"ความเจ็บปวดไม่ว่าจะทางกาย หรือทางใจ ล้วนเป็นคุณสมบัติ เป็นเรื่องเฉพาะของบุคคล ... เราจึงตัดสินอะไร บนจุดที่เรายืนอยู่ไม่ได้"
วันนี้ขอหยิบหนังรักเรื่องนี้มาพูดสักหน่อยนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อน้า ถึงแม้จะปฏิเสธความน้ำเน่าราวกับคลองแสนแสบของมันไม่ได้ แต่ในความน้ำเน่า ก็ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ .... ดาวเคราะห์ที่ถูกแสงของดวงอาทิตย์บดบังมาตลอดในยามสว่าง แต่ก็กลับแสดงตัวออกมาในยามมืดมน
และประเด็นที่ขอกล่าวถึง นั่นคือ ... "ว่าด้วยความเจ็บปวดของวิล" (สปอยล์นะครับ) ... อาจจะเป็นอีกมุมมองหนึ่ง ที่รู้สึกหลังจากได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ
ถ้าหากใครที่ได้รับชมภาพยนตร์ หรือได้อ่านหนังสือ ก็คงจะทราบดีว่า บทสรุปที่วิล พระเอกของเรื่อง Me Before You ได้เลือกให้กับตัวเองนั้นคืออะไร ?
--------
ใช่ครับ วิล เลือกวิธี ‘การุณยฆาต’ หรือสิทธิเลือกตาย ให้เป็นวาระสุดท้ายในชีวิตของผู้ป่วย สำหรับวิล คือ การต้องทนทุกข์อยู่กับร่างกายที่เป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงมา หลังจากประสบอุบัติเหตุ ซึ่งแน่นอนว่า วิธีการนี้ ไม่ได้เป็นที่รองรับ หรือถูกต้องตามกฎหมายในหลาย ๆ ประเทศในโลก ด้วยเรื่องของจริยธรรม ความถูกต้องของจรรยาแพทย์ และอาจจะครอบคลุมไปถึงประเด็นความเชื่อทางศาสนา
วิล ทำถูกต้องหรือไม่ กับการตัดสินใจเช่นนั้น ?
ส่วนตัว .. ผมมองว่า วิล ‘ไม่ผิด’ ... เมื่อมองว่า ความเจ็บปวดทางใจของแต่ละคนนั้น มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล เราจึงไม่อาจตัดสินได้บนความรู้สึกของเรา ว่าสิ่งที่วิลทำนั้น ... ถูกหรือไม่
สำหรับผม ผมก็ไม่ได้มองว่า ตัวหนังกำลังจะบอกว่า ความพิการ ส่งผลกระทบให้คุณใช้ชีวิตต่อไม่ได้ ... แต่ลองมองลงไปลึก ๆ จะเห็นว่าหนังกำลังบอกเราว่า ... วิล มีบาดแผลทางใจ ที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เขาเป็นต่างหาก บาดแผลที่ผมมองว่า คนปกติธรรมดาทั่วไป คนที่ไม่ได้เจ็บป่วย ไม่ได้ทุกข์ร้อนทรมานกับสังขารของตัวเอง จะเข้าใจถึงมันได้อย่างถ่องแท้
ผมเชื่อมาเสมอว่า การมีชีวิตอยู่นั้น มันย่อมมีความหมายเสมอ ... แต่จะเพื่ออะไรก็ตามแต่ การได้ยังมีชีวิต ก็เท่ากับว่า เรายังมีโอกาส มีเวลาให้ได้ทำอะไรอีกตั้งมากมาย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การเลือกที่จะตาย ... คือ การตัดสินใจที่ผิดพลาด ถ้ามันเกิดจากกระบวนการความคิดที่เขาได้ไตร่ตรองไว้ก่อน และไม่ได้เป็นเพียงแค่อารมณ์วูบไหวเพียงชั่วครู่ชั่วยาม เฉกเช่นกรณีของวิล หรือผู้ป่วยที่ต้องทนทุกข์ทรมานรายอื่น ๆ
