คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ผมขอคิดดัง ๆ นะครับ สำหรับคำถามของคุณ สมาชิก 706543
ถ้าจากตัวเลือกที่คุณให้มา ถ้าเป็นผมคงไม่ลังเล ที่จะเลือก ตัวเลือกการแต่งงานครับ เหตุผลตามนี้ครับ
1. สมัครได้ทันที ตามที่คุณแจ้งไว้ แต่......
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มักจะออกกฎ หรือเปลี่ยนแปลงกฎได้ตลอดเวลา ตามความเหมาะสม ถ้าโอกาสมาแล้ว ไม่ต้องรอแล้วครับ เพราะความสัมพันธ์ ของคุณเป็นความสัมพันธ์จริง ถ้าคิดถึงขั้นขอแต่งงาน ดังนั้น ตอนนี้ มีโอกาสควรรีบฉวยโอกาสครับ
2. ประหยัดเวลา และรับประกันความผิดหวัง
สมัครตอนนี้ ด้วยวีซ่าตัวนี้ มีโอกาสได้สูง เพราะสืบเนื่องจากความสัมพันธ์ น้นเป็นความจริง และตัวคุณก็สามารถสมัครได้เลย ประกอบกับตัวคุณ และเพื่อนชายของคุณ ก็น่าจะไม่มีประวัติเสียหาย (อันนี้ผมรวมความหมายถึง เป็นวิญญูชนใช้ชีวิตปรกติ ไม่ต้องคดี หรือประพฤติไม่เหมาะสมนะครับ อีกทั้งไม่ได้อยู่ในสถานภาพ เป็นผู้ได้รับความช่วยเหลือจากทางรัฐบาล ในส่วนนี้ขอขยายความนะครับ เพราะถ้าบางกรณี ที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีความสัมพันธ์ถูกต้อง แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยังต้องได้รับความช่วยเหลือจากทางรัฐบาล เช่นไม่ประกอบอาชีพ หรือไม่มีหลักแหล่งชัดเจน อันนี้มีผลโดยตรงครับ) แต่ถ้าเป็นภาวะปริกติ ก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะการสมัครด้วยวีซ่าคู่ครอง ณ ปัจจุบัน (เน้นนะครับ ณ ปัจจุบัน) ยังไม่มีข้อจำกัดเยอะ เมื่อเทียบกับ สมัครตามความสามารถในสายอาชีพ ซึ่งไม่เหมือนสมัยก่อน เมื่อราว 5 - 10 ปีที่แล้ว ที่สายอาชีพ สมัครง่ายกว่า
3. เมื่อได้แล้ว อย่างที่คุณทราบ ค่าเล่าเรียน จะถูกลงอย่างมหาศาล
อันนี้ตรงตัวครับ ถึงแม้นได้ทุน แต่ถ้าได้ วีซ่าถาวรแล้ว ค่าเรียนถูกลงมหาศาล (แอบกระซิบให้คุณทราบด้วยว่า ถ้าเกิดเรียนคุณยังต้องเรียนอีก 2 ปี แล้วค่อยสมัคร ผมให้คุณสมัครเลย เพราะ ค่าใช้จ่ายในการเรียน สามารถนำมาลดหย่อยภาษีได้ด้วยนะครับ หรือ จะขอทุน เป็นผ่อนระยะยาวก็ได้ด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นคนของเขาแล้ว)
4. การขอสวัสดิการจากรัฐ จะย่นระยะเวลา
