สวัสดีครับ กระทู้แรกของผม ไม่เคยคิดจะออกมาเล่าอะไรแบบนี้ จนวันนี้ เมื่อเช้า.. สดๆ เริ่มเลยแล้วกันครับ
ผมเป็นคนจังหวัดประจวบฯครับ อยู่มาตั้งแต่เด็กๆ แม้จะไม่ได้เกิดที่นี่ แต่ก็น่าจะได้ชื่อว่าเป็นคนที่นี่
อยู่มานาน ประจวบเป็นเมืองเล็กๆครับ โดยเฉพาะอำเภอเมือง ค่อนข้างเงียบ สงบ
เฉพาะในอำเภอเมืองเอง ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวไม่มากครับ หลักๆที่คนมากันก็ อ่าวมะนาว รองลงไปก็ถนนคนเดินประจวบ (มีเฉพาะ ศ,ส)
มีพิพิฒภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ อ่าวประจวบ คลองวาฬ เขาล้อมหมวก ทะเลแหวก..
แต่มีสถานที่นึงที่ เด่นชัดตั้งแต่ตอนเข้าตัวจังหวัดมาเลยครับ คือ "เขาช่องกระจก" และเรื่องราวสยองนี้ เกิดขึ้นที่นี่ครับ..
บังเอิญว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับครับ ดูนาฬิกาจะตีสี่แล้ว เลยบอกแฟนว่า "ไปถ่ายรูปดวงอาทิตย์ขึ้นกันมั้ย ป่ะ ขึ้นเขาช่องกระจกกัน"
ตกลง.. ก็เลยลุกขึ้นแต่งตัว เตรียมกล้อง เลนส์ แบต เม็มโมรี่การ์ด พร้อม ขับรถจากบ้านประมาณ 20 นาทีก็ถึงครับ
ก่อนออกเปิดแอพดูว่า ดวงอาทิตย์ขึ้น 5.55น. ก็คำนวนเวลา จำได้คร่าวๆว่าไปถึงประมาณตีห้านิดๆ
หาที่จอดรถ และเริ่มเดินขึ้นบันไดทีละขั้น ทีละขั้น ด้วยความตั้งใจจะขึ้นไปถ่ายดวงอาทิตย์ขึ้นทางทะเล และเขาช่องกระจกมันสูงพอสมควร
น่าจะได้วิวที่สวยมาก เลยรีบๆๆก้าวขึ้นกัน ลืมนับขั้นว่ากี่ขั้น.. หยุดพักเป็นช่วงๆเนื่องจากคนข้างๆไม่ไหว ซักพักเริ่มเห็นแสงรำไรที่ฟ้า..
พระเอกกำลังจะมาครับ "ดวงอาทิตย์" จังหวะนั้นเกือบๆได้เวลา ก็เริ่มใกล้ถึงยอดเขา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ต้องย้อนไปนิดนึงครับ
ว่าที่นี่ ขึ้นชื่อเรื่องลิง..เยอะ!! + ซน.. และสำหรับผม ไม่เคยขึ้นมาก่อนเขาช่องกระจกเนี่ย แต่มีโอกาสได้ไฟท์กับลิงที่นี่บ่อยครั้ง
ไม่ว่าจะเอารถมาจอดซื้อของแถวนั้น เดินกลับมาที่รถ กระจกข้างจะถูกงัดออกไปส่องเล่น..เสมอ ยางขอบรถจะถูกดึง แงะ แคะ หัก
ระหว่างทางที่เดินขึ้น ก็ถ่ายรูปกิ่งก้านไม้ ที่ตัดกับแสงสีฟ้าของท้องฟ้า สวยมากครับ จนลืมสังเกตุถึงเจ้าตัวที่เกาะอยู่บนกิ้งนั้นๆ
และในที่สุด ก็ขึ้นไปถึงยอดครับ ด้านบนเป็นวัด ไม่แน่ใจว่ามีพระจำอยู่ไหม แต่ได้ยินเสียงเหมือนน่าจะมี
เดินไปที่จุดที่เห็นทะเลกว้างที่สุดครับ.. "หายเหนื่อย" วิวสวยมากๆ พาโนรามาเลยครับ ประมาณ 180 องศา
ทะเล เส้นขอบฟ้า ภูเขา และแสงของดวงอาทิตย์ หันไปถามแฟนว่า "เป็นไง เหนื่อย แต่คุ้มมั้ยหล่ะ" ไม่มีเสียงตอบครับ พยักหน้าอย่างเดียว
(เหนื่อยจนพูดไม่ไหว) ผมรีบยกกล้องขึ้นถ่าย กดไม่รู้กี่รูปครับ เพลินมาก ฟ้าเริ่มสว่าง ทุกอย่างเริ่มชัด รวมถึง.. ลิงเริ่มตื่น!!
ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายรูปไป ก็เริ่มมีลิงตัวเล็ก ตัวน้อย รวมถึงตัวใหญ่.. และใหญ่มาก มาเดินวนเวียนรอบตัว
กระโดดเล่นกันเองบ้าง แหย่กันเอง ไล่กัน รวมถึงกัดกัน กัดแบบเวอร์ชั่นน่าจะมีลิงตายอ่ะ ความรู้สึกผม..
ถามว่ากลัวมั้ย ไม่ครับ ยังคงเพลินกับการถ่ายรูป แต่คนที่ขึ้นมากับผมนี่สิ เริ่มนั่งไม่ติด เพราะเจ้าลิงมันเริ่มประชิดตัว
แฟนผมก็กลัวสิครับ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมก็บอก ไม่ต้องกลัวนะ มันแค่เดินมาดูเดี๋ยวก็ไป (ปลอบใจกันไป) "น้องดูมันสิ ตัวนิดเดียว"
"ตามันก็บ้องแบ๊ว เขี้ยวก็เล็กนิดเดียว อย่าไปกลัว ความกลัวเป็นแค่จินตนาการ ความคิด เราสร้างมันขึ้นมาเองทั้งนั้น..."
พูดจบประโยคหันไปเจออีกตัวกำลังหาว.. อืม.. เขี้ยว..ไม่เล็กนะครับ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือครับ
ด้วยความที่อยากได้ภาพสวยๆ อีกนิดเดียวดวงอาทิตย์ก็จะขึ้นพ้นขอบภูเขาแล้ว ต้องสวยมากแน่ๆเลย
ระหว่างที่ถ่าย เริ่มมีอะไรกระตุกๆที่กระเป๋าที่ใส่เลนส์ ซึ่งห้อยอยู่ที่เข็มขัดกางเกงด้านหลัง ใช่ครับ ลิงมาดึงกระเป๋า!! จุ้ๆๆๆ ก็ทำเสียงแบบนี้ไล่มันไป
มันก็ขยับตัวออกไปนะครับ แต่ก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน ระหว่างที่ถ่ายรูป จะได้ยินเสียงลิงวิ่งไล่กัน กัดกัน แกะหลังคามาเคาะพื้น
กระโดดขึ้นไปโยกเสาธงแบบบ้าคลั่ง ใช้คำนี้คงไม่มากเกินไปครับ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ คล้ายๆกับคนกำลังโมโหใครซักคน แล้วบีบคอเขย่าๆเหมือนจะให้ตาย
ประมาณนั้นเลยครับ ถามว่ากลัวมั้ย.. เริ่มๆแล้วครับ แต่ถ้าเรากลัว แล้วแสดงอาการ อีกคนที่มาด้วยคงไม่ไหวแน่ๆ ผมหันไปถามเธอเสมอ
"น้องไหวมั้ย ไม่ไหวบอกพี่นะ" "ยังไหวอยู่" ตอบมาแบบนั้นก็ลุยต่อครับ ใกล้แล้ว ใกล้จะพ้นมาแล้วดวงอาทิตย์
เล่ามานาน ไม่พ้นซักทีใช่ไหมครับ ไม่ได้ถ่ายซักที ทำไมนานจังกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นมาชัดๆ จะได้ถ่ายๆ จบๆ แล้วลง กลับบ้าน
ผมก็คิดแบบนั้นครับ (เริ่มไม่ไหวกับแรงกดดัน) จำนวนลิงรอบตัวที่เพิ่มขึ้น ความรุกราน ย่องมาจะฉกกระติกน้ำบ้าง เกาะขาจับรองเท้า แยกเขี้ยวใส่บ้าง
จนถึงขีดสุด ไม่ไหวคือ มีเจ้าถิ่นตัวใหญ่ อ้วน ที่หน้ามีรอบบากเหมือนผ่านสงคราม นักรบ และชนะศึกมานับไม่ถ้วน 3-5 ตัว เริ่มเข้ามาใกล้
และไล่ตัวเล็กๆออกไป ความรู้สึกของผมคือ ตัวใหญ่มันคงคิดประมาณว่า "นี่คือเหยื่อของข้า พวกเอ็งถอยไปให้หมด!!"
