สวัสดีค่ะ นี้เป็นกระทู้แรกที่ตั้งเกี่ยวกับการใช้บริการในห้างสรรพสินค้าในจังหวัดของเราเอง
นั่นคือ บิ๊กซี (Big C) จังหวัดเพชรบุรีค่ะ
ห้างบิ๊กซีเราไปบ่อยมากเพราะเป็นห้างใหญ่ที่สุด และเปิดมานานมากสำหรับเมืองเพชร
เหตุการณ์เกิดขึ้น 2 ครั้ง ค่ะ และเกิดขึ้นกับลูกชายของเราทั้ง 2 ครั้งเช่นกัน
ครั้งที่ 1 เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนเมษา เรากับครอบครัวทั้งหมด 5 คน ไปห้างบิ๊กซี เพื่อเลือกดูเปรียบเทียบราคาเครื่องปรับอากาศ
ฉันเลือกเดินไปซื้อขนมให้ลูกชายและไปชำระเงินทันที ก่อนที่จะไปแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า
เพื่อจะให้ลูกทานรองท้องไปก่อน เพราะยังไม่ได้ทานข้าวมา
ขนมที่ซื้อมามีขนมปังไส้กรอกราคา 49 บาท กับ ขนมคุ้กกี้ 10 บาท รวมเป็น 59 บาท
แต่ลูกชายยังไม่ได้ทาน และเดินไปที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าทันทีเพื่อทำธุระให้เสร็จ
ช่วงที่กำลังปรึกษาเรื่องบัตรเครดิตในการผ่อนชำระสินค้าในแผนกนั้น ฉันได้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำคนเดียว
แต่พอกลับมาที่เดิมปรากฏว่าทุกคนหายไปจากตรงจุดนั้น ฉันก็เดินตามหาก็ไม่พบ นึกว่าไปรอที่รถแล้วจึงเดินลงห้างไป
สักพักสามีโทรมาตามว่าอยู่ไหน? ฉันบอกว่ามารอที่รถเพราะไปที่เดิมไม่เจอ นึกว่าเสร็จแล้ว
สามีฉันเสียงดูหงุดหงิดๆ และบอกว่าให้รีบขึ้นมาตรงจุดหน้าทางเข้าแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าทันทีพร้อมนำใบเสร็จขนมมาด้วย
ฉันก็รีบขึ้นไปหาและได้เจอพนักงานบิ๊กซีเป็นผู้หญิงเสื้อสีม่วง ได้กักตัวสามีและลูกชายดิฉันไว้
และยังมีลูกค้าอีกคนที่โดนกักตัวไว้เช่นกัน ฉัน งง และถามว่ามีอะไรกัน สามีฉันบอกว่าให้เอาใบเสร็จให้เค้าดู
ฉันก็ให้เค้าดูแล้วเดินออกมาจากจุดนั้น และถามสามีว่าเกิดอะไรขึ้น
สามีเล่าว่า จะต้องลงไปทำธุระเกี่ยวกับจุดทำบัตรเครดิตข้างล่างต่อ
จึงลงไปกับญาติคนอื่นๆก่อน แล้วจึงขึ้นมากับลูกชาย มาตามหาฉันที่จุดเดิม
และพอเดินออกมา มีพนักงานเสื้อม่วงคนนั้นเรียกตัวไปขอดูใบเสร็จขนมในมือลูกชาย
สามีได้บอกไปว่า อยู่ที่แม่ของเด็กและหากันไม่เจอ ไม่ได้เป็นคนชำระเงิน
พนักงานจึงถามประมาณว่าเด็กจำหน้าแคชเชียร์ หรือ ช่องชำระเงินได้ไหม สามีบอกว่าเด็กจำไม่ได้
พนักงานจึงบอกว่าให้ตามตัวฉันมา ตอนแรกสามีลืม นึกว่ามือถือเงินหมดจึงตอบไปว่า โทรติดต่อไม่ได้
พนักงานตอบกลับมาว่า งั้นเอาชื่อมาจะประกาศให้
(ฉันไม่ได้ยินเสียงประกาศเพราะอยู่นอกห้าง บริเวณลานจอดรถ)
พนักงานก็เร่งประกาศๆ 3-4 รอบ จนสามีรำคาญ ลองโทรออกดู ปรากฏว่าโทรได้ จึงติดต่อฉันได้
สามีเล่าต่อว่า พนักงานเร่งหนักมาก ถามตลอดว่าฉันอยู่ไหนแล้ว มาหรือยัง เมื่อไหร่จะถึง อะไรประมาณนี้
ระหว่างรอ ก็มีการพูดคุยถกเถียงกัน ทำนองว่าสามี เสนอให้ติดป้ายประกาศบอกลูกค้าเกี่ยวกับ
การห้ามนำสินค้าที่ซื้อแล้วเข้ามาในจุดขายอีก ให้นำไปฝากที่จุดบริการก่อนเข้าไปเลือกสินค้า
หรือเข้าไปทำธุระอีก พนักงานบอกกลับมาว่าเราพยายามบอกลูกค้าทุกคนที่ถือของเดินเข้าไป พยายามบอกทุกคน!!!!
