ผมอยากทราบ 2 เรื่องครับ ผมทำงานมา 1 ปี 6 เดือน
1. ตอนมาทำงานที่นี้ไม่ทราบว่าต้องมีการวางเงินประกัน พึ่งมาทราบตอนที่ทำสัญญาไปแล้ว ว่าต้องมีการวางเงินประกันในการทำสัญญาประมาณ 10,000 บาทเมื่อหมดสัญญาปีแรก ผมก็รอเงินประกันของผมว่าเค้าจะคืนเงินเมื่อไหร่ รึต่อสัญญาจากเงินประกันก้อนเดิม ผมก็ได้ถูกเรียกไปต่อสัญญาฉบับใหม่ และต้องจ่ายเงินประกันก้อนใหม่ ผมจึงถามถึงเงินประกันอันเก่า ได้รับคำตอบว่าต้องทำหนังสือยื่นขอเงินคืน แต่ไม่มีใครเคยบอกเรื่องนี้กับผมมาก่อน ที่นี้พอผมทำหนังสือไปขอเงินประกันคืน จึงได้ล่าช้าคือ เข้ารอบปีสัญญาใหม่ไปแล้วเป็นรอบที่ตกค้าง เท่ากับผมต้องควักเงินจ่ายประกันก้อนใหม่ไปก่อน 10,000 บาท (ถ้าเป็นผู้ไม่มีเงินเก็บ หรือ ใช้เดือนชนเดือนจะทำอย่างไร)
2. เรื่องการจ่ายเงินเดือน คือตอนแรกผมคิดว่าผมเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างโดยตรงขององค์กร แต่สุดท้ายพองงกับเรื่องเงินประกันจึงได้ถามคนอื่นๆ ทราบว่าเราไม่ใช้ลูกจ้าง ไม่ถือเป็นคนขององค์กร แต่เป็นการจ้างงานประเภทจ้างทำของ ต้องทำใบเสนอราคาแบบเหมาจ่าย เหมาทำงาน โดยระบุจำนวนเงินทั้งหมด และแบ่งจ่ายเป็นรายเดือน เดือนละเท่าไหร่ (ครั้งแรกไม่ได้ทำเอง ไม่รู้ระบบ ไม่มีคนบอกอะไร คนที่แนะนำเข้ามาทำให้เรา) เค้าให้ทำให้เซ็นอะไรก็เซ็นต์คิดว่าได้เป็นลูกจ้างประจำ แต่ผิดคาดและจะได้เงินเดือนทุกวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ทีนี้เงินที่แบ่งจ่ายต่อเดือนประมาณ 15,000 มันไม่ถึงขั้นต่ำที่ต้องจ่ายภาษี แต่ผมโดนหักภาษี 3% ทุกเดือน และปีแรกผมจะไปตามเอาใบหักภาษีของทุกๆเดือนมาขอคืนตอนที่ต้องยื่นภาษี แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมานี้เจ้าหน้าที่เค้ามีงานเข้ามาค่อนข้างมากจึงปริ้นใบหักภาษีล่าช้ากว่าปกติ (ปกติต้องตามเองทุกเดือน) จนผมแระน้องๆคนอื่นต้องไปขอหลายๆครั้ง ถึงจะออกให้ ซึ่งคิดเป็นเงินหักภาษีที่เสียไป เดือนละ 474 บาท ปีละ 5,688 บาท มันเยอะสำหรับมนุษย์เงินเดือน และมาทราบภายหลังว่าที่ทำงานผมเป็นองค์กรที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องจ่ายภาษี และไม่ได้อยู่ภายใต้กระทรวงแรงงาน ซึ่งกฏการปฏิบัติหรือการคิดทางด้านนี้ อาจไม่เหมือนที่อื่นๆปฏิบัติ ผมจึงยังไม่เข้าใจ
จึงอยากทราบว่า ที่ใดบ้างที่ต้องปฏิบัติเช่นนี้ และการปฏิบัติเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่กับบางคนที่อาจจะไม่ได้มีฐานะทางบ้านที่ดี ที่มาถามเพราะข้องใจกับเรื่องที่ไม่แจ้งเรื่องขอเงินประกันคืน และการหักภาษี 3% เพราะเป็นสิทธิของเราทั้งสิ้น ผมไม่มีความรู้ด้านนี้ เค้าอาจจะปฏิบัติถูกต้องแล้วก็ได้ เพราะผมเคยถามเจ้าหน้าที่ได้คำตอบว่า ต้องปฏิบัติตามกฏของเค้า เค้าให้ทำแบบนี้ คิดแบบนี้ก็ต้องทำตามแต่เหตุและผลอื่นๆผมยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะไม่ได้จบด้านบัญชี หรือบริหารมาครับ ผมและน้องหลายๆคนจึงยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับตำแหน่ง และสถานะงานที่ตนเองกำลังปฏิบัติอยู่ ซึ่งคิดว่าควรจะต้องรู้ ขอความกรุณาผู้ที่มีความรู้ทางด้านนี้มาช่วยตอบ และสอนผมกับน้องๆอีกหลายคนที่รอคำตอบ ขอบคุณครับ
อยากทราบเรื่องเงินประกัน ตอนเข้าทำงาน
1. ตอนมาทำงานที่นี้ไม่ทราบว่าต้องมีการวางเงินประกัน พึ่งมาทราบตอนที่ทำสัญญาไปแล้ว ว่าต้องมีการวางเงินประกