
กระทู้ก่อนหน้าถ้าใครยังไม่ได้อ่านครับ
http://ppantip.com/topic/35299740 Walk Alone in Switzerland by ชายเรียกฝน : Part เตรียมตัว และ Day 1 Good evening Luzern
อากาศเย็นภายในห้องปลุกผมให้ตื่นขึ้นก่อน 6 โมงเช้า แน่นอนว่าความเหนื่อยล้ายังคงฉุดรั้งร่างกายไม่ให้ผมลุกขึ้นได้โดยง่าย ซึ่งถ้าปล่อยให้มันคุกคามต่อไป ผมคงจะผล็อยหลับต่อแล้วตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงวัน ผมมองลอดหน้าต่างออกไป แสงอรุณของวันใหม่บอกผมว่า ต้องลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ผมค่อยๆลุกขึ้น ก่อนจะใช้พลังงานทั้งหมดถ่างตาและอาบน้ำแต่งตัว
ผมเช็คสภาพอากาศ แล้วก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อยเมื่อพบว่า ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ประเทศนี้จะถูกปกคลุมด้วยกองทัพเมฆขนาดมหึมา โอกาสที่จะเจอฝนมีประมาณ 30% อะไรจะซวยขนาดนี้ นี่มันวันที่สองเอง ผมร้องอยู่ในใจ ซึ่งในขณะนั้นเองผมคงยังไม่ทราบว่า นี่ไม่ใช่วันแรกที่ผมจะได้พบกับอากาศที่อึมครึม แต่จะต้องผจญกับฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจ และยอดเขาขี้อายที่ไม่ยอมเผยตัวด้วย
เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่ดีนัก แผนการที่จะขึ้นยอดเขาใกล้ๆ Luzern จึงถูกล้มเลิกไป ผมย้ายแผนการเดินทางของวันมะรืนมาเสียบวันนี้แทน นั่นคือการเดินทางไปเที่ยวเมือง Bern เมืองหลวงของสวิส เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าขึ้นไปบนเขาแล้วไม่เห็นอะไรเลย และก็คงจะมีที่ให้เข้าไปเดินหลบฝนบ้าง หากผมเป็นผู้ที่ซวยอยู่ในบริเวณ 30% ที่จะเจอฝน
นั่งรถไฟจาก Luzern มาที่ Bern ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับชนิดของรถไฟ เป็นต้นว่าถ้าเป็น IR คือ InterRegio เป็นรถที่วิ่งระหว่างเมือง ซึ่งจะจอดเฉพาะสถานีที่สำคัญ เวลาในการเดินทางจะเร็วกว่า S-bahn ซึ่งเป็นรถไฟท้องถิ่นที่จะจอดทุกสถานี นอกจากนี้ยังมี IC หรือ InterCity ซึ่งวิ่งระหว่างเมืองใหญ่ๆ ทำให้ประหยัดเวลาที่สุด (อย่างไรก็ตามยังไม่เร็วขนาด Shinkansen นะครับ อันนั้นต้องยกให้ญี่ปุ่นเขาล่ะครับ 555) ซึ่งสัญลักษณ์เหล่านี้สามารถดูได้จากเวปของ SBB หรือ app SBB mobile ได้ครับ จะมีระบุไว้ตลอด

Bern เป็นเมืองหลวงของสวิส ในหัวผมมโนไปว่า จะต้องเห็นภาพความวุ่นวาย คนเดินขวักไขว่ไปมาจนแทบจะเดินชนกัน แต่เปล่าเลยครับ Bern เป็นเมืองหลวงที่มีความสงบมาก (อย่างน้อยก็มากกว่ากรุงเทพฯมาก) ไม่วุ่นวายอย่างที่คิดไว้เลย แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆให้กดชัตเตอร์หลายมุมอีกด้วย คำว่า Bern นี้ แปลว่าหมีครับ จึงไม่น่าแปลกใจถ้าคุณจะเห็นธงรูปหมีประดับประดาเต็มเมืองไปหมด