เนื่องจากกฎใหม่ เมื่อได้วีซ่าถาวรแล้ว จะยังไม่สามารถขอสวัสดิการ จากทางรัฐได้ คุณต้องรอ 2 ปีหลังจากได้วีซ่าถาวร แล้ว จึงจะสามารถร้องขอความช่วยเหลือ ได้ เหตุผลที่เคยได้ฟังมา คือ ทางรัฐอยากจะประเมินว่าคุณสามารถใช้ชีวิตได้หรือไม่ ถ้าผ่าน 2 ปีหลังจากได้วีซ่าถาวรแล้ว คุณก็สามารถ ดำเนินการขอความช่วยเหลือ ได้เสมือนคนปรกติ การสมัคร และได้วีซ่าตัวนี้ จะช่วยย่นระยะเวลานะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าคุณต้องไปขอเงินรัฐบาล ให้เขาเลี้ยงดูนะครับ แต่ผมหมายถึง สวัสดิการบางอย่าง รวมถึงการขอความช่วยเหลือ ตามสมควร ที่พลเมืองควรได้ คุณจะได้ไม่ต้องรอครับ
5. เตรียมพร้อมกับการเผชิญสู่ โลกแห่งความเป็นจริง
หลายคนพูดว่าการได้วีซ่าถาวร นั้น เป็นของหายาก และยากกว่าการขอเป็นพลเมือง แต่เมื่อคุณได้วีซ่าถาวรแล้ว ผมว่ามีการท้าทาย อื่น ๆ อีกมากมาย รอคุณอยู่ สำหรับการใช้ชีวิตในออสเตรเลีย โดยเฉพาะเมืองใหญ่ นะครับ สำหรับประเด็นนี้ ผมสรุปให้สั้น ๆ คือ คุณต้องเรียน อีก 2 ปี ถึงจะสำเร็จการศึกษา แต่คนออสเตรเลีย โดยพื้นฐานแล้ว เรียนไม่สูงกันนะครับ แต่เน้นประสบการณ์ในการทำงาน ถ้าคุณจบระดับ ปริญญาเอก ผมขอชื่นชม แต่ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในสายวิชาการ ผมเกรงว่าจะหางานยาก เพราะคุณสมบัติสูงเกินความต้องการ อีกทั้ง ไม่มีวีซ่าถาวร รอรับในวันที่คุณเรียนจบ ดังนั้น ผมให้คุณยื่นขอก่อน เพื่อว่าหากต้องรอ ก็อยู่ในช่วงที่คุณเรียน หรือใกล้ เรียนจบ ก็จะเป็นการช่วยให้คุณหางาน ได้เร็วขึ้น เพราะทุกหน่วยงาน หรือบริษัทฯ ที่จะรับเข้าทำงาน จะถามคำถามเรื่องวีซ่าที่คุณถืออยู่ครับ อีกประเด็น คือแม้นคนที่เกิดที่ออสเตรเลีย ก็ยังหางานกันยากเลย ผมเลยยกประเด็นนี้ ให้คุณพิจารณา ครับ
ข้อเสีย
1. ระเวลาการรอวีซ่า
ถ้าเปรียบเทียบวีซ่าถาวร ที่ขอโดย ความถนัดในสายวีชาชีพ Skilled Migration กับ การแต่งงาน Partnership Migration ความจริง น่าจะยกให้อยู่ในกลุ่มข้อดีมากกว่า แต่ เรื่องการพิสูจน์ทราบความสัมพันธ์ นั้น ทางเจ้าหน้าที่ มักมีช่วงเวลานะครับ ไม่ใช่ว่าแต่งงานกับคนออสเตรเลีย แล้วจะได้ง่าย ต้องพิสูจน์เช่นกัน ซึ่งตรงนี้ ระยะเวลา ก็เป็นหลัก เดือน เป็นอย่างช้า หรือ เป็นปี หรือ หลายปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ กับเอกสารประกอบ และ ความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ (ทำบุญ แผ่เมตตา ขอให้ได้เจ้าหน้าที่ที่ไม่เข้มงวดมาก มาดูแลเรื่องของคุณนะครับ น่าจะลดระยะเวลาการรอวีซ่าได้ครับ)
