[ พี่วินัย & พี่ว๊าก ] สังคมดีๆที่หายไปพร้อมกับสื่อในโลกออนไลน์

จำวันที่ตัวเองเข้ามหาลัยวันแรกได้ไหมครับ  ในสมัยยุคที่อินเตอร์เน็ตยังไม่เฟื่องฟู
ก่อนจะเข้าเราก็ได้แค่ถามพี่แถวบ้านหรือพี่ที่โรงเรียน ว่าชีวิตในรั้วมหาลัยมันสนุกไหม คำตอบก็ได้มาเพียงแค่ว่า "อยากรู้ต้องเข้าไปสัมผัสเอง"
นั่นมันทำให้เราอินโนเซ้นท์พอที่จะไร้เดียงสาว่าจะสนุกแค่ไหน จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเรา

มาถึงยุคนี้เด็กที่จะเข้ามหาลัยก็ได้กลั่นกรองข้อมูลทุกอย่างจากอินเตอร์เน็ต จนทำให้พวกเขารู้แล้วถึงชีวิตที่จะสานต่อในรั้วมหาลัย
- ทำไมรุ่นพี่ต้องจัดกิจกรรมรับน้อง
- ทำไมต้องมี Sotus
- ทำไมต้องมีวินัย
- ทำไมต้องว๊ากใส่
พอเด็กๆรู้หมดทุกขั้นตอนกระบวนการ มันก็ทำให้ความ "อยากรู้" มันหายไป หรือ ความอินโนเซ้นท์มันหมดไป
เหมือนกับการอยากไปดูหนัง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันมีเนื้อเรื่องยังไง จบยังไง
เลยทำให้การรับน้องในรั้วมหาลัย ได้มีการถอดพี่วินัยและพี่ว๊ากออกไปจากสังคมรับน้อง

วันนี้ผมเลยอยากจะมาเล่าให้ฟังว่าจริงๆแล้ว พี่วินัยหรือพี่ว๊ากมันทำให้สังคมในการรับน้องดีเป็นยังไง


วันแรก.....ที่ผมได้เข้ามหาลัยในยุคที่สังคมออนไลน์ยังไม่เฟื่องฟู (เต็มที่ก็ได้แค่ msn กับเวปธรรมดาๆ)
ผมได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรุ่นพี่  มีการเต้นร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน
ได้บัตรติดหน้าอก  ได้สมุดเซียร์  ได้สมุดล่าลายเซ็น  แล้วก็ต้องไปไล่ขอลายเซ็นจากรุ่นพี่ ถามว่าขอทำไม? บางคนก็ไม่ทำ คิดว่าทำไปทำไม
ในเมื่อไม่ได้อะไรเลย  แต่ผมคิดผิด การล่าลายเซ็นนั้น 20 คนแรกจะได้รับของขวัญ แต่ผมก็ไม่อยากได้เท่าไหร่
แต่การได้มาที่สำคัญที่สุดคือ "มิตรภาพ" และ "ความมีอัธยาศัย" ที่ดี  นั่นมันคือการเบิกทางให้เราใช้ชีวิตในสังคมวัยทำการได้อย่างดีอีกด้วย

วันที่สอง  พบก็ได้พบกับ "พี่ว๊าก"  
อ่าวเห้ยยยยย!!                  ปีสองไปไกลๆ!!
มาทำอะไร!!   ถามทำไมไม่ตอบ!!   เงียบทำไมล่ะ!!  
นี่น้องคุณหรอ!!  ทำไมมันแต่งตัวแบบนี้!!  
ฯลฯ บลาๆ

ผมก็ตกใจว่าพวกเขาคือใคร ทำไมแต่งตัวกุ้ยๆ (สมัยนั้นวินัยแต่งตัวได้ยิ้มมาก)
บางคนหน้าตาเหี้ยม บางคนหน้าตาดีแต่ไม่ยิ้ม บางคนมองไม่ออกเพราะใส่แว่น
เข้ามาวันแรกก็ด่าๆๆๆๆ แล้วก็สอนเรื่อง Sotus ว่าทำไมต้องมี ต้องเคารพ Sotus ยังไง
ผมงงกับการกระทำของพวกเขามาก มาพูดๆแล้วก็ไป
ผมถามรุ่นพี่ปีสองว่าเขาคือใคร เขาก็ตอบได้แค่เขาคือ"พี่วินัย" เขามารักษา "กฏ"
"แล้วทำไมต้องใช้เสียงด้วยล่ะครับพี่ บอกดีๆก็ได้"  
รุ่นพี่ "............." นั่นคือคำตอบที่ได้

วันที่สาม  พวกผมก็เหมือนทำตัวแย่ๆให้พวกพี่วินัยด่า บางคนใส่กางเกงยีนมารับน้อง  บางคนไม่มีไท้ค บางคนไม่เอาสมุดเซียร์มา  
บางคนไม่ติดป้ายรุ่นน้อง  สุดท้ายรุ่นพี่ปีสองปีสามก็โดนลุกนั่งตามๆกันไป

วันที่สี่  ทำไมบูมไม่ได้!!  รุ่นพี่สอนรุ่นน้องยังไง!!  (แล้วก็โดนลุกนั่ง)