Credit :
http://www.planetware.com/tourist-attractions-/bern-berne-ch-be-ber.htm
เมื่อเดินออกจากสถานีรถไฟหลัก ผมเดินมาตามถนน Spitalgasse อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเล็กน้อยแต่ผมก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าฟ้าจะเปิด ผู้คนเริ่มออกมาจับจ่ายซื้อของ แต่ก็ดูน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับการเป็นเมืองหลวง เมื่อถึงซุ้มประตู Prison tower มองไปทางขวาจะเห็นอาคารมหึมาตั้งอยู่สุดถนน นั่นคือที่แรกที่ผมแวะไป Bundeshaus หรือตึกรัฐสภาของสวิสครับ ซึ่งตามปกติจะมีไกด์พาชม แต่ผมอยากเดินถ่ายรูปมากกว่า ร่วมกับมีตลาดนัดด้านหน้าเลยไม่ได้ใช้บริการครับ (สตรอเบอร์รี่ฉ่ำมาก ราคา 6.5 CHF ครับ อย่าพยายามคิดกลับเป็นเงินบาทนะครับ น้ำตาจะไหล)
เมื่อเดินออกจากรัฐสภา ผมมุ่งหน้าไปยังถนน Kramgasse เพื่อเก็บภาพหอนาฬิกาที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ซึ่งทุกๆชั่วโมง 4 นาทีจะมีตุ๊กตาออกมาแสดง แต่...ตอนที่ผมเดินไปถึง บรรดาตุ๊กตาทั้งหลายได้หลบกลับเข้าไป พร้อมๆกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สลายตัวไปแทบจะในทันทีที่การแสดงจบ ความเงียบเข้ามาตบบ่าผมเบาๆ อีกชั่วโมงนึงค่อยกลับมาใหม่ก็แล้วกัน ผมคิดและบันทึกภาพหอนาฬิกาโล่งๆอย่างละเหี่ยใจ

ถนน Kramgasse เป็นถนนช้อปปิ้งที่เรียงรายด้วยร้านรวงต่างๆยาวสุดลูกหูลูกตา ถ้าใครพกแฟนนักช้อปมาด้วยคงจะถูกใจนางๆเป็นอย่างยิ่ง ผมเองไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้ออะไรเป็นพิเศษเลยเดินผ่านๆอย่างรวดเร็ว ภาพอาคารเก่าๆ ที่อนุรักษ์ไว้อย่างดีดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวไว้เดินชมกันอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ทุกคนตรงไปที่จุดหมายเดียวกัน นั่นก็คือ Barengraben หรือบ่อหมี ซึ่งตามปกติเท่าที่อ่านมาพวกมันมักจะนอนหลบแสงแดดมุมใดมุมหนึ่งของบ่อ แต่วันที่ไปนั้นผมโชคดีครับ หมีทั้ง 3 ตัวออกมาให้เห็นกันอย่างเต็มอิ่มทีเดียว

แต่...นั่นมันกำลังทำอะไรน่ะ ผมและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆหัวเราะก๊ากออกมา เมื่อหมีตัวผู้ได้พยายามขึ้นคร่อมหลังหมีตัวเมีย (เดาว่าน่าจะเป็นตัวเมียนะครับ 555) และเริ่มกิจกรรม "ยิ้ม"กัน ภาพถ่ายด้านล่างเป็นมุมกล้องที่เซนเซอร์ไว้สักหน่อยนะครับ แต่ต้องปิดไว้นิดนึงเผื่อมีเด็กเข้ามาอ่าน 555
ตอนนั้นเองในที่สุดสิ่งที่ผมกลัวก็เป็นจริง นั่นคือ การอยู่ใน 30% ของพื้นที่ที่ฝนจะเทลงมา ถ้ามันตกแบบขำๆก็คงไม่เป็นไร แต่เล่นตกแบบนี้ไล่ผมกลับไทยเลยดีมั้ย ฮือๆ ผมรีบกางร่มออก
...วันนี้กูทาครีมกันแดดมาเพื่อ...