2. ค่าใช้จ่าย
อันนี้แพงกว่าอย่างเห็นได้ แต่คุ้มครับ ถ้าคุณได้วีซ่าในท้ายที่สุด
3. อาจจะต้องมีการพิสูจน์ ความสัมพันธ์
อันนี้แหละที่ผมว่าขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ครับ เพราะ ทางเจ้าหน้าที่ต้องมั่นใจจริง ๆ ว่าไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์ปลอม ดังนั้น ตรงนี้ เลยเป็นข้อเสีย เพราะไม่รู้ว่าจะพอใจที่จุดไหน ถ้าโชคดี ได้เจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวด ก็เร็วครับ แต่ยังไง ก็ต้องเผื่อใจว่าคงไม่ได้เร็วขนาด ไม่กี่วัน หรือสัปดาห์ อย่างไรต้องเป็นหลักเดือนเป็นอย่างน้อย นอกเหนือจากในส่วนนี้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่อาจจะเข้ามาดู ปัจจัยประกอบอื่น ๆ ด้วยนะครับ เช่น สถานะการเงิน การใช้ชีวิต และ อื่น ๆ ซึ่งก็อย่างที่ได้อธิบายว่าเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาครับ
สำหรับการขอวีซ่าด้วยความถนัดในสายอาชีพ
ข้อดี ณ ปัจจุบัน ผมเห็นเพียงข้อเดียว ถ้าอาชีพ ของคุณเป็นอาชีพ ที่ขาดแคลนในประเทศออสเตรเลีย และต้องมีประสบการณ์สายตรง ผมจึงจะยกให้ เพราะที่เคยผ่านมา วีซ่าตัวนี้ ณ ปัจจุบัน ขอยากมาก เพราะถึงแม้นว่าอาชีพของคุณ จะอยู่ในกลุ่มของอาชีพ ขาดแคลน แต่จำนวนที่ต้องการก็ไม่ใช่ว่าจะรับได้เสมอไป คือ เช่น รัฐบาลเปิดรับ 100 คน สำหรับอาชีพขาดแคลน (รวมทุกอาชีพที่อยู่ในกลุ่มนะครับ) ผู้สมัครต้องมั่นใจว่า คุณต้องอยู่ในกลุ่ม 100 คนนี้ ถ้าไม่เช่นต้องรอรอบต่อไปครับ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร
ข้อเสีย
1. โอกาสในการได้รับการคัดเลือกในกลุ่มอาชีพมีน้อย
2. ระยะเวลาในการรอ ขั้นตอน และการตรวจสอบคุณสมบัติ
3. เสียโอกาส ถ้าคุณมีวีซ่าตัวอื่น ๆ ที่สมัครได้ง่ายกว่า
ผมพอคิดออกได้ ตามข้างต้นครับ และหวังว่าคงเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อยครับ อย่างไร ถ้ามีคำถาม หรือข้อสงสัยก็โพสไว้นะครับ เดี๋ยวผมกลับมาอ่าน และถ้าไม่ทราบ ก็จะช่วยหาข้อมูลให้ และเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับสมาชิกท่าน อื่น ๆ ครับ
ถ้าจากตัวเลือกที่คุณให้มา ถ้าเป็นผมคงไม่ลังเล ที่จะเลือก ตัวเลือกการแต่งงานครับ เหตุผลตามนี้ครับ
1. สมัครได้ทันที ตามที่คุณแจ้งไว้ แต่......
