับการจัดงานแต่งงาน แต่จะเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันโดยสันติ

แนวคิดและเหตุผล
ผมเห็นพี่ๆ หลายท่านไปลุยทางดิน ลุยป่าด้วย มอเตอร์ไซด์วิบาก แล้วเกิดความท้าทายขึ้นมา
ประกอบกับอยากได้มอเตอร์ไซด์ที่สามารรถยกขึ้นรถทัวร์หรือรถไฟได้ น้ำหนักต้องเบาระดับหนึ่ง (Forza 207+5 kg ผมยกไม่ไหวจริงๆ)
ผมจึงขออนุมัติภรรยาเพื่อซื้อ CRF มือสอง + ของป้องกันรถ และรองเท้าสำหรับขับรถวิบาก 2 คู่

ด้านภรรยาผมก็เลยเสนอว่า ให้ทำรายงานมาโดยมีหัวข้อคำถาม และผมตอบดังนี้
ถ้าแฟนจะไปถอยCRF....
1. ถามแพรวยังว่าชอบไหม ไปออกทริปนั่งไหวเปล่า
+ ผมเคยถามคุณแล้ว คุณตอบว่า คุณไม่ได้ชอบรูปทรงของ CRF และมันจะทำให้คุณปวดตูดเวลาเดินทาง
แต่ผมคิดว่าทุกๆ การเดินทาง พวกเราก็ต้องพบเจอสิ่งที่ลำบากอยู่แล้ว และมันดีกว่าเดินและปันจักรยาน.

2. แล้วมันเอาขึ้นรถได้จริงเหรอ
+ สำหรับระบบรถไฟ สามารถนำขึ้นได้แน่นอน
ref [SamSean station 022414238] motor bike 250cc 150kg กรุงเทพ-เชียงใหม่ 950-1000 บาท แต่แนะนำให้ขึ้นต้นทางเพราะของอาจจะเต็มแล้วของๆ เราจะเป็นวัสดุตกค้างและมีพนักงานยกของจำนวนมากกว่า
+ สำหรับรถทัวร์
ref [พัสดุ บขส. 025378480] อุดร ขอนแก่น โคราช หนองคาย เชียงใหม่ แพร่ เชียงราย หาดใหญ่ ปัตตานี นราธิวาส สุไหโกรก ส่งของก่อน 1 ทุ่มและของจะถึงประมาณ ตี3-5 รับ 8 โมงที่ขนส่ง หรือจะรอรับของก็ได้
ราคาค่าใช้จ่ายจาก กทม-น่าน อยู่ที่ 2500 บาท [สำหรับรถ 150-300cc] และ 1500 บาท (สำหรับรถ 150cc) บาทต่อครั้ง [ไม่รวมค่ายกขึ้น ยกลง ค่าดูแล ฯลฯ] (ยิ่ง CC สูงยิ่งแพงมาก อาจจะ 4000 - 6000 บาทเลย)

หลังจากผมสอบถามข้อมูลได้ดังนี้ ผมคิดว่า โอโหค่าขนส่งแพงจริงๆ แพงกว่าเช่ามอเตอร์ไซด์ 3 วันแล้วบิดไปเที่ยวเสียอีก
[แต่บางจังหวัดไม่มีให้เช่านะครับ โลกเราสวย แต่การเดินทางไม่ง่ายเลย]

3. แล้วforzaที่มีอยู่มันก็ดี ไปได้ทุกที ยกเว้น เหมืองป้าเกล จะเปลี่ยนทำไม
+ ในตอนแรก ผมตั้งความหวังว่า CRF จะทำให้ผม
1) พัฒนาทักษะด้านการขับขี่ ซึ่งอาจจะโดดเนินและยกล้อได้อย่างปลอดภัย [ในสนามดิน หรือ ในบ้านผมนะครับ (บ้านผมกว้างมากและมีหลายหลัง)]
2) มันอาจจะช่วยให้ผมประหยัดเงินเมื่อเราต้องเดินทางไกลและช่วยลดการใช้ร่างกายในการขับขี่ด้วยวิธียกขึ้นรถไฟ รถทัวร์หรือระบบขนส่ง
3) มันสามารถขับขี่ในเส้นทางที่เป็นดินและทางที่ชันได้ เช่น ทางขึ้นถ้ำขุนตาล ทางขึ้นขุนช่างเคียน ที่ผมไปใกล้ได้แต่ไปไม่ถึง
และ 4) ผมอาจจะไปเที่ยวรอบๆ ประเทศไทย กับพี่ๆ กลุ่ม Enduro ที่นิสัยดีและ indy 5555


4. แล้วจะเอาcrfไปวิบากที่ไหน ถ้าไปทริปวิบากแพรวไม่ไปด้วยนะ ปวดตูด
+ ที่ไหนก็มิอาจทราบได้ มันขึ้นกับกลุ่ม Enduro ว่าเขาจะไปลั่น ไปมันกันที่ไหน

