[CR] Trip ตัวแตก ณ ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น กินให้ตัวแตกไปเลย 55

Trip ตัวแตก ณ ฮอกไกโด ........  ความสุขคือการกิน  อย่าได้กลัว อิอิ




มาแล้วคะ  ครั้งนี้มิ้นท์จะพาไปเที่ยวและก็ตัวแตกตู๊ม...ที่เมือง ซัปโปโร  ซึ่งเป็นเมืองหลวงของ ฮอกไกโด และเมืองโอตารุ ประเทศญี่ปุ่น  ถ้าเขียนผิดพลาดตรงไหน  ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าเลยแล้วกันนะคะ  อิอิ

ครั้งนี้เดินทางกะพี่สาวคนเดิมคะ  แต่ที่เพิ่มเติมคือน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 55

จริงๆแล้วทริปนี้จบไปได้สักพักแล้วคะ  จริงๆแล้วอยากจะมาเขียนตั้งแต่ช่วงกลับมาถึงไทยใหม่ๆ  แต่ตั้งใจว่าอยากตัดต่อคลิป Trip ตัวแตก ณ ฮอกไกโด ให้เสร็จก่อน  แต่ความเครียดในการตัดคลิปที่ไม่ได้หลับไม่ได้นอนไป 3  วัน  ทำเอาหมดกำลังใจจริงจัง ไม่ใช่ว่าตัด 3 วันนั้นจะเสร็จนะคะ  คือ ไม่ค่อยจะเข้าใจเครื่อง mac เท่าไร  ทะเลาะกับมันมา 3  วัน  สรุปก็ทำไม่ได้ ขึ้นแต่ว่า เครื่องเต็มตลอด  ทำไรไม่ได้เลย ชีวิตเครียด แต่ตอนนี้หายละคะ  555 ไปให้ที่  istudio ดูให้ตั้งแต่แรก  คงตัดคลิปเสร็จไปนานแล้ว ไม่ต้องมาอดหลับอดนอนและความเครียดขึ้นสมองด้วย  อีกอย่างช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง  เพราะกำลังทำร้าน ice cream และ dessert ด้วย (ขายของแปป  ชื่อร้าน MINT MINT คะ อยู่ที่ อเวนิวแจ้งวัฒนะ ชั้น 2 ต้นสิงหานี้จะเปิดแล้วคะ  อิอิ )  

การเขียนครั้งนี้   อยากจะช่วยให้ทุกคนหิวมากขึ้น  ไม่ใช่ๆๆ  คือไม่รู้ว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์มากน้อยแค่ไหนนะคะ  แต่ก็อยากมาแชร์ประสบการณ์ให้ทุกคนที่ชอบกิน เที่ยว ถ่ายรูป ได้ฟังกัน  แล้วกันเนอะ.......... ก่อนเข้าเรื่องขอฝากคลิปที่ตั้งใจทำนี้ด้วยน้าคะ  มี 3 คลิปคะ  ถ่ายเอง  ตัดเอง  อาจจะไม่ดีพร้อม แต่ก็ตั้งใจทำจริงๆน้า  ถ้าชอบก็ฝาก Subcribe    ช่องยูทูปมิ้นท์ด้วยน้าคะ  เพื่อเป็นกำลังใจในการกินต่อไป 55