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มักจะออกกฎ หรือเปลี่ยนแปลงกฎได้ตลอดเวลา ตามความเหมาะสม ถ้าโอกาสมาแล้ว ไม่ต้องรอแล้วครับ เพราะความสัมพันธ์ ของคุณเป็นความสัมพันธ์จริง ถ้าคิดถึงขั้นขอแต่งงาน ดังนั้น ตอนนี้ มีโอกาสควรรีบฉวยโอกาสครับ
2. ประหยัดเวลา และรับประกันความผิดหวัง
สมัครตอนนี้ ด้วยวีซ่าตัวนี้ มีโอกาสได้สูง เพราะสืบเนื่องจากความสัมพันธ์ น้นเป็นความจริง และตัวคุณก็สามารถสมัครได้เลย ประกอบกับตัวคุณ และเพื่อนชายของคุณ ก็น่าจะไม่มีประวัติเสียหาย (อันนี้ผมรวมความหมายถึง เป็นวิญญูชนใช้ชีวิตปรกติ ไม่ต้องคดี หรือประพฤติไม่เหมาะสมนะครับ อีกทั้งไม่ได้อยู่ในสถานภาพ เป็นผู้ได้รับความช่วยเหลือจากทางรัฐบาล ในส่วนนี้ขอขยายความนะครับ เพราะถ้าบางกรณี ที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีความสัมพันธ์ถูกต้อง แต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยังต้องได้รับความช่วยเหลือจากทางรัฐบาล เช่นไม่ประกอบอาชีพ หรือไม่มีหลักแหล่งชัดเจน อันนี้มีผลโดยตรงครับ) แต่ถ้าเป็นภาวะปริกติ ก็ไม่มีปัญหาครับ เพราะการสมัครด้วยวีซ่าคู่ครอง ณ ปัจจุบัน (เน้นนะครับ ณ ปัจจุบัน) ยังไม่มีข้อจำกัดเยอะ เมื่อเทียบกับ สมัครตามความสามารถในสายอาชีพ ซึ่งไม่เหมือนสมัยก่อน เมื่อราว 5 - 10 ปีที่แล้ว ที่สายอาชีพ สมัครง่ายกว่า
3. เมื่อได้แล้ว อย่างที่คุณทราบ ค่าเล่าเรียน จะถูกลงอย่างมหาศาล
อันนี้ตรงตัวครับ ถึงแม้นได้ทุน แต่ถ้าได้ วีซ่าถาวรแล้ว ค่าเรียนถูกลงมหาศาล (แอบกระซิบให้คุณทราบด้วยว่า ถ้าเกิดเรียนคุณยังต้องเรียนอีก 2 ปี แล้วค่อยสมัคร ผมให้คุณสมัครเลย เพราะ ค่าใช้จ่ายในการเรียน สามารถนำมาลดหย่อยภาษีได้ด้วยนะครับ หรือ จะขอทุน เป็นผ่อนระยะยาวก็ได้ด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นคนของเขาแล้ว)
4. การขอสวัสดิการจากรัฐ จะย่นระยะเวลา
เนื่องจากกฎใหม่ เมื่อได้วีซ่าถาวรแล้ว จะยังไม่สามารถขอสวัสดิการ จากทางรัฐได้ คุณต้องรอ 2 ปีหลังจากได้วีซ่าถาวร แล้ว จึงจะสามารถร้องขอความช่วยเหลือ ได้ เหตุผลที่เคยได้ฟังมา คือ ทางรัฐอยากจะประเมินว่าคุณสามารถใช้ชีวิตได้หรือไม่ ถ้าผ่าน 2 ปีหลังจากได้วีซ่าถาวรแล้ว คุณก็สามารถ ดำเนินการขอความช่วยเหลือ ได้เสมือนคนปรกติ การสมัคร และได้วีซ่าตัวนี้ จะช่วยย่นระยะเวลานะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าคุณต้องไปขอเงินรัฐบาล ให้เขาเลี้ยงดูนะครับ แต่ผมหมายถึง สวัสดิการบางอย่าง รวมถึงการขอความช่วยเหลือ ตามสมควร ที่พลเมืองควรได้ คุณจะได้ไม่ต้องรอครับ
5. เตรียมพร้อมกับการเผชิญสู่ โลกแห่งความเป็นจริง
