หลังจากตัดสินใจอยู่นาน 🤔🤔 ว่าจะเขียนหรือไม่เขียนดี ที่ไม่เขียนไม่ใช่หรอกคะ กลัวเค้ารู้ว่าเป็นใคร 55 แต่ก็ตัดสินใจเขียนดีกว่า ไม่งั้นอึดอัดตายเลย...หวังว่าเพื่อนคงไม่มาอ่านเจอนะ ไม่งั้นถูกแซวยันลูกบวชแน่เรา 🙈🙈 ก่อนอื่นบอกก่อนเลยเราทำงานในโรงพยาบาลคะ ทำมา 3 ปีละ เป็น รพ. รัฐ วัน ๆ ยุ่งอยู่แต่กับคนไข้ ลงเวรมาก็นอน นอนเสร็จก็ขึ้นเวรต่อ ชีวิตวนเวียนอยู่แค่นี้ ตึกเราเป็นตึกศัลยกรรม พูดง่ายๆ ดูแลคนไข้ที่มีแผลทั้งหมด จะมีปัญหาเรื่องกระดูกบ้าง วันนึงมีคนไข้ที่เราต้องดูแลร่วมกับกระดูก หมอเจ้าของไข้เลยสั่งให้ Consult Ortho (ปรึกษาแผนกกระดูก) คะ เรื่องราวทั้งหมดจึงเกิดขึ้น จำได้ก็ประมาณเดือนนี้ของปีที่แล้วมั้ง แต่จำวันที่ไม่ได้ ortho เค้าส่งหมอ int. (คือหมอเพิ่งจบ เรามักจะเรียกว่าหมอน้อย ประมาณนี้ และเรียก Staff ว่าหมอใหญ่) เค้าส่งมาดูคนไข้ก่อนคะ เราเห็นเค้าแวปแรกคิดในใจ อ่อ... ก็น่ารักดีนะ ขาว สูง หุ่นดี เฮี้ยวๆ ดี (นึกสภาพออกมั้ยคะ หมออะไรสพายกระเป๋าพาด..อก มันไม่ใช่กระเป๋าสะพายธรรมดานะ แต่มันแบบสายพาดมาหน้าอกแล้วกระเป๋าอยู่ด้านหลังอ่ะ...เออ เพิ่งเคยเห็นจริง ๆ ปกติเห็นแต่เด็กมัธยมไม่ก็ เด็กช่าง 55) แต่เพื่อนเราอยู่ตึกกระดูก บอกมีหมอคนนึงน่ารักมาก เราก็ไม่คิดว่าเป็นคนนี้ ก็ไม่ได้อะไรมาก จนเค้าต้องเวียนมาฝึกที่ตึกเรา เอาแล้วงัย...เค้าต้องอยู่ที่เรา 3 เดือน เดือนแรกผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราเห็นก็เฉย ๆ นะ รู้แต่ว่าเวรเค้าเยินมาก เรียกว่าโคตรเยินก็ว่าได้ คนอะไรอยู่เวรทีไร พยาบาลในเวรหัวฟูทุกที เฮ้ย...จากคำเล่าลือ ถึงตาเราพิสูจน์บ้าง เวร ดึก วันนั้นเราเป็นหัวหน้าเวรคะ เรียกอีกอย่างว่า incharge เค้าก็อยู่เวรเหมือนกัน จำได้แม่นตี 5 ของวันนั้น คนไข้มีปัญหาคะ หยุดหายใจ (ข้ามรายละเอียดไปเนาะ มันเป็นความลับ แฮ่ ๆ ) เราก็ปั๊มหัวใจ เรียกทีม ตามระบบ ยุ่งไปหมดเลยคะ เเละเราก็ตามเค้ามาดูคนไข้ เราช่วยคนไข้อยู่ประมาณ 30 นาที แต่ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเค้าไว้ได้ แม่ของคนไข้ร้องห่มร้องไห้ ไอ้เราก็พาแม่เข้ามาในเคาเตอร์ พยายามปลอบใจ อธิบายให้แม่ฟัง เเม่ก็ยังไม่หยุดร้อง แม่คนไข้นั่งลงกับพื้น เราก็ตกใจ ทำไงดีละทีนี้ จากนั้นหมอก็เดินเข้ามาในเคาเตอร์ เราก็มองหน้าเค้า สักพัก เค้าลงไปนั่งกับพื้นคะ ละประคองแม่คนไข้ขึ้นมานั่งเก้าอี้ เรานี่อึ้งซิคะ โอ๋...นี้มันพระเอกในละครชัด ๆ ช็อตนั้นดิ้นตายเลยคะ ฝั่งใจมาถึงทุกวันนี้ คนอะไรจะนิสัยหล่อเบอร์นั้น ไม่ใช่ ๆ ละ...