กรรมทางเน็ต VS กรรมในโลกความจริง โดยคุณดังตฤณ
ที่มา
http://dungtrin.com/blog/files/karma-on-the-net.html
‘โลกความจริง’ คืออะไร
แต่ละคนตอบไปคนละแบบ แล้วแต่จะคิด
บ้างก็บอกว่า เป็นโลกที่จับต้องได้จริง
บ้างก็บอกว่า เป็นโลกที่ไม่มีการหลอกลวง
บ้างก็บอกว่า เป็นโลกที่เราเชื่อว่าจริง
แต่ในแง่ของกฎแห่งกรรมวิบาก
โลกความจริง
วัดกันด้วยคำถามง่ายๆ คือ
คิดดีจริงไหม คิดชั่วจริงไหม
พูดดีจริงไหม พูดชั่วจริงไหม
ทำดีจริงไหม ทำชั่วจริงไหม
เจตนาดีชั่วอันใดเกิดขึ้นจริง
ก็นั่นแหละ โลกความจริงทางกรรม
ผลอันเป็นสุขเป็นทุกข์ หรือวิบากแห่งกรรม
ย่อมตามมาเป็นธรรมดา ไม่ช้าก็เร็ว
เมื่อมองจากมุมของกรรมและวิบาก
อินเตอร์เน็ตก็คือโลกความจริง
ไม่มีอะไรแปลกแยกแตกต่าง
ไม่มีสิ่งใดเป็นมายาปลอมปน
กฎแห่งกรรมเคยเป็นมาอย่างไร
ก็จะเป็นอย่างนั้นบนโลกออนไลน์ต่อไปนั่นเอง
สิ่งหนึ่งที่คนยุคไอทีชอบคิดกัน คือ
เมื่อไม่เผยตัว เมื่อปิดบังไม่ให้ใครรู้จักหน้า
ก็เหมือนกับว่าไม่มีผู้กระทำผิดที่แท้จริง
ดูง่ายๆ คือ คนทำผิดในเน็ตมักลอยนวล
จับมือใครดมยาก
แถมเดี๋ยวนี้ใช้เครื่องจากร้านไอทีทั่วไป
แอบทำชั่วได้ง่ายยิ่งกว่าง่ายเสียด้วย
แม้คนทั้งโลกไม่รู้
แม้ไม่มีใครตามจับ
แต่กรรมก็รู้ และเป็นเงาตามติดคุณไปทุกขณะจิต
แล้วก็ให้ผลไม่ช้าด้วย
อย่างเช่น อ่านข้อความจากเน็ต
ไม่ต้องพิมพ์อะไรโต้ตอบเลย
แค่คิดไม่ดีตามเขาไป
หรือแค่คิดเยาะหยันคุณงามความดีของคนอื่น
สังเกตดู ก็รู้สึกได้ถึงความมืดที่เข้าครอบงำจิต
รู้สึกถึงการเลือกโทสะเป็นเจ้าเรือน
รู้สึกถึงวิธีมองโลกแง่ร้ายเป็นนิสัย
หรืออย่างเช่นการพิมพ์ข้อความใดส่งไปในเน็ต
ถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นในคุณจริงๆ
เช่น พิมพ์ข้อความดีๆ ใจจะสบาย
ยิ่งเป็นเรื่องดีขึ้นเท่าไร ยิ่งเบิกบานนานขึ้นเท่านั้น
ส่วนถ้าพิมพ์ข้อความแย่ๆ แม้สนุกสะใจก็เดี๋ยวเดียว
แต่ต้องกระวนกระวายฟุ้งซ่านกันนานๆ
กฎแห่งกรรมวิบากไม่ได้ให้ผลช้าอย่างที่คิด
ถ้าหมั่นสังเกตจิตของตัวเอง
เห็นการสั่งสมนิสัยเลือกสุข สั่งสมนิสัยเลือกทุกข์เข้าตัว
แล้วคุณจะกลัวความผิดที่รู้อยู่แก่ใจ เปิดเผยอยู่กับตัว
แม้จะเป็นความลับที่โลกไม่รู้เลยก็ตาม!