(ซึ่งสามีเดินเข้าออก1-2 รอบก่อนหน้านี้เพื่อตามหาฉันแต่พนักงานคนนี้คงไม่ได้มอง สามีฉันก็ไม่ได้มอง)
สามีฉันบอกกับพนักงานต่อว่า ที่ขึ้นป้ายจะได้ง่ายขึ้นและลูกค้าจะได้ไม่เสียเวลากับเหตุการณ์ที่ต้องรอญาติที่ถือใบเสร็จแบบกรณีนี้
เพราะสามีฉันไม่ทราบว่าห้างนี้มีกฎอะไรแบบนี้ ฉันเองก็ไม่ทราบ ไม่เคยโดนแบบนี้
และไม่ได้คิดถึงจุดนี้ด้วย คิดแต่ว่าลูกหิว หาของให้ลูกกินแก้หิวก่อนเท่านั้น และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ลูกฉันไม่ได้กินขนมสักที TT
สามีเล่าต่อว่า พนักงานก็เถียงว่า ไม่เกี่ยวค่ะๆๆ ไม่เกี่ยว เกี่ยวที่ใบเสร็จ ต้องการใบเสร็จ จะดูใบเสร็จอย่างเดียว
สามีฉันจึงบอกไปว่าไปจ่ายเงินใหม่ก็ได้นะ จะได้รีบไปเพราะเสียเวลา
พนักงานตอบกลับมาว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับสินค้าค่ะ ขึ้นอยู่ที่ใบเสร็จ ประมาณนี้
และไม่ยอมลดราวาศอกง่ายๆ สามีฉันพูดอะไรไป เถียงกลับทุกคำ และยังใช้น้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร สามีฉันก็เริ่มโมโห
ปกติสามีฉันเป็นคนไม่ค่อยเอาเรื่องใครถ้าไม่ถึงจุดเดือดจริงๆ แต่เหตุการณ์นี้ ทำสามีฉันกลายร่างไปเลยทีเดียว
ฉันจึงรู้ว่าพนักงานทำกริยาไม่สุภาพจริงๆ
****สาเหตุไม่ได้อยู่ที่พนักงานกักตัวไว้หรือขอดูใบเสร็จหรอกค่ะเราเข้าใจว่าเค้าคงทำตามหน้าที่
แต่ที่ไม่พอใจคือการพูดคุยและการใช้สำเนียง สีหน้า ท่าทาง
เหมือนดูถูกและไม่ให้เกียรติลูกค้า หลังจากดูใบเสร็จก็ไม่มีการขอโทษที่ทำให้เสียเวลาแต่อย่างใด ทำหน้าลอยๆ
แล้วเดินออกไป ตอนนั้นฉัน กำลัง งง แต่พอสามีฉันมาเล่าทีหลังฉันจึงเริ่มหงุดหงิด 5555
ครั้งที่ 2 สดๆร้อนเลยค่ะ ฉันกับพี่สาว ลูกสาวของพี่สาว สามี และลูกชายฉัน มาทานอาหารชั้นล่างที่ ห้างบิ๊กซี
ต่อจากนั้นได้เดินไปซื้อของด้านล่างหน้าห้าง (เปิดท้ายขายของทุกวันเสาร์-อาทิตย์) และจึงขึ้นไปบนห้าง
นำของทั้งหมดที่ซื้อไปฝากไว้ที่จุดบริการของทางห้าง (เข็ดจากครั้งที่แล้ว) และพี่สาวได้ให้ฉันนั่งรถเข็นที่จุดบริการคนแก่ คนพิการ
เพราะฉันตั้งท้องได้ 9 เดือนแล้ว เดินเยอะไม่ได้ พี่เป็นห่วง และพากันเดินไปจุดขายรองเท้าเด็ก
พี่สาวได้ซื้อรองเท้าให้ลูกชายฉัน1คู่ ให้สวมใส่ทันที นำป้ายราคาออก เก็บเอาไปชำระเงินทันที เพราะพี่จะไปดูรองเท้าให้ลูกสาวด้านรอบนอก
บริเวณทางลงห้าง ตอนที่นำป้ายไปชำระเงินได้แจ้งแคชเชียร์ไว้ว่า ขอชำระก่อน แต่เด็กที่ใส่รองเท้ายังอยู่ด้านในนะคะ
พนักงานจึงบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ ให้เก็บใบเสร็จไว้...