วันที่ห้า ทำไมร้องเพลงมหาลัยไม่ได้!!  ห่วย!!  แย่!!  รุ่นพี่สอนรุ่นน้องยังไง!!  (แล้วก็โดนลุกนั่ง)

วันที่หก ทำไมเต้นห่วย! แบบนี้จะไปเต้นแข่งกับเขาได้ไง!! รุ่นพี่สอนรุ่นน้องยังไง!!  (แล้วก็โดนลุกนั่ง)

ทุกวันจะต้องเจอแบบนี้ไปตลอด3อาทิตย์  จนถึงวันที่รับน้อง ต่างจังหวัด
ทุกคนมัวสนุกสนานอยู่กับกิจกรรม แต่สุดท้ายก็โดนขัดจังหวะด้วยพี่วินัย
คืนแรกที่วินัยลง  รุ่นพี่ก็โดนซ่อม  รวมทั้งปีหนึ่งก็พลอยโดนกับเขาไปด้วย
สาเหตุมันไร้เหตุผลสิ้นดี  

คุยกันทำไม!!  ทำไมไม่นอน!!  ชอบเล่นกันใช่ไหม!  ไม่ได้เรื่อง!!!!

ทั้งที่วันนั้นทั้งที่พักก็ไม่มีใครทำไรกันเลย นอนกันหมด บางคนคุยเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร

พอโดนซ่อม เพื่อนผมคนนึงก็โมโหเดินออกไปต่อยพี่วินัย...
พลั๊ว!!  พี่วินัยกลิ้งไปบนดิน  พอดีพี่คนเข้ามา มันก็ต่อยพี่วันิยอีกคน จนพี่วินัยคนอื่นๆเข้ามาจะห้าม แต่ไอ้เพื่อนอีก 2 คนนึกว่าจะเข้ามาช่วย
มันเลยบุกเข้าไปต่อยพี่วินัยกัน 5-6 คน (พี่วินัยมีกันประมาณ 15 คน)  
สรุปแล้วต้องไปช่วยกันห้าม......    และรุ่นพี่ปีสองก็ต้องพาตัวเข้าไปนอน
วาระนั้นพวกผมไม่ได้เข้าข้างพี่วินัยเลย  สะใจด้วยซ้ำไป

คินที่สอง  มีกิจกรรมโดยผูกตาน้องๆไว้แล้วก็นั่งคุยกับพี่ทีล่ะคน โดยการเปิดใจ
ทุกคน 70% ไม่ชอบวินัย  แต่รู้ไหมครับ พี่บางคนที่เราปิดตาคุยด้วยนั้น คือพี่วินัย
(ผมไม่รู้ว่ามหาลัยอื่นเขาเฉลยวินัยด้วยวิธีไหนนะ แต่มหาลัยผมใช้วิธีนี้)

ผมก็ตอบไปตรงๆว่า ผมเกลียด ทำไมต้องด่าตลอดเวลา .....
หลังจากปิดตาคุยเปิดความในใจแล้ว  ก็เปิดตาครับ สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือพี่วินัยยืนเรียงแถวกันกอดคอ
และมีหัวหน้าวินัยคนนึงพูดด้วยน่ำเสียงเบาๆ เงียบๆ แต่มันทำให้น้ำตาไหล....

เขาพูดว่า "ตลอด 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา พวกพี่เฝ้าดูพวกเอ็งอยู่เสมอ  ซุ้มประตู  ป้ายที่ห้อยคอพวกเอ็ง มาจากพี่วินัยทั้งหมด พวกพี่ขอทำเอง พวกพี่ใส่ใจพวกเอ็งมาก ถึงขนาดไปขอให้อาจารย์ช่วยให้พวกเอ็งได้การบ้านน้อยๆในช่วงเดือนแรก  จะได้ไม่เหนื่อย "

" พวกพี่เอ็งต่อยพี่  พวกเอ็งไม่สังเกตุมั่งหรอ ว่าทำไมพี่ถึงยืนเฉยๆให้พวกเอ็งต่อย "
" เพราะเมิงเป็นน้องกุ!! " "กุสัญญาแล้วว่าจะไม่ทำน้อง"  บลาๆ

จากนั้นพวกเขาก็ขอโทษด้วยการลุกนั่ง จากกว่าจะล่วงไปข้างหนึ่ง
และก็ล่วงจริงๆครับ  มีพี่วินัยอยู่คนนึงข้อเข่าไม่ค่อยดี เลยทำให้ทรุดลงไป  

สุดท้ายปี 2 ปี 3 ก็ได้มาร่วมกันแจมครับ กลายเป็นหมากรรมลุกนั่งไปเลย

และพวกผมก็ต้องลุกทั้งหมดครับ ไปห้ามรุ่นพี่ทุกคนให้หยุด
และตอนจบเขาก็ได้เฉลยกิจกรรมทั้งหมดว่า
พี่วินัยได้คุยกับพี่ปี2และพี่ปี3 ไว้ทั้งหมดแล้ว  มันเป็นการแสดงละครเรื่องหนึ่ง ให้พวกเรามีความอดทน  ให้พวกเรารักรุ่นพี่ และเกลียดวินัย
ให้พวกเรารักกัน  

สุดท้ายแล้วมันคือกิจกรรมดีๆในรั้วมหาลัยที่หายไปแล้วครับ  มันไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่คิดเลย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่