Me Before You เป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากนิยายขายดีในชื่อเดียวกันของ Jojo Moyes แสดงโดย Sam Claflin (รับบทเป็น Will Traynor) และ Emily Clarke (รับบทเป็น Louisa “Lou” Clark) ซึ่งเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายก็ได้ผลตอบรับที่ดีจากบรรดาคอหนังโรแมนติก แต่ท่ามกลางคำชมที่เอ่อล้นนั้นยังมีเสียงวิจารณ์เล็ก ๆ อยู่กลุ่มหนึ่งที่ไม่พอใจกับหนังรักเรื่องนี้ โดยเฉพาะฉากจบ ซึ่งหนึ่งในเสียงวิจารณ์ด้านลบที่ว่าก็คือ Tom Shakely ผู้อำนวยการบริหารของ Terri Schiavo Life & Hope Network ที่สนับสนุนเด็กพิการ
“Me Before You เป็นเรื่องที่สื่อตรงตัวว่าความปรารถนาที่จะตายเป็นเรื่องโรแมนติก” Tom Shakely ให้สัมภาษณ์กับ The Daily Signal “แถมยังทำให้ Dignitas คลินิกที่สนับสนุนการฆ่าตัวตายในสวิสเป็นเรื่องโรแมนติกอีกด้วย ถ้าเขายื่นยาพิษให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ พวกเขาจะถูกประณามอย่างกว้างขวางในเรื่องการไม่ให้โอกาสกลับมาอีกครั้ง”
“ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถามและตอบคำถามว่า ‘มันจะดีขึ้นไหม หากเราตายไป’ ” ก่อนที่ Tom Shakely จะกล่าวต่ออีกว่า “และถ้าเราปล่อยให้ความโรแมนติกของคลินิกฆ่าตัวตายที่อยู่ต่างประเทศนี้มามีอิทธิพลต่อการรับรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนของเราแล้วละก็ เราจะสร้างโลกที่มืดมัวมากขึ้นกว่าโลกเดิมที่เราเกิดมา มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องไหมที่จะให้การฆ่าตัวตายเป็นการรักษาเนี่ย”
Stephanie Gray นักกิจกรรมด้านการทำแท้ง (Pro-life activist) ก็ได้เขียนข้อความลงบล็อคส่วนตัวเอาไว้ว่า “ตัวละครเกือบทุกตัวดูสิ้นหวังไปหมด พวกเขาสนับสนุน อำนวยความสะดวก ให้ Will ฆ่าตัวตายแบบที่เขาต้องการ”
ซึ่งใน Me Before You มีตัวละครเพียงตัวเดียวที่ไม่สนับสนุนความคิดของ Will Traynor นั่นคือแม่ของ Louisa ที่บอกกับลูกของตนว่าไม่ต้องไปอยู่ด้วยกันที่นั่นตอน Will Traynor จะฆ่าตัวตาย แต่สุดท้าย Lou ก็ไม่ฟัง
นอกจากนี้ John Kelly ผู้อำนวยการของ Not Dead Yet กลุ่มสิทธิผู้พิการที่ต่อต้านการการุณยฆาต ซึ่ง John Kelly ก็เป็นผู้พิการที่ได้รับบาดเจ็บจากเส้นประสาทไขสันหลังเช่นเดียวกัน Will Traynor แต่ที่ต่างกันคือเขาออกมาพูดว่าตัวเขาเองและผู้พิการคนอื่น ๆ รู้สึกดีกว่าที่จะมีชีวิตต่อไปแทนที่จะตาย
“Jojo Moyes ผู้เขียนนิยายและเขียนบทภาพยนตร์ยอมรับแล้วว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวคนพิการที่เป็นอัมพาต (Quardriplegic) แต่ก็ยังมีคนสนับสนุนความไม่รู้เรื่องของเธอที่ว่าให้คนอย่างฉันตายไปซะยังดีกว่า” ก่อนที่ John Kelly จะกล่าวต่อ
“พวกเราไม่ใช่ ‘ภาระ’ ที่การฆ่าตัวตายเป็นทางเลือกเดียวที่ดีที่สุด การฆ่าตัวตายของคนทุกคนไม่ควรทำมันออกมาให้ดีและเป็นแรงบันดาลใจแบบนั้น เราปฏิเสธการเลือกปฏิบัตินี้ การฆ่าตัวตายของพวกเราควรทำออกมาให้เป็น โศกนาฏกรรมเหมือนคนอื่น”