ส่วนฉันก็เก็บรองเท้าของลูกคู่เก่าไว้กับตัว และชวนสามีกับลูกชายไปดูของใช้เด็กอ่อนต่อ
ฉันได้ของมา 1 ชิ้น จึงนำไปชำระเงิน ฉันชำระแค่ของที่ซื้อมา1ชิ้น ส่วนรองเท้าเก่าฉันถือไว้ เพราะพี่ชำระและแจ้งไปแล้ว
จึงไม่ได้แจ้งพนักงานว่าคืออะไร แคชเชียร์เองก็ไม่ได้ถามถึงรองเท้าคู่เก่าที่ฉันถือมา พอออกจากช่องจ่ายเงิน ก็เอารถเข็นไปคืน
พร้อมกับรับของที่ฝากไว้ และเดินไปหาพี่สาวกับหลานที่ร้านรองเท้าบริเวณใกล้ทางลงห้าง
แต่พอดีสายตาฉันเหลือบกลับไปมองเห็นแคชเชียร์คนที่ฉันเพิ่งจ่ายเงินไป กำลังคุยกับพนักงานชายเสื้อสีม่วง(อีกแล้ว)
ฉันเห็นพวกเค้ามองมาที่ฉันและรองเท้าเด็กคู่เก่าสลับกับที่ลูกชายใส่อยู่หลายรอบมากๆ พร้อมกับคุย ว.วิทยุ ไปด้วยพร้อมกับเดินวนๆ
มาทางฉัน และคุยกับพนักงานขายของในซุ้ม(ไม่ใช่พนักงานห้าง)ตรงกันข้ามกับร้านรองเท้าที่ฉันยืนรอพี่อยู่
พร้อมกับมองมาทางฉันและรองเท้าเด็กด้วยกัน คือประมาณว่า บอกคนนั้นคนนี้ให้จับตาดูพวกฉันเอาไว้
ซึ่งมีสายตาหลายคู่มากของพนักงานที่มี ว.วิทยุ ที่เดินมาดูฉันกับรองเท้าเด็ก....
ฉันเห็นท่าทางไม่ดี เลยไปหาพี่บอกว่าขอใบเสร็จไปให้พวกนั้นดู พนักงานเค้ามองเราตลอด ฉันรู้สึกไม่ดี
พี่บอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวให้เค้าเข้ามาถามเราเอง ฉันเลยรอจนพี่ซื้อของเสร็จและเดินกำลังจะลงห้าง
และแล้วก็เป็นไปตามที่คิด พนักงานผู้หญิงที่คุมทางลง(เสื้อม่วง) เก้ๆกังๆ เข้ามาถามหาใบเสร็จรองเท้า
และพนักงานชายเสื้อม่วงคนแรก ก็เดินตามมาดูผลงานที่น่าภูมิใจ ….
พี่ฉันจึงนำมาให้ดูแล้วบอกไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
ว่า
“ทำแบบนี้เสียมารยาทมากเลยรู้ไหมค่ะ ทำไมพวกคุณไม่ถามตั้งแต่แรก จะต้อง ว. บอกคนนั้นคนนี้ให้จับตามองเรา ทำไม” และเดินลงห้างไป ฉันจึงพูดตามพี่ ย้ำอีกครั้งให้พนักงานชายได้ยินว่า
“ เสียมารยาทมากค่ะ เราเห็นนะที่คุณมองเราตลอด ....” และก็ไม่ได้รับการขอโทษจากพนักงานแต่อย่างใดอีกเช่นเคย ..
****ฉันและพี่เข้าใจในเรื่องที่ต้องทำตามหน้าที่ แต่บางทีมันก็เกินไป แคชเชียร์น่าจะถามตั้งแต่ผิดสังเกต
และพนักงานชายเสื้อม่วง ไม่น่าจะต้อง ว.วิทยุบอกคนนั้นคนนี้ ไม่น่าเดินมาบอกพนักงานขายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับห้าง
ให้จับตามองเราขนาดนี้ (คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกัน) น่าจะเข้ามาถามดูใบเสร็จเลยตรงๆ ก็จะไม่ว่าอะไรเพราะเรายังไม่ลงห้างทันที
ยังซื้อของกันอยู่สักพัก พร้อมกับการระแวงสายตาหลายคู่ที่มองมา...ตลอดเวลา ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย ณ ตอนนั้น
แต่อาจคงเป็นเพราะพนักงานทุกคนต้องคิดว่า พวกเราเป็นขโมยแน่ๆ จับได้ชัวร์ๆ จึงจับจ้องสะขนาดนี้
พอเรามีใบเสร็จยืนยันให้ดู.... พวกพนักงานที่รู้จาก ว.วิทยุ คนอื่นๆจะมารับรู้ มารับทราบไหมว่าเราไม่ได้ขโมย ????
เราซื้อ!!!!! เราเป็นคนนำเงินมาให้พวกคุณ!!??
พนักงานชายเสื้อม่วงคนนั้นจะ ว.วิทยุ กลับไปอธิบายความจริงแก้ไขให้เราไม่เสียชื่อหรือเปล่า????? เค้าจะทำไหม????
เราเสียชื่อนะถ้ามองมุมลูกค้า และเราก็ไม่ได้เป็นขาจร เราอยู่เมืองเพชรเรามาที่ห้างนี้บ่อย และ เราต้องมาที่ห้างนี้ อีกแน่ๆ
แล้วพนักงานที่เค้าไม่รู้ความจริงคนอื่นๆหล่ะ เค้าจะมองเรายังไง???? มาครั้งหน้าก็ต้องมาจับจ้องดูเราเป็นพิเศษอีกไหม????
คิดว่าจะมาขโมยอะไรอีก แบบนี้หรือเปล่า? ????
ใครจะเป็นคนรับผิดชอบกับสายตาดูถูกของพนักงานในห้างหลายๆคนที่ได้รับ ว. วิทยุและเห็นหน้าเรา????
พวกคุณดูถูกเราทางสายตามาก หมิ่นประมาทกันขนาดนี้ ถ้าเกิดเป็นคนที่มีชื่อเสียงโดนแบบนี้หล่ะ ??
คงได้มีเรื่องใหญ่ ได้ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทกันยาวแน่... แต่พอดีเราเป็นคนปกติบ้านๆทั่วไปจึงได้แค่มาระบายในพันทิป
หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราหรือไม่ว่ากับใคร เราคิดว่ามันผิดปกติ
เพราะสายตาที่จับจ้องมา มันมากมาย จนเรารู้สึกตัวได้ เพราะมีพนักงานเสื้อม่วง เสื้อเขียวเดินอยู่รอบๆ
กันเต็มไปหมด เป็นการไม่ให้เกียรติลูกค้ามากๆ เสียมารยาทมากๆ
***พนักงานเสื้อม่วงของห้างบิ๊กซีเพชรบุรีคะ คุณทำแบบนี้กับลูกค้าที่คุณสงสัยทุกคนหรือเปล่า ???
คุณดูถูกและหมิ่นประมาทลูกค้าทางสายตาแบบนี้กับทุกคนไหม???? หรือเป็นกับลูกชายฉันคนเดียว ???
2 เหตุการณ์แล้วที่ กำลังจะถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมยทางอ้อม ทั้งคำพูด สำเนียง กริยา จัดเต็มมาก บอกตรงๆเสียความรู้สึกมากๆ
#ถอนหายใจยาวๆ สามครั้ง
#หากพิมพ์ผิดต้องขออภัยค่ะ # แท๊กผิดขออภัยค่ะ
****แก้ไขคำผิดค่ะ
พนักงานบิ๊กซีเพชรบุรีปฏิบัติต่อลูกค้าแบบนี้ทุกคนหรือเปล่าค่ะ?