สุดท้ายก็วกกลับมาสู่คำถามเดิม ๆ ... อยู่หรือไป อะไรคือถูก อะไรคือผิด เหมาะสม หรือไม่เหมาะสม ... เราตอบไม่ได้ และไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ถูกต้อง ชัดเจนได้ ... ซึ่งคำตอบ ก็ต่างล้วนเกิดขึ้นจากมุมมองของผู้ตอบ จากความเชื่อ จากความรู้สึกส่วนตัวอยู่ดี
เช่นเดียวกัน ... ในขณะที่หนังเลือกนำเสนอว่า ผู้ป่วยแบบวิล กลับเลือกที่จะตายมากกว่าอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ป่วยแบบวิล หรือคนที่เผชิญกับความทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยทุก ๆ คนในโลกนี้ จะต้องคิดแบบวิล
มีผู้ป่วยมากมาย ที่แม้จะต้องใช้ชีวิตร่วมกับความเจ็บป่วย ... เขาเหล่านั้นกลับมองว่า นี่นับว่ายังโชคดี ที่เขายังมีชีวิตอยู่ อยู่เพื่อใช้ชีวิต อยู่เพื่อสู้ชีวิต และอยู่เพื่อทำให้เห็นว่า ความป่วยกายไม่ได้เป็นอุปสรรคใด ๆ เลยต่อการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
กำลังใจจึงเป็นเรื่องสำคัญมากครับ โดยเฉพาะกับคนรอบข้าง มันเป็นเหมือนยา ที่จะรักษาแผลใจของพวกเขาได้ดีมากแขนงหนึ่ง และก็ทำให้ผู้ป่วยหลาย ๆ คน เลือกที่จะขอมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ต่อให้มียาวิเศษสุด ๆ แค่ไหน มันก็ไม่ได้สามารถใช้รักษากับผู้ป่วยได้ทุก ๆ คน ทุก ๆ โรค
แล้วแบบวิลล่ะ ? เขามีทุกอย่างพร้อม ทั้งพ่อแม่ที่รักเขา ฐานะครอบครัว และในที่สุด เขาก็ได้พบกับลูอิซ่า ผู้หญิงที่ยอมรับและรักเขาได้ในสภาพที่เขาเป็น .. ทำไมเขายังเลือกหนทางนี้อยู่ ?
************
ขอให้ย้อนกลับไปดูชื่อหนังอีกครั้งครับ
“Me Before You” หรือ ตัวฉัน ก่อนจะเจอคุณ ..
วิลเคยเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่างทั้งรูปทรัพย์และฐานะ มีคนรัก มีหน้าที่การงานที่ดี และความสุขของวิล คือ การได้ใช้ชีวิตแบบผจญภัย เพื่อเปิดทุกประสบการณ์ให้กับตัวเอง ... วิลคือ นิยามของผู้ชายแอคทีฟ ที่ชีวิตไม่เคยอยู่นิ่ง และมีสองเท้าของเขา ที่ช่วยทำให้ทุกความฝันเขาเป็นจริงได้
แต่เมื่อถึงจุดที่เขาต้องพบกับความพิการ ... เขาสูญเสียตัวตนทั้งหมดที่เขามี แม้จะพูดได้ว่า ยังโชคดีมากแค่ไหนแล้ว ที่เขายังเหลือลมหายใจเอาไว้ ให้ได้ใช้ชีวิตต่อไป
**************
“เขาเคยพยายาม ทำกายภาพอย่างเคร่งครัด จนกระทั่งเขาสามารถใช้นิ้วมือบางนิ้วได้ แต่ก็ต้องพบว่า อาการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังนั้น ยังไงก็ไม่มีทางรักษาให้เขากลับมาเหมือนเดิมได้” ---- นี่คือประโยคหนึ่งที่เจ้าหน้าที่พยาบาลส่วนตัวของวิลได้บอกกับลูอิซ่า
**************
นั่นหมายถึง .... วิล เคยผ่านช่วงเวลาที่เค้า ‘ได้พยายาม’ และเห็นโอกาสของ ‘การมีชีวิตอยู่’ ... จนมาถึงจุดหนึ่งที่บาดแผลในใจของเขาเริ่มเกิดขึ้น และค่อย ๆ ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ จนมาถึงจุดที่มันกัดกร่อน จนทำให้เขารู้สึกว่า การมีชีวิตได้เท่าที่มีตอนนี้ ก็คงเพียงพอแล้ว ….