หลายคนพูดว่าการได้วีซ่าถาวร นั้น เป็นของหายาก และยากกว่าการขอเป็นพลเมือง แต่เมื่อคุณได้วีซ่าถาวรแล้ว ผมว่ามีการท้าทาย อื่น ๆ อีกมากมาย รอคุณอยู่ สำหรับการใช้ชีวิตในออสเตรเลีย โดยเฉพาะเมืองใหญ่ นะครับ สำหรับประเด็นนี้ ผมสรุปให้สั้น ๆ คือ คุณต้องเรียน อีก 2 ปี ถึงจะสำเร็จการศึกษา แต่คนออสเตรเลีย โดยพื้นฐานแล้ว เรียนไม่สูงกันนะครับ แต่เน้นประสบการณ์ในการทำงาน ถ้าคุณจบระดับ ปริญญาเอก ผมขอชื่นชม แต่ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในสายวิชาการ ผมเกรงว่าจะหางานยาก เพราะคุณสมบัติสูงเกินความต้องการ อีกทั้ง ไม่มีวีซ่าถาวร รอรับในวันที่คุณเรียนจบ ดังนั้น ผมให้คุณยื่นขอก่อน เพื่อว่าหากต้องรอ ก็อยู่ในช่วงที่คุณเรียน หรือใกล้ เรียนจบ ก็จะเป็นการช่วยให้คุณหางาน ได้เร็วขึ้น เพราะทุกหน่วยงาน หรือบริษัทฯ ที่จะรับเข้าทำงาน จะถามคำถามเรื่องวีซ่าที่คุณถืออยู่ครับ อีกประเด็น คือแม้นคนที่เกิดที่ออสเตรเลีย ก็ยังหางานกันยากเลย ผมเลยยกประเด็นนี้ ให้คุณพิจารณา ครับ
ข้อเสีย
1. ระเวลาการรอวีซ่า
ถ้าเปรียบเทียบวีซ่าถาวร ที่ขอโดย ความถนัดในสายวีชาชีพ Skilled Migration กับ การแต่งงาน Partnership Migration ความจริง น่าจะยกให้อยู่ในกลุ่มข้อดีมากกว่า แต่ เรื่องการพิสูจน์ทราบความสัมพันธ์ นั้น ทางเจ้าหน้าที่ มักมีช่วงเวลานะครับ ไม่ใช่ว่าแต่งงานกับคนออสเตรเลีย แล้วจะได้ง่าย ต้องพิสูจน์เช่นกัน ซึ่งตรงนี้ ระยะเวลา ก็เป็นหลัก เดือน เป็นอย่างช้า หรือ เป็นปี หรือ หลายปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ กับเอกสารประกอบ และ ความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ (ทำบุญ แผ่เมตตา ขอให้ได้เจ้าหน้าที่ที่ไม่เข้มงวดมาก มาดูแลเรื่องของคุณนะครับ น่าจะลดระยะเวลาการรอวีซ่าได้ครับ)
2. ค่าใช้จ่าย
อันนี้แพงกว่าอย่างเห็นได้ แต่คุ้มครับ ถ้าคุณได้วีซ่าในท้ายที่สุด
3. อาจจะต้องมีการพิสูจน์ ความสัมพันธ์
อันนี้แหละที่ผมว่าขึ้นอยู่กับความเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ครับ เพราะ ทางเจ้าหน้าที่ต้องมั่นใจจริง ๆ ว่าไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์ปลอม ดังนั้น ตรงนี้ เลยเป็นข้อเสีย เพราะไม่รู้ว่าจะพอใจที่จุดไหน ถ้าโชคดี ได้เจ้าหน้าที่ไม่เข้มงวด ก็เร็วครับ แต่ยังไง ก็ต้องเผื่อใจว่าคงไม่ได้เร็วขนาด ไม่กี่วัน หรือสัปดาห์ อย่างไรต้องเป็นหลักเดือนเป็นอย่างน้อย นอกเหนือจากในส่วนนี้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่อาจจะเข้ามาดู ปัจจัยประกอบอื่น ๆ ด้วยนะครับ เช่น สถานะการเงิน การใช้ชีวิต และ อื่น ๆ ซึ่งก็อย่างที่ได้อธิบายว่าเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาครับ
สำหรับการขอวีซ่าด้วยความถนัดในสายอาชีพ
ข้อดี ณ ปัจจุบัน ผมเห็นเพียงข้อเดียว ถ้าอาชีพ ของคุณเป็นอาชีพ ที่ขาดแคลนในประเทศออสเตรเลีย และต้องมีประสบการณ์สายตรง ผมจึงจะยกให้ เพราะที่เคยผ่านมา วีซ่าตัวนี้ ณ ปัจจุบัน ขอยากมาก เพราะถึงแม้นว่าอาชีพของคุณ จะอยู่ในกลุ่มของอาชีพ ขาดแคลน แต่จำนวนที่ต้องการก็ไม่ใช่ว่าจะรับได้เสมอไป คือ เช่น รัฐบาลเปิดรับ 100 คน สำหรับอาชีพขาดแคลน (รวมทุกอาชีพที่อยู่ในกลุ่มนะครับ) ผู้สมัครต้องมั่นใจว่า คุณต้องอยู่ในกลุ่ม 100 คนนี้ ถ้าไม่เช่นต้องรอรอบต่อไปครับ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร
ข้อเสีย
1. โอกาสในการได้รับการคัดเลือกในกลุ่มอาชีพมีน้อย
2. ระยะเวลาในการรอ ขั้นตอน และการตรวจสอบคุณสมบัติ
3. เสียโอกาส ถ้าคุณมีวีซ่าตัวอื่น ๆ ที่สมัครได้ง่ายกว่า
ผมพอคิดออกได้ ตามข้างต้นครับ และหวังว่าคงเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อยครับ อย่างไร ถ้ามีคำถาม หรือข้อสงสัยก็โพสไว้นะครับ เดี๋ยวผมกลับมาอ่าน และถ้าไม่ทราบ ก็จะช่วยหาข้อมูลให้ และเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับสมาชิกท่าน อื่น ๆ ครับ
แสดงความคิดเห็น
เส้นทางสู่ PR ใน Australia ขอผ่านวิธีไหนดี: partner visa หรือ skilled visa ดีกว่า ?
แอบสงสัยค่ะ เพราะคุณแฟน (เป็น Australian Citizen) ขอแต่งงา่น และขอให้เราไปทำ partner visa
และคุณแฟนให้เหตุผลว่า อยากให้เราได้สิทธิเหมือนๆ เค้า และ เราสองคนคบกันมา ปีกว่าๆ เเล้ว ก็รู้จักกันมากพอ
เจ้าของกระทู้ ก็ติดตรงที่ว่า ยังไม่อยากสมัครเเละไม่อยากเเต่งงาน เพราะ
1. เรียน ป.เอก อยู่ เหลือเวลาเรียนอีก 2 ปี (เรารู้สึกว่า อีกยาว ) เราได้เงินทุนจากมหาลัย สำหรับ International Student
และ
2. partner visa (Subclass 820/801) AUD 6,865 ..... แพงค่ะ เราเองมีอีกทางเลือกคือเรียนจบแล้ว สมัคร skilled visa (Subclass 189) AUD 3,600 ซึ่งถูกกว่า
แต่ก็อีกค่ะ การได้ partner visa และได้ PR อาจดีกว่า เพราะ
1. เราสมัครได้เลย
2. ถ้าเราเรียนจบไม่ทันเวลาที่เงินทุนให้ การที่เราได้ PR ก่อนเรียนจบ ก็ดีตรงที่ว่า ถ้าเราจบไม่ทันเวลาทึ่ทุนกำหนด เราจากไม่โดน Charge ค่าเล่าเรียนแสนโหด สำหรับ International Student พอดีตอนนี้เราได้ทุน เราเลยไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนเลย
เลยอยากถามเพื่อนๆ ว่า คิดอย่างไรกันบ้าง อยากทราบความเห็น ข้อดี และข้อเสีย ค่ะ