ดังตฤณ : กรรมทางเน็ต VS กรรมในโลกความจริง
ที่มา
http://dungtrin.com/blog/files/karma-on-the-net.html
‘โลกความจริง’ คืออะไร
แต่ละคนตอบไปคนละแบบ แล้วแต่จะคิด
บ้างก็บอกว่า เป็นโลกที่จับต้องได้จริง
บ้างก็บอกว่า เป็นโลกที่ไม่มีการหลอกลวง
บ้างก็บอกว่า เป็นโลกที่เราเชื่อว่าจริง
แต่ในแง่ของกฎแห่งกรรมวิบาก
โลกความจริง
วัดกันด้วยคำถามง่ายๆ คือ
คิดดีจริงไหม คิดชั่วจริงไหม
พูดดีจริงไหม พูดชั่วจริงไหม
ทำดีจริงไหม ทำชั่วจริงไหม
เจตนาดีชั่วอันใดเกิดขึ้นจริง
ก็นั่นแหละ โลกความจริงทางกรรม
ผลอันเป็นสุขเป็นทุกข์ หรือวิบากแห่งกรรม
ย่อมตามมาเป็นธรรมดา ไม่ช้าก็เร็ว
เมื่อมองจากมุมของกรรมและวิบาก
อินเตอร์เน็ตก็คือโลกความจริง
ไม่มีอะไรแปลกแยกแตกต่าง
ไม่มีสิ่งใดเป็นมายาปลอมปน
กฎแห่งกรรมเคยเป็นมาอย่างไร
ก็จะเป็นอย่างนั้นบนโลกออนไลน์ต่อไปนั่นเอง
สิ่งหนึ่งที่คนยุคไอทีชอบคิดกัน คือ
เมื่อไม่เผยตัว เมื่อปิดบังไม่ให้ใครรู้จักหน้า
ก็เหมือนกับว่าไม่มีผู้กระทำผิดที่แท้จริง
ดูง่ายๆ คือ คนทำผิดในเน็ตมักลอยนวล
จับมือใครดมยาก
แถมเดี๋ยวนี้ใช้เครื่องจากร้านไอทีทั่วไป
แอบทำชั่วได้ง่ายยิ่งกว่าง่ายเสียด้วย
แม้คนทั้งโลกไม่รู้
แม้ไม่มีใครตามจับ
แต่กรรมก็รู้ และเป็นเงาตามติดคุณไปทุกขณะจิต
แล้วก็ให้ผลไม่ช้าด้วย
อย่างเช่น อ่านข้อความจากเน็ต
ไม่ต้องพิมพ์อะไรโต้ตอบเลย
แค่คิดไม่ดีตามเขาไป
หรือแค่คิดเยาะหยันคุณงามความดีของคนอื่น
สังเกตดู ก็รู้สึกได้ถึงความมืดที่เข้าครอบงำจิต
รู้สึกถึงการเลือกโทสะเป็นเจ้าเรือน
รู้สึกถึงวิธีมองโลกแง่ร้ายเป็นนิสัย
หรืออย่างเช่นการพิมพ์ข้อความใดส่งไปในเน็ต
ถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นในคุณจริงๆ
เช่น พิมพ์ข้อความดีๆ ใจจะสบาย
ยิ่งเป็นเรื่องดีขึ้นเท่าไร ยิ่งเบิกบานนานขึ้นเท่านั้น
ส่วนถ้าพิมพ์ข้อความแย่ๆ แม้สนุกสะใจก็เดี๋ยวเดียว
แต่ต้องกระวนกระวายฟุ้งซ่านกันนานๆ
กฎแห่งกรรมวิบากไม่ได้ให้ผลช้าอย่างที่คิด
ถ้าหมั่นสังเกตจิตของตัวเอง
เห็นการสั่งสมนิสัยเลือกสุข สั่งสมนิสัยเลือกทุกข์เข้าตัว
แล้วคุณจะกลัวความผิดที่รู้อยู่แก่ใจ เปิดเผยอยู่กับตัว
แม้จะเป็นความลับที่โลกไม่รู้เลยก็ตาม!