เราจะเห็นว่า วิล เจ็บปวดแค่ไหนที่ไม่สามารถได้ทำกิจกรรมโลดโผนผจญภัยอย่างที่เขาเคยสามารถทำได้ในอดีต ... และมันไม่ใช่แค่ไลฟ์สไตล์ แต่มันคือ วิธีการเติมมูลค่าให้ชีวิตของวิลมาโดยตลอด
เราจะเห็นว่า พ่อแม่ ของวิล ถึงจะรักลูกชายคนนี้มากแค่ไหน แต่ก็เต็มไปด้วยความห่างเหิน ปราศจากความใกล้ชิด และแทบไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาในทุกจังหวะของชีวิต ยกเว้นในตอนที่ป่วยไม่ได้สติอยู่บนเตียง
เราจะเห็นว่า วิล สูญเสียความรักไป ในวันที่เขาต้องสูญเสียสมรรถภาพทางกาย ... ลูอิซ่า อาจจะทำให้เขาได้กลับมาสัมผัสกับความรักที่เขาไม่คิดว่าจะเจอได้อีกครั้งก็จริง แต่ด้วยสิ่งที่เขาเคยเจอ สิ่งที่เขาเคยเผชิญ สิ่งที่เขาเคยสูญเสียไป มันทำให้เขาไม่ได้เชื่อมั่นว่า ความรักมันจะยืนยงได้นิรันดร์เท่ากับความเจ็บปวดหรือไม่
วิลแสดงให้เห็นชัดเจนว่า การต้องเห็นคนที่รักอยู่ปรนนิบัติดูแลอยู่ข้าง ๆ แม้จะรู้สึกดี แต่ก็แฝงด้วยความรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ กับการเป็นเครื่องพันธนาการให้คนที่รักไม่สามารถดำเนินชีวิตได้เฉกเช่นคนทั่ว ๆ ไป
สำหรับคนที่เห็นคุณค่าของการได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เพื่อสั่งสมประสบการณ์อย่างวิล ... การปลดปล่อยลูอิซ่า ให้เธอได้ออกไปผจญภัยในโลกกว้างที่ปราศจากเขา คือ สิ่งที่ถูกต้องมากกว่า
และอย่างที่หนังสรุปเอาไว้ครับ ... ถึงแม้ว่า วิลจะไม่ได้อยู่เพื่อใช้ชีวิตด้วยลมหายใจของเขาเอง แต่เขาก็เหมือนกับได้ใช้ชีวิตอยู่ในลมหายใจของลูอิซ่า เธอกลายเป็นตัวแทนในการใช้ชีวิตให้กับเขา ซึ่งนั่นคือ สิ่งที่ทำให้ลมหายใจสุดท้ายของเขากลายเป็นสิ่งที่มีความหมาย และเป็นสิ่งที่เขาสามารถทำได้ในช่วงเวลาที่ยังมีลมหายใจอยู่
นั่นอาจจะเป็นความหมายในชีวิตที่วิลได้ค้นพบ ...
ซึ่งสุดท้ายแล้ว ลูอิซ่า จะเลือกทางเดินของเธออย่างไร จะลืมเขาไปในวันหนึ่งหรือไม่ ... นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับวิลอีกแล้ว .. ขอแค่ได้ปลดปล่อยเธอ ให้โบยบินออกจากชีวิตที่เธอเป็นอยู่ .. แค่นั้นก็พอ
และนั่นจึงทำให้เกิดบทสรุป และวิลก็ยังคงยืนยันต่อการตัดสินใจดั้งเดิม ตามเจตนารมณ์ของเขาต่อไป
****
ส่วนตัวจึงมองว่า ความพิการไม่ใช่ประเด็น แต่ความเจ็บป่วยทางใจ ความซึมเศร้าที่เขาต้องเผชิญต่างหาก ที่ฉุดให้เขา .. ‘เลือก’ .. คำตอบนั้นในตอนแรก ... แต่เมื่อพบกับลูอิซ่า ก็เหมือนกันว่าเขาเองก็ได้พบความหมาย ... เขาจึงไม่ได้เปลี่ยนคำตอบที่ได้ตัดสินใจไปจากเดิม
อย่างที่บอกครับว่า ความเจ็บป่วยทางใจ เป็นเรื่องและคุณสมบัติเฉพาะสำหรับบุคคล ดังนั้นเราจึงตัดสินวิลไม่ได้นะครับ ว่า กับการเผชิญปัญหาพิการทางกายของวิลนั้น มันเป็นแค่อุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง ยังมีคนพิการ หรือคนเจ็บป่วยทรมานเทียบเท่า หรือมากกว่าเขาอีกมากมาย ที่เลือกจะอยู่ มากกว่า การตัดสินใจยินยอมพร้อมตาย
ถ้าวิล .. ยังอยู่ แล้วต่อสู้กับมันต่อไป มันก็อาจจะทำให้เขาค้นพบความสุขกับสังขารที่เป็นอยู่ได้ในวันหนึ่ง ...