เมื่อผมคิดได้ดังนั้น เหมาะเจาะกับมีมือเข้ามาดึงแขนแล้วบอกว่า "หนูไม่ไหวแล้ว" นั่นแหละครับ กลับกันดีกว่า ต้องยอมครับ แม้จะยังไม่ได้ถ่าย
ให้สมกับความตั้งใจก็ตาม แต่หนักกว่านี้ผมกลัวจะรับมือไม่ไหว ผมหันหลังกลับไป เจอพวกเขา "ฝูงลิง" นั่งอยู่เกือบๆ 20 ตัวได้ครับ
ล้อมเราไว้เป็นเหยื่อในเกือกม้า อื้อหือ ไม่รู้จะก้าวออกไปทางไหน "จุ้ๆๆ" ก็ไม่ไปครับ เลยคิดแฟนว่าต้องเอาอะไรโยนให้มันไปกิน..
"น้อง เรามีขนมปังที่แวะซื้อก่อนขึ้นมานี่ เอาออกมาโยนให้มันวิ่งตามไป ทางจะได้แหวก" แฟนผมก็เริ่มล้วงกระเป๋าครับ
ระหว่างที่ล้วง พวกลิงก็รุกเข้ามาใกล้อีก และใกล้อีก เนื่องจากมันคงรับรู้ได้ว่า มีของกินเว้ยยยย ทำให้มันดูน่ากลัวขึ้นไปอีกสามเท่า.. ลนครับ
ล้วงหาไม่เจอ ขนมปังก็ชิ้นใหญ่.. "ใจเย็นๆน้อง ค่อยๆนะ ไม่ต้องกลัว พี่ไม่กลัวนะ เดี๋ยวจะพาลงไป" นั่น พระเอกอีก ข่มไว้ ข่มมมมไว้..
เจอปุ้บ โยนครับ โยนไปไกลๆ โชคดีที่มันหลงกลแหวก.. เอ้า เดินนนน แขนผมแทบจะเป็นรูครับ ไม่ใช่ลิงกัดนะครับ เล็บแฟนผมเนี่ย จิกหนักมาก..
เข้าใจครับ ตัวเธอสั่น คงกลัวมาก ระหว่างที่เรากำลังเดินลงเรื่อยๆ ก็มีทั้งลิงที่วิ่งตามมาตามราวบันได และลิงที่นั่งขวางทางจนเต็มบันได..