5. ถ้าจะขายforzaได้เท่าไร
+ ผมไม่ได้คิดที่จะขาย Forza เลย!! [น่าจะประมาณ 85 - 90k บาท] เพราะว่า Forza ยังใช้งานได้ดีสำหรับไปตลาด ไปทริปไม่เกิน 400 kmต่อวัน และสามารถใช้ไปทำงานได้

6. กู้เพิ่มเท่าไร
+ (ผมกู้เงินตัวเองที่สหกรณ์นะครับ) ผมอาจจะกู้ 104k บาท โดยแบ่งเป็น
82k สำหรับ CRF
15k สำหรับรองเท้าวิบาก 2 คู่ และ
guard for CRF ประมาณ 1150+1200+1500+2500.


ผมส่งรายงานไป แล้วภรรยาผมตอบกลับมาว่า
7. แล้วสรุปว่า ตัดสินใจยังไงคะ? CRF มี ABS ไหม?
+ ผมตอบไปว่า การซื้อ CRF แล้วยกขึ้นระบบขนส่ง ยังไม่ทำให้ผมบรรลุจุดประสงค์ข้อที่ 2 คือ ประหยัดเงินเมื่อเราต้องเดินทางไกล
และ CRF ก็ไม่มี ABS

ภรรยาก็ตอบกลับมาว่า การที่ผมอยากได้ CRF นี้เหมือนอยากได้ของเล่น อยากเอาไปลุยป่า แต่ที่จริงแล้วผมไม่ได้เหมาะกับแบบนั้น
(ไปลุยไม่ไหวหรอก ฯลฯ เธอพูดเพราะความเป็นห่วง) และบอกว่า อย่าเสี่ยงเลยมันไม่มี ABS

ที่จริงรายงานฉบับนี่ เขาให้ผมตอบเป็นภาษาอังกฤษนะครับ
แต่ผมเอามาแปลให้เพื่อนๆ ฟัง พร้อมกับน้ำตาที่รินไหล ด้วยความฝันสายลุยที่ดับสลาย และความซาบซึ้งในความเป็นห่วงของภรรยา

ดังนั้นผมจึงขอถามเพื่อนๆ พี่ๆ ว่า ผมควรทำอย่างไรต่อดี ระหว่าง
1. อยู่นิ่งๆ สงบๆ ใช้ Forza และรถยนต์ต่อไป
2. งอก BB ที่ช่วยพาเราไปได้ทั้งสองคน และไม่ลุยทางดินมาก [อาจเป็น NC 750x]
3. รอจังหวะแล้วซื้อ CRF มือสองมาลุย

ปล รถยนต์บ้านผมมีเยอะแล้วครับ
ขอบคุณจากใจในทุกความเห็น และ การอ่านเกิน 7 บรรทัดครับ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ส่วนตัวผมไม่เชียร์ NC750x หรือ 500x ครับ เพราะซื้อมามันก็ไปไม่ได้ลึกไปกว่า Forza เลยแม้แต่น้อย นั่งก็อาจจะไม่สบายเท่าด้วย ดีอย่างเดียวคือ แรงขึ้นครับ

จริง ๆ แล้ว CRF ถ้าซื้อมาจริง ในกรณีนี้ คงต้องยอมรับว่าเป็นของเล่นมากกว่าของใช้ครับ 555

ถ้ามีกระบะนะครับ เอาใส่หลังรถไปเลย แล้วขับไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงปากทาง หรือ จุดน่าเที่ยว ค่อยเอา crf หย่อนลง แล้วไปขี่เที่ยวครับ มีความสุขด้วยกันทั้งคู่ เช่น ไปบ้านป้าเกร็น เอารถกะบะไปจอดไทรโยค แล้วขี่จากตรงนั่นไปเหมือง ระยะประมาณนี้กำลังสนุก กำลังดีครับ ไม่เมื่อยจนเกินไป และที่สำคัญ จากบ้านถึงไทรโยค ปกติทางมันไม่ได้สวยน่าขี่อยู่แล้ว จะได้นั่งแอร์เย็น ๆ คุยกันไปเรื่อย ไปสนุกอีกทีตอนขึ้นปิล็อคเลย

ไม่แนะนำให้ใช้ CRF นั่งยาวๆ ทรมานครับ คนซ้อนไม่ควรนั่งเกิน 2-3 ชั่วโมง เมื่อยเกิน

-CRF ไม่ใช่รถเที่ยวเชิงครอบครัวครับ ขนของได้น้อย ที่ซ้อนแคบครับ
-ตัวรถไม่ได้ช่วยให้เราขี่ดีขึ้น แต่มันแค่ไม่ช่วยถ่วงให้เราขี่แย่ลงครับ สุดท้ายก็ต้องฝึกจะได้มีฝีมือไปได้ทุกที่ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่