“คณะพ่อค้าขายกระดูกครูอาจารย์กิน”

“คณะพ่อค้าขายกระดูกครูอาจารย์กิน”
ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

"มีพระอีกองค์หนึ่งกราบเรียนเรื่องอัฐิท่านอาจารย์เสาร์ว่า มีพระบางพวกที่เป็นลูกศิษย์ท่านเอง จังหวัด...นำอัฐิท่านมาบดให้ละเอียดผสมกับผงชนิดต่าง ๆ ที่ถือกันว่าขลัง ๆ แล้วปั้นเป็นองค์พระเล็ก ๆ จำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก องค์ละราคาแพง ๆ ด้วย มีผู้เช่าไปบูชากันมากโดยไม่สนใจกับราคาค่างวดว่าแพงหรือไม่แพงเลย กระผมเห็นแล้วอดสลดสังเวชใจไม่ได้

เพียงเท่านี้เอง ท่านก็อุทานขึ้นทันทีว่า โอ้โฮพากันเป็นถึงขนาดนั้นเทียวหรือนี่ พระจำพวกทำลายพระศาสนา ทำลายครูอาจารย์ พากันเป็นหมากัดแทะกันกระทั่งกระดูกท่านกินยิ่งกว่าหมาเสียอีก นี่คือพวกสิ้นคิดและหมดทางหากิน จึงพากันกัดแทะกันกระทั่งกระดูกอาจารย์ของตน หมามันยังรู้จักเจ้าของไม่ยอมกัดแทะ แต่นี่มันยิ่งกว่าหมาจึงไม่รู้จักเจ้าของ กัดแทะกินเรียบไปเลย พวกนี้พวกหมดยางอายถึงได้กัดแทะกระดูกครูอาจารย์ไปขายกิน

เฮ้อ พร้อมทั้งชี้นิ้วส่ายไปมารอบๆ บริเวณที่พระนั่งอยู่ด้วยเสียงเผ็ดร้อนว่า พวกที่มาอยู่กับผมเวลานี้ พากันมาอยู่แบบพระหรือมาอยู่แบบหมากันแน่ รีบตอบเดี๋ยวนี้ ถ้ามาอยู่แบบพระก็สนใจในธรรมและตั้งใจปฏิบัติ ถ้ามาอยู่แบบหมาดังที่เป็นมาแล้วก็ต้องรอคอยแย่งกระดูกกันไปกัดแทะ ด้วยการจำหน่ายขายกระดูกผมกินดังพวกสิ้นคิดนั้น นั้นคือพวกปฏิบัติแบบหมามิใช่แบบพระ คอยแทะทั้งเป็นแทะทั้งตายไม่มีวันอิ่มพอและอายบาปบ้างเลย พวกจิตใจต่ำทรามคอยทำลายศาสนา ทำลายครูอาจารย์อย่างไม่อาย มีใครบ้างที่เก่ง ๆ อยู่ที่นี่ ซึ่งคอยจะกัดแทะเนื้อหนังและกระดูกผมไปขายในเวลาเป็นและเวลาตายไป รีบบอกมา จะได้เสริมชื่อเสริมนามให้สูงส่งเสียแต่ที่ผมยังไม่ตายว่า “คณะพ่อค้าขายกระดูกครูอาจารย์กิน”