หลังจากวันนั้นเริ่มปลื้มเลย คนอะไรทำอะไรก็น่ารัก ยิ่งเวลายิ้มนี่ แทบละลาย ละนางชอบยิ้มด้วย ยิ้มให้ทุกคนคะ ประมาณว่าเฟรนลี่ไรงี้ เราชอบแอบมองเค้าบ่อย ๆ ไม่แน่ใจว่าเค้ารู้ตัวรึป่าว มีบางครั้งเค้าหันมาเจอก็ยิ้มให้บ้าง (ส่วนมากเลยละ 55 แอบเข้าข้างตัวเองนิดนึง) ผ่านมาเรื่อย ๆ มาจนถึงเวร ดึก (พอดีเราเป็น ผญ. กลางคืนคะ ชอบขึ้นแต่เวร บ ด ) เอาอีกแล้ว เวรนี้ เค้าอยู่เวร admit คนไข้มา 6 case นี่มันเวรดึกนะหมอ เชื่อดวงเค้าเลย แถมไม่พอคนไข้ในตึกยุ่งอีก สรุปเวรนั้นเราอยู่ด้วยกันทั้งคืนคะ (พูดเหมือนอยู่สองต่อสองเนาะ รวม ๆ แล้วในตึกก็ประมาณ 30 คนคะ 555 )สว่างคาตาเลย...นี่ยังสยองไม่หายเลยนะเนี้ย!!! ผ่านไปอีกไม่กี่วัน นางอยู่เวรอีกแล้วคะ ไอ้เราก็เจ้าแม่เวรดึก วันนั้นเราเป็น incharge ก็เฝ้าวอร์ด ดูหนังฟังเพลง เล่นคอมไปตามประสาคนง่วง แต่นอนไม่ได้ อย่าถามหา member นะคะ สายงานนี้จะรู้ดีว่าเวร ดึกแบบนี้ mem เค้าทำไรกัน 555 ตี 5 วันนั้นเรานั่งอยู่หน้าคอม สักพักมีเสียงคนพยายามเปิดประตู เราเงยหน้าขึ้น ไอ้เราก็ตกใจ อ้าวหมอ... โอ้แม่เจ้า...หมอมา หันไปดูนาฬิกา นี่มันตี 5 นะ "ผมมาราวคนไข้ครับ"
เรา : หมอ...ทำไมมาเช้าจังคะ (จริง ๆ เราเรียก หมอละตามด้วยชื่อเค้าตลอดเลย เราชอบเรียกแบบนั้น มันน่ารักดี มันเหมือนได้เรียกชื่อเค้าด้วย)
หมอ : พอดีผมอยู่เวรห้องฉุกเฉินครับ แล้วยิ้ม
เรา : คนไข้ยังไม่ตื่นเลยนะคะ แฮ่ ๆ (ในใจนี่อย่ามาทำให้คนไข้เราตื่นนะหมอ) แต่ไม่เป็นไรน่ารักขนาดนี้ยอมคะ 555
ช่วงที่เขาฝึกที่ตึกเรา เราคิดว่าตัวเองคงแค่ปลื้มแหละ...ไม่คิดว่าจะชอบเค้าจริง ๆ พี่ที่ตึกแอบแซวเราด้วยนะ ว่าหน้าเหมือนกัน ต่อหน้าเค้าด้วย ไม่รู้เค้าได้ยินรึป่าว เรานี่อายม้วนคะ ในใจบอก พี่แซวอีก ๆ แต่ปากบอกว่า "พี่ไม่เอาอย่าแซว" ม้วนต่อคะ...วันนึงพี่คนนึงเอา fb เค้ามาให้ดู ไอ้เราก็ส่องตามประสาคนอยากรู้ โอ้!!! อะไรจะขนาดนั้น นี่นางเที่ยวต่างประเทศเป็นว่าเล่น โปรไฟล์ดีมากๆๆๆ นี่มันคุณชายชัดๆ เอาแล้วงัย เฮ้ย!!! เล่นของสูงอีกแล้วเรา ไมไม่ระวังเนี้ย 55 เราเห็นเค้าสูงขนาดนั้น ถอยซิคะ รอไร ก่อนที่จะถลำลึกไปกว่านี้ เก็บมันทุกอย่างคะ เนียนเข้าไว้ จนวันสุดท้ายที่เขามาฝึกที่วอร์ด เรายังได้ตามราวเค้านะ แต่ก็ยังเนียนเหมือนเดิมคะ...(เนียนถึงขั้นเพื่อนสนิทเรายังไม่รู้อ่ะ เพื่อนคนนี้เราเรียกว่า A ละกัน จำคนนี้ดี ๆ นะ หลัง ๆ ไอ้คนเนี้ยมันกุมความลับเราทุกอย่างเลย 55 ) ว่าจะไม่ชอบเค้านะแต่ห้ามตัวเองไม่ได้จริง ๆ เราก็เริ่มสังเกตเค้า แอบมองหาเค้า เลยรู้ว่าเขามีจักรยานคู่ใจ เราเรียกว่า เสือหมอบ 55 ก็เวลาปั่นจักรยานมันต้องก้มลงนิ ไม่รู้เค้าเรียกกันว่ารถอะไร จักรยานก็คือจักรยานป่ะ เรียกมันเสือหมอบนี่แหละ เท่ดี เริ่มแอบส่องเฟสเค้าเลยรู้ว่า อ้าวพี่รหัสเราเป็นเพื่อนเค้าด้วย แลดูสนิทกันมาก มีไปเม้นรูปเค้าด้วย ละเค้าก็เม้นตอบ งั้นเค้าน่าจะเป็นรุ่นพี่เรา ทีแรกนึกว่าเค้าเป็นรุ่นน้องนะเนี้ย ก็มาเรียกเราพี่ก่อนทำไม (เวลานางอยากถามเรื่อง case นางจะเรียกเราว่าพี่ครับ 555) หน้าเราแก่ขนาดนั้นเลยหรอ เราออกจะตัวเล็ก ไปไหนมาไหนกับไอ้ A นี่ลำบากมาก โดยเฉพาะไปทำธุรกรรมทางการเงิน คือหน้าไม่เด็กหรอก แต่อาศัยตัวเล็ก เลยไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ นี่จบมา 3 ปีแล้วนะคะ ชอบหาว่าเราเป็น นศ. บ้าง 55 (แอบนอกเรื่องนิดนึง อิอิ) เข้าเรื่องดีกว่า อ่อ..โอเค เค้าเป็นรุ่นพี่ แต่เรายังไม่ได้ add fb เค้านะ ไม่อยากชอบเค้าไปมากกว่านี้ เอ้า...แค่ส่องพอละ
ผ่านไป 3 วันหลังจากเค้าเปลี่ยนสายไปฝึกอายุรกรรม...เพิ่งรู้ว่า รพ. กว้างก็ตอนนี้แหละ ไม่เจอหน้าเค้าเลย หายไปในกลีบเมฆคะ เจอแต่ไอ้เสือหมอบอย่างเดียวเลย ทำไงดี ตอนสมองกำลังคิดไต่ตรอง ไม่ทันละมือไวกว่ากด add friend เลย...ผ่านไปหลายวันนึกว่าเค้าคงไม่รับ แต่แล้วนางก็กดรับจริง ๆ ด้วย กริ๊ดซิคะ ... ดีใจยังกับได้มงกุฏนางงาม ชนะเลิศ 555 จากนั้นเราก็กด like คะ กดทุกโพสที่เค้าโพส แต่ไม่กดย้อนหลังนะ เด่วเค้าจะรู้ตัว...อิอิ การกด like ของเราไม่ธรรมดานะ ปกติเค้าเป็นคนไม่ค่อยโพสไรอยู่เเล้ว เวลาโพสทีก็จะมีแฟนคลับตามไปกด like เยอะมาก เราไม่กดนะ กดทำไมตอนนี้ เราชอบ like ตอนกลางคืนคะ ตี 1 ตี 2 ตี 3 ไรงี้ อยากรู้ใช่มั้ยว่าทำไม ก็คนอื่นหลับหมดแล้วงัย เวลาเค้าเปิดมาจะได้เห็นว่าเรา like 555 (แผนนี้คิดเองนะ เจ๋งใช่มั้ยละ) แต่ไม่เคยได้ like เค้านะ จนวันที่พ่อเรามาผ่าตัดที่ รพ. เราก็อัพรูปเรากับพ่อ คืนนั้นเค้ามากด like คะ แทบจุดพลุเลย (ดีใจอะไรขนาดนั้นพ่อเธอป่วยอยู่นะ😊😊) เอาแล้วงัย อย่างน้อยก็น่าจะจำเราได้บ้างละ จากนั้นเค้าก็มา like รูปเรานะ แต่ก็ไม่ทุกรูป สงสัยเราโพสเยอะ นางคงตามไม่ทัน 555 (นี่ก็ยังเข้าข้างตัวเองอยู่) จากนั้นมาแคปชั่นใน fb เราหมายถึงเค้าหมดเลย (แต่นางไม่รู้ตัวหรอก) นี่เราโพสแคปชั่นซะขนาดนั้นไม่คิดว่าเป็นตัวเองบ้างรึไง เฮ้ย!!! เวลาเราเจอเค้าเราก็จะโพสแคปชั่นประมาณเรื่องยิ้ม ๆ "หวานกว่าไอติมก็รอยยิ้มเธองัย" "เจอกันเค้าก็ยิ้มให้ตามมารยาทป่าว" "ต้องยิ้มกว้างแค่ไหนเธอถึงจะไม่ลืมรอยยิ้มเรา" รัยประมาณนี้ ที่จริงเราเป็นคนติสท์นะ ติสท์มาก วัน ๆ ฟังเพลงเป็นร้อย ๆ เพลง ทุกเพลงที่ฟัง เราฟังความหมายมันนะและเราก็ชอบอ่านด้วย นิยาม คำคม นิยาย เรื่องเล่า pantip ไรงี้ อ่านหมดยกเว้นหนังสือเรียน 555 เลยจะออกเเนวน้ำเน่านิด ๆ โลกส่วนตัวสูงหน่อย ๆ จากแคปชั่นไอ้ A เริ่มสงสัยแต่มันคงรู้มานานละมั้งว่าเราคิดอะไรอยู่ เราเริ่มพูดเริ่มเล่าให้มันฟังมากขึ้นทุกอย่างทุกความรู้สึก คือประมาณว่าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเรา ถามมันก็ได้ เหมือนคน ๆ เดียวกัน เราไม่เคยมีความลับอะไรกับมันเลย เออ...