THE BOY x ICELAND | EP 7 : DAY 5 - ไปดวงจันทร์

THE BOY x ICELAND | EP 0 : เรื่องราวของผมกับไอซ์แลนด์ http://ppantip.com/topic/35263996
THE BOY x ICELAND | EP 1 : เตรียมตัวออกเดินทาง http://ppantip.com/topic/35264937
THE BOY x ICELAND | EP 2 : Hej Danmark, Jeg er her! http://ppantip.com/topic/35268433
THE BOY x ICELAND | EP 3 : Ég koma til þín ! ไอซ์แลนด์ เรามาหาแล้วนะ http://ppantip.com/topic/35273271
THE BOY x ICELAND | EP 4 : DAY 1 - This is how Iceland welcome me. http://ppantip.com/topic/35280548
THE BOY x ICELAND | EP 5 : DAY 2 - สัมผัสกับกลิ่นอายของความเป็นไอซ์แลนด์ http://ppantip.com/topic/35286578
THE BOY x ICELAND | EP 6 : DAY 3 - First day of summer http://ppantip.com/topic/35298681
THE BOY x ICELAND | EP 7 : DAY 4 - ชีวิตอาสาสมัครที่แท้จริง http://ppantip.com/topic/35302427

ขอโทษที่มาต่อช้านะค้าบ ยุ่ง ๆ นิดหน่อย แหะ ๆ

วันนี้เป็น Excursion day คือ ได้ไปเที่ยวนอกเมืองนั่นเอง ตามสถานที่ดัง ๆ ในไอซ์แลนด์ กรี๊ดกร๊าด ได้ออกจากเมืองหลวงไปดูเหยียบพระจันทร์บ้างอะไรบ้าง โดยที่ที่ผมเลือกไป คือ South Shore ครับ ซึ่งเค้าว่า South Shore เนี่ยเที่ยวง่ายที่สุดแล้ว เพราะอยู่ไม่ไกลจากเรคยาวิคมากนัก เดินทางก็ไม่ได้ลำบากอะไร แถมยังสวยอีกด้วย

วันนี้มีสมาชิก ประกอบไปด้วย ผม เคลอานที่ ซาช่า จีซู และ เอมิลี่ ส่วน อุลริเค่ ไปอีกที่นึงในวันนี้แทน

และคัทย่า...

ซาช่าบอกว่าคัทย่าออกบ้านไปตั้งแต่เมื่อเช้า นางอยากไป Jökusárlón มาก (ทะเลสาบธารน้ำแข็ง) แต่ว่าทางโครงการไม่สามารถพาไปได้ นางจึงหาทางไปเอง หาเพื่อน เช่ารถไป หารกัน โดยที่ไม่รู้ว่าจะนอนที่ไหน.. ยอมใจในความเด็ดเดี่ยวของนาง แต่ทุกคนก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะแถวนั้นมันเปลี่ยวมาก และไม่น่าจะมีที่ให้นอน

อ้อ ส่วนอาหาร ต้องห่อเอาไปกินเองนะครับ เคลอานที่น่ารักมาก ทำแซนวิชให้ผม ต้องขอบคุณเค้ามาก ๆ เพราะผมเองก็โนไอเดีย ไม่รู้จะทำอะไรไปกินดี

คนขับรถก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล ก็อิมานวล คนสเปนที่ผมเจอวันแรกนั่นแหละครับ, เสียดายที่วันนี้อากาศไม่ค่อยดี ครึ้ม ๆ ออกเดินทางได้สักพักฝนก็ตกครับ เศร้า ทำให้ง่วงมากกก แต่ผมก็พยายามฝืน ไม่หลับ นั่งฟังเพลงไปอะไรไป อุตส่าห์มาเที่ยว มานั่งหลับ มันไม่คุ้มแน่ ๆ



ระหว่างทางทำให้ผมได้ผมกับ..ความเป็นไอซ์แลนด์ แบบไอซ์แลนด์จริง ๆ
เรคยาวิค ยังมีความเป็นเมือง ถามว่ายูนีคมั้ย ก็ยูนีค เพราะมันไม่ดูเหมือนยุโรป ถึงแม้บางจุดในเมืองจะดูเหมือนเดนมาร์กก็ตาม (ไอซ์แลนด์เคยเป็นเมืองขึ้นของเดนมาร์กครับ)

แต่ผมว่าการได้ออกมาบ้านนอก หรือพื้นที่รกร้างในประเทศนี้ คือความยูนีคของจริงนะ
ผมว่าไม่น่าจะมีที่ไหนในโลกที่มีภูมิประเทศคล้าย ๆ แบบนี้อีกแล้ว ถ้าไม่นับ กรีนแลนด์ กับเกาะ Svalbard ที่อยู่ตอนเหนือสุดของนอร์เวย์ คือมันเหมือนดวงจันทร์มาก ๆ มันว่างเปล่า ไม่มีอะไร