ถ้าวิล .. ยังอยู่ เขาก็อาจจะต้องทนทรมานกับฝันร้ายแม้ในยามนอนและยามตื่นเช่นนี้ต่อไป อีกก็ได้เช่นกัน
ไม่ได้บอกว่า สิ่งที่วิลเลือก นั้นถูกต้อง
ไม่ได้บอกว่า ความตายคือ ทางออกที่ดีที่สุด
**************
สำหรับคนป่วย หรือผู้สูญเสีย ... สิ่งที่เราทำได้ จึงไม่ใช่การตัดสินในสิ่งที่เขาทำ หรือเลือก หรือรู้สึก ... แต่คือ การพยายาม ‘เข้าใจ’ และส่งมอบกำลังใจให้
***************
และถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้ว เขาจะเลือกเส้นทางใด ... ก็สุดแท้แต่ การตัดสินใจของเขาดีกว่าครับ
แต่อย่างที่เคยเน้นย้ำไว้เสมอ ... การได้มีชีวิต เชื่อเถอะว่า มันย่อมมีความหมายเสมอ แต่บางที ... เราก็ต้องยอมรับว่า แค่การ ‘เคย’ ได้มีชีวิต ก็อาจมีความหมาย สำหรับใครบางคนแล้ว
และนั่น ก็ตอกย้ำให้ทุกคนควรที่จะเชื่อว่า
‘เราทุกคน ล้วนมีคุณค่า และเกิดมาเพื่อเติมเต็มคุณค่าสำหรับใครสักคน’ ครับ
M E B E F O R E Y O U ...
-------------
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ ลองอ่านงานเก่า ๆ ของผมได้ที่
https://www.facebook.com/CinemaParadiso.by.Golffy/
Me Before You : แค่เข้าใจ ไม่ใช่ตัดสิน > ว่าด้วยความเจ็บป่วยของวิล [Spoil]
วันนี้ขอหยิบหนังรักเรื่องนี้มาพูดสักหน่อยนะครับ อย่าเพิ่งเบื่อน้า ถึงแม้จะปฏิเสธความน้ำเน่าราวกับคลองแสนแสบของมันไม่ได้ แต่ในความน้ำเน่า ก็ทำให้เรามองเห็นดวงจันทร์ .... ดาวเคราะห์ที่ถูกแสงของดวงอาทิตย์บดบังมาตลอดในยามสว่าง แต่ก็กลับแสดงตัวออกมาในยามมืดมน
และประเด็นที่ขอกล่าวถึง นั่นคือ ... "ว่าด้วยความเจ็บปวดของวิล" (สปอยล์นะครับ) ... อาจจะเป็นอีกมุมมองหนึ่ง ที่รู้สึกหลังจากได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ
ถ้าหากใครที่ได้รับชมภาพยนตร์ หรือได้อ่านหนังสือ ก็คงจะทราบดีว่า บทสรุปที่วิล พระเอกของเรื่อง Me Before You ได้เลือกให้กับตัวเองนั้นคืออะไร ?
--------
ใช่ครับ วิล เลือกวิธี ‘การุณยฆาต’ หรือสิทธิเลือกตาย ให้เป็นวาระสุดท้ายในชีวิตของผู้ป่วย สำหรับวิล คือ การต้องทนทุกข์อยู่กับร่างกายที่เป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงมา หลังจากประสบอุบัติเหตุ ซึ่งแน่นอนว่า วิธีการนี้ ไม่ได้เป็นที่รองรับ หรือถูกต้องตามกฎหมายในหลาย ๆ ประเทศในโลก ด้วยเรื่องของจริยธรรม ความถูกต้องของจรรยาแพทย์ และอาจจะครอบคลุมไปถึงประเด็นความเชื่อทางศาสนา
วิล ทำถูกต้องหรือไม่ กับการตัดสินใจเช่นนั้น ?