เอ้อ เอากับมันสิ ตอนขึ้นไม่เจอที่บันไดซักตัวครับ เดินขึ้นสบายๆ แต่ลงนี่ ต้องเดินหลบลิง แทบจะตะแคงเท้าลง เพราะมันไม่หลบครับ
บางช็อตเจอนั่นจนเต็มหน้าบันได จำนวนสี่ขั้น แออัดกันเกือบ 20 ตัว จนลงไม่ได้ ต้องยืนเดทแอร์ทิ้งตรงนั้นประมาณสองสามนาที กว่ามันจะขยับบ้าง
บางตัวจังหวะก้าวเท้าลงไปที่ข้างตัวมัน มันก็แยกเขี้ยวอันแหลมและยาวแถมเหลือง พร้อมเสียงขู่ "ขื่อ" ไม่รู้จะอธิบายเสียงยังไง
ลองพูดคำว่า "ขื่อ" โดยเป่าแต่ลมดูครับ มันเหมือนไม่น่ากลัวนะ แต่ตอนนั้น อืม.. "มาก.." ผมจำได้ว่าขึ้นใช้เวลาไม่นานเท่าลงครับ
ทำไมทางลงมันไกล หลายขั้น และลำบอกจังเลย "คิงลี่" ก็ต้องยอมเหยียบครับจังหวะนั้น มีกว่าเหยียบเลือดตัวเอง เฮ้อ..
สุดท้ายก็ลงมาได้ครับ อะดรีนาลีนหลั่งแบบพรั่งพรู สมองโล่งมาก ทั้งๆที่ไม่ได้นอน.. ลงมาถึงรถ เข้ารถ และล็อครถเรียบร้อยถึงถอนหายใจยาวได้ๆ
แล้วหันไปยอมรับกับแฟนตัวเองครับว่า "พี่ก็กลัว"
จบครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบ แอบคุยกันเล่นๆว่า ไปอีกมั้ย ขึ้นอีกมั้ย แฟนผมบอกว่า "ต่อให้พี่ซื้อไอโฟนให้หนูอีกเครื่องหนูก็ไม่ขึ้นไป"
ผมก็บอกว่า เหมือนกัน "ต่อให้คุณตั- โทรมาบอกว่าขึ้นไปอีกรอบ ผมจะให้เบ๊นซ์คุณ พี่ก็ไม่ขึ้นไป" คะแนนความน่ากลัวของด่านนี้ผมให้ 9/10 ครับ!!
ใครเคยไปที่นี่แล้วเจอแบบไหน ไม่ว่าจะลิงใจดี หรือใจร้าย มาแชร์กันได้นะครับ
ปล.ไม่ได้มีเจตนาจะดิสเครดิตจังหวัดประจวบฯ นะครับ ยังรักและรู้สึกว่าโชคดีที่ได้มาอยู่ที่นี่เสมอครับ
รูปที่ขึ้นไปถ่ายมาได้ครับ
ช่องกระจก..หลอน
ผมเป็นคนจังหวัดประจวบฯครับ อยู่มาตั้งแต่เด็กๆ แม้จะไม่ได้เกิดที่นี่ แต่ก็น่าจะได้ชื่อว่าเป็นคนที่นี่
อยู่มานาน ประจวบเป็นเมืองเล็กๆครับ โดยเฉพาะอำเภอเมือง ค่อนข้างเงียบ สงบ
เฉพาะในอำเภอเมืองเอง ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวไม่มากครับ หลักๆที่คนมากันก็ อ่าวมะนาว รองลงไปก็ถนนคนเดินประจวบ (มีเฉพาะ ศ,ส)
มีพิพิฒภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ อ่าวประจวบ คลองวาฬ เขาล้อมหมวก ทะเลแหวก..
แต่มีสถานที่นึงที่ เด่นชัดตั้งแต่ตอนเข้าตัวจังหวัดมาเลยครับ คือ "เขาช่องกระจก" และเรื่องราวสยองนี้ เกิดขึ้นที่นี่ครับ..