มีข้อนึง คือเราจะบอกมันว่าเราเเค่ปลื้มนะ ไม่ได้ชอบหมอ 55 มันก็ หรอ... ลืมบอกไประหว่างนี้ เพื่อนเราอีกคนเรียกมันว่า ไอ้ B ละกัน คนนี้มันหัวรุนเเรง แต่เราไม่ค่อยได้เล่าให้มันฟังเท่าไหร่ แต่ถ้าถาม เราก็บอกไป ตามจริง เราไม่ชอบโกหกเพื่อน 555 (แลดูเป็นคนดี) เล่าอะไรให้มันฟัง มันเอาไปบอกหมอหมด 😭😭 B มันจะคอยแซวเค้าใส่เราตลอด เพราะไอ้ B จะเจอเค้าบ่อยมาก เรานี่แทบไม่เจอเลย จนช่วงนึงเค้าต้องมาดูคนไข้ที่ตึกเรา แต่เค้าย้ายไปอายุรกรรมแล้วนะ แต่มีเหตุผลบางอย่างที่เค้าต้องมาดูคนไข้ที่ศัลย์ (รายละเอียดมันเยอะข้ามไปเลยเนาะ) วันที่เค้ามาดูคนไข้เค้ามาเวร ช เราไม่ได้มาขึ้นเวรคะ เราเวร บ นี่เป็นวันแรกที่อยากขึ้นเวร ช เลย แต่ก็แห้วคะ...ไอ้ A กับน้องเรา ชื่อ C ละกันเนาะ ก็แอบปลื้มหมออยู่ (เพิ่งรู้ว่าคนอื่นก็ปลื้มตอนที่เราเริ่มบอกไอ้ A นี่แหละ คือ เรา A B และน้อง C อยู่ตึกเดียวกัน) ยิ่งรู้ว่าเราปลื้ม มีส่งรูปมาอวดด้วย เป็นรูปแอบถ่ายตอนไอ้ A กับน้อง C ตามราวอ่ะ นี่ยังเก็บรูปนั้นไว้อยู่เลย เฮ้ย!!! เรานี่แทบจะเผา รพ. ทิ้ง (เว่อร์ไปนิด) อ่อ เราไอ้ A และน้อง C ทีแรกก็ชอบแบบเล่น ๆ แหละ แซวกันเล่นบ้าง เอาชื่อเค้ามามโนบ้างละ (บอกก่อนละกัน...ที่จริงเรา 3 คนมีแฟนแล้วแหละ ไอ้ A นี่ร้ายชิงแต่งงานแล้วตอนนี้ ส่วนน้อง C ก็มีแฟนเเล้วรักกันมาก แอบอิจเบา ๆ 55 แต่เราเพิ่งเลิกกับแฟน มีเหตุผลบางอย่าง ที่ทำให้เรากับแฟนไปกันไม่ได้ จริง ๆ ทุกวันนี้เพื่อนยังแซวอยู่เลยว่าเลิกมารอหมอรึป่าว คือเอาจริง ๆ ไม่ใช่เพราะหมอหรอก เรามีปัญหากันมานานแล้วแหละ เราแค่คิดว่าความรักไม่ใช่เรื่องที่ต้องฝืนนะ ถ้ามันไม่โอก็น่าจะเป็นเพื่อนกันดีกว่า ดีกว่าวันข้างหน้าแต่งงานกันมันจะมองหน้ากันไม่ติด คืออายุเราก็เริ่มเยอะเเล้วคบใครก็มองถึงเรื่องแต่งงานนู้นแหละ 55) เล่าซะยาวเลย คือถ้าจะมีคนผิดจริง ๆ ที่ทำให้เราเลิกกับแฟน ก็คงเป็น กัปตันยูแหละ ช่วงนั้นติดซีรี่ย์หนักมาก เราชอบ ผช. ที่ดูแลปกป้องเราได้ กัปตันยูนี่สเป็คเลย ได้ครึ่งหนึ่งก็ยังดี (อ้าว...สาระอยู่ไหน) กลับมา ๆ หลังจากที่โดนส่งรูปมาเย้ย เรานี่โมโหเลย...55 เราไม่เจอ ไม่เป็นไร เรามี fb เค้านิ inbox ไปเลยคะ แอบเนียนถามเรื่องคนไข้คนนั้นไป โอ้...