ทำอย่างไรดี เมื่อมีเพื่อนบ้านจิตป่วย (หนักมาก)

กระทู้คำถาม
ขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ระบาย และหากมีคำแนะนำดีๆ รบกวนด้วยค่ะ

ปกติเราจะไม่โฟกัสกับเรื่องแย่ๆ ปล่อยผ่านมาตลอด แต่รอบนี้ขอให้เวลากับมันนิดนึงค่ะ เรื้อรังมานานมาก

เราย้ายมาอยู่บ้านเลขที่ 50/49 ได้ประมาณ 4-5 ปี เป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น อยู่ด้านหน้า ไม่ได้อยู่ในซอยค่ะ
ตั้งใจจะมาขายของ ก็ขายได้ระยะหนึ่ง ก็หยุดขาย

มีบ้านติดกันซ้าย ขวา บ้านฝั่งขวาเป็นบ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และภรรยาเขากับเราก็สนิทกันดี (ก่อนที่สามีจะได้เป็นผู้ช่วยค่ะ) *บ้านนี้มีกล้องวงจรปิด แต่ไม่รู้ว่าถ่ายติดระยะแค่ไหน

ฝั่งซ้าย เมื่อก่อนขายแซนวิชให้เด็กนักเรียนตอนเช้าๆ เดี๋ยวนี้ไม่ได้ขาย แต่เจ้าของบ้านสองพี่น้อง มักจะออกมาใส่บาตรตอนเช้าๆ เสมอ

ขอตัดมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน

เมื่อเช้านี้ สามีออกไปหน้าบ้าน (ส่วนที่เค้าไว้เป็นที่จอดรถกัน แต่บ้านเรามีแต่รถมอเตอร์ไซส์) เห็นเปลือกลองกองกระจัดกระจายอยู่เต็มก็กวาดกองไว้รวมกัน เราลงไปทีหลัง เดือดค่ะ เพราะเราค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่ฝีมือแมว ถ้าแมวคาบ ควรจะคาบทั้งถุง นี่ไม่มีถุง แต่เกลื่อนกระจายเต็มมาเกือบถึงประตูเข้าในตัวบ้าน นึกอยากดูกล้องวงจรปิดทันที แต่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากป้อนข้าวลูกค่ะ (ลูกสาวสามขวบเพิ่งเข้าอนุบาลค่ะ)

ป้อนข้าวลูกเสร็จจึงได้ออกไปดูหน้าบ้าน ถังขยะบ้านซ้ายมือมาตั้งอยู่หน้าบ้านเราอีกแล้ว เราจึงขยับค่ะ คืนถังขยะ ไม่หนักนะคะ ถังยังไม่เต็ม ไม่เข้าใจว่ากินแล้วทำไมไม่ทิ้งถังขยะ แต่โยนมาในบ้านเราทำไม เราเลื่อนถังขยะไป ล้อหลุด ไม่เก็บค่ะ คิดว่าที่ผ่านมาเราคงสุภาพมากเกินไป พวกนางคงไม่ชอบ จึงได้ปฏิบัติแย่ๆ กับพวกเราเสมอมา

ไม่กี่นาทีนางมายืนเท้าสะเอวมองถังขยะ แล้วก็ขยับกลับมาวางหน้าบ้านเราอีก (อยู่ส่วนบ้านนางประมาณ 20% อีก 80% ฝั่งบ้านเราค่ะ คลอเคลียกับต้นไม้บ้านเราเลย) เราตะโกนเลยค่ะ "ถังขยะนี่ของบ้านเราหรือคุณ เราจะได้เอาขยะไปทิ้ง"
"บ้านคุณ* ตรงไหน? นี่มันหน้าบ้านชั้น" (ไม่แน่ใจว่าเค้าใช้คำนี้หรือเปล่า ปกติเค้าแทนตัวกับพวกเราอย่างสนิทสนมกว่านี้ เวลาที่ตะโกนด่า-นางไม่เคยคุยด้วยเลยจริงๆ)
ทีนี้ก็เถียงกันค่ะ (แต่เราไม่เคยใช้คำหยาบนะคะ คำเหล่านั้นจะใช้เฉพาะกับเพื่อนที่รักและสนิทกันจริงๆ เท่านั้น)
เราก็เลยถามว่า เรื่องถึงตำรวจเลยมั๊ย? นางก็ท้าค่ะ ประมาณว่าชั้นถูกเต็มที่ เห็นจะคุยไม่รู้เรื่อง เราจึงเข้าบ้าน เพราะแต่งตัวไม่ค่อยสุภาพ ลูกกำลังจะไปโรงเรียนด้วย ไม่อยากกระทบถึงลูก สามีไปส่งลูก เราขึ้นมาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และนั่งพิมพ์อยู่นี่