Ben Mattlin ผู้พิการอีกคนที่เกิดมามีปัญหากล้ามเนื้อลีบได้เขียนบทความลง Chicago Tribune ไว้ว่า “การเป็นอัมพาตเป็นเรื่องที่ยาก และมันก็ชักจูงให้ยอมแพ้อยู่เรื่อย ผมได้รับความช่วยเหลือมาตลอดจากคนดูแลและสมาชิกในครอบครัวเหมือนกับ Will Traynor ผู้พิการในหนังเรื่องนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหางาน อยู่คนเดียวในร้านค้า ร้านอาหาร โดยปราศจากการดูแล หรือแม้กระทั่งในห้องน้ำผู้พิการ
“แต่ยังดีที่ผมมีความมั่นใจในตัวเองและรู้ว่าตัวเองอยากจะมีชีวิตต่อไป แต่ก็มีคนพิการจำนวนมากที่มีปัญหาเรื่องการนับถือตัวเองที่ไม่แน่ใจเรื่องสิทธิ์การดำรงชีวิต หรือจะมีความกล้ามากพอที่จะต้านทานข้อความที่น่าขุ่นข้องหมองใจในหนังนี้หรือไม่”
และเนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เกิดกระแสไม่พอใจดังที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้ผู้สนับสนุนคนพิการกลุ่มต่าง ๆ รวมตัวกันคว่ำบาตร Me Before You ที่เข้าฉายในอเมริกาวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา
“สังคมของเราให้คุณค่ากับคนที่มีร่างกายเพียบพร้อมอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ละเลยความสำคัญต่อผู้พิการ” Kelly Buckland ผู้อำนวยการบริหารของสภาแห่งชาติการดำรงชีวิตอิสระของคนพิการ (Independent Living) กล่าว นอกจากนี้ Kelly Buckland ยังได้ทำหน้าที่ผู้เป็นสามีและพ่อของลูกในคราวเดียวกันอีกด้วย ถึงแม้เขาจะมีปัญหาที่เส้นประสาทไขสันหลัง
“เราเข้าใจว่าการที่จะต้องมานั่งรับมือกับการสูญเสียความฝันที่มีมาก่อนหน้านี้พร้อมกับการเสียสภาพร่างกายไปด้วยมันเป็นยังไง” Kelly Buckland เผย “หากมีใครสักเจอแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาก็คงจะรู้สึกว่าตายไปซะยังดีกว่าแบบนั้นนะแหละ แต่ถ้าการช่วยให้ใครสักคนฆ่าตัวตายได้เป็นเรื่องถูกกฎหมายตั้งแต่ในอดีตแล้วละก็ คนอย่างเราก็คงไม่ได้มาอยู่อย่างทุกวันนี้หรอก”
ปัจจุบันในอเมริกามีรัฐอยู่ 5 รัฐที่อนุญาตให้จ่ายยาตามใบสั่งแก่ผู้ป่วยขั้นรุนแรงเพื่อจบชีวิตของพวกเขาได้แก่ Oregon, Washington, Montana, Vermont และ California
“เราอยากให้คนแยกแยะให้ออกระหว่าง การุณยฆาต (Euthanasia) ที่ผิดกฎหมายในสหรัฐ กับ ความช่วยเหลือทางการแพทย์ในการฆ่าตัวตาย (Medical aid in dying) ที่ใช้อยู่ที่ Oregon และรัฐอื่น ๆ อีก 4 รัฐให้ออก” Charmaine Manansala ผู้อำนวยการ Compassion & Choices องค์กรที่สนับสนุน Medical aid in dying กล่าว
“Medical aid in dying ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้พิการ หากไม่ได้ป่วยขั้นรุนแรง ตัวฉันเองก็อยู่กับโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งมา (MS) และฉันก็จะไม่สนับสนุนให้ใช้ Medical aid in dying กับคนอย่าง Will Traynor ใน Me Before You หรอก”