อธิบายความรู้สึกไม่ถูก เพราะภาพเหล่านี้ เป็นภาพที่ผมฝันมาตลอดสามปี ว่าอยากจะเห็นกับตาตัวเองสักครั้งในชีวิต
มันย้ำให้ผมตระหนักได้ว่า

"ตอนนี้เราอยู่ไอซ์แลนด์จริง ๆ แล้วนะ"






ปล. อยากแต่งรูปมากนะครับ แต่ขี้เกียจมากเช่นกัน

การมานอกเมือง ทำให้ผมรู้ว่า ที่ผ่านมาผมเข้าใจผิดมาตลอด ว่าสีขาว ๆ ที่อยู่บนภูเขานั้น คือหิมะ
ผมก็สงสัยเหมือนกันแหละ ว่าทำไมหิมะเหล่านั้นมันไม่ละลายนะ ปรากฎว่า อ๋อ...

มันคือธารน้ำแข็งเฟ้ย. ไม่ใช่หิมะ 55555 แต่ธารน้ำแข็งมันอยู่แทบทุกที่จริง ๆ นะครับ ติดริมถนนเลย ทำให้ผมได้เห็นมันใกล้ ๆ แล้วก็ตรัสรู้ว่า อ๋อออ มันเป็นธารน้ำแข็งนะเจ้าเด็กบ้านนอก

จากนั้นอิมานวลก็แวะปั๊มน้ำมัน พวกผมก็ลงไปซื้อขนม หาอะไรกินกัน ผมก็ได้นมมากล่องนึง
ซาช่าก็ถามว่า ซื้ออะไรมากินน่ะยู
ผมอยากอำซาช่าเล่น ๆ ก็เลยบอกว่า...

"Uhmmm. It is... Hleðsla íþróttadrykkur"
ถามว่าผมรู้มั้ยว่าแปลว่าอะไร ก็ไม่ 5555 แค่อยากอ่านข้อความที่เขียนอยู่หน้ากล่องนมเพื่อแกล้งนาง

ซาช่า : โอเค ก็บอกมาได้มั้ยล่ะว่ามันคืออะไร

555555555555555555555 ตลก มันคือนมจ้ะซาช่า
จากนั้นเคลอานที่ก็บอกว่า ทำไมเราไม่เซลฟี่กันสักหน่อยละพวกเธอว์ ผมก็จัดไปครับ มีความกล้องสั่นเบา ๆ

เคลอานที่ คือคนที่ใส่แว่น จีซูก็ดูหน้าก็รู้นะครับว่าใคร ส่วนซาช่าคนขวาสุดครับ


นั่งรถมาอีกสักพักไม่นาน
ก็มาถึงที่แรกครับ เป็นน้ำตก
ไอซ์แลนด์มีน้ำตกเยอะแยะมากกก เป็นร้อย ทั้งมีชื่อและไม่มีชื่อ
แต่ที่ผมมานี้ เป็นหนึ่งในน้ำตกชื่อดังครับ นั่นคือ "Seljalandfoss"
ประกอบไปด้วยน้ำตกเล็ก ๆ อีกสายนึง ชื่อว่า "Gljúfrabúi"
ซึ่งจะต้องเดินแทรกช่องแคบโขดหินเข้าไป แล้วคือมัน...
เปียกมาก TT ลมก็แรง น้ำตกก็แรง แล้วพอน้ำตกมาเจอกับลม น้ำมันก็พัดมาหาเราไงครับ
ที่สำคัญเดินเข้าลำบากมาก เพราะมันเป็นแม่น้ำดี ๆ นี่เอง เราก็ต้องกระโดดข้ามก้อนหินทีละก้อน มีทั้งก้อนเล็ก ก้อนใหญ่ ลำบากมาก โชคดีที่ไม่พลาดลื่นล้ม



แต่สิ่งที่ได้ประจบพบเจอ ก็ถือว่าคุ้มค่าครับ ยิ้ม



เดินกันไปต่อ กับเจ้าภาพของเรา คุณ Seljalandfoss
ระหว่างทางก็มีแม่น้ำสายเล็ก ๆ อยู่เนือง ๆ น้ำใสมากกก ผมแอบชิมน้ำด้วย 5555 อร่อยดีครับ แต่แอบคาว เพราะมันมีปลาว่ายอยู่ ก็ทำไปได้เนอะ




อ้อ ลืมบอกไปว่า เราจะไปข้างหลัง Seljalandfoss กันนะครับ เพราะฉะนั้น...
มันต้องปีน.
โอ้โหหหห ความเซอร์เรียลของชีวิต คือไม่โอเค ลื่นมาก ชันมาก และคือ Seljalandfoss เป็นน้ำตกใหญ่ ความแรงก็ทวีคูณขึ้นไปอีก ทั้งคนทั้งกล้อง เปียกหมด
เกือบลื่นล้มหลายรอบเหมือนกัน กว่าจะมาถึงข้างหลังน้ำตกนี้ แต่คือเปียกมาก เปียกจริง ๆ เปียกจริงจัง โชคดีที่กล้องไม่พัง




และนี่คือโฉมหน้าที่แท้จริงของ Seljalandfoss...