พระพวกนี้นอกจากทำแบบหมาคอยแทะกระดูกแล้ว ยังมีกโลบายขายครูอาจารย์กินได้หลายทางอีกด้วย ไปที่ไหนชอบอวดตัวว่าเป็นลูกศิษย์อาจารย์นั้น อาจารย์นี้ ซึ่งมีคนเคารพเลื่อมใสมาก เพื่อเป็นทางประกาศตัวและประจบหากิน พวกนี้คือพวกเชือดเนื้อเฉือนหนังแทะกระดูกครูอาจารย์ขายกินชนิดไม่มีวันอิ่มพอ กินจนตายขายจนหมดตัว ทั้งขายกินอย่างไม่อาย และขายกินไปตลอดชาติและประกาศโฆษณาขายยิ่งกว่าพ่อค้าเสียอีก ไปที่ไหนประกาศขายที่นั่น ปากไม่อยู่เป็นสุขเพราะหนอนคือความทะยานอยากเข้าบ่อนไช จนประชาชนพระเณรที่รักศีลธรรมรักข้อปฏิบัติเบื่อเอือมระอาไปตาม ๆ กัน ไม่อยากเข้าหน้าคบค้าสมาคมแม้เป็นลูกศิษย์อาจารย์เดียวกันแล้ว ยังมีใครอีกบ้างที่อยู่กับผมเวลานี้ ซึ่งกำลังเรียนวิชาหมาแทะกระดูก และปฏิบัติแบบหมาคอยกัดแทะกระดูกทั้งเวลาเป็นอยู่และเวลาตายไปของผม

ท่านพูดย้ำแล้วย้ำเล่าจนผู้ฟังตัวชาไปตาม ๆ กัน แม้เช่นนั้นก็ยังไม่ยุติเอาง่าย ๆ ยังมีเหน็บๆ แนมๆ เฉียดหน้าเฉียดหลังเฉียดใกล้เฉียดไกลอยู่นั่นเอง จนผู้นั่งฟังตั้งตัวไม่ติด กระวนกระวายอยู่ภายใน ทั้งร้อนทั้งหนาว ทั้งจะปวดหนักปวดเบา ทั้งอยากมุดลงพื้นดิน ทั้งจะเป็นลมสลบไปในขณะนั้น เพราะความกลัวและความอับอายชนิดไม่มีที่ปลงวาง ราวกับตัวเองก็เป็นหมาตัวกัดแทะเก่ง ๆ ตัวหนึ่ง แม้ไม่ได้เป็นดังท่านว่า จากนั้นท่านก็บรรยายเรื่องพระที่มีจิตใจต่ำทรามหมดรัศมีแห่งธรรมภายในใจ หมดความหวังในธรรม หมดความพากเพียรทางใจ หมดความสนใจฝักใฝ่ในธรรม เปลี่ยนความรู้ความเห็นจากภายในออกสู่ภายนอก เพราะจิตใจกลับกลายคลายจากธรรมไปสู่โลกโดยสิ้นเชิงแล้ว อาศัยโลกามิสเป็นอารมณ์ และเรือนอยู่ของใจเป็นเครื่องประดับเกียรติ

พูดประจบประแจงหว่านล้อมด้วยอุบายต่าง ๆ ให้ประชาชนที่มีนิสัยเชื่อพระมาแต่บรรพบุรุษหลงเชื่อตาม และกวาดต้อนมาเป็นบริษัทบริวารเพื่อประดับเกียรติว่า ตัวมีโวหารปฏิภาณดี ฉลาดแหลมคม มีอำนาจวาสนามาก มีผู้คนเคารพนับถือมาก มีลูกศิษย์บริษัทบริวารมาก นับวันลืมตัวและพองตัวมั่วสุมจนหมดความสำนึกโดยสิ้นเชิง วันคืนกาลเวลาผ่านไปด้วยเขย่าก่อกวนต่างๆ ไม่มีประมาณ โดยการชักชวนผู้นั้นให้ผลิตสิ่งนั้น ชักชวนผู้นี้ให้สร้างสิ่งนี้ ว่าดีมีอานิสงส์มาก ทั้งที่ตนกำลังเตรียมโดดลงนรกหลุมก่อกวนวุ่นวายอยู่ทุกขณะอยู่แล้ว ไม่อาจดำรงตัวให้อยู่ด้วยความสงบสุขได้แม้ชั่วขณะหนึ่ง เพราะหัวใจแตก ดีแตก และเพราะหัวใจที่เต็มไปด้วยความพอกพูนส่งเสริมกิเลสประเภทโลกามิสตลอดเวลานาทีพาให้รบเร้าก่อกวน พาให้ออกเที่ยวชักชวนก่อกวนประชาชนพุทธบริษัทด้วยวิธีการต่าง ๆ มีเรี่ยไรบ้าง พาผลิตพาสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชนิดขลัง ๆ ราคาแพง ๆ บ้าง ร้อยแปดจนเราตามไม่ทัน

อุบายของพระจำพวกนี้นับว่าพิสดารเกินคาด แต่ทางแห่งความสงบสุขทางใจทั้งตนและผู้อื่นนั้นไม่ยอมสนใจ แม้มาอยู่กับครูบาอาจารย์ก็มาอยู่พอเป็นปากเป็นทาง พอเป็นพิธีว่าตนมาศึกษากับครูอาจารย์องค์สำคัญ เวลาออกไปจะได้ประกาศตนอย่างเต็มยศของนักปฏิบัติประเภทจอมโฆษณาอวดตัวว่าเก่งพอตัวแล้ว จนออกรัศมีสีแสงแพรวพราว เพราะไปอยู่เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดผู้โปรดท่านอาจารย์องค์สำคัญ เพิ่งออกมาจากสำนักท่านอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ยังไม่ได้ทดลองฝีมือความเก่งกล้าสามารถของตนบ้างเลย เพิ่งฟิตตัวมาใหม่ๆ กำลังคันฟัน ใครอยากให้ทดลองฝีมือ รีบเข้ามารับการอบรม ให้สมศักดิ์ศรีของวิชาที่เพิ่งได้รับประสิทธิ์ประสาทมาใหม่ๆ จะได้มรรคได้ผลรวดเร็วสมความปรารถนาที่กระหายมานาน ไม่แกล้งอวดตัวว่าเก่ง แต่วิชาเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ดังนี้ คนเราที่เป็นลูกชาวพุทธเลือดเนื้อชาวพุทธอยู่แล้ว ไม่เชื่อพระก็จะไปเชื่อใครที่พอจะลงใจได้ ก็จำต้องเชื่อพระ แต่ไปเจอเอาพระประเภทกัดแทะกระดูกเนื้อหนังครูอาจารย์และประชาชนเข้า ก็พลอยล่มจมไปด้วยที่น่าสงสาร

นี่แลผมวิตกเหลือเกินว่า เรื่องมันจะเป็นไปทำนองนี้แน่นอน เพราะความต่ำทรามแห่งจิตใจของพระปฏิบัติประเภทกาฝาก ที่คอยทำลายวงคณะและจิตใจพุทธบริษัทให้ยิ้มล่มจมไปด้วยไม่มีประมาณ เพียงท่านอาจารย์เสาร์ท่านมรณภาพผ่านไปไม่กี่ปีเลย คณะลูกศิษย์ของท่านเอง ก็เป็นตัวบุ้งตัวหนอนพากันทำลายเสียเองด้วยวิธีการต่างๆ ผมจึงเชื่อไม่ได้ว่าคณะลูกศิษย์ประเภทกาฝากที่มาอาศัยผมมาเป็นยุคๆ คราวๆ จะทำอย่างนั้นหรือยิ่งกว่านั้นไม่ได้ ส่วนพระประเภทศิษย์มีครูก็จะอยู่ลำบาก และพลอยเสียไปด้วยตามโลกวัชชะ คือโลกติเตียนนินทา เพราะความเกี่ยวเนื่องกัน การกระทำด้วยความต่ำทรามทางจิตใจเช่นนี้ จะไม่มีวันรู้สึกสำนึกตัวได้เลยตลอดวันตาย จึงน่าวิตกกับท่านผู้ปฏิบัติดีซึ่งมีอยู่จำนวนมาก จะพลอยได้รับความกระทบกระเทือนไปด้วยพระจำพวกประพฤติตัวเป็นมูตรเป็นคูถ เที่ยวฉาบทาให้เปรอะเปื้อนและส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปตามๆ กัน