บังเอิญว่าเมื่อคืนนอนไม่หลับครับ ดูนาฬิกาจะตีสี่แล้ว เลยบอกแฟนว่า "ไปถ่ายรูปดวงอาทิตย์ขึ้นกันมั้ย ป่ะ ขึ้นเขาช่องกระจกกัน"
ตกลง.. ก็เลยลุกขึ้นแต่งตัว เตรียมกล้อง เลนส์ แบต เม็มโมรี่การ์ด พร้อม ขับรถจากบ้านประมาณ 20 นาทีก็ถึงครับ
ก่อนออกเปิดแอพดูว่า ดวงอาทิตย์ขึ้น 5.55น. ก็คำนวนเวลา จำได้คร่าวๆว่าไปถึงประมาณตีห้านิดๆ
หาที่จอดรถ และเริ่มเดินขึ้นบันไดทีละขั้น ทีละขั้น ด้วยความตั้งใจจะขึ้นไปถ่ายดวงอาทิตย์ขึ้นทางทะเล และเขาช่องกระจกมันสูงพอสมควร
น่าจะได้วิวที่สวยมาก เลยรีบๆๆก้าวขึ้นกัน ลืมนับขั้นว่ากี่ขั้น.. หยุดพักเป็นช่วงๆเนื่องจากคนข้างๆไม่ไหว ซักพักเริ่มเห็นแสงรำไรที่ฟ้า..
พระเอกกำลังจะมาครับ "ดวงอาทิตย์" จังหวะนั้นเกือบๆได้เวลา ก็เริ่มใกล้ถึงยอดเขา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ระหว่างทางที่เดินขึ้น ก็ถ่ายรูปกิ่งก้านไม้ ที่ตัดกับแสงสีฟ้าของท้องฟ้า สวยมากครับ จนลืมสังเกตุถึงเจ้าตัวที่เกาะอยู่บนกิ้งนั้นๆ
และในที่สุด ก็ขึ้นไปถึงยอดครับ ด้านบนเป็นวัด ไม่แน่ใจว่ามีพระจำอยู่ไหม แต่ได้ยินเสียงเหมือนน่าจะมี
เดินไปที่จุดที่เห็นทะเลกว้างที่สุดครับ.. "หายเหนื่อย" วิวสวยมากๆ พาโนรามาเลยครับ ประมาณ 180 องศา
ทะเล เส้นขอบฟ้า ภูเขา และแสงของดวงอาทิตย์ หันไปถามแฟนว่า "เป็นไง เหนื่อย แต่คุ้มมั้ยหล่ะ" ไม่มีเสียงตอบครับ พยักหน้าอย่างเดียว
(เหนื่อยจนพูดไม่ไหว) ผมรีบยกกล้องขึ้นถ่าย กดไม่รู้กี่รูปครับ เพลินมาก ฟ้าเริ่มสว่าง ทุกอย่างเริ่มชัด รวมถึง.. ลิงเริ่มตื่น!!
ระหว่างที่ผมกำลังถ่ายรูปไป ก็เริ่มมีลิงตัวเล็ก ตัวน้อย รวมถึงตัวใหญ่.. และใหญ่มาก มาเดินวนเวียนรอบตัว
กระโดดเล่นกันเองบ้าง แหย่กันเอง ไล่กัน รวมถึงกัดกัน กัดแบบเวอร์ชั่นน่าจะมีลิงตายอ่ะ ความรู้สึกผม..
ถามว่ากลัวมั้ย ไม่ครับ ยังคงเพลินกับการถ่ายรูป แต่คนที่ขึ้นมากับผมนี่สิ เริ่มนั่งไม่ติด เพราะเจ้าลิงมันเริ่มประชิดตัว
แฟนผมก็กลัวสิครับ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ผมก็บอก ไม่ต้องกลัวนะ มันแค่เดินมาดูเดี๋ยวก็ไป (ปลอบใจกันไป) "น้องดูมันสิ ตัวนิดเดียว"
"ตามันก็บ้องแบ๊ว เขี้ยวก็เล็กนิดเดียว อย่าไปกลัว ความกลัวเป็นแค่จินตนาการ ความคิด เราสร้างมันขึ้นมาเองทั้งนั้น..."