นั่นคือ บิ๊กซี (Big C) จังหวัดเพชรบุรีค่ะ
ห้างบิ๊กซีเราไปบ่อยมากเพราะเป็นห้างใหญ่ที่สุด และเปิดมานานมากสำหรับเมืองเพชร
เหตุการณ์เกิดขึ้น 2 ครั้ง ค่ะ และเกิดขึ้นกับลูกชายของเราทั้ง 2 ครั้งเช่นกัน
ครั้งที่ 1 เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนเมษา เรากับครอบครัวทั้งหมด 5 คน ไปห้างบิ๊กซี เพื่อเลือกดูเปรียบเทียบราคาเครื่องปรับอากาศ
ฉันเลือกเดินไปซื้อขนมให้ลูกชายและไปชำระเงินทันที ก่อนที่จะไปแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า
เพื่อจะให้ลูกทานรองท้องไปก่อน เพราะยังไม่ได้ทานข้าวมา
ขนมที่ซื้อมามีขนมปังไส้กรอกราคา 49 บาท กับ ขนมคุ้กกี้ 10 บาท รวมเป็น 59 บาท
แต่ลูกชายยังไม่ได้ทาน และเดินไปที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าทันทีเพื่อทำธุระให้เสร็จ
ช่วงที่กำลังปรึกษาเรื่องบัตรเครดิตในการผ่อนชำระสินค้าในแผนกนั้น ฉันได้ขอตัวไปเข้าห้องน้ำคนเดียว
แต่พอกลับมาที่เดิมปรากฏว่าทุกคนหายไปจากตรงจุดนั้น ฉันก็เดินตามหาก็ไม่พบ นึกว่าไปรอที่รถแล้วจึงเดินลงห้างไป
สักพักสามีโทรมาตามว่าอยู่ไหน? ฉันบอกว่ามารอที่รถเพราะไปที่เดิมไม่เจอ นึกว่าเสร็จแล้ว
สามีฉันเสียงดูหงุดหงิดๆ และบอกว่าให้รีบขึ้นมาตรงจุดหน้าทางเข้าแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าทันทีพร้อมนำใบเสร็จขนมมาด้วย
ฉันก็รีบขึ้นไปหาและได้เจอพนักงานบิ๊กซีเป็นผู้หญิงเสื้อสีม่วง ได้กักตัวสามีและลูกชายดิฉันไว้
และยังมีลูกค้าอีกคนที่โดนกักตัวไว้เช่นกัน ฉัน งง และถามว่ามีอะไรกัน สามีฉันบอกว่าให้เอาใบเสร็จให้เค้าดู
ฉันก็ให้เค้าดูแล้วเดินออกมาจากจุดนั้น และถามสามีว่าเกิดอะไรขึ้น
สามีเล่าว่า จะต้องลงไปทำธุระเกี่ยวกับจุดทำบัตรเครดิตข้างล่างต่อ
จึงลงไปกับญาติคนอื่นๆก่อน แล้วจึงขึ้นมากับลูกชาย มาตามหาฉันที่จุดเดิม
และพอเดินออกมา มีพนักงานเสื้อม่วงคนนั้นเรียกตัวไปขอดูใบเสร็จขนมในมือลูกชาย
สามีได้บอกไปว่า อยู่ที่แม่ของเด็กและหากันไม่เจอ ไม่ได้เป็นคนชำระเงิน
พนักงานจึงถามประมาณว่าเด็กจำหน้าแคชเชียร์ หรือ ช่องชำระเงินได้ไหม สามีบอกว่าเด็กจำไม่ได้
พนักงานจึงบอกว่าให้ตามตัวฉันมา ตอนแรกสามีลืม นึกว่ามือถือเงินหมดจึงตอบไปว่า โทรติดต่อไม่ได้
พนักงานตอบกลับมาว่า งั้นเอาชื่อมาจะประกาศให้
(ฉันไม่ได้ยินเสียงประกาศเพราะอยู่นอกห้าง บริเวณลานจอดรถ)
พนักงานก็เร่งประกาศๆ 3-4 รอบ จนสามีรำคาญ ลองโทรออกดู ปรากฏว่าโทรได้ จึงติดต่อฉันได้
สามีเล่าต่อว่า พนักงานเร่งหนักมาก ถามตลอดว่าฉันอยู่ไหนแล้ว มาหรือยัง เมื่อไหร่จะถึง อะไรประมาณนี้
ระหว่างรอ ก็มีการพูดคุยถกเถียงกัน ทำนองว่าสามี เสนอให้ติดป้ายประกาศบอกลูกค้าเกี่ยวกับ
การห้ามนำสินค้าที่ซื้อแล้วเข้ามาในจุดขายอีก ให้นำไปฝากที่จุดบริการก่อนเข้าไปเลือกสินค้า
หรือเข้าไปทำธุระอีก พนักงานบอกกลับมาว่าเราพยายามบอกลูกค้าทุกคนที่ถือของเดินเข้าไป พยายามบอกทุกคน!!!!