ต่อไปเป็นย้อนอดีตค่ะ ไม่ใช่แค่ถังขยะแล้วเป็นเรื่องกันแน่ๆ

ย้อนใกล้ๆ ก่อนนะคะ ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนเองค่ะ ที่ถังขยะบ้านนั้นย้ายมาวางหน้าบ้านเรา ไม่ได้วางแนบผนังแบบเผื่อแผ่ข้างบ้านกันใช้เหมือนบ้านทางขวามือค่ะ บ้านนั้นถังขยะก็อยู่หน้าบ้านเรากว่าครึ่ง แต่ก็ยังอยู่ด้านในๆ ด้านนอกๆ หน่อยเราจะปลูกต้นไม้กระถาง ซึ่งสองฝั่งก็ปลูกเหมือนกัน ดังนั้นต้นไม้บ้านเรากับบ้านซ้ายมือก็อยู่เกือบติดกัน กระถางห่างกันไม่ถึงไม้บรรทัด แต่เราจะดูไม่ให้กระถางเราไปกินพื้นที่หน้าบ้านเค้า ส่วนกระถางบ้านเค้าน่ะหรือ เอามาวางติดผนังบ้านตัวเอง ซึ่งกินเขตบ้านเรากว่าครึ่ง และเราก็ไม่เคยว่าอะไรเค้าเลยทั้งสิ้น เหล็กที่ดันกันสาดบ้านเค้าก็อยู่ส่วนของบ้านเราเลย ซึ่งเราก็ไม่เคยได้ว่าอะไรเช่นกัน กระทั่งพูดขึ้นมาเมื่อเช้านี้ เพราะตลกมากที่เค้าบอกว่าถังขยะอยู่หน้าบ้านเค้า เราก็เลยโมโห พูดเรื่องกันสาดกับกระถางขึ้นมา ว่าอยู่เขตบ้านเรา เราก็ไม่เคยว่าอะไร แล้วเอาถังขยะมาไว้ เอาขยะมาโยนใส่บ้านเรางี้ บ้าหรือเปล่า? ก็ยังจะเถียงว่าทั้งหมดอยู่เขตบ้านตัวเอง

เข้าเรื่องถังขยะที่มาวางกินเขตหน้าบ้าน ถึงจะอยู่ข้างๆ แต่อยู่ด้านหน้าๆ เลยค่ะ เบียดกับต้นไม้ที่เราปลูก บังบางส่วนไปด้วย แล้วขยะที่ถูกทิ้ง (แต่ไม่ลงถัง) ก็มากองรวมกันอยู่ตรงข้างถังขยะ (ข้างกระถางต้นไม้ เต็มเลย) จะใครทิ้งก็ไม่รู้ แต่ถ้าไม่มีถังขยะมาตั้งขวาง เศษขยะเหล่านี้ก็ไม่มี (เศษแก้วพลาสติก ขวดพลาสติก ถุงพลาสติก ฯ) ตอนที่เราเห็นขยะกองเต็ม (เมื่อ 2 วันก่อน) เราก็ดันถังขยะไปวางเขตบ้านเขา วางดีๆ ด้วย ไม่ได้วางเกะกะ แล้วเราก็กวาดขยะเหล่านั้นออก แต่เมื่อเช้ามันก็กลับมาอยู่หน้าบ้านเราอีก พร้อมกับที่เห็นว่ามีเศษเปลือก+เม็ดลองกอง เกลื่อนกระจายเต็มหน้าบ้าน

จบย้อนเหตุการณ์ใกล้ๆ

เริ่มย้อนเหตุการณ์ไกลๆ

อย่างที่เคยบอกว่าเราย้ายมาเพื่อขายของ เราขายกวยจั๊บ (เขียนไม่ผิดค่ะ) ส่วนบ้านซ้ายมือขายแซนวิช แรกๆ ไม่มีปัญหาอะไร ลูกเราก็ซื้อแซนวิชกินตอนเช้าก่อนไปโรงเรียนบ่อยๆ เขาเองเคยมาซื้อกวยจั๊บกับเราหนนึง เราขายกวยจั๊บได้ระยะหนึ่งก็หยุด เพราะตั้งครรภ์ แพ้ เหม็นกวยจั๊บ
ไม่นานสองพี่น้องบ้านนั้นก็เลิกขายแซนวิชไปเช่นกัน