Katie Driscoll ประธานองค์กร Changing the Face of Beauty ที่มีจุดประสงค์ให้กำลังใจและสนับสนุนคนพิการในการถ่ายภาพกล่าวว่า
“สื่อมีเสียงที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในการสร้างความรับรู้ของสังคม และหนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะสื่อว่าผู้พิการคือภาระ จริง ๆ คือฉันอยากจะเห็นตัวอย่างด้านบวกของคนพิการในสื่อบันเทิงมากกว่านี้” ก่อนที่ Katie จะเปิดประเด็นด้านการคัดนักแสดงว่า “แต่ด้วยความสัตย์จริงเลยนะ สิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุดก็คือการที่เขาคัดคนปกติสมบูรณ์มารับบทคนพิการเนี่ยแหละ มันมีอยู่ไม่กี่บทหรอกที่คนพิการสามารถเล่นได้ ทำไมเราไม่ให้บทนั้นกับพวกเขาละ”
และหลังเกิดกระแสผู้สนับสนุนคนพิการออกมาค้านภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าทำไมไม่ทำให้ฉากจบออกมาสดใส Thea Sharrock ผู้กำกับ Me Before You ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Weekly ว่า
"คุณทำไม่นั้นไม่ได้หรอก ... เราสามารถพูดได้เลยว่าทำออกมาตรงตามนิยายเป๊ะ ๆ" ก่อนที่เธอจะกล่าวต่ออีกว่า 'มันเป็นฉากจบที่กล้าหาญ มันง่ายเกินไปที่จะทำออกมาเป็นอื่น เราสามารถเล่าเรื่องราวในวันพรุ่งนี้ได้ แต่ทำแบบเนี่ยแหละ น่าสนใจดี"
http://www.ew.com/article/2016/06/05/me-before-you-ending-director-responds
ดราม่าจ้า! เมื่อมีคนอินประเด็นคนพิการ มากกว่าความโรแมนติกใน Me Before You
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Me Before You เป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ดัดแปลงมาจากนิยายขายดีในชื่อเดียวกันของ Jojo Moyes แสดงโดย Sam Claflin (รับบทเป็น Will Traynor) และ Emily Clarke (รับบทเป็น Louisa “Lou” Clark) ซึ่งเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายก็ได้ผลตอบรับที่ดีจากบรรดาคอหนังโรแมนติก แต่ท่ามกลางคำชมที่เอ่อล้นนั้นยังมีเสียงวิจารณ์เล็ก ๆ อยู่กลุ่มหนึ่งที่ไม่พอใจกับหนังรักเรื่องนี้ โดยเฉพาะฉากจบ ซึ่งหนึ่งในเสียงวิจารณ์ด้านลบที่ว่าก็คือ Tom Shakely ผู้อำนวยการบริหารของ Terri Schiavo Life & Hope Network ที่สนับสนุนเด็กพิการ
“Me Before You เป็นเรื่องที่สื่อตรงตัวว่าความปรารถนาที่จะตายเป็นเรื่องโรแมนติก” Tom Shakely ให้สัมภาษณ์กับ The Daily Signal “แถมยังทำให้ Dignitas คลินิกที่สนับสนุนการฆ่าตัวตายในสวิสเป็นเรื่องโรแมนติกอีกด้วย ถ้าเขายื่นยาพิษให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ พวกเขาจะถูกประณามอย่างกว้างขวางในเรื่องการไม่ให้โอกาสกลับมาอีกครั้ง”
“ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถามและตอบคำถามว่า ‘มันจะดีขึ้นไหม หากเราตายไป’ ” ก่อนที่ Tom Shakely จะกล่าวต่ออีกว่า “และถ้าเราปล่อยให้ความโรแมนติกของคลินิกฆ่าตัวตายที่อยู่ต่างประเทศนี้มามีอิทธิพลต่อการรับรู้เรื่องสิทธิมนุษยชนของเราแล้วละก็ เราจะสร้างโลกที่มืดมัวมากขึ้นกว่าโลกเดิมที่เราเกิดมา มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องไหมที่จะให้การฆ่าตัวตายเป็นการรักษาเนี่ย”
