ชำระภาษีรถผ่านอินเทอร์เน็ต - ข้อดีที่ดีจัง กับข้อเสียที่บัดซบมาก

มาเล่าให้ฟังเผื่อใครจะต่อภาษีรถผ่านเน็ตกับกรมขนส่งฯ นะครับ ไว้เป็นข้อมูล/ข้อควรระวัง

รถผมติดไฟแนนซ์อยู่ ซึ่งแต่ละปีทางไฟแนนซ์ก็มีบริการต่อภาษีให้ แต่ต้องเสียค่าบริการ 300 บาท

สำหรับผมเงิน 300 นี่มันก็ไม่ใช่น้อยๆ กว่าจะทำงานหาเงินมาได้นะ แถมผมยังต้องเอาใบไปยื่นที่ธนาคารอีก ในขณะที่การต่อภาษีผ่านเน็ตกับกรม มีค่าดำเนินการแค่ 40 บาท หักเงินออนไลน์ผ่านธนาคารได้เลย แล้วเราก็นั่งรอให้ไปรษณีย์มาส่ง นอกจากถูกกว่าแล้วยังสะดวกกว่าอีก

ผมก็ต่อแบบนี้มา 3 ปีครับ จนกระทั่งปีที่ 4 คือวันนี้ที่เกิดปัญหาถูกตัดเงินสองรอบ

รายละเอียดที่ถูกตัดเงินสองรอบ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ผมใช้เวลาติดต่อกับกรมขนส่งฯ ผ่าน 1584 โดยใช้เวลารอสายถึง 25 นาที (ตามบันทึกโทรศัพท์) กว่าจะได้คุยกับเจ้าหน้าที่ แต่พอได้คุยกับเจ้าหน้าที่ IT พี่แกก็ให้เบอร์ใหม่ผมมาซึ่งเป็นเบอร์ฝ่ายบัญชี โดยที่ตัวเองไม่รับรู้ปัญหาที่ผมเล่า ทั้งที่มันคือปัญหาด้าน IT โดยตรง

โทรไปฝ่ายบัญชี แม่เจ้า  สรุปคือต้องเข้าไปดำเนินการขอคืนเงินเองที่กรม โดยใช้หลักฐานดังนี้

สำเนาเล่ม
สำเนาเช่าซื้อ
สมุดบัญชี
ใบเสร็จการต่อภาษีตัวจริง
สำเนารับรองบริษัทไฟแนนซ์
สำเนาบัตรกรรมการ
ใบมอบอำนาจให้ผม

โดยสามข้อหลังผมต้องไปขอกับบริษัทไฟแนนซ์ครับ

อ่อ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ให้เอาสำเนาบัญชีผมไปด้วย ถ้าเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วว่ามีการดึงเงินเข้าระบบซ้ำจริง ก็จะโอนเข้าบัญชีเลย โดยที่ผมไม่ต้องลำบากไปรับเงิน

โคตรไม่ลำบากเลยครับ

สรุปว่า จริงๆ มันก็สะดวกดีนะครับ การต่อภาษีผ่านเน็ต แต่ระวังอย่าให้เกิดปัญหาแบบนี้ก็แล้วกันครับ ไม่งั้นชีวิตจะโคตรบัดซบเลย

ปล. ก่อนวางสาย เจ้าหน้าที่บอกว่า "มันเกิดบ่อยๆ ค่ะน้อง" ผมก็ได้แต่ระบายความอัดอั้นไปซึ่งพี่เขาก็รับฟังด้วยดี แต่ต่างก็รู้ดีว่าเขาแก้ไขอะไรไม่ได้  ไอ้ผมจะโทรกลับไปเคลียร์กับ IT ก็ขี้เกียจเสียเวลาของชีวิตเพื่อรอสายอีกครึ่งชั่วโมง แถมไม่รู้ว่าพี่แกจะสนใจแก้ปัญหาไหม  ก็เลยมาตั้งกระทู้เตือนเพื่อนๆ ละกันครับ น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่