พูดจบประโยคหันไปเจออีกตัวกำลังหาว.. อืม.. เขี้ยว..ไม่เล็กนะครับ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือครับ
ด้วยความที่อยากได้ภาพสวยๆ อีกนิดเดียวดวงอาทิตย์ก็จะขึ้นพ้นขอบภูเขาแล้ว ต้องสวยมากแน่ๆเลย
ระหว่างที่ถ่าย เริ่มมีอะไรกระตุกๆที่กระเป๋าที่ใส่เลนส์ ซึ่งห้อยอยู่ที่เข็มขัดกางเกงด้านหลัง ใช่ครับ ลิงมาดึงกระเป๋า!! จุ้ๆๆๆ ก็ทำเสียงแบบนี้ไล่มันไป
มันก็ขยับตัวออกไปนะครับ แต่ก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน ระหว่างที่ถ่ายรูป จะได้ยินเสียงลิงวิ่งไล่กัน กัดกัน แกะหลังคามาเคาะพื้น
กระโดดขึ้นไปโยกเสาธงแบบบ้าคลั่ง ใช้คำนี้คงไม่มากเกินไปครับ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ คล้ายๆกับคนกำลังโมโหใครซักคน แล้วบีบคอเขย่าๆเหมือนจะให้ตาย
ประมาณนั้นเลยครับ ถามว่ากลัวมั้ย.. เริ่มๆแล้วครับ แต่ถ้าเรากลัว แล้วแสดงอาการ อีกคนที่มาด้วยคงไม่ไหวแน่ๆ ผมหันไปถามเธอเสมอ
"น้องไหวมั้ย ไม่ไหวบอกพี่นะ" "ยังไหวอยู่" ตอบมาแบบนั้นก็ลุยต่อครับ ใกล้แล้ว ใกล้จะพ้นมาแล้วดวงอาทิตย์
เล่ามานาน ไม่พ้นซักทีใช่ไหมครับ ไม่ได้ถ่ายซักที ทำไมนานจังกว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นมาชัดๆ จะได้ถ่ายๆ จบๆ แล้วลง กลับบ้าน
ผมก็คิดแบบนั้นครับ (เริ่มไม่ไหวกับแรงกดดัน) จำนวนลิงรอบตัวที่เพิ่มขึ้น ความรุกราน ย่องมาจะฉกกระติกน้ำบ้าง เกาะขาจับรองเท้า แยกเขี้ยวใส่บ้าง
จนถึงขีดสุด ไม่ไหวคือ มีเจ้าถิ่นตัวใหญ่ อ้วน ที่หน้ามีรอบบากเหมือนผ่านสงคราม นักรบ และชนะศึกมานับไม่ถ้วน 3-5 ตัว เริ่มเข้ามาใกล้
และไล่ตัวเล็กๆออกไป ความรู้สึกของผมคือ ตัวใหญ่มันคงคิดประมาณว่า "นี่คือเหยื่อของข้า พวกเอ็งถอยไปให้หมด!!"
เมื่อผมคิดได้ดังนั้น เหมาะเจาะกับมีมือเข้ามาดึงแขนแล้วบอกว่า "หนูไม่ไหวแล้ว" นั่นแหละครับ กลับกันดีกว่า ต้องยอมครับ แม้จะยังไม่ได้ถ่าย
ให้สมกับความตั้งใจก็ตาม แต่หนักกว่านี้ผมกลัวจะรับมือไม่ไหว ผมหันหลังกลับไป เจอพวกเขา "ฝูงลิง" นั่งอยู่เกือบๆ 20 ตัวได้ครับ
ล้อมเราไว้เป็นเหยื่อในเกือกม้า อื้อหือ ไม่รู้จะก้าวออกไปทางไหน "จุ้ๆๆ" ก็ไม่ไปครับ เลยคิดแฟนว่าต้องเอาอะไรโยนให้มันไปกิน..