ผมเคยพูดเสมอด้วยความวิตกเป็นห่วงวงคณะ ที่ทำให้วิตกมากก็จำพวกคอยทำลายตัวเองและหมู่คณะให้เสื่อมเสียไปด้วยนั่นแล เพราะพวกนี้ไม่ใช่ผู้จะคอยรับฟังเหตุผลดีชั่วของครูอาจารย์หรือของใคร ด้วยความสนใจใฝ่ธรรมนักเลย แม้ขณะอยู่กับครูอาจารย์ ก็ยังมีการแสดงลวดลายแห่งนิสัยของผู้จะก้าวไปเพื่อความต่ำทรามให้เห็นอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เวลาออกไปจากครูอาจารย์แล้วจะแสดงลวดลายให้เต็มฝีไม้ลายมือเพียงไรนั้นผมไม่สงสัย อย่าเข้าใจว่าผมจะไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องหยาบ ๆ ที่ไม่จำต้องทำความพยายามสังเกตถึงจะทราบได้ แม้ไม่พยายามก็พอทราบได้ และทราบอยู่ทุกอาการเคลื่อนไหวทั้งภายในภายนอกนั่นแล เป็นแต่ไม่พูดเท่านั้น ขณะที่อยู่กับครูอาจารย์หรือเวลาครูอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ ก็พยายามซ่อนเล็บเก็บเขี้ยวไว้บ้างพอเป็นกิริยาให้โลกงามตา ไม่ผาดโผนโยนตัวจนเกินไป แต่เวลาครูอาจารย์ตายจากไปแล้วนั่นแล เป็นโอกาสที่พระจำพวกกาฝากนี้ จะแสดงลวดลายของตัวในแง่ต่าง ๆ อย่างเต็มฝีมือ เพราะไม่มีที่เกรงขามพอให้เกิดความกระดากอายบ้าง

คนเราเมื่อหมดความสนใจในธรรมเสียอย่างเดียว ย่อมทำความชั่วได้ทุกอย่างโดยไม่มีความกระดากอายอะไรทั้งสิ้น จำพวกนี้แลที่จะทำความเสียแก่วงคณะและพระศาสนาได้มาก โดยอาศัยผ้ากาสาวพัสตร์เครื่องบริขารของพระธุดงคกรรมฐานเป็นเครื่องมือหากินและทำลายไปในตัว ผมกลัวนักกลัวหนา เพราะเป็นประเภทที่ชินชาและต้านทานยาคือธรรมเก่ง ไม่มีจำพวกไหนเก่งเท่าบรรดานักบวชที่หมดหิริโอตตัปปธรรมภายในใจ ผมไม่ชมพระที่ทำตัวไม่น่าชมเชย ไม่ตำหนิพระที่ไม่ควรตำหนิ และผมชมเชยพระที่ปฏิบัติดีเป็นที่น่ายกย่องชมเชย ตำหนิพระที่น่าตำหนิ เพราะพระที่มาปฏิญาณตนว่าเป็นลูกศิษย์ของผมทั้งเก่าและใหม่ มีทั้งประเภทชั่วที่น่าตำหนิ และประเภทดีที่น่าชมเชย สับปนกันมาตามยุคตามสมัยเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ผู้ชั่วก็มี ผู้ดีก็มาก

ท่านที่ยังมีความหวังในธรรมเป็นสมบัติอันพึงได้รับอยู่ ก็ขอนิมนต์คิดให้ถึงใจบรรดาธรรมที่แสดงเหล่านี้ ผู้ที่จะสร้างความหมดหวังแก่ตนต่อไปไม่ยอมเห็นโทษก็ไม่ควรอยู่ให้หนักพระศาสนาและครูอาจารย์ตลอดวงคณะ จงไปสร้างเสียคนเดียวให้เป็นที่น่าพอใจ ตายแล้วจะไม่ได้สร้าง และเสวยผลแห่งกรรมที่ตนรักชอบยิ่งนักนั้นแต่ผู้เดียว ไม่มีใครไปแย่งชิงกวนใจ คงจะสนุกอยู่คนเดียว เพราะวิบากประเภทนี้โลกผู้ดีขยะแขยงและหวาดกลัวกันมาก ไม่มีใครหาญไปแย่งชิงแน่นอน การอบรมสั่งสอนแต่ต้นถึงปัจจุบันจนผมแก่ขนาดนี้ซึ่งไม่นานก็จะตาย นับว่าสอนอย่างหมดไส้หมดพุง ทั้งภายนอกภายในไม่มีอะไรเหลือหลออยู่พอเป็นเชื้อผสมยาได้อีกแล้ว ใครยังเห็นว่าไม่สมใจก็ควรผลิตขึ้นเอง แต่ระวังอย่าให้กลายเป็นยาพิษเผาผลาญตนและวงคณะดังที่เห็น ๆ และได้ยินอยู่เวลานี้ก็แล้วกัน ผมอนุโมทนาด้วย