เดินกลับมาตามถนนเส้นเก่า แวะซื้อของที่ระลึกเล็กน้อย ผมได้เป็นแม่เหล็กไว้ติดตู้เย็นครับ จะได้จำได้ว่าเคยไปที่ไหนมาแล้วบ้าง หลังจากเดินหลบฝนไปมาสัก 20 นาที กองทัพน้ำฝนก็ค่อยๆซาไป ผมมาหยุดอยู่ที่หน้ามหาวิหาร Berner Munster ซึ่งมีหอยคอยให้ขึ้นไปชมเมือง Bern ในมุมสูงได้ ผมหุบร่ม สลัดน้ำที่เกาะอยู่ก่อนเดินเข้าไปข้างใน

ภายในวิหารเงียบ และสงบมาก ด้านหน้าเป็นที่ขายของที่ระลึก และจำหน่ายตั๋วสำหรับขึ้นชมในหอคอย (5 CHF) ผมค่อยๆเดินขึ้นบันไดวนขึ้นไปเรื่อยๆ ระหว่างทางต้องคอยหลบกลุ่มเด็กนักเรียนชาวสวิสที่เข้ามาชมวิหาร ทุกคนส่งเสียงตื่นเต้นเป็นภาษาที่ผมฟังไม่ออก ยิ่งตอนที่เข้าไปในห้องโถงที่มีระฆังใบมหึมา เด็กๆยิ่งส่งเสียงดังขึ้นไปอีก ราวกับจะแข่งกับเสียงของระฆังที่ดังออกมา ผมเดินขึ้นหอคอยขึ้นไปเรื่อยๆ มันสูงขึ้น สูงขึ้น จนผมเห็นพื้นโลกค่อยๆห่างออกไปทุกที และเมื่อถึงจุดชมเมือง ภาพที่ปรากฎแก่สายตานั้นช่างน่าจดจำจริงๆครับ

การชมเมืองจากมุมสูงนี้ต้องต่อสู้กับสายลมอย่างมาก เพราะนอกจากจะพัดพาความหนาวแล้ว ยังพัดความเปียกมาให้ด้วย ตอนลงจากหอคอยแขนขานี่สั่นไปหมด รู้สึกดีใจที่เท้าสองข้างได้แตะพื้นดินอีกครั้ง ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบบ่ายสองโมงแล้ว
ภายในเมือง Bern มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น Historisches Museum, Schweizerisches Alpine Museum, Schweiz. PTT-Museum เป็นต้น แต่เนื่องจากผมใช้เวลาเดินโต๋เต๋และถ่ายรูปไปอย่างมากแล้วจึงคิดว่าไว้โอกาสหน้าครับ เพราะมีอีก 1 จุดหมายที่อยากไปซึ่งไม่สามารถไปวันอื่นได้ เพราะเดินทางลำบากนั่นคือ Montreux ซึ่งใช้เวลาเดินทางจาก Bern ไปเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นครับ
[CR] Walk Alone in Switzerland by ชายเรียกฝน : Day 2 Bern & Montreux
กระทู้ก่อนหน้าถ้าใครยังไม่ได้อ่านครับ
http://ppantip.com/topic/35299740 Walk Alone in Switzerland by ชายเรียกฝน : Part เตรียมตัว และ Day 1 Good evening Luzern
อากาศเย็นภายในห้องปลุกผมให้ตื่นขึ้นก่อน 6 โมงเช้า แน่นอนว่าความเหนื่อยล้ายังคงฉุดรั้งร่างกายไม่ให้ผมลุกขึ้นได้โดยง่าย ซึ่งถ้าปล่อยให้มันคุกคามต่อไป ผมคงจะผล็อยหลับต่อแล้วตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงวัน ผมมองลอดหน้าต่างออกไป แสงอรุณของวันใหม่บอกผมว่า ต้องลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ ผมค่อยๆลุกขึ้น ก่อนจะใช้พลังงานทั้งหมดถ่างตาและอาบน้ำแต่งตัว
ผมเช็คสภาพอากาศ แล้วก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อยเมื่อพบว่า ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ประเทศนี้จะถูกปกคลุมด้วยกองทัพเมฆขนาดมหึมา โอกาสที่จะเจอฝนมีประมาณ 30% อะไรจะซวยขนาดนี้ นี่มันวันที่สองเอง ผมร้องอยู่ในใจ ซึ่งในขณะนั้นเองผมคงยังไม่ทราบว่า นี่ไม่ใช่วันแรกที่ผมจะได้พบกับอากาศที่อึมครึม แต่จะต้องผจญกับฟ้าฝนที่ไม่เป็นใจ และยอดเขาขี้อายที่ไม่ยอมเผยตัวด้วย
เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่ดีนัก แผนการที่จะขึ้นยอดเขาใกล้ๆ Luzern จึงถูกล้มเลิกไป ผมย้ายแผนการเดินทางของวันมะรืนมาเสียบวันนี้แทน นั่นคือการเดินทางไปเที่ยวเมือง Bern เมืองหลวงของสวิส เพราะคิดว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าขึ้นไปบนเขาแล้วไม่เห็นอะไรเลย และก็คงจะมีที่ให้เข้าไปเดินหลบฝนบ้าง หากผมเป็นผู้ที่ซวยอยู่ในบริเวณ 30% ที่จะเจอฝน
นั่งรถไฟจาก Luzern มาที่ Bern ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับชนิดของรถไฟ เป็นต้นว่าถ้าเป็น IR คือ InterRegio เป็นรถที่วิ่งระหว่างเมือง ซึ่งจะจอดเฉพาะสถานีที่สำคัญ เวลาในการเดินทางจะเร็วกว่า S-bahn ซึ่งเป็นรถไฟท้องถิ่นที่จะจอดทุกสถานี นอกจากนี้ยังมี IC หรือ InterCity ซึ่งวิ่งระหว่างเมืองใหญ่ๆ ทำให้ประหยัดเวลาที่สุด (อย่างไรก็ตามยังไม่เร็วขนาด Shinkansen นะครับ อันนั้นต้องยกให้ญี่ปุ่นเขาล่ะครับ 555) ซึ่งสัญลักษณ์เหล่านี้สามารถดูได้จากเวปของ SBB หรือ app SBB mobile ได้ครับ จะมีระบุไว้ตลอด
Bern เป็นเมืองหลวงของสวิส ในหัวผมมโนไปว่า จะต้องเห็นภาพความวุ่นวาย คนเดินขวักไขว่ไปมาจนแทบจะเดินชนกัน แต่เปล่าเลยครับ Bern เป็นเมืองหลวงที่มีความสงบมาก (อย่างน้อยก็มากกว่ากรุงเทพฯมาก) ไม่วุ่นวายอย่างที่คิดไว้เลย แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวยๆให้กดชัตเตอร์หลายมุมอีกด้วย คำว่า Bern นี้ แปลว่าหมีครับ จึงไม่น่าแปลกใจถ้าคุณจะเห็นธงรูปหมีประดับประดาเต็มเมืองไปหมด
Credit : http://www.planetware.com/tourist-attractions-/bern-berne-ch-be-ber.htm
เมื่อเดินออกจากสถานีรถไฟหลัก ผมเดินมาตามถนน Spitalgasse อากาศเริ่มอุ่นขึ้นเล็กน้อยแต่ผมก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าฟ้าจะเปิด ผู้คนเริ่มออกมาจับจ่ายซื้อของ แต่ก็ดูน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับการเป็นเมืองหลวง เมื่อถึงซุ้มประตู Prison tower มองไปทางขวาจะเห็นอาคารมหึมาตั้งอยู่สุดถนน นั่นคือที่แรกที่ผมแวะไป Bundeshaus หรือตึกรัฐสภาของสวิสครับ ซึ่งตามปกติจะมีไกด์พาชม แต่ผมอยากเดินถ่ายรูปมากกว่า ร่วมกับมีตลาดนัดด้านหน้าเลยไม่ได้ใช้บริการครับ (สตรอเบอร์รี่ฉ่ำมาก ราคา 6.5 CHF ครับ อย่าพยายามคิดกลับเป็นเงินบาทนะครับ น้ำตาจะไหล)
เมื่อเดินออกจากรัฐสภา ผมมุ่งหน้าไปยังถนน Kramgasse เพื่อเก็บภาพหอนาฬิกาที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ซึ่งทุกๆชั่วโมง 4 นาทีจะมีตุ๊กตาออกมาแสดง แต่...ตอนที่ผมเดินไปถึง บรรดาตุ๊กตาทั้งหลายได้หลบกลับเข้าไป พร้อมๆกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สลายตัวไปแทบจะในทันทีที่การแสดงจบ ความเงียบเข้ามาตบบ่าผมเบาๆ อีกชั่วโมงนึงค่อยกลับมาใหม่ก็แล้วกัน ผมคิดและบันทึกภาพหอนาฬิกาโล่งๆอย่างละเหี่ยใจ