เค้าตอบมาด้วย เป็นทางการมาก (ที่จริงเราก็พูดทางการกับเค้าก่อนแหละ) จริง ๆ เราเป็นคนสายฮานะ แต่ถ้าอยู่กับคนไม่รู้จักเราจะเรียบร้อยมาก ถามคำตอบคำ ฮานะแต่ขี้อายมาก นี่ลงทุนทักหมอก่อนเลยนะ ต้องใช้ความกล้าแค่ไหนคิดดู เราก็อยากคุยกับเค้าต่อนะ แต่ไม่รู้จะคุยไรดี แอบแซวเค้าไป ว่า "หมอ...เวรยังเยินเหมือนเดิมเลยนะคะ admit คนไข้หนัก ๆ มาหาเราทั้งนั้นเลย " เค้าก็ตอบว่า "ขอโทษครับ " เอ้า...เรานี่รู้สึกผิดเลย นี่เราแซวเล่นๆนะ ไม่ได้ว่าไรหมอเลย จริง ๆ พอ B รู้ว่าเรา inbox หาเค้า เพื่อนเรามันร้ายนะ มันดูออกว่าเรารู้สึกยังไง ทั้งที่เราก็ปากเเข็ง ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้ชอบจริง ๆ แค่ปลื้ม มันก็ยังไม่เชื่อ มัน add fb หมอเลย พอเค้ารับมัน inbox ไปเลยคะ ชงให้เราอย่างหนักแถม แคปหน้าจอส่งให้เราอีก จนเรากลัวเค้ารำคาญ เราก็เลย inbox ขอโทษเค้าไป
เรา : ขอโทษนะคะหมอ ถ้า B ส่งไรไปรบกวน เด่วจะบอกเพื่อนให้นะคะ
หมอ : ไม่เป็นไรครับ อย่าคิดมากนะ
เรา : กลัวไปรบกวนหมออ่ะ
หมอ : ไม่รบกวนเลย
เรา : ส่งติ๊กเกอร์ยิ้มไป
หมอ : ส่งติ๊กเกอร์ยิ้มมา
เรา : ส่งติ๊กเกอร์ไปอีก
สรุปจบด้วยติ๊กเกอร์คะ ให้ตายเหอะ...จากนั้นเราก็ไม่ได้คุยกับเค้าเลย มีเจอกันก็ยิ้มให้กันบ้าง เวลาเล่าให้ A ฟัง มันก็บอกว่า ยิ้มมารยาทรู้จักป่ะ อ้าว...นี่ฉันเพื่อนแกนะ ให้กำลังใจกันหน่อย เวลาเราโพสไรเค้าก็มากด like บ้าง ไอ้ A ก็บอก like มารยาทรู้จักป่ะ นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนนี่โดนหักคอแน่...(เรา 2 คนพูดกันไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่หรอก เรียก กุ ซะด้วยซ้ำ แบบว่างัดข้อกันตลอด แต่รักกันนะ ไม่เคยทะเลาะกันเลย 55 ) เราเล่าไม่ค่อยเก่งอ่ะ อาจจะงงๆบ้าง แค่อยากบันทึกไว้ว่าเราเคยรู้สึกกับเค้ายังไง...เด่วมาต่อนะ
เมื่อกามเทพเล่นตลก ให้มาตกหลุมรักเจ้าชายในวัยทำงาน 😊😊
เรา : หมอ...ทำไมมาเช้าจังคะ (จริง ๆ เราเรียก หมอละตามด้วยชื่อเค้าตลอดเลย เราชอบเรียกแบบนั้น มันน่ารักดี มันเหมือนได้เรียกชื่อเค้าด้วย)
หมอ : พอดีผมอยู่เวรห้องฉุกเฉินครับ แล้วยิ้ม
เรา : คนไข้ยังไม่ตื่นเลยนะคะ แฮ่ ๆ (ในใจนี่อย่ามาทำให้คนไข้เราตื่นนะหมอ) แต่ไม่เป็นไรน่ารักขนาดนี้ยอมคะ 555