Camara ::  Fuji XA-2 + 23mm f1.4   และ  Olympus PenF + 8mm f1.8 Fisheye

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

มาเข้าเรื่องของเราดีกว่า  ทริปนี้เราไป  วันที่ 17 - 23 พ.ค 59    เหตุผลที่เลือกไปเมืองนี้ เพราะเราหนี้แผ่นดินไหวคะ  เลยเลือกมาทางเหนือของญี่ปุ่น   ทริปนี้พี่สาวเป็นคนที่หาข้อมูลการเที่ยวให้  ต้องขอขอบคุณมากมายเลยคะ ส่วนน้องสาวรอไปกินอย่างเดียว  ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในการเที่ยวญี่ปุ่นแบบไม่มีทัวร์ ไม่มีคนเก่งภาษาญี่ปุ่น ไม่มีคนเก่งภาษาอังกฤษ  เลยแม้แต่คนเดียว  เพราะมี 2 คน สมองไปทางวิทย์ทั้ง2  จบข่าวคะเรื่องภาษา  แต่ก็ไม่ยาก  รอดมาแล้วคะ  ครั้งนี้เราจองตั๋วของการบินไทย ไปกลับคนละ  23,330 บ เป็นราคาโปรโมรชั่นนะคะ  วันอื่นแพงกว่านี้เราเลยเลือกเป็นวันที่ถูกที่สุดคะ อิอิ   อยากสบาย  แต่ก็อยากประหยัด  เราออกเดินทาง 23.45 น ถึงที่สนามบิน นิวซิโตเสะ ซัปโปโร ประเทศ ญี่ปุ่น  ตอน 8.30 น เวลาที่ญี่ปุ่นจะเร็วกว่าไปประมาณ 6 ชั่วโมงคะ  ส่วนที่พัก  เราจองผ่าน www.agoda.com ตอนนั้นตามจริงจะจองอีกเวป  ซึ่งอีกเวปจะต้องไปจ่ายเงินที่นู้น  ซึ่งเราไม่รู้ว่าค่าเงินจะขึ้นอีกไหม  แถมต้องเอาเงินไปเยอะก็อันตรายอีก  จะรูดก็เดี๋ยวโดนชาตเลทธนาคาร  ไม่ดีๆคะ  สุดท้ายเลยจอง agoda เพราะจ่ายเงินได้เลย  ส่วนเรื่องเน็ต  สำคัญอย่างมากนะคะ  เผื่อหลงทาง  เผื่อหนีตามหนุ่มญี่ปุ่น  จะได้บอกทางบ้านได้  แนะนำว่าให้ติดต่อเช่าก่อนล่วงหน้าคะ  เพราะถ้าใกล้วันจะหาเครื่อง pocket wifi ลำบาก เครื่องอาจจะหมดแล้วจะอดโซเซียวนะคะ  ที่เราใช้คือของ www.easypocketwifi.com   เราเลือกแพคเกจ แบบ LTH Hi-Speed Unlimited  รับเครื่องที่สุวรรณภูมิ  ตอนคืนก็นัดคืนที่สุวรรณภูมิเลยคะ  เราเช่า 6 วัน  ค่าบริการอยู่ที่ 1940 บ  และค่าประกันเครื่องอีก 200  ซึ่งส่วนนี้ไม่ได้คืนนะคะ  บอกเลยว่าครั้งนี้ใช้เน็ตฟินมาก  ความเร็วเร็วปรี๊ด ไม่มีลดคะ  แฮปปี้มาก  แต่บางเจ้าอาจมีโปรถูกในช่วงที่เราไป  ยังไงก็เชคหลายๆเจ้าอีกทีก็ได้นะคะ  









การเดินทางก็เรียบร้อยดีคะถึงที่หมายอย่างปลอดภัย แต่ความสบายมีแค่บนเครื่อง  พอลงเครื่องความลำบากก็มา   ไม่ใช่ตอนเข้าประเทศนะคะ  เรื่องเข้าประเทศไม่ยากอย่างที่คิดคะ  มายากก็ตอนแบกกระเป๋าเข้าเมืองไปที่พักเนี่ยแหละคะ  แนะนำนะคะ  อย่าหอบมาเยอะมากคะ  เพราะจะลำบากตัวเอง

รูปตอนที่ยังไม่เจอชะตากรรม  ยิ้มได้อย่างเต็มที่






การเดินทางเข้าเมือง  เราเดินทางโดยรถไฟ JR จากสนามบิน นิวซิโตเสะ  ไปยังสถานี ซัปโปโร  เราเลือกหยอดตู้ซื้อบัตรเอาคะ  เพราะง่าย  ให้ไปคุยกับเจ้าหน้าที่เพื่อซื้อบัตรแบบที่คนอื่นทำ คงลำบาก เพราะเราไม่ค่อยได้ภาษา ชีวิตรันทด  55   ดีนะตู้มีภาษาอังกฤษ  จิ้มๆๆเอาก็ได้คะ  เพียงแค่เราต้องรู้ชื่อสถานีที่เราจะไป  ส่วนราคา  เที่ยวละ 1070 เยนคะต่อคนนะคะ ระหว่างนั่งรถไฟ JR ก็ได้ดูบรรยากาศของเมืองคะ สวยดี  ชิลๆชอบบ้านเมือง แต่ลืมถ่ายรูปมาฝาก  แหะๆ









