[หนังโรงเรื่องที่ 142] Central Intelligence - สูตรสำเร็จการก้าวข้ามตัวเอง ; (Rawson Marshall Thurber, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : C (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : 20ปีผ่านไป จากเคยเป็นหนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงประจำรุ่นไฮสคูลอย่าง 'แคลวิน' (Kevin Hart)ก็ต้องเผชิญหน้ากับความผิดหวังเมื่อได้มาเห็นตัวตนที่แสนน่าเบื่อในปัจจุบันในตำแหน่งนายบัญชีต๊อกต๋อยกับ
ชีวิตเรียบง่ายไปวันๆ แต่แล้วก็มีเหตุบังเอิญทำให้เขาได้บังเอิญมาเจอกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง 'บ็อบ' (Dwayne Johnson)อดีตเด็กอ้วนที่เคยโดนรังแกที่ปัจจุบันกลายเป็นพี่ยักษ์ก้ามปูไปแล้ว จับพลัดจับผลูไปๆมาๆก็ได้รู้ว่าพี่แกตอนนี้กลายเป็นสายลับไปแล้ว ความซวยจึงมาตกอยู่ที่ตาแคลวินต้องร่วมหัวจมท้ายติดอยู่กลางดงกระสุนในภารกิจสายลับไปซะงั้น
.. จะเรียกว่าไงดี คือก็อาจจะพูดได้ว่าหนังมันก็ตอบสนองความคาดหวังของตัวเองได้ตามที่ตัวเอง offer ไว้ได้สมน้ำสมเนื้อแหละ (คือคงไม่มีใครคาดหวังหนังตลกจากเดอะร็อคไว้สูงซักเท่าไหร่หรอก) โดยส่วนตัวก็รู้สึกว่าสนใจที่หนังจับเอาประเด็น bully ที่ค่อนข้างใหม่กับวงการหนังมาใช้เป็นแกนเรื่อง แต่ก็ตามที่คาดว่าหนังดันตกม้าตายในแง่ของความเป็นคอเมดี้ที่ไปไม่สุดทางเอาซะเลย เหมือนจังหวะจะโคนของผกก.ยังไม่ลงตัวเอาซะเลย
สิ่งหนึ่งที่ไม่ชอบก็คือมิติตัวละครของเหยื่อ bully อย่าง 'บ็อบ' ผู้มาพร้อมชุดไดอะล็อกแปลกๆที่ฟังแล้วชวนขัดหู บวกกับทัศนคติที่มองโลกในแง่ดี๊ดีจนผิดธรรมชาติเอามากๆ คืออาจจะตีความไปได้ว่ามันเป็นการแสร้งทำเพื่อถนอมน้ำใจก็ได้ แต่ตัวหนังเองมันก็ไม่ได้โน้มน้าวเราได้ขนาดนั้นไง อีกทั้งในแง่ของปมตัวละครเองก็ไม่ได้พาเราไปลงลึกอะไรมากกว่านั้น จนเราเริ่มสับสนจากคาแร็กเตอร์ตัวนี้ว่าตกลงมันจะจูงหนังไปทางสายลับตลกโปกฮาหรือจะเป็นการก้าวข้ามปมในใจตัวเองแบบซึ้งๆกันแน่ พูดง่ายๆคือหนังโดนตัวละครจูงจนเขวไปหมด
สิ่งที่ดีงามที่สุดในเรื่องก็คงหนีไม่พ้นแอคติ้งชั้นเซียนจาก เควิน ฮาร์ท ที่ประสบความสำเร็จในการเรียกเสียงฮาให้กับคนดูได้เรื่อยๆแบบไม่น่าผิดหวัง โดยเฉพาะลีลาการใช้เสียงหลงๆแหลมเฟี้ยวของแกนี่เรียกได้ว่าเป็นอาวุธหากินเลยแหละ ในเรื่องของบทบาทในเรื่องก็ยังถือว่ายังไปตามน้ำได้ดีไม่มีอะไรติดขัด คือตัวละครค่อนข้างน่าเชื่อถือว่า 'เขาไม่อยากมีเอี่ยวกับเรื่องวุ่นๆพวกนี้จริงๆ' ทำให้เราค่อนข้างอินกับฉากชุลมุนที่แกเอาตัวเข้าไปเกี่ยวอยู่พอสมควร
ส่วนตัวคิดว่าหนังมันอาจจะไปได้ไกลกว่านี้ สามารถเรียกเสียงฮาได้มากกว่านี้ถ้าได้จังหวะจะโคนที่ถูกต้อง คือในหลายๆฉากที่นั่งดูอยู่บางทีก็อดคิ้วขมวดกับความพยายามเล่นมุกเสียดสีคนดำไม่ได้ คือมุกมันควรจะตลกแต่มันก็ขยี้ไม่ตรงจุดจนมันไม่ตลก นี่ถ้าตัดเอาฉากฮาของเควินฮาร์ทออกไปนี่ก็หาฉากขำของเรื่องไม่ค่อยเจอแล้ว จะว่าน่าเสียดายก็่น่าเสียดายนั่นแหละ
สรุปก็เป็นหนังที่อยู่ในเกณฑ์เฉยๆ ไม่มีอะไรพิเศษหรือน่าจดจำอะไรมาก เสียดายอย่างเดียวที่มาบุญครองไม่มีรอบฉาย The Nice Guys จริงๆจึงต้องมาจบกับหนังเรื่องนี้แทน ยังไงถ้าใจรักจริงๆรอแผ่นก็ได้นะคอหนังทั้งหลาย
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