กาลครั้งหนึ่งเราล้างหน้าบ้านเรา มีฉีดน้ำ ก็แฉะไปถึงหน้าบ้านนั้น เพราะพื้นที่ต่ำกว่าหน้าบ้านเรา พอทำความสะอาดเสร็จ เราก็ถือไม้กวาดไปบ้านเค้า ตะโกนเรียก "พี่คะ" เรียกหลายครั้งไม่มีเสียงตอบ ก็มองเข้าไป เห็นคนน้องนอนคว่ำหันหน้ามาทางเรา มองแบบตาขวาง และไม่ยอมพูดจากอะไร (บ้านมีเหล็กดัด แต่ไม่ได้ปิด แสดงว่ามีคนอยู่ จึงตะโกนบอกก่อน) แต่เราก็ทำไม่สนใจ กวาดน้ำลงท่อให้เรียบร้อย (เหตุการณ์นี้ไม่มีอะไรมาก แต่เริ่มรู้สึกว่า เค้าไม่ชอบอะไรเราหรือเปล่า เห็นมองตาขวางๆ ใส่บ่อยๆ)

กาลครั้งสอง กลับมาจากกำแพงเพชร พ่อเอารถปิกอัพมาส่งพร้อมสัมพารกมากมาย ด้วยรถใหญ่ เวลาจะถอยก็มีกินบริเวณบ้าง เพราะบ้านขวามือมีรถจอดอยู่ จึงต้องขับเลยไปถึงหน้าบ้านสองพี่น้อง แต่ไม่ได้จอดตรงนั้น ตั้งใจถอยหลังมาจอดหน้าบ้าน ตอนนั้นพ่อกลัวว่ารถจะชนกับโต๊ะหน้าบ้านเขา (โต๊ะที่เคยขายของ ถึงเลิกขายไปแล้ว แต่โต๊ะยังตั้งอยู่) พ่อก็ไปยืนเอาตัวบังโต๊ะไว้ พวกนางก็ตะโกนว่า "อย่ามาโดนโต๊ะพวกชั้นนะ" พ่อก็หัวเราะแบบงงๆ ไปเลย ตอนนั้น เพิ่งเคยเห็นคนแบบนี้ แต่พวกเราก็ไม่ได้อะไร เอารถไปจอดหน้าบ้านเราปกติ (แต่ปกติเวลาที่ญาตพวกนางมาหาก็จอดท้ายรถไว้หน้าบ้านเรากว่าครึ่งคัน เราก็ไม่เคยว่า หรือมองด้วยสายตาขวางๆ แบบที่พวกนางทำเลย)

กาลครั้งสาม ราวทุ่มเศษ คุยสนุกกับเพื่อนบ้านสาวสวยบ้านขวามืออยู่หน้าบ้าน จู่ๆ บ้านซ้ายมือมีเสียงตะโกนเอะอะ เป็นเสียงสองพี่น้องโวยวาย พร้อมตะโกนด่าว่าตัวเสนียดยิ้ม ทำนองนี้ เราคุยๆ กันก็ตกใจ เฮ้ย! มีไร? ไม่นานคนพี่ (หญิงสาววัยราว 50-60 รูปร่างหน้าตาดี ปกติแต่งตัวดี ภูมิฐาน แต่เวลาอยู่บ้านจะเห็นนางใส่ชุดนอนเกือบตลอดเวลา-ชุดนอนแบบการ์ตูนน่ารัก ไม่ได้โป๊ อย่าจินตนาการเยอะค่ะ 55) คนพี่ถือพัดออกมาปัดๆ ตีๆ อยู่หน้าบ้านตัวเอง พร้อมเผื่อแผ่มาข้างๆ บ้านเราด้วย ตะโกนไปด้วยทำนองว่า "ไปๆ ตัวเสนียดยิ้ม ไปๆ" เพื่อนที่คุยด้วยถึงกับสะดุ้ง ถามทีเล่นทีจริงว่า "พี่ไล่ใคร คงไม่ได้ไล่ผึ้งนะ?" นางก็ตอบว่า "เปล่า ไล่ตัวเสนียดยิ้ม" เจออย่างนี้ก็อึ้งไปทั้งสองคน