มาถึงที่มิ้นท์บอกไว้ว่าความลำบากของการเดินทาง   มันคือการเดินแบกกระเป๋าขึ้นลงบันไดที่สถานีรถไฟ  เพราะถ้ายิ่งเปลี่ยนสายเยอะแค่ไหน   ยิ่งลำบากคะ  เพราะบางทีไม่มีบันไดเลื่อนให้เรา  แบบเราจะลง มันกลับบันไดเลื่อนขึ้น  เราจะขึ้นมันมีลง   แบกยกไปซิคะ  ผอมคะ  ในรูปนี้ตอนแบกขึ้นคือ หยุดพักไป 3 รอบ เหนื่อยมาก  คนที่เดินผ่านก็มอง  แล้วก็เดินจากไป  แต่มีผู้ชายญี่ปุ่นคนนึงคะ  มอง  แล้วมองอีก  แต่สุดท้ายเดินไปเฉยเลย  เสียใจมาก  555



ส่วนการที่เราจะไปโรงแรมที่เราจองไว้  เราต้องไปต่อรถไฟใต้ดินสายนัมโบคุ  อีกหนึ่งสถานี  ไปลงที่ สถานี Odori  จากที่เราหาข้อมูลมา  เราต้องออกประตู 5  ก่อนที่จะขึ้นบันได จะมีที่แจกเอกสาร แผนที่ ฟรีคะ  ซึ่งมีภาษาไทยด้วย แฮปปี้เลย  





แต่แล้วเมื่อเรามองไปเห็นบันได้  คือแบบ  ที่ผ่านมาก็แบกขึ้นลงเยอะแล้ว  อันนี้หนักว่า สูงเชียว  ร้องไห้แปป  แต่ที่ร้องไห้กว่าคือ  เพื่อส่งข้อความในเฟสมาบอกว่า  มิ้นท์จริงๆแล้วมันมีลิฟท์นะ  ฮะ!!!  แล้วทำไมไม่เห็น   อาจจะเป็นเพราะกลัวหลง ดูป้ายเดินตามป้ายอย่างเดียว  แต่ตอนกลับหาลิฟท์นะแต่ก็หาไม่ค่อยจะเจอสุดท้ายก็แบบกระเป๋าที่หนักเกือบ 25 โล  ขึ้นลงบันไดเหมือนเดิม แถมขากลับดันทำบัตรหาย  ร้องไห้หนักมาก ต้องเสียเงินใหม่  ตอนจะออกจากสถานี แพงด้วยตั้ง 1070 เยน  มัวแต่แบกกระเป๋าจนขาช้ำ  หายเลย เสียตังเลย  เซ็ง




และแล้วเราก็ถึงยอด  55 มาเจอบรรยากาศที่สดชื่นของสวนสาธารณะ odori    ขั้นตอนต่อมาคือดูแผนที่ไปโรงแรม  google map ช่วยท่านได้  แต่อาจงงเล็กน้อย โรงแรมเรามีหลายที่  เราพักกันที่ Nest Hotel Sapporo Odori  ซึ่งถือว่าแฮปปี้เลยคะ  เพราะอยู่ใจกลางของทุกอย่าง  ใกล้ที่เที่ยว  ที่กิน  ใกล้สถานีรถไฟ  แถมห้องพักโอเคมาก  ราคาห้องพัก 5 คืน  อยู่ที่ 16,305 ตอนเราจองเป็นช่วงเวลาที่เวปลดราคาพิเศษให้ 17 %  โรงแรมสามารถเชคอินได้ตอน บ่าย3 คะ  แต่เราสามารถฝากกระเป๋าแล้วออกไปลั่นล่าแบบตัวเหม็นๆกันก่อนได้คะ  อิอิ

ในส่วนของรีวิวโรงแรมที่มิ้นท์พัก  มิ้นท์ขอรีวิวแยกแล้วกันนะคะ  ตามลิงค์นี้เลยคะ
http://ppantip.com/topic/35274280