ช่วงที่เขาฝึกที่ตึกเรา เราคิดว่าตัวเองคงแค่ปลื้มแหละ...ไม่คิดว่าจะชอบเค้าจริง ๆ พี่ที่ตึกแอบแซวเราด้วยนะ ว่าหน้าเหมือนกัน ต่อหน้าเค้าด้วย ไม่รู้เค้าได้ยินรึป่าว เรานี่อายม้วนคะ ในใจบอก พี่แซวอีก ๆ แต่ปากบอกว่า "พี่ไม่เอาอย่าแซว" ม้วนต่อคะ...วันนึงพี่คนนึงเอา fb เค้ามาให้ดู ไอ้เราก็ส่องตามประสาคนอยากรู้ โอ้!!! อะไรจะขนาดนั้น นี่นางเที่ยวต่างประเทศเป็นว่าเล่น โปรไฟล์ดีมากๆๆๆ นี่มันคุณชายชัดๆ เอาแล้วงัย เฮ้ย!!! เล่นของสูงอีกแล้วเรา ไมไม่ระวังเนี้ย 55 เราเห็นเค้าสูงขนาดนั้น ถอยซิคะ รอไร ก่อนที่จะถลำลึกไปกว่านี้ เก็บมันทุกอย่างคะ เนียนเข้าไว้ จนวันสุดท้ายที่เขามาฝึกที่วอร์ด เรายังได้ตามราวเค้านะ แต่ก็ยังเนียนเหมือนเดิมคะ...(เนียนถึงขั้นเพื่อนสนิทเรายังไม่รู้อ่ะ เพื่อนคนนี้เราเรียกว่า A ละกัน จำคนนี้ดี ๆ นะ หลัง ๆ ไอ้คนเนี้ยมันกุมความลับเราทุกอย่างเลย 55 ) ว่าจะไม่ชอบเค้านะแต่ห้ามตัวเองไม่ได้จริง ๆ เราก็เริ่มสังเกตเค้า แอบมองหาเค้า เลยรู้ว่าเขามีจักรยานคู่ใจ เราเรียกว่า เสือหมอบ 55 ก็เวลาปั่นจักรยานมันต้องก้มลงนิ ไม่รู้เค้าเรียกกันว่ารถอะไร จักรยานก็คือจักรยานป่ะ เรียกมันเสือหมอบนี่แหละ เท่ดี เริ่มแอบส่องเฟสเค้าเลยรู้ว่า อ้าวพี่รหัสเราเป็นเพื่อนเค้าด้วย แลดูสนิทกันมาก มีไปเม้นรูปเค้าด้วย ละเค้าก็เม้นตอบ งั้นเค้าน่าจะเป็นรุ่นพี่เรา ทีแรกนึกว่าเค้าเป็นรุ่นน้องนะเนี้ย ก็มาเรียกเราพี่ก่อนทำไม (เวลานางอยากถามเรื่อง case นางจะเรียกเราว่าพี่ครับ 555) หน้าเราแก่ขนาดนั้นเลยหรอ เราออกจะตัวเล็ก ไปไหนมาไหนกับไอ้ A นี่ลำบากมาก โดยเฉพาะไปทำธุรกรรมทางการเงิน คือหน้าไม่เด็กหรอก แต่อาศัยตัวเล็ก เลยไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ นี่จบมา 3 ปีแล้วนะคะ ชอบหาว่าเราเป็น นศ. บ้าง 55 (แอบนอกเรื่องนิดนึง อิอิ) เข้าเรื่องดีกว่า อ่อ..โอเค เค้าเป็นรุ่นพี่ แต่เรายังไม่ได้ add fb เค้านะ ไม่อยากชอบเค้าไปมากกว่านี้ เอ้า...แค่ส่องพอละ
ผ่านไป 3 วันหลังจากเค้าเปลี่ยนสายไปฝึกอายุรกรรม...เพิ่งรู้ว่า รพ. กว้างก็ตอนนี้แหละ ไม่เจอหน้าเค้าเลย หายไปในกลีบเมฆคะ เจอแต่ไอ้เสือหมอบอย่างเดียวเลย ทำไงดี ตอนสมองกำลังคิดไต่ตรอง ไม่ทันละมือไวกว่ากด add friend เลย...ผ่านไปหลายวันนึกว่าเค้าคงไม่รับ แต่แล้วนางก็กดรับจริง ๆ ด้วย กริ๊ดซิคะ ... ดีใจยังกับได้มงกุฏนางงาม ชนะเลิศ 555 จากนั้นเราก็กด like คะ กดทุกโพสที่เค้าโพส แต่ไม่กดย้อนหลังนะ เด่วเค้าจะรู้ตัว...อิอิ การกด like ของเราไม่ธรรมดานะ ปกติเค้าเป็นคนไม่ค่อยโพสไรอยู่เเล้ว เวลาโพสทีก็จะมีแฟนคลับตามไปกด like เยอะมาก เราไม่กดนะ กดทำไมตอนนี้ เราชอบ like ตอนกลางคืนคะ ตี 1 ตี 2 ตี 3 ไรงี้ อยากรู้ใช่มั้ยว่าทำไม ก็คนอื่นหลับหมดแล้วงัย เวลาเค้าเปิดมาจะได้เห็นว่าเรา like 555 (แผนนี้คิดเองนะ เจ๋งใช่มั้ยละ) แต่ไม่เคยได้ like เค้านะ จนวันที่พ่อเรามาผ่าตัดที่ รพ. เราก็อัพรูปเรากับพ่อ คืนนั้นเค้ามากด like คะ แทบจุดพลุเลย (ดีใจอะไรขนาดนั้นพ่อเธอป่วยอยู่นะ😊😊) เอาแล้วงัย อย่างน้อยก็น่าจะจำเราได้บ้างละ จากนั้นเค้าก็มา like รูปเรานะ แต่ก็ไม่ทุกรูป สงสัยเราโพสเยอะ นางคงตามไม่ทัน 555 (นี่ก็ยังเข้าข้างตัวเองอยู่) จากนั้นมาแคปชั่นใน fb เราหมายถึงเค้าหมดเลย (แต่นางไม่รู้ตัวหรอก) นี่เราโพสแคปชั่นซะขนาดนั้นไม่คิดว่าเป็นตัวเองบ้างรึไง เฮ้ย!!! เวลาเราเจอเค้าเราก็จะโพสแคปชั่นประมาณเรื่องยิ้ม ๆ "หวานกว่าไอติมก็รอยยิ้มเธองัย" "เจอกันเค้าก็ยิ้มให้ตามมารยาทป่าว" "ต้องยิ้มกว้างแค่ไหนเธอถึงจะไม่ลืมรอยยิ้มเรา" รัยประมาณนี้ ที่จริงเราเป็นคนติสท์นะ ติสท์มาก วัน ๆ ฟังเพลงเป็นร้อย ๆ เพลง ทุกเพลงที่ฟัง เราฟังความหมายมันนะและเราก็ชอบอ่านด้วย นิยาม คำคม นิยาย เรื่องเล่า pantip ไรงี้ อ่านหมดยกเว้นหนังสือเรียน 555 เลยจะออกเเนวน้ำเน่านิด ๆ โลกส่วนตัวสูงหน่อย ๆ จากแคปชั่นไอ้ A เริ่มสงสัยแต่มันคงรู้มานานละมั้งว่าเราคิดอะไรอยู่ เราเริ่มพูดเริ่มเล่าให้มันฟังมากขึ้นทุกอย่างทุกความรู้สึก คือประมาณว่าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเรา ถามมันก็ได้ เหมือนคน ๆ เดียวกัน เราไม่เคยมีความลับอะไรกับมันเลย เออ...มีข้อนึง คือเราจะบอกมันว่าเราเเค่ปลื้มนะ ไม่ได้ชอบหมอ 55 มันก็ หรอ... ลืมบอกไประหว่างนี้ เพื่อนเราอีกคนเรียกมันว่า ไอ้ B ละกัน คนนี้มันหัวรุนเเรง แต่เราไม่ค่อยได้เล่าให้มันฟังเท่าไหร่ แต่ถ้าถาม เราก็บอกไป ตามจริง เราไม่ชอบโกหกเพื่อน 555 (แลดูเป็นคนดี) เล่าอะไรให้มันฟัง มันเอาไปบอกหมอหมด 😭😭 B มันจะคอยแซวเค้าใส่เราตลอด เพราะไอ้ B จะเจอเค้าบ่อยมาก เรานี่แทบไม่เจอเลย จนช่วงนึงเค้าต้องมาดูคนไข้ที่ตึกเรา แต่เค้าย้ายไปอายุรกรรมแล้วนะ แต่มีเหตุผลบางอย่างที่เค้าต้องมาดูคนไข้ที่ศัลย์ (รายละเอียดมันเยอะข้ามไปเลยเนาะ) วันที่เค้ามาดูคนไข้เค้ามาเวร ช เราไม่ได้มาขึ้นเวรคะ เราเวร บ นี่เป็นวันแรกที่อยากขึ้นเวร ช เลย แต่ก็แห้วคะ...ไอ้ A กับน้องเรา ชื่อ C ละกันเนาะ ก็แอบปลื้มหมออยู่ (เพิ่งรู้ว่าคนอื่นก็ปลื้มตอนที่เราเริ่มบอกไอ้ A นี่แหละ คือ เรา A B และน้อง C อยู่ตึกเดียวกัน) ยิ่งรู้ว่าเราปลื้ม มีส่งรูปมาอวดด้วย เป็นรูปแอบถ่ายตอนไอ้ A กับน้อง C ตามราวอ่ะ นี่ยังเก็บรูปนั้นไว้อยู่เลย เฮ้ย!!! เรานี่แทบจะเผา รพ. ทิ้ง (เว่อร์ไปนิด) อ่อ เราไอ้ A และน้อง C ทีแรกก็ชอบแบบเล่น ๆ แหละ แซวกันเล่นบ้าง เอาชื่อเค้ามามโนบ้างละ (บอกก่อนละกัน...