วันหลังผึ้งก็มาเล่าว่าเคลียร์กับข้างบ้านแล้ว (คนน้อง) บอกว่าไม่มีอะไร ไม่ได้ติดใจอะไรกับผึ้ง
ส่วนระยะนั้นรู้สึกว่าข้างบ้านจะทำสายตาขวางๆ และสะบัดใส่พวกเรา (สองคนผัวเมียบ้านนี้แหละ)บ่อยๆ เวลาที่เราออกไปหน้าบ้าน
ไม่กี่วัน เราไปซื้อส้มตำ ซึ่งอยู่อีกฝากถนน (ในหมู่บ้านขนาดพอแค่รถวิ่งสวนกันได้) ร้านส้มตำอยู่ตรงข้ามบ้านสองพี่น้องพอดี เราเอาจานไปใส่ส้มตำด้วย เดินออกมาจากร้านส้มตำได้สองก้าว เจอคาถา ณ จังงัง คาถาสั้นๆ แต่ชะงัดมาก เพราะพลังเสียงแบบเหมือนโกรธเกลียดกันมาร้อยชาติ ตะโกนว่า "สัตว์!" จานส้มตำเกือบร่วง คืองงด้วยค่ะ เฮ้ย! นี่เค้าด่าเราหรือเปล่า? แถวนั้นไม่มีใครเลย (จำเสียงได้ค่ะ เสียงคนน้อง เสียงนางเป็นเอกลักษณ์) รู้ตัวละ ว่าเค้าด่าเราแน่ แต่ไม่รู้ว่าด่าเรื่องไร แต่เค้าด่าอยู่ในบ้าน ไม่ได้ปรากฏตัวออกมา เราก็ทำได้แค่ ถือจานส้มตำที่โดนเสกคาถาให้ไม่อร่อยเข้าไปแล้ว กลับบ้านอย่างทั้งงง ทั้งตกใจนี่ละ เกิดมาไม่เคยมีใครมาด่าเราแบบนี้เลย

อีกวันสองวันจำไม่ได้แน่นอน แต่ข้างบ้านขวามือจะไปทดลองขายของที่ตลาดนัดเปิดใหม่ใกล้ล้าน เค้ามีรถ เราก็ทำขนมไปขายติดรถเขาไปด้วย กลับมาเย็นย่ำ ใกล้ค่ำเต็มที เดินเข้าบ้านเกือบลื่น มีเกลือป่นโรยตัวอยู่หน้าบ้านเต็มพร้อมซากพริก แถมธูปจุดแล้วปักอยู่บนกระถางต้นไม้หน้าบ้าน ...ใครไม่งง ช่วยบอกที นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตช้านกัน

มาถึงบางอ้อเมื่อตอนที่จะไปต่างจังหวัด ย่าของสามีป่วยหนัก ต้องไปเยี่ยมที่ยโสธร เราเองไม่ค่อยสบาย เลี้ยงลูกเล็กๆ อยู่ที่บ้าน ก็ไม่คิดจะไปด้วย แต่พวกเด็กๆ (ลูกสาวอีกสองคน กับสามี) ตื่นมาอาบน้ำเตรียมตัวกันราวตีสามกว่า ซึ่งเราหลับอยู่กับตัวเล็กวัยไม่กี่เดือน ซึ่งก็ไม่ถึงหลับสนิท พอรู้ว่าพ่อลูกตื่นมาอาบน้ำเตรียมตัวกัน ราวตีห้าก็พากันไปขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่อีกฟากถนนแต่เลยบ้านเราไปสองสามหลัง เราก็เดินไปส่งสามี ทีนี้มีเสียงด่ายับ ด้วยคำที่ไม่คิดว่าจะหลุดออกมาจากปากคนดีๆ ได้ ทั้งด่า สาปแช่ง ว่าพวกเราเลว ไม่มีดี พอจับใจความได้ว่าที่ด่าเพราะพวกเราเสียงดังมาตั้งแต่ตีสาม ทำให้เดือดร้อน บ้านเค้ามีคนแก่ไม่สบายอยู่ เราไม่มีความเห็นใจ ไม่ใช่คน และแน่นอนนางจุดธูปให้อีกแล้ว สุดท้ายเราก็เลยเปลี่ยนใจไปด้วย ไม่อยากอยู่อย่างเสียสติกับคนพวกนี้ แถมอยู่กับลูกเล็กๆ กันแค่สองคนด้วย ห่วงลูก ห่วงสุขภาพจิต ไปด้วยดีกว่า กลับเข้ามาเก็บของอีกรอบ พอออกไปขึ้นรถ ก็ได้ยินเสียงให้พรตามหลังอีกตามระเบียบ