พอท่านแสดงธรรมประเภทอสนีบาต (ฟ้าผ่า) จบลง พระที่นั่งฟังอยู่ด้วยกันหลายองค์เวลานั้น ไม่มีองค์ใดกล้ากระดุกกระดิกกายบ้างเลย คงนั่งตัวแข็งเงียบไปตามๆ กัน พอเห็นอาการของพระกลัวมากและน่าสงสาร ท่านจึงเริ่มธรรมประเภทปลอบโยนขึ้นใหม่อย่างแผ่วเบา ราวกับไม่ใช่องค์เดียวกันเป็นผู้แสดงว่า ที่พูดเช่นนั้นก็เพื่อบำราบปราบปรามโรคชนิดร้ายแรงเอาไว้ มิฉะนั้นก็จะลุกลามเข้ามาในวงคณะให้กลายเป็นโรคระบาดสาดกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง คนดีก็จะอยู่ไม่ได้ กลายเป็นไฟเผาโลกไปตาม ๆ กัน ท่านที่มุ่งมาด้วยความสนใจใคร่ธรรมก็น่าเห็นใจ แต่การแสดงธรรมต่อโลกสมมุตินั้นมิได้มีห้องเก็บเสียงและแบ่งสัดแบ่งส่วนเฉพาะบุคคลนั้น ๆ จะควรรับฟังหรือไม่ควร เมื่อแสดงออกแล้วจำต้องได้ยินทั่วกัน โดยไม่นิยมว่าใครผิดใครถูกใครดีใครชั่วประการใด

แต่ข้อพิสูจน์ตัวเองในขณะฟังก็มีอยู่ว่า ตนมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนหรือยังคงที่ดีงามอยู่ประการใดบ้าง ย่อมเป็นเครื่องวัดความผิดถูกไปในตัว ธรรมที่ได้ยินได้ฟังก็เป็นแสงสว่างช่วยให้มองเห็นทางผิดทางถูกในการปฏิบัติ ทั้งปัจจุบันและอนาคตได้เป็นอย่างดี สมกับความตั้งใจมาอบรมศึกษาหาความรู้ความฉลาดใส่ตน เพราะผู้สนใจในธรรมอย่างแท้จริงยังมีอยู่มาก แต่ยังไม่เข้าใจวิธีปฏิบัติก็ยังมี ถ้าไม่ได้ยินได้ฟังเพื่อเป็นแนวไว้บ้าง เห็นใครทำผิดพลาดประการใดก็ทำตาม โดยขาดความคิดอ่านไตร่ตรองก็อาจมี ซึ่งเป็นทางเสียหายได้โดยไม่ตั้งใจว่าจะทำผิด ยิ่งไปเจอเอาจำพวกปลาฉลามใหญ่ดังที่กล่าวมาด้วยแล้ว ก็จะถูกกลืนเอาอย่างง่ายๆ และน่าเสียดาย เนื่องจากมีการศึกษาน้อยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลังจากนั้นท่านก็พูดคุยธรรมดาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พระทั้งหลายจึงพอมีลมหายใจคืนมาบ้าง"

ที่มา:ปฏิปทาของพระธุดงคกรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะ โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่