ส่วนตัว .. ผมมองว่า วิล ‘ไม่ผิด’ ... เมื่อมองว่า ความเจ็บปวดทางใจของแต่ละคนนั้น มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล เราจึงไม่อาจตัดสินได้บนความรู้สึกของเรา ว่าสิ่งที่วิลทำนั้น ... ถูกหรือไม่
สำหรับผม ผมก็ไม่ได้มองว่า ตัวหนังกำลังจะบอกว่า ความพิการ ส่งผลกระทบให้คุณใช้ชีวิตต่อไม่ได้ ... แต่ลองมองลงไปลึก ๆ จะเห็นว่าหนังกำลังบอกเราว่า ... วิล มีบาดแผลทางใจ ที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เขาเป็นต่างหาก บาดแผลที่ผมมองว่า คนปกติธรรมดาทั่วไป คนที่ไม่ได้เจ็บป่วย ไม่ได้ทุกข์ร้อนทรมานกับสังขารของตัวเอง จะเข้าใจถึงมันได้อย่างถ่องแท้
ผมเชื่อมาเสมอว่า การมีชีวิตอยู่นั้น มันย่อมมีความหมายเสมอ ... แต่จะเพื่ออะไรก็ตามแต่ การได้ยังมีชีวิต ก็เท่ากับว่า เรายังมีโอกาส มีเวลาให้ได้ทำอะไรอีกตั้งมากมาย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การเลือกที่จะตาย ... คือ การตัดสินใจที่ผิดพลาด ถ้ามันเกิดจากกระบวนการความคิดที่เขาได้ไตร่ตรองไว้ก่อน และไม่ได้เป็นเพียงแค่อารมณ์วูบไหวเพียงชั่วครู่ชั่วยาม เฉกเช่นกรณีของวิล หรือผู้ป่วยที่ต้องทนทุกข์ทรมานรายอื่น ๆ
สุดท้ายก็วกกลับมาสู่คำถามเดิม ๆ ... อยู่หรือไป อะไรคือถูก อะไรคือผิด เหมาะสม หรือไม่เหมาะสม ... เราตอบไม่ได้ และไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ถูกต้อง ชัดเจนได้ ... ซึ่งคำตอบ ก็ต่างล้วนเกิดขึ้นจากมุมมองของผู้ตอบ จากความเชื่อ จากความรู้สึกส่วนตัวอยู่ดี
เช่นเดียวกัน ... ในขณะที่หนังเลือกนำเสนอว่า ผู้ป่วยแบบวิล กลับเลือกที่จะตายมากกว่าอยู่ ก็ไม่ได้หมายความว่า ผู้ป่วยแบบวิล หรือคนที่เผชิญกับความทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยทุก ๆ คนในโลกนี้ จะต้องคิดแบบวิล
มีผู้ป่วยมากมาย ที่แม้จะต้องใช้ชีวิตร่วมกับความเจ็บป่วย ... เขาเหล่านั้นกลับมองว่า นี่นับว่ายังโชคดี ที่เขายังมีชีวิตอยู่ อยู่เพื่อใช้ชีวิต อยู่เพื่อสู้ชีวิต และอยู่เพื่อทำให้เห็นว่า ความป่วยกายไม่ได้เป็นอุปสรรคใด ๆ เลยต่อการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
กำลังใจจึงเป็นเรื่องสำคัญมากครับ โดยเฉพาะกับคนรอบข้าง มันเป็นเหมือนยา ที่จะรักษาแผลใจของพวกเขาได้ดีมากแขนงหนึ่ง และก็ทำให้ผู้ป่วยหลาย ๆ คน เลือกที่จะขอมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ต่อให้มียาวิเศษสุด ๆ แค่ไหน มันก็ไม่ได้สามารถใช้รักษากับผู้ป่วยได้ทุก ๆ คน ทุก ๆ โรค
แล้วแบบวิลล่ะ ? เขามีทุกอย่างพร้อม ทั้งพ่อแม่ที่รักเขา ฐานะครอบครัว และในที่สุด เขาก็ได้พบกับลูอิซ่า ผู้หญิงที่ยอมรับและรักเขาได้ในสภาพที่เขาเป็น .. ทำไมเขายังเลือกหนทางนี้อยู่ ?
************
ขอให้ย้อนกลับไปดูชื่อหนังอีกครั้งครับ “Me Before You” หรือ ตัวฉัน ก่อนจะเจอคุณ ..
วิลเคยเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่างทั้งรูปทรัพย์และฐานะ มีคนรัก มีหน้าที่การงานที่ดี และความสุขของวิล คือ การได้ใช้ชีวิตแบบผจญภัย เพื่อเปิดทุกประสบการณ์ให้กับตัวเอง ... วิลคือ นิยามของผู้ชายแอคทีฟ ที่ชีวิตไม่เคยอยู่นิ่ง และมีสองเท้าของเขา ที่ช่วยทำให้ทุกความฝันเขาเป็นจริงได้
แต่เมื่อถึงจุดที่เขาต้องพบกับความพิการ ... เขาสูญเสียตัวตนทั้งหมดที่เขามี แม้จะพูดได้ว่า ยังโชคดีมากแค่ไหนแล้ว ที่เขายังเหลือลมหายใจเอาไว้ ให้ได้ใช้ชีวิตต่อไป
**************
“เขาเคยพยายาม ทำกายภาพอย่างเคร่งครัด จนกระทั่งเขาสามารถใช้นิ้วมือบางนิ้วได้ แต่ก็ต้องพบว่า อาการบาดเจ็บของกระดูกสันหลังนั้น ยังไงก็ไม่มีทางรักษาให้เขากลับมาเหมือนเดิมได้” ---- นี่คือประโยคหนึ่งที่เจ้าหน้าที่พยาบาลส่วนตัวของวิลได้บอกกับลูอิซ่า
**************
นั่นหมายถึง .... วิล เคยผ่านช่วงเวลาที่เค้า ‘ได้พยายาม’ และเห็นโอกาสของ ‘การมีชีวิตอยู่’ ... จนมาถึงจุดหนึ่งที่บาดแผลในใจของเขาเริ่มเกิดขึ้น และค่อย ๆ ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ จนมาถึงจุดที่มันกัดกร่อน จนทำให้เขารู้สึกว่า การมีชีวิตได้เท่าที่มีตอนนี้ ก็คงเพียงพอแล้ว ….
เราจะเห็นว่า วิล เจ็บปวดแค่ไหนที่ไม่สามารถได้ทำกิจกรรมโลดโผนผจญภัยอย่างที่เขาเคยสามารถทำได้ในอดีต ... และมันไม่ใช่แค่ไลฟ์สไตล์ แต่มันคือ วิธีการเติมมูลค่าให้ชีวิตของวิลมาโดยตลอด
เราจะเห็นว่า พ่อแม่ ของวิล ถึงจะรักลูกชายคนนี้มากแค่ไหน แต่ก็เต็มไปด้วยความห่างเหิน ปราศจากความใกล้ชิด และแทบไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาในทุกจังหวะของชีวิต ยกเว้นในตอนที่ป่วยไม่ได้สติอยู่บนเตียง
เราจะเห็นว่า วิล สูญเสียความรักไป ในวันที่เขาต้องสูญเสียสมรรถภาพทางกาย ... ลูอิซ่า อาจจะทำให้เขาได้กลับมาสัมผัสกับความรักที่เขาไม่คิดว่าจะเจอได้อีกครั้งก็จริง แต่ด้วยสิ่งที่เขาเคยเจอ สิ่งที่เขาเคยเผชิญ สิ่งที่เขาเคยสูญเสียไป มันทำให้เขาไม่ได้เชื่อมั่นว่า ความรักมันจะยืนยงได้นิรันดร์เท่ากับความเจ็บปวดหรือไม่
วิลแสดงให้เห็นชัดเจนว่า การต้องเห็นคนที่รักอยู่ปรนนิบัติดูแลอยู่ข้าง ๆ แม้จะรู้สึกดี แต่ก็แฝงด้วยความรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ กับการเป็นเครื่องพันธนาการให้คนที่รักไม่สามารถดำเนินชีวิตได้เฉกเช่นคนทั่ว ๆ ไป
สำหรับคนที่เห็นคุณค่าของการได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เพื่อสั่งสมประสบการณ์อย่างวิล ... การปลดปล่อยลูอิซ่า ให้เธอได้ออกไปผจญภัยในโลกกว้างที่ปราศจากเขา คือ สิ่งที่ถูกต้องมากกว่า
และอย่างที่หนังสรุปเอาไว้ครับ ... ถึงแม้ว่า วิลจะไม่ได้อยู่เพื่อใช้ชีวิตด้วยลมหายใจของเขาเอง แต่เขาก็เหมือนกับได้ใช้ชีวิตอยู่ในลมหายใจของลูอิซ่า เธอกลายเป็นตัวแทนในการใช้ชีวิตให้กับเขา ซึ่งนั่นคือ สิ่งที่ทำให้ลมหายใจสุดท้ายของเขากลายเป็นสิ่งที่มีความหมาย และเป็นสิ่งที่เขาสามารถทำได้ในช่วงเวลาที่ยังมีลมหายใจอยู่
นั่นอาจจะเป็นความหมายในชีวิตที่วิลได้ค้นพบ ...