ต่อไปขอลุยเรื่องกินเที่ยวเลยแล้วกันน้าคะ  อิอิ  วันที่ 1- 4 เราอยู่กันที่ ซัปโปโร คะ ทุกร้านทุกที่ที่เราไปคือ สามารถเดินได้คะ ไม่ต้องขึ้นรถไฟ เลยคะ เพราะไม่ไกลจากกันมากเท่าไรคะ

ร้านแรก Nijamen  เป็นร้านราเมงที่ตั้งอยู่ข้างๆสวนสาธารณะโอโดริคะ  
รสชาติโอเคคะ  ส่วนตัวมิ้นท์ไม่ค่อยเป็นสายราเมง 55 สายขนมหวานมากกว่า  ตัวน้ำชุปจะออกมันๆเค็มๆ  เส้นเหนียวนุ่ม และเยอะมาก  ส่วนตัวหมูก็อร่อยคะ  โดยรวมแล้วอร่อยเลยคะ  ที่สำคัญอิ่มท้องชัวร์   ถ้าให้คะแนนให้  6/10  เพราะยังไม่ถึงขั้นฟินมาก















ร้านต่อมาเป็นร้านขนม NOYMOND ที่อยู่ที่ตึก  Le trois ชั้น F8 ตึกนี้อยู่ ข้างๆ Sapporo Tv Tower

สไตล์การตกแต่งร้าน

ขนมร้านนี้อร่อยมากคะ  จะออกแนวสุขภาพนิดๆมั้งนะ  อิอิ เซอร์ไพร์สุดน่าจะเป็นไอติม ที่เราสั่งมาคะ  เป็นไอติมแนวธัญญพืช  เป็นม๊อคค่า  ที่ผสมธัญญาพืช  และมีช็อกโกแลตชิพ  เนื้อสัมผัสจะไม่เนียนนุ่มเหมือนไอติมทั่วไปคะ  แต่ถ้าใครที่ชอบพวกธัญญพืช รับรองว่ารักแน่นอนคะ  
ส่วนเมนูนี้   RED BERRY  บอกเลยคะว่าฟิน  ไม่หวานเกินไป  ไม่เลี่ยนไป   สรุปหมดคะ  555  อร่อย  ฟิน
ร้านนี้ให้   8/10  แล้วกันคะ   คะแนน 10 จากหมูมิ้นท์อาจจะยากนิดนึง 555





















มาถึงมื้อค่ำ เราขี้เกียจไปหาอะไรกินข้างนอก  เพราะ วันนี้เหนื่อยมากมาย  เลยตัดสินใจเดินไปหาซื้อของกินที่ 7-11 ใกล้ๆโรงแรม  จัดมาซะเต็มที่เลย 55 บางส่วนก็ลืมถ่ายรูปมา  เพราะมัวแต่ถ่ายคลิป  เอาเป็นว่า  เอาเท่าที่มีรูปแล้วกันนะคะ




ยากิโซบะ  อันนี้อร่อยมาก เข้มข้น  แถมมีซอสมายองเนสให้ใส่ด้วย  ฟิน




ส่วนอันนี้จืดกว่า  แนะนำสีดำอร่อยกว่าคะ



ส่วนไอติมทีระมิสุ  อันนี้หวานมาก แต่กินไปเรื่อยก็อร่อยดีคะ



ขนมอันนี้อร่อยคะ แนะนำๆๆ  ช็อกโกแลตที่เคลือบคล้ายตัวป๊อกกี้สตอเบอรี่บ้านเราคะ



อันนี้ก็เป็นแนวธัญญพืช ไส้บลูเบอรี่  สุขภาพนิดๆ  อิอิ  จืดหน่อย แต่ส่วนตัวชอบนะ



ส่วนอันนี้ไม่แนะนำคะ กลิ่นแรง  เหนี่ยว  หวาน  ส่วนตัวไม่ชอบอะคะ



จบคืนแรก เย้ๆๆ   เดี๋ยวมาต่อ วันที่ 2 นะคะ
ชื่อสินค้า:   อาหารญี่ปุ่น เบเกอร์รี่
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่