[Movie Review] Central Intelligence - สูตรสำเร็จการก้าวข้ามตัวเอง by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 142] Central Intelligence - สูตรสำเร็จการก้าวข้ามตัวเอง ; (Rawson Marshall Thurber, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : C (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : 20ปีผ่านไป จากเคยเป็นหนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงประจำรุ่นไฮสคูลอย่าง 'แคลวิน' (Kevin Hart)ก็ต้องเผชิญหน้ากับความผิดหวังเมื่อได้มาเห็นตัวตนที่แสนน่าเบื่อในปัจจุบันในตำแหน่งนายบัญชีต๊อกต๋อยกับ
ชีวิตเรียบง่ายไปวันๆ แต่แล้วก็มีเหตุบังเอิญทำให้เขาได้บังเอิญมาเจอกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง 'บ็อบ' (Dwayne Johnson)อดีตเด็กอ้วนที่เคยโดนรังแกที่ปัจจุบันกลายเป็นพี่ยักษ์ก้ามปูไปแล้ว จับพลัดจับผลูไปๆมาๆก็ได้รู้ว่าพี่แกตอนนี้กลายเป็นสายลับไปแล้ว ความซวยจึงมาตกอยู่ที่ตาแคลวินต้องร่วมหัวจมท้ายติดอยู่กลางดงกระสุนในภารกิจสายลับไปซะงั้น
.. จะเรียกว่าไงดี คือก็อาจจะพูดได้ว่าหนังมันก็ตอบสนองความคาดหวังของตัวเองได้ตามที่ตัวเอง offer ไว้ได้สมน้ำสมเนื้อแหละ (คือคงไม่มีใครคาดหวังหนังตลกจากเดอะร็อคไว้สูงซักเท่าไหร่หรอก) โดยส่วนตัวก็รู้สึกว่าสนใจที่หนังจับเอาประเด็น bully ที่ค่อนข้างใหม่กับวงการหนังมาใช้เป็นแกนเรื่อง แต่ก็ตามที่คาดว่าหนังดันตกม้าตายในแง่ของความเป็นคอเมดี้ที่ไปไม่สุดทางเอาซะเลย เหมือนจังหวะจะโคนของผกก.ยังไม่ลงตัวเอาซะเลย
สิ่งหนึ่งที่ไม่ชอบก็คือมิติตัวละครของเหยื่อ bully อย่าง 'บ็อบ' ผู้มาพร้อมชุดไดอะล็อกแปลกๆที่ฟังแล้วชวนขัดหู บวกกับทัศนคติที่มองโลกในแง่ดี๊ดีจนผิดธรรมชาติเอามากๆ คืออาจจะตีความไปได้ว่ามันเป็นการแสร้งทำเพื่อถนอมน้ำใจก็ได้ แต่ตัวหนังเองมันก็ไม่ได้โน้มน้าวเราได้ขนาดนั้นไง อีกทั้งในแง่ของปมตัวละครเองก็ไม่ได้พาเราไปลงลึกอะไรมากกว่านั้น จนเราเริ่มสับสนจากคาแร็กเตอร์ตัวนี้ว่าตกลงมันจะจูงหนังไปทางสายลับตลกโปกฮาหรือจะเป็นการก้าวข้ามปมในใจตัวเองแบบซึ้งๆกันแน่ พูดง่ายๆคือหนังโดนตัวละครจูงจนเขวไปหมด
สิ่งที่ดีงามที่สุดในเรื่องก็คงหนีไม่พ้นแอคติ้งชั้นเซียนจาก เควิน ฮาร์ท ที่ประสบความสำเร็จในการเรียกเสียงฮาให้กับคนดูได้เรื่อยๆแบบไม่น่าผิดหวัง โดยเฉพาะลีลาการใช้เสียงหลงๆแหลมเฟี้ยวของแกนี่เรียกได้ว่าเป็นอาวุธหากินเลยแหละ ในเรื่องของบทบาทในเรื่องก็ยังถือว่ายังไปตามน้ำได้ดีไม่มีอะไรติดขัด คือตัวละครค่อนข้างน่าเชื่อถือว่า 'เขาไม่อยากมีเอี่ยวกับเรื่องวุ่นๆพวกนี้จริงๆ' ทำให้เราค่อนข้างอินกับฉากชุลมุนที่แกเอาตัวเข้าไปเกี่ยวอยู่พอสมควร
ส่วนตัวคิดว่าหนังมันอาจจะไปได้ไกลกว่านี้ สามารถเรียกเสียงฮาได้มากกว่านี้ถ้าได้จังหวะจะโคนที่ถูกต้อง คือในหลายๆฉากที่นั่งดูอยู่บางทีก็อดคิ้วขมวดกับความพยายามเล่นมุกเสียดสีคนดำไม่ได้ คือมุกมันควรจะตลกแต่มันก็ขยี้ไม่ตรงจุดจนมันไม่ตลก นี่ถ้าตัดเอาฉากฮาของเควินฮาร์ทออกไปนี่ก็หาฉากขำของเรื่องไม่ค่อยเจอแล้ว จะว่าน่าเสียดายก็่น่าเสียดายนั่นแหละ
สรุปก็เป็นหนังที่อยู่ในเกณฑ์เฉยๆ ไม่มีอะไรพิเศษหรือน่าจดจำอะไรมาก เสียดายอย่างเดียวที่มาบุญครองไม่มีรอบฉาย The Nice Guys จริงๆจึงต้องมาจบกับหนังเรื่องนี้แทน ยังไงถ้าใจรักจริงๆรอแผ่นก็ได้นะคอหนังทั้งหลาย
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..