*แก้ไขจ้าจากหัวเรื่องจ้า เพลินไปหน่อยเลยเขียนผิด 2 อันนี้เป็นนี้ ซีรั่ม ไม่ใช่คลีนเซอร์
สวัสดีค่า วันนี้ฤกษ์งามยามดีของลองชิมลางรีวิวของที่ใช้อยู่แบบมินิดูบ้างค่ะ
เป็นการเทียบเซรั่ม 2 อันอย่างที่บอกตรงหัวเลยคือ Aesop Parsley Seed Anti-Oxidant Serum
แบรนด์ใหม่ที่เพิ่งไปจัดมาเมื่อไม่กี่วันก่อน กับของเดิมติดบ้านที่ใช้ก่อนหน้านี้อย่าง jurlique herbal recovery
ออกตัวก่อนค่ะว่าตอนนี้อายุใกล้เลขสามละ อาการพวกสิวฝ้าหน้ามันก็เป็นง่ายขึ้น
ริ้วรอยก็ต้องดูแลมากขึ้น ไม่ทาอะไรหน้าก็แห้งไวขึ้น กลัวหน้าเหี่ยวก็หาเซรั่มมาลองใช้หลายๆ แบบ
สิ่งที่ชอบและจับมาเทียบ 2 อันนี้คือ อย่างแรกเขาไม่ใส่น้ำหอมเป็นส่วนผสม
ตอนลองแล้วรู้สึกได้ว่ามันซึมเข้าผิวได้ค่อนข้างไวดี แต่ในความเหมือนย่อมมีความต่าง
มาดูกัน
Jurlique Hebal Recovery
เจ้าขวดปั๊มสีมุก เนื้อครีมไม่เหนียว มีกลิ่นหอมเล็กน้อย
สรรพคุณ มีทรีทเม้นต์ออยฟื้นฟูผิว ประกอบกับมอยเจอไรเซอร์ต้านอนุมูลอิสระ
ขั้นตอนการใช้ไม่มีอะไรพิเศษอุ่นครีมแล้วลูบบนหน้าเบาๆ
ให้ความรู้สึกตอนทาที่ดี เพราะซึมผิวด้วยเวลาไม่นาน
ความรู้สึกหลังใช้หน้ามันนุ่มขึ้นนะ เพราะแบรนด์นี้เขาเน้นนวดหน้าด้วยมั๊งเลยรู้สึกได้ไว
ถ้าให้คะแนน ก็คง 7/10 ชอบตรงความรู้สึกนุ่มหลังใช้แต่เราใช้ เหมือนกับว่าผลลัพธ์ยังไม่ได้ตามที่คิดไว้นักค่ะ
Aesop Parsley Seed
เราว่าขวดของยี่ห้อนี้แปลกดี คือมันไม่ให้ความรู้สึกของสกินแคร์แม้แต่น้อย
ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นขวดเรียบๆ ง่ายๆ สีชาฝาจุกที่เป็นตัวสลิงค์บีบ เหมือนพวกเวชภัณฑ์อะไรทำนองนั้น
คือดูขลังน่าเชื่อถือไปอีกแบบดีนะ
สรรพคุณ ส่วนของเซรั่มตัวนี้ทาง BA อธิบายว่า anti-oxidant และให้ความชุ่มชื่น
ขั้นตอนการใช้ก็บีบออกมาเบาๆ ไม่ต้องเยอะค่ะ เพราะมันไม่เหนียวและจะเยิ้มให้เสียของได้ (ทุกหยดมีค่า)
ตอนทามันก็ต่างจากอันแรกนะคือด้วยเนื้อมันใส และกลัวเลอะ แต่ก็ดีตรงที่ มันซึมเข้าผิวได้เร็วมาก เร็วมากจริงๆ
แนะนำว่าถ้าผิวแห้งจะเห็นผลชัดมากเลยทีเดียว เพิ่งใช้ได้ไม่กี่วัน แต่ก็รู้สึกชุ่มชื่นแบบธรรมชาติ
แบบทาแล้วอยากทาอีกเพราะมันซึมเร็วดีนี่แหละ คิดว่าไม่เกินเดือนน่าจะเห็นผลชัดเจน
ส่วนอันนี้ให้คะแนน 9/10 มีความเห่อของใหม่ด้วย ประกอบกับความรู้สึกว่าสิ่งนี้มันชุ่มชื่นไม่เหนอะ
แบบธรรมชาติมากกว่าค่ะ
ปล.ผลลัพธ์เป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าของแต่ละคนด้วยน้า