ซึ่งสุดท้ายแล้ว ลูอิซ่า จะเลือกทางเดินของเธออย่างไร จะลืมเขาไปในวันหนึ่งหรือไม่ ... นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับวิลอีกแล้ว .. ขอแค่ได้ปลดปล่อยเธอ ให้โบยบินออกจากชีวิตที่เธอเป็นอยู่ .. แค่นั้นก็พอ
และนั่นจึงทำให้เกิดบทสรุป และวิลก็ยังคงยืนยันต่อการตัดสินใจดั้งเดิม ตามเจตนารมณ์ของเขาต่อไป
****
ส่วนตัวจึงมองว่า ความพิการไม่ใช่ประเด็น แต่ความเจ็บป่วยทางใจ ความซึมเศร้าที่เขาต้องเผชิญต่างหาก ที่ฉุดให้เขา .. ‘เลือก’ .. คำตอบนั้นในตอนแรก ... แต่เมื่อพบกับลูอิซ่า ก็เหมือนกันว่าเขาเองก็ได้พบความหมาย ... เขาจึงไม่ได้เปลี่ยนคำตอบที่ได้ตัดสินใจไปจากเดิม
อย่างที่บอกครับว่า ความเจ็บป่วยทางใจ เป็นเรื่องและคุณสมบัติเฉพาะสำหรับบุคคล ดังนั้นเราจึงตัดสินวิลไม่ได้นะครับ ว่า กับการเผชิญปัญหาพิการทางกายของวิลนั้น มันเป็นแค่อุปสรรคเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง ยังมีคนพิการ หรือคนเจ็บป่วยทรมานเทียบเท่า หรือมากกว่าเขาอีกมากมาย ที่เลือกจะอยู่ มากกว่า การตัดสินใจยินยอมพร้อมตาย
ถ้าวิล .. ยังอยู่ แล้วต่อสู้กับมันต่อไป มันก็อาจจะทำให้เขาค้นพบความสุขกับสังขารที่เป็นอยู่ได้ในวันหนึ่ง ...
ถ้าวิล .. ยังอยู่ เขาก็อาจจะต้องทนทรมานกับฝันร้ายแม้ในยามนอนและยามตื่นเช่นนี้ต่อไป อีกก็ได้เช่นกัน
ไม่ได้บอกว่า สิ่งที่วิลเลือก นั้นถูกต้อง
ไม่ได้บอกว่า ความตายคือ ทางออกที่ดีที่สุด
**************
สำหรับคนป่วย หรือผู้สูญเสีย ... สิ่งที่เราทำได้ จึงไม่ใช่การตัดสินในสิ่งที่เขาทำ หรือเลือก หรือรู้สึก ... แต่คือ การพยายาม ‘เข้าใจ’ และส่งมอบกำลังใจให้
***************
และถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้ว เขาจะเลือกเส้นทางใด ... ก็สุดแท้แต่ การตัดสินใจของเขาดีกว่าครับ
แต่อย่างที่เคยเน้นย้ำไว้เสมอ ... การได้มีชีวิต เชื่อเถอะว่า มันย่อมมีความหมายเสมอ แต่บางที ... เราก็ต้องยอมรับว่า แค่การ ‘เคย’ ได้มีชีวิต ก็อาจมีความหมาย สำหรับใครบางคนแล้ว
และนั่น ก็ตอกย้ำให้ทุกคนควรที่จะเชื่อว่า ‘เราทุกคน ล้วนมีคุณค่า และเกิดมาเพื่อเติมเต็มคุณค่าสำหรับใครสักคน’ ครับ
M E B E F O R E Y O U ...
-------------
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ ลองอ่านงานเก่า ๆ ของผมได้ที่
https://www.facebook.com/CinemaParadiso.by.Golffy/