กลับมาก็มีธูป มีพริกกะเกลืออยู่หน้าบ้านอีกครั้ง แต่ธูปนี่ไม่รู้กี่ดอกๆ แล้ว (ปักทีละดอกค่ะ แต่ว่าทำหลายครั้ง) ปักในกระถางบ้าง ปักบนต้นไม้บ้าง บางครั้งก็ปักที่กล่องเสียบธูปที่เสียบอยู่หน้าบ้านพวกนางเอง

คือจับใจความได้แล้วนะ ว่าที่พวกนางด่า เพราะว่าพวกเราเสียงดัง ซึ่งก็ยอมรับว่าบ้านเรามีเด็กสามคน บางครั้งวิ่ง กระโดด ปิดประตูดัง มีเราตะโกนเรียกลูกบ้าง ทำของตกตอนกลางคืนบ้าง ตีขนมเค้กบ้าง แต่ไม่ได้ตลอดเวลานะ มันเหมือนบ้านทั่วๆ ไป เพราะเราก็ไม่ชอบอะไรที่เสียงดังมากๆ เปิดเพลงดังๆ เรายังไม่ชอบเลย กลางคืนก็ไม่ได้ดังอะไรมากมายเลยด้วยซ้ำ ทีบ้านเค้าลุกมาเคาะอะไรป๊อกๆๆๆ ตอนตีสาม ตีสี่ ตีห้าบ้าง เราไม่เคยได้ตะโกนด่าว่าอะไรเขาเช่นกัน (เคาะเสียงดังด้วยจังหวะสม่ำเสมอคล้ายพวกเณรเคาะนั่งสวดมนต์ บางครั้งก็คล้ายเสียงลูกแก้วตก แต่ไม่ตกครั้งเดียว เหมือนตกแล้วตกอีก)

อีกหลายครั้งที่ตะโกนด่าข้ามเขตบ้านมา แต่เรากับสามีทำไม่สนใจ เพราะคิดว่าหมามันเห่าอยู่หน้าบ้านมัน ไม่ได้มาเดือดร้อนอะไรเรา แม้บางครั้งมันจะมาแอบถ่ายหน้าบ้านเราบ้าง เราก็จับไม่ได้คามือ และคิดว่ามันเหนื่อย มันก็เลิกไปเอง

แต่มันไม่เลิกน่ะสิ มันเอาถังขี้มันมาไว้หน้าบ้านเราเลย ไหวหรือ?

เราจะทำอะไรได้บ้าง บางครั้งก็อยากย้ายไปเช่าอยู่ที่อื่น แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ของเยอะอย่างเดียว มีค่าใช้จ่าย มีหาสถานที่เหมาะๆ เด็กๆ ก็เข้าโรงเรียนแถวนี้ด้วย ถ้าแจ้งความจะต้องมีหลักฐานใช่ไหม? เดี๋ยวต้องมีไกล่เกลี่ยอีก จะไกล่เกลี่ยได้เหรอ พูดกันไม่ได้เลยแบบนี้น่ะ พวกนางมีเงินมาก ดูท่าจะไม่กลัวตำรวจด้วย เราเองก็ไม่กลัวตำรวจ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ไม่มีเงินนี่สิ เซ็งจิตมากค่ะ

ทีบ้านอีกหลัง (ไม่ไกลกัน) เปิดเพลงเผื่อแผ่ชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน พวกนางไม่ยักไปตะโกนด่าบ้างเนอะ สงสัยเห็นเฮียบ้านตรงข้ามหน้าโหดๆ ตีกะเมียบ่อยๆ เลยไม่กล้า รึจะให้สามีไว้หนวดเครา แล้วตะโกนด่ากัน ตีกัน เหมือนบ้านอื่นบ้าง นางสองพี่น้องนี้ถึงจะเลิกยุ่งกะเราได้

(อย่ายุไปตบเลยค่ะ ไม่คิดว่ามันจะแก้ปัญหาอะไรได้ อีกอย่างนางคนน้องแกขาลีบข้างหนึ่งด้วย กลัวบาปนี่ละ ถ้าร่างปกติก็ไม่กลัวหรอก)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่