(ซึ่งสามีเดินเข้าออก1-2 รอบก่อนหน้านี้เพื่อตามหาฉันแต่พนักงานคนนี้คงไม่ได้มอง สามีฉันก็ไม่ได้มอง)
สามีฉันบอกกับพนักงานต่อว่า ที่ขึ้นป้ายจะได้ง่ายขึ้นและลูกค้าจะได้ไม่เสียเวลากับเหตุการณ์ที่ต้องรอญาติที่ถือใบเสร็จแบบกรณีนี้
เพราะสามีฉันไม่ทราบว่าห้างนี้มีกฎอะไรแบบนี้ ฉันเองก็ไม่ทราบ ไม่เคยโดนแบบนี้
และไม่ได้คิดถึงจุดนี้ด้วย คิดแต่ว่าลูกหิว หาของให้ลูกกินแก้หิวก่อนเท่านั้น และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ลูกฉันไม่ได้กินขนมสักที TT
สามีเล่าต่อว่า พนักงานก็เถียงว่า ไม่เกี่ยวค่ะๆๆ ไม่เกี่ยว เกี่ยวที่ใบเสร็จ ต้องการใบเสร็จ จะดูใบเสร็จอย่างเดียว
สามีฉันจึงบอกไปว่าไปจ่ายเงินใหม่ก็ได้นะ จะได้รีบไปเพราะเสียเวลา
พนักงานตอบกลับมาว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับสินค้าค่ะ ขึ้นอยู่ที่ใบเสร็จ ประมาณนี้
และไม่ยอมลดราวาศอกง่ายๆ สามีฉันพูดอะไรไป เถียงกลับทุกคำ และยังใช้น้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร สามีฉันก็เริ่มโมโห
ปกติสามีฉันเป็นคนไม่ค่อยเอาเรื่องใครถ้าไม่ถึงจุดเดือดจริงๆ แต่เหตุการณ์นี้ ทำสามีฉันกลายร่างไปเลยทีเดียว
ฉันจึงรู้ว่าพนักงานทำกริยาไม่สุภาพจริงๆ
****สาเหตุไม่ได้อยู่ที่พนักงานกักตัวไว้หรือขอดูใบเสร็จหรอกค่ะเราเข้าใจว่าเค้าคงทำตามหน้าที่
แต่ที่ไม่พอใจคือการพูดคุยและการใช้สำเนียง สีหน้า ท่าทาง
เหมือนดูถูกและไม่ให้เกียรติลูกค้า หลังจากดูใบเสร็จก็ไม่มีการขอโทษที่ทำให้เสียเวลาแต่อย่างใด ทำหน้าลอยๆ
แล้วเดินออกไป ตอนนั้นฉัน กำลัง งง แต่พอสามีฉันมาเล่าทีหลังฉันจึงเริ่มหงุดหงิด 5555
ครั้งที่ 2 สดๆร้อนเลยค่ะ ฉันกับพี่สาว ลูกสาวของพี่สาว สามี และลูกชายฉัน มาทานอาหารชั้นล่างที่ ห้างบิ๊กซี
ต่อจากนั้นได้เดินไปซื้อของด้านล่างหน้าห้าง (เปิดท้ายขายของทุกวันเสาร์-อาทิตย์) และจึงขึ้นไปบนห้าง
นำของทั้งหมดที่ซื้อไปฝากไว้ที่จุดบริการของทางห้าง (เข็ดจากครั้งที่แล้ว) และพี่สาวได้ให้ฉันนั่งรถเข็นที่จุดบริการคนแก่ คนพิการ
เพราะฉันตั้งท้องได้ 9 เดือนแล้ว เดินเยอะไม่ได้ พี่เป็นห่วง และพากันเดินไปจุดขายรองเท้าเด็ก
พี่สาวได้ซื้อรองเท้าให้ลูกชายฉัน1คู่ ให้สวมใส่ทันที นำป้ายราคาออก เก็บเอาไปชำระเงินทันที เพราะพี่จะไปดูรองเท้าให้ลูกสาวด้านรอบนอก
บริเวณทางลงห้าง ตอนที่นำป้ายไปชำระเงินได้แจ้งแคชเชียร์ไว้ว่า ขอชำระก่อน แต่เด็กที่ใส่รองเท้ายังอยู่ด้านในนะคะ
พนักงานจึงบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ ให้เก็บใบเสร็จไว้...