ส่วนตัวผมว่าเฉย ๆ ครับ ไม่ได้สวยมากมายอะไรขนาดนั้นเหมือนในรูปที่ค้นในกูเกิ้ล หรืออาจเป็นเพราะสภาพอากาศไม่อำนวยด้วยแหละครับ ครึ้มสุด ๆ

ไม่ไหวแล้ววว เปียกมาก เลยรีบขึ้นมาจัดระเบียบตัวเองในรถ
เอ๊ะ... ทำไมข้อเท้าเราเปียก ๆ นะ
ถลกกางเกงขึ้นมาดู
อ่อ.



ข้อเท้าไปชนกับก้อนหินตอนเดินไป Seljalandfoss นั่นเอง T___T

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าเดินทางกันต่อไป ระหว่างทางก็สวยงดงามเหมือนเดิม
ปลายทางไม่สำคัญ สำคัญว่าเราเจออะไรระหว่างทาง
......
ไม่จริง มันก็สำคัญทั้งปลายทางทั้งระหว่างทางนั่นแหละ อย่ามาทำเป็นคูล !!!!





ก่อนจะไปสถานีต่อไป เราก็ได้แวะดูภูเขาไฟกันสักนิด
ใช่ครับ ภูเขาไฟที่ชื่อแปลก ๆ ลูกนั้นแหละ Eyjafjallajökull
ลมแรงมากกกกก แต่สวยมากจริง ๆ ครับ ท้องฟ้าแจ่มใสด้วย





ปล. ไม่ได้อ้วนนะครับลมมันพัดกางเกงเลยพอง เสื้อก็ยิ่งหนา ๆ แบบนั้นอยู่ ไม่ได้อ้วนจริง ๆ หิว

สถานีต่อไป

น้ำตก Skógafoss
......




ทาดาาา !!! สวยม๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ดีกว่าอิ Seljalandfoss ล้านเท่าครับ ตรงที่มันเห็นสายรุ้งชัดมาก ชัดจริง ๆ ไม่เคยเห็นสายรุ้งเส้นเป้ง ๆ แบบนี้ในชีวิต



จากนั้นผมก็เลยตัดสินใจขึ้นไปดูข้างบนบ้าง แต่คราวนี้ไม่ลำบากแบบตอน Seljalandfoss แล้วครับ เพราะมีบันได
ไม่ลำบากแต่เหนื่อยมาก...
คือมันก็ยังชันเหมือนเดิม และลมพัดแรงมาก ยิ่งเดินสูงยิ่งพัดแรง เหนื่อยสุด ๆ เลยครับ หอบแฮ่ก ๆ ไม่แน่ใจว่าตัวเองอายุ 18 หรือ 81 คิดถูกปะเนี่ยที่เดินขึ้นมา โว๊ะ เหนื่อย !!






หายเหนื่อยเลยครับ ยิ้ม

พอกลับขึ้นมารถ ผมนี่เริ่มเหนื่อยละครับ ไม่ไหว เลยขอเคลอานที่กินแซนด์วิชที่เค้าทำมาเผื่อให้ผม
หนังท้องตึง.. หนังตาหย่อน
ไม่ไหวละ หลับก็หลับเถอะ คร่อกกกกก

ตื่นมาอีกเถอะ เอมิลี่ก็ปลุก เฮ้บอส ถึงแล้วๆๆ
ห้ะๆๆ โอเค

ที่นี่ที่ไหนเนี่ย...
อ๋อ มันคือ Dryhólaey นั่นเอง, การมาถึงตรงนี้หมายความได้ว่า เดี๋ยวเราจะได้ไปชายหาดสีดำแล้ว
Dryhólaey เป็นเพียงหน้าผา หรือแหลมเล็ก ๆ นั่นเอง หรือจะเรียกว่าเป็นจุดชมวิวก็ได้นะครับ ติดกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
ประเด็นคือลมแรง แรง แรงมาก ๆ แรงที่สุดในชีวิตเลย
ผมกับเคลอานที่ไปยืนมองนกตรงหน้าผา ขนาดนกยังบินไม่ค่อยได้ โดนลมพัดพลิกตัวไปมา ก็ไปยืนขำกันอยู่ตรงนั้น 5555555555555
แต่วิวก็ถือว่าสวยดีนะครับ ให้ความรู้สึกเหงา ๆ และรู้สึกว่า โลกนี้มันกว้างจริง ๆ







เนื่องด้วยตรงนี้มันไม่ค่อยมีอะไร ผมกับจีซูและเอมิลี่ เลยขึ้นมาบนรถก่อน
อันที่จริงไม่ได้มาก่อนเวลา แต่อิมานวลให้เวลาตรงนี้ 15 นาที ก็เลยตามนั้นครับ แต่เคลอานที่กับซาช่ายังไม่มา ก็เลยเม้ามอยกันไปก่อน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่