Stephanie Gray นักกิจกรรมด้านการทำแท้ง (Pro-life activist) ก็ได้เขียนข้อความลงบล็อคส่วนตัวเอาไว้ว่า “ตัวละครเกือบทุกตัวดูสิ้นหวังไปหมด พวกเขาสนับสนุน อำนวยความสะดวก ให้ Will ฆ่าตัวตายแบบที่เขาต้องการ”
ซึ่งใน Me Before You มีตัวละครเพียงตัวเดียวที่ไม่สนับสนุนความคิดของ Will Traynor นั่นคือแม่ของ Louisa ที่บอกกับลูกของตนว่าไม่ต้องไปอยู่ด้วยกันที่นั่นตอน Will Traynor จะฆ่าตัวตาย แต่สุดท้าย Lou ก็ไม่ฟัง
นอกจากนี้ John Kelly ผู้อำนวยการของ Not Dead Yet กลุ่มสิทธิผู้พิการที่ต่อต้านการการุณยฆาต ซึ่ง John Kelly ก็เป็นผู้พิการที่ได้รับบาดเจ็บจากเส้นประสาทไขสันหลังเช่นเดียวกัน Will Traynor แต่ที่ต่างกันคือเขาออกมาพูดว่าตัวเขาเองและผู้พิการคนอื่น ๆ รู้สึกดีกว่าที่จะมีชีวิตต่อไปแทนที่จะตาย
“Jojo Moyes ผู้เขียนนิยายและเขียนบทภาพยนตร์ยอมรับแล้วว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวคนพิการที่เป็นอัมพาต (Quardriplegic) แต่ก็ยังมีคนสนับสนุนความไม่รู้เรื่องของเธอที่ว่าให้คนอย่างฉันตายไปซะยังดีกว่า” ก่อนที่ John Kelly จะกล่าวต่อ
“พวกเราไม่ใช่ ‘ภาระ’ ที่การฆ่าตัวตายเป็นทางเลือกเดียวที่ดีที่สุด การฆ่าตัวตายของคนทุกคนไม่ควรทำมันออกมาให้ดีและเป็นแรงบันดาลใจแบบนั้น เราปฏิเสธการเลือกปฏิบัตินี้ การฆ่าตัวตายของพวกเราควรทำออกมาให้เป็น โศกนาฏกรรมเหมือนคนอื่น”
Ben Mattlin ผู้พิการอีกคนที่เกิดมามีปัญหากล้ามเนื้อลีบได้เขียนบทความลง Chicago Tribune ไว้ว่า “การเป็นอัมพาตเป็นเรื่องที่ยาก และมันก็ชักจูงให้ยอมแพ้อยู่เรื่อย ผมได้รับความช่วยเหลือมาตลอดจากคนดูแลและสมาชิกในครอบครัวเหมือนกับ Will Traynor ผู้พิการในหนังเรื่องนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหางาน อยู่คนเดียวในร้านค้า ร้านอาหาร โดยปราศจากการดูแล หรือแม้กระทั่งในห้องน้ำผู้พิการ
“แต่ยังดีที่ผมมีความมั่นใจในตัวเองและรู้ว่าตัวเองอยากจะมีชีวิตต่อไป แต่ก็มีคนพิการจำนวนมากที่มีปัญหาเรื่องการนับถือตัวเองที่ไม่แน่ใจเรื่องสิทธิ์การดำรงชีวิต หรือจะมีความกล้ามากพอที่จะต้านทานข้อความที่น่าขุ่นข้องหมองใจในหนังนี้หรือไม่”
และเนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เกิดกระแสไม่พอใจดังที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้ผู้สนับสนุนคนพิการกลุ่มต่าง ๆ รวมตัวกันคว่ำบาตร Me Before You ที่เข้าฉายในอเมริกาวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา
“สังคมของเราให้คุณค่ากับคนที่มีร่างกายเพียบพร้อมอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ละเลยความสำคัญต่อผู้พิการ” Kelly Buckland ผู้อำนวยการบริหารของสภาแห่งชาติการดำรงชีวิตอิสระของคนพิการ (Independent Living) กล่าว นอกจากนี้ Kelly Buckland ยังได้ทำหน้าที่ผู้เป็นสามีและพ่อของลูกในคราวเดียวกันอีกด้วย ถึงแม้เขาจะมีปัญหาที่เส้นประสาทไขสันหลัง
“เราเข้าใจว่าการที่จะต้องมานั่งรับมือกับการสูญเสียความฝันที่มีมาก่อนหน้านี้พร้อมกับการเสียสภาพร่างกายไปด้วยมันเป็นยังไง” Kelly Buckland เผย “หากมีใครสักเจอแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาก็คงจะรู้สึกว่าตายไปซะยังดีกว่าแบบนั้นนะแหละ แต่ถ้าการช่วยให้ใครสักคนฆ่าตัวตายได้เป็นเรื่องถูกกฎหมายตั้งแต่ในอดีตแล้วละก็ คนอย่างเราก็คงไม่ได้มาอยู่อย่างทุกวันนี้หรอก”
ปัจจุบันในอเมริกามีรัฐอยู่ 5 รัฐที่อนุญาตให้จ่ายยาตามใบสั่งแก่ผู้ป่วยขั้นรุนแรงเพื่อจบชีวิตของพวกเขาได้แก่ Oregon, Washington, Montana, Vermont และ California
“เราอยากให้คนแยกแยะให้ออกระหว่าง การุณยฆาต (Euthanasia) ที่ผิดกฎหมายในสหรัฐ กับ ความช่วยเหลือทางการแพทย์ในการฆ่าตัวตาย (Medical aid in dying) ที่ใช้อยู่ที่ Oregon และรัฐอื่น ๆ อีก 4 รัฐให้ออก” Charmaine Manansala ผู้อำนวยการ Compassion & Choices องค์กรที่สนับสนุน Medical aid in dying กล่าว
“Medical aid in dying ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้พิการ หากไม่ได้ป่วยขั้นรุนแรง ตัวฉันเองก็อยู่กับโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งมา (MS) และฉันก็จะไม่สนับสนุนให้ใช้ Medical aid in dying กับคนอย่าง Will Traynor ใน Me Before You หรอก”
Katie Driscoll ประธานองค์กร Changing the Face of Beauty ที่มีจุดประสงค์ให้กำลังใจและสนับสนุนคนพิการในการถ่ายภาพกล่าวว่า
“สื่อมีเสียงที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในการสร้างความรับรู้ของสังคม และหนังเรื่องนี้ดูเหมือนจะสื่อว่าผู้พิการคือภาระ จริง ๆ คือฉันอยากจะเห็นตัวอย่างด้านบวกของคนพิการในสื่อบันเทิงมากกว่านี้” ก่อนที่ Katie จะเปิดประเด็นด้านการคัดนักแสดงว่า “แต่ด้วยความสัตย์จริงเลยนะ สิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุดก็คือการที่เขาคัดคนปกติสมบูรณ์มารับบทคนพิการเนี่ยแหละ มันมีอยู่ไม่กี่บทหรอกที่คนพิการสามารถเล่นได้ ทำไมเราไม่ให้บทนั้นกับพวกเขาละ”
และหลังเกิดกระแสผู้สนับสนุนคนพิการออกมาค้านภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าทำไมไม่ทำให้ฉากจบออกมาสดใส Thea Sharrock ผู้กำกับ Me Before You ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Weekly ว่า
"คุณทำไม่นั้นไม่ได้หรอก ... เราสามารถพูดได้เลยว่าทำออกมาตรงตามนิยายเป๊ะ ๆ" ก่อนที่เธอจะกล่าวต่ออีกว่า 'มันเป็นฉากจบที่กล้าหาญ มันง่ายเกินไปที่จะทำออกมาเป็นอื่น เราสามารถเล่าเรื่องราวในวันพรุ่งนี้ได้ แต่ทำแบบเนี่ยแหละ น่าสนใจดี"
http://www.ew.com/article/2016/06/05/me-before-you-ending-director-responds