[CR] รีวิวเทียบคลีนเซอร์ขึ้นหิ้ง Aesop VS Jurilque
สวัสดีค่า วันนี้ฤกษ์งามยามดีของลองชิมลางรีวิวของที่ใช้อยู่แบบมินิดูบ้างค่ะ
เป็นการเทียบเซรั่ม 2 อันอย่างที่บอกตรงหัวเลยคือ Aesop Parsley Seed Anti-Oxidant Serum
แบรนด์ใหม่ที่เพิ่งไปจัดมาเมื่อไม่กี่วันก่อน กับของเดิมติดบ้านที่ใช้ก่อนหน้านี้อย่าง jurlique herbal recovery
ออกตัวก่อนค่ะว่าตอนนี้อายุใกล้เลขสามละ อาการพวกสิวฝ้าหน้ามันก็เป็นง่ายขึ้น
ริ้วรอยก็ต้องดูแลมากขึ้น ไม่ทาอะไรหน้าก็แห้งไวขึ้น กลัวหน้าเหี่ยวก็หาเซรั่มมาลองใช้หลายๆ แบบ
สิ่งที่ชอบและจับมาเทียบ 2 อันนี้คือ อย่างแรกเขาไม่ใส่น้ำหอมเป็นส่วนผสม
ตอนลองแล้วรู้สึกได้ว่ามันซึมเข้าผิวได้ค่อนข้างไวดี แต่ในความเหมือนย่อมมีความต่าง
มาดูกัน
Jurlique Hebal Recovery
เจ้าขวดปั๊มสีมุก เนื้อครีมไม่เหนียว มีกลิ่นหอมเล็กน้อย
สรรพคุณ มีทรีทเม้นต์ออยฟื้นฟูผิว ประกอบกับมอยเจอไรเซอร์ต้านอนุมูลอิสระ
ขั้นตอนการใช้ไม่มีอะไรพิเศษอุ่นครีมแล้วลูบบนหน้าเบาๆ
ให้ความรู้สึกตอนทาที่ดี เพราะซึมผิวด้วยเวลาไม่นาน
ความรู้สึกหลังใช้หน้ามันนุ่มขึ้นนะ เพราะแบรนด์นี้เขาเน้นนวดหน้าด้วยมั๊งเลยรู้สึกได้ไว
ถ้าให้คะแนน ก็คง 7/10 ชอบตรงความรู้สึกนุ่มหลังใช้แต่เราใช้ เหมือนกับว่าผลลัพธ์ยังไม่ได้ตามที่คิดไว้นักค่ะ
Aesop Parsley Seed
เราว่าขวดของยี่ห้อนี้แปลกดี คือมันไม่ให้ความรู้สึกของสกินแคร์แม้แต่น้อย
ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นขวดเรียบๆ ง่ายๆ สีชาฝาจุกที่เป็นตัวสลิงค์บีบ เหมือนพวกเวชภัณฑ์อะไรทำนองนั้น
คือดูขลังน่าเชื่อถือไปอีกแบบดีนะ
สรรพคุณ ส่วนของเซรั่มตัวนี้ทาง BA อธิบายว่า anti-oxidant และให้ความชุ่มชื่น
ขั้นตอนการใช้ก็บีบออกมาเบาๆ ไม่ต้องเยอะค่ะ เพราะมันไม่เหนียวและจะเยิ้มให้เสียของได้ (ทุกหยดมีค่า)
ตอนทามันก็ต่างจากอันแรกนะคือด้วยเนื้อมันใส และกลัวเลอะ แต่ก็ดีตรงที่ มันซึมเข้าผิวได้เร็วมาก เร็วมากจริงๆ
แนะนำว่าถ้าผิวแห้งจะเห็นผลชัดมากเลยทีเดียว เพิ่งใช้ได้ไม่กี่วัน แต่ก็รู้สึกชุ่มชื่นแบบธรรมชาติ
แบบทาแล้วอยากทาอีกเพราะมันซึมเร็วดีนี่แหละ คิดว่าไม่เกินเดือนน่าจะเห็นผลชัดเจน
ส่วนอันนี้ให้คะแนน 9/10 มีความเห่อของใหม่ด้วย ประกอบกับความรู้สึกว่าสิ่งนี้มันชุ่มชื่นไม่เหนอะ
แบบธรรมชาติมากกว่าค่ะ
ปล.ผลลัพธ์เป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าของแต่ละคนด้วยน้า