ที่จริงเรา 3 คนมีแฟนแล้วแหละ ไอ้ A นี่ร้ายชิงแต่งงานแล้วตอนนี้ ส่วนน้อง C ก็มีแฟนเเล้วรักกันมาก แอบอิจเบา ๆ 55 แต่เราเพิ่งเลิกกับแฟน มีเหตุผลบางอย่าง ที่ทำให้เรากับแฟนไปกันไม่ได้ จริง ๆ ทุกวันนี้เพื่อนยังแซวอยู่เลยว่าเลิกมารอหมอรึป่าว คือเอาจริง ๆ ไม่ใช่เพราะหมอหรอก เรามีปัญหากันมานานแล้วแหละ เราแค่คิดว่าความรักไม่ใช่เรื่องที่ต้องฝืนนะ ถ้ามันไม่โอก็น่าจะเป็นเพื่อนกันดีกว่า ดีกว่าวันข้างหน้าแต่งงานกันมันจะมองหน้ากันไม่ติด คืออายุเราก็เริ่มเยอะเเล้วคบใครก็มองถึงเรื่องแต่งงานนู้นแหละ 55) เล่าซะยาวเลย คือถ้าจะมีคนผิดจริง ๆ ที่ทำให้เราเลิกกับแฟน ก็คงเป็น กัปตันยูแหละ ช่วงนั้นติดซีรี่ย์หนักมาก เราชอบ ผช. ที่ดูแลปกป้องเราได้ กัปตันยูนี่สเป็คเลย ได้ครึ่งหนึ่งก็ยังดี (อ้าว...สาระอยู่ไหน) กลับมา ๆ หลังจากที่โดนส่งรูปมาเย้ย เรานี่โมโหเลย...55 เราไม่เจอ ไม่เป็นไร เรามี fb เค้านิ inbox ไปเลยคะ แอบเนียนถามเรื่องคนไข้คนนั้นไป โอ้...เค้าตอบมาด้วย เป็นทางการมาก (ที่จริงเราก็พูดทางการกับเค้าก่อนแหละ) จริง ๆ เราเป็นคนสายฮานะ แต่ถ้าอยู่กับคนไม่รู้จักเราจะเรียบร้อยมาก ถามคำตอบคำ ฮานะแต่ขี้อายมาก นี่ลงทุนทักหมอก่อนเลยนะ ต้องใช้ความกล้าแค่ไหนคิดดู เราก็อยากคุยกับเค้าต่อนะ แต่ไม่รู้จะคุยไรดี แอบแซวเค้าไป ว่า "หมอ...เวรยังเยินเหมือนเดิมเลยนะคะ admit คนไข้หนัก ๆ มาหาเราทั้งนั้นเลย " เค้าก็ตอบว่า "ขอโทษครับ " เอ้า...เรานี่รู้สึกผิดเลย นี่เราแซวเล่นๆนะ ไม่ได้ว่าไรหมอเลย จริง ๆ พอ B รู้ว่าเรา inbox หาเค้า เพื่อนเรามันร้ายนะ มันดูออกว่าเรารู้สึกยังไง ทั้งที่เราก็ปากเเข็ง ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ได้ชอบจริง ๆ แค่ปลื้ม มันก็ยังไม่เชื่อ มัน add fb หมอเลย พอเค้ารับมัน inbox ไปเลยคะ ชงให้เราอย่างหนักแถม แคปหน้าจอส่งให้เราอีก จนเรากลัวเค้ารำคาญ เราก็เลย inbox ขอโทษเค้าไป
เรา : ขอโทษนะคะหมอ ถ้า B ส่งไรไปรบกวน เด่วจะบอกเพื่อนให้นะคะ
หมอ : ไม่เป็นไรครับ อย่าคิดมากนะ
เรา : กลัวไปรบกวนหมออ่ะ
หมอ : ไม่รบกวนเลย
เรา : ส่งติ๊กเกอร์ยิ้มไป
หมอ : ส่งติ๊กเกอร์ยิ้มมา
เรา : ส่งติ๊กเกอร์ไปอีก
สรุปจบด้วยติ๊กเกอร์คะ ให้ตายเหอะ...จากนั้นเราก็ไม่ได้คุยกับเค้าเลย มีเจอกันก็ยิ้มให้กันบ้าง เวลาเล่าให้ A ฟัง มันก็บอกว่า ยิ้มมารยาทรู้จักป่ะ อ้าว...นี่ฉันเพื่อนแกนะ ให้กำลังใจกันหน่อย เวลาเราโพสไรเค้าก็มากด like บ้าง ไอ้ A ก็บอก like มารยาทรู้จักป่ะ นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อนนี่โดนหักคอแน่...(เรา 2 คนพูดกันไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่หรอก เรียก กุ ซะด้วยซ้ำ แบบว่างัดข้อกันตลอด แต่รักกันนะ ไม่เคยทะเลาะกันเลย 55 ) เราเล่าไม่ค่อยเก่งอ่ะ อาจจะงงๆบ้าง แค่อยากบันทึกไว้ว่าเราเคยรู้สึกกับเค้ายังไง...เด่วมาต่อนะ