ถนน Kramgasse เป็นถนนช้อปปิ้งที่เรียงรายด้วยร้านรวงต่างๆยาวสุดลูกหูลูกตา ถ้าใครพกแฟนนักช้อปมาด้วยคงจะถูกใจนางๆเป็นอย่างยิ่ง ผมเองไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้ออะไรเป็นพิเศษเลยเดินผ่านๆอย่างรวดเร็ว ภาพอาคารเก่าๆ ที่อนุรักษ์ไว้อย่างดีดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวไว้เดินชมกันอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ทุกคนตรงไปที่จุดหมายเดียวกัน นั่นก็คือ Barengraben หรือบ่อหมี ซึ่งตามปกติเท่าที่อ่านมาพวกมันมักจะนอนหลบแสงแดดมุมใดมุมหนึ่งของบ่อ แต่วันที่ไปนั้นผมโชคดีครับ หมีทั้ง 3 ตัวออกมาให้เห็นกันอย่างเต็มอิ่มทีเดียว
แต่...นั่นมันกำลังทำอะไรน่ะ ผมและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆหัวเราะก๊ากออกมา เมื่อหมีตัวผู้ได้พยายามขึ้นคร่อมหลังหมีตัวเมีย (เดาว่าน่าจะเป็นตัวเมียนะครับ 555) และเริ่มกิจกรรม "ยิ้ม"กัน ภาพถ่ายด้านล่างเป็นมุมกล้องที่เซนเซอร์ไว้สักหน่อยนะครับ แต่ต้องปิดไว้นิดนึงเผื่อมีเด็กเข้ามาอ่าน 555
ตอนนั้นเองในที่สุดสิ่งที่ผมกลัวก็เป็นจริง นั่นคือ การอยู่ใน 30% ของพื้นที่ที่ฝนจะเทลงมา ถ้ามันตกแบบขำๆก็คงไม่เป็นไร แต่เล่นตกแบบนี้ไล่ผมกลับไทยเลยดีมั้ย ฮือๆ ผมรีบกางร่มออก
...วันนี้กูทาครีมกันแดดมาเพื่อ...
เดินกลับมาตามถนนเส้นเก่า แวะซื้อของที่ระลึกเล็กน้อย ผมได้เป็นแม่เหล็กไว้ติดตู้เย็นครับ จะได้จำได้ว่าเคยไปที่ไหนมาแล้วบ้าง หลังจากเดินหลบฝนไปมาสัก 20 นาที กองทัพน้ำฝนก็ค่อยๆซาไป ผมมาหยุดอยู่ที่หน้ามหาวิหาร Berner Munster ซึ่งมีหอยคอยให้ขึ้นไปชมเมือง Bern ในมุมสูงได้ ผมหุบร่ม สลัดน้ำที่เกาะอยู่ก่อนเดินเข้าไปข้างใน
ภายในวิหารเงียบ และสงบมาก ด้านหน้าเป็นที่ขายของที่ระลึก และจำหน่ายตั๋วสำหรับขึ้นชมในหอคอย (5 CHF) ผมค่อยๆเดินขึ้นบันไดวนขึ้นไปเรื่อยๆ ระหว่างทางต้องคอยหลบกลุ่มเด็กนักเรียนชาวสวิสที่เข้ามาชมวิหาร ทุกคนส่งเสียงตื่นเต้นเป็นภาษาที่ผมฟังไม่ออก ยิ่งตอนที่เข้าไปในห้องโถงที่มีระฆังใบมหึมา เด็กๆยิ่งส่งเสียงดังขึ้นไปอีก ราวกับจะแข่งกับเสียงของระฆังที่ดังออกมา ผมเดินขึ้นหอคอยขึ้นไปเรื่อยๆ มันสูงขึ้น สูงขึ้น จนผมเห็นพื้นโลกค่อยๆห่างออกไปทุกที และเมื่อถึงจุดชมเมือง ภาพที่ปรากฎแก่สายตานั้นช่างน่าจดจำจริงๆครับ
การชมเมืองจากมุมสูงนี้ต้องต่อสู้กับสายลมอย่างมาก เพราะนอกจากจะพัดพาความหนาวแล้ว ยังพัดความเปียกมาให้ด้วย ตอนลงจากหอคอยแขนขานี่สั่นไปหมด รู้สึกดีใจที่เท้าสองข้างได้แตะพื้นดินอีกครั้ง ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบบ่ายสองโมงแล้ว
ภายในเมือง Bern มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น Historisches Museum, Schweizerisches Alpine Museum, Schweiz. PTT-Museum เป็นต้น แต่เนื่องจากผมใช้เวลาเดินโต๋เต๋และถ่ายรูปไปอย่างมากแล้วจึงคิดว่าไว้โอกาสหน้าครับ เพราะมีอีก 1 จุดหมายที่อยากไปซึ่งไม่สามารถไปวันอื่นได้ เพราะเดินทางลำบากนั่นคือ Montreux ซึ่งใช้เวลาเดินทางจาก Bern ไปเพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นครับ