ส่วนฉันก็เก็บรองเท้าของลูกคู่เก่าไว้กับตัว และชวนสามีกับลูกชายไปดูของใช้เด็กอ่อนต่อ
ฉันได้ของมา 1 ชิ้น จึงนำไปชำระเงิน ฉันชำระแค่ของที่ซื้อมา1ชิ้น ส่วนรองเท้าเก่าฉันถือไว้ เพราะพี่ชำระและแจ้งไปแล้ว
จึงไม่ได้แจ้งพนักงานว่าคืออะไร แคชเชียร์เองก็ไม่ได้ถามถึงรองเท้าคู่เก่าที่ฉันถือมา พอออกจากช่องจ่ายเงิน ก็เอารถเข็นไปคืน
พร้อมกับรับของที่ฝากไว้ และเดินไปหาพี่สาวกับหลานที่ร้านรองเท้าบริเวณใกล้ทางลงห้าง
แต่พอดีสายตาฉันเหลือบกลับไปมองเห็นแคชเชียร์คนที่ฉันเพิ่งจ่ายเงินไป กำลังคุยกับพนักงานชายเสื้อสีม่วง(อีกแล้ว)
ฉันเห็นพวกเค้ามองมาที่ฉันและรองเท้าเด็กคู่เก่าสลับกับที่ลูกชายใส่อยู่หลายรอบมากๆ พร้อมกับคุย ว.วิทยุ ไปด้วยพร้อมกับเดินวนๆ
มาทางฉัน และคุยกับพนักงานขายของในซุ้ม(ไม่ใช่พนักงานห้าง)ตรงกันข้ามกับร้านรองเท้าที่ฉันยืนรอพี่อยู่
พร้อมกับมองมาทางฉันและรองเท้าเด็กด้วยกัน คือประมาณว่า บอกคนนั้นคนนี้ให้จับตาดูพวกฉันเอาไว้
ซึ่งมีสายตาหลายคู่มากของพนักงานที่มี ว.วิทยุ ที่เดินมาดูฉันกับรองเท้าเด็ก....
ฉันเห็นท่าทางไม่ดี เลยไปหาพี่บอกว่าขอใบเสร็จไปให้พวกนั้นดู พนักงานเค้ามองเราตลอด ฉันรู้สึกไม่ดี
พี่บอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวให้เค้าเข้ามาถามเราเอง ฉันเลยรอจนพี่ซื้อของเสร็จและเดินกำลังจะลงห้าง
และแล้วก็เป็นไปตามที่คิด พนักงานผู้หญิงที่คุมทางลง(เสื้อม่วง) เก้ๆกังๆ เข้ามาถามหาใบเสร็จรองเท้า
และพนักงานชายเสื้อม่วงคนแรก ก็เดินตามมาดูผลงานที่น่าภูมิใจ ….
พี่ฉันจึงนำมาให้ดูแล้วบอกไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
ว่า “ทำแบบนี้เสียมารยาทมากเลยรู้ไหมค่ะ ทำไมพวกคุณไม่ถามตั้งแต่แรก จะต้อง ว. บอกคนนั้นคนนี้ให้จับตามองเรา ทำไม” และเดินลงห้างไป ฉันจึงพูดตามพี่ ย้ำอีกครั้งให้พนักงานชายได้ยินว่า “ เสียมารยาทมากค่ะ เราเห็นนะที่คุณมองเราตลอด ....” และก็ไม่ได้รับการขอโทษจากพนักงานแต่อย่างใดอีกเช่นเคย ..