"น้อง เรามีขนมปังที่แวะซื้อก่อนขึ้นมานี่ เอาออกมาโยนให้มันวิ่งตามไป ทางจะได้แหวก" แฟนผมก็เริ่มล้วงกระเป๋าครับ
ระหว่างที่ล้วง พวกลิงก็รุกเข้ามาใกล้อีก และใกล้อีก เนื่องจากมันคงรับรู้ได้ว่า มีของกินเว้ยยยย ทำให้มันดูน่ากลัวขึ้นไปอีกสามเท่า.. ลนครับ
ล้วงหาไม่เจอ ขนมปังก็ชิ้นใหญ่.. "ใจเย็นๆน้อง ค่อยๆนะ ไม่ต้องกลัว พี่ไม่กลัวนะ เดี๋ยวจะพาลงไป" นั่น พระเอกอีก ข่มไว้ ข่มมมมไว้..
เจอปุ้บ โยนครับ โยนไปไกลๆ โชคดีที่มันหลงกลแหวก.. เอ้า เดินนนน แขนผมแทบจะเป็นรูครับ ไม่ใช่ลิงกัดนะครับ เล็บแฟนผมเนี่ย จิกหนักมาก..
เข้าใจครับ ตัวเธอสั่น คงกลัวมาก ระหว่างที่เรากำลังเดินลงเรื่อยๆ ก็มีทั้งลิงที่วิ่งตามมาตามราวบันได และลิงที่นั่งขวางทางจนเต็มบันได..
เอ้อ เอากับมันสิ ตอนขึ้นไม่เจอที่บันไดซักตัวครับ เดินขึ้นสบายๆ แต่ลงนี่ ต้องเดินหลบลิง แทบจะตะแคงเท้าลง เพราะมันไม่หลบครับ
บางช็อตเจอนั่นจนเต็มหน้าบันได จำนวนสี่ขั้น แออัดกันเกือบ 20 ตัว จนลงไม่ได้ ต้องยืนเดทแอร์ทิ้งตรงนั้นประมาณสองสามนาที กว่ามันจะขยับบ้าง
บางตัวจังหวะก้าวเท้าลงไปที่ข้างตัวมัน มันก็แยกเขี้ยวอันแหลมและยาวแถมเหลือง พร้อมเสียงขู่ "ขื่อ" ไม่รู้จะอธิบายเสียงยังไง
ลองพูดคำว่า "ขื่อ" โดยเป่าแต่ลมดูครับ มันเหมือนไม่น่ากลัวนะ แต่ตอนนั้น อืม.. "มาก.." ผมจำได้ว่าขึ้นใช้เวลาไม่นานเท่าลงครับ
ทำไมทางลงมันไกล หลายขั้น และลำบอกจังเลย "คิงลี่" ก็ต้องยอมเหยียบครับจังหวะนั้น มีกว่าเหยียบเลือดตัวเอง เฮ้อ..
สุดท้ายก็ลงมาได้ครับ อะดรีนาลีนหลั่งแบบพรั่งพรู สมองโล่งมาก ทั้งๆที่ไม่ได้นอน.. ลงมาถึงรถ เข้ารถ และล็อครถเรียบร้อยถึงถอนหายใจยาวได้ๆ
แล้วหันไปยอมรับกับแฟนตัวเองครับว่า "พี่ก็กลัว"
จบครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบ แอบคุยกันเล่นๆว่า ไปอีกมั้ย ขึ้นอีกมั้ย แฟนผมบอกว่า "ต่อให้พี่ซื้อไอโฟนให้หนูอีกเครื่องหนูก็ไม่ขึ้นไป"
ผมก็บอกว่า เหมือนกัน "ต่อให้คุณตั- โทรมาบอกว่าขึ้นไปอีกรอบ ผมจะให้เบ๊นซ์คุณ พี่ก็ไม่ขึ้นไป" คะแนนความน่ากลัวของด่านนี้ผมให้ 9/10 ครับ!!
ใครเคยไปที่นี่แล้วเจอแบบไหน ไม่ว่าจะลิงใจดี หรือใจร้าย มาแชร์กันได้นะครับ
ปล.ไม่ได้มีเจตนาจะดิสเครดิตจังหวัดประจวบฯ นะครับ ยังรักและรู้สึกว่าโชคดีที่ได้มาอยู่ที่นี่เสมอครับ
รูปที่ขึ้นไปถ่ายมาได้ครับ