****ฉันและพี่เข้าใจในเรื่องที่ต้องทำตามหน้าที่ แต่บางทีมันก็เกินไป แคชเชียร์น่าจะถามตั้งแต่ผิดสังเกต
และพนักงานชายเสื้อม่วง ไม่น่าจะต้อง ว.วิทยุบอกคนนั้นคนนี้ ไม่น่าเดินมาบอกพนักงานขายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับห้าง
ให้จับตามองเราขนาดนี้ (คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกัน) น่าจะเข้ามาถามดูใบเสร็จเลยตรงๆ ก็จะไม่ว่าอะไรเพราะเรายังไม่ลงห้างทันที
ยังซื้อของกันอยู่สักพัก พร้อมกับการระแวงสายตาหลายคู่ที่มองมา...ตลอดเวลา ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลย ณ ตอนนั้น
แต่อาจคงเป็นเพราะพนักงานทุกคนต้องคิดว่า พวกเราเป็นขโมยแน่ๆ จับได้ชัวร์ๆ จึงจับจ้องสะขนาดนี้
พอเรามีใบเสร็จยืนยันให้ดู.... พวกพนักงานที่รู้จาก ว.วิทยุ คนอื่นๆจะมารับรู้ มารับทราบไหมว่าเราไม่ได้ขโมย ????
เราซื้อ!!!!! เราเป็นคนนำเงินมาให้พวกคุณ!!??
พนักงานชายเสื้อม่วงคนนั้นจะ ว.วิทยุ กลับไปอธิบายความจริงแก้ไขให้เราไม่เสียชื่อหรือเปล่า????? เค้าจะทำไหม????
เราเสียชื่อนะถ้ามองมุมลูกค้า และเราก็ไม่ได้เป็นขาจร เราอยู่เมืองเพชรเรามาที่ห้างนี้บ่อย และ เราต้องมาที่ห้างนี้ อีกแน่ๆ
แล้วพนักงานที่เค้าไม่รู้ความจริงคนอื่นๆหล่ะ เค้าจะมองเรายังไง???? มาครั้งหน้าก็ต้องมาจับจ้องดูเราเป็นพิเศษอีกไหม????
คิดว่าจะมาขโมยอะไรอีก แบบนี้หรือเปล่า? ????
ใครจะเป็นคนรับผิดชอบกับสายตาดูถูกของพนักงานในห้างหลายๆคนที่ได้รับ ว. วิทยุและเห็นหน้าเรา????
พวกคุณดูถูกเราทางสายตามาก หมิ่นประมาทกันขนาดนี้ ถ้าเกิดเป็นคนที่มีชื่อเสียงโดนแบบนี้หล่ะ ??
คงได้มีเรื่องใหญ่ ได้ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทกันยาวแน่... แต่พอดีเราเป็นคนปกติบ้านๆทั่วไปจึงได้แค่มาระบายในพันทิป
หลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเราหรือไม่ว่ากับใคร เราคิดว่ามันผิดปกติ
เพราะสายตาที่จับจ้องมา มันมากมาย จนเรารู้สึกตัวได้ เพราะมีพนักงานเสื้อม่วง เสื้อเขียวเดินอยู่รอบๆ
กันเต็มไปหมด เป็นการไม่ให้เกียรติลูกค้ามากๆ เสียมารยาทมากๆ
***พนักงานเสื้อม่วงของห้างบิ๊กซีเพชรบุรีคะ คุณทำแบบนี้กับลูกค้าที่คุณสงสัยทุกคนหรือเปล่า ???
คุณดูถูกและหมิ่นประมาทลูกค้าทางสายตาแบบนี้กับทุกคนไหม???? หรือเป็นกับลูกชายฉันคนเดียว ???
2 เหตุการณ์แล้วที่ กำลังจะถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมยทางอ้อม ทั้งคำพูด สำเนียง กริยา จัดเต็มมาก บอกตรงๆเสียความรู้สึกมากๆ
#ถอนหายใจยาวๆ สามครั้ง
#หากพิมพ์ผิดต้องขออภัยค่ะ # แท๊กผิดขออภัยค่ะ
****แก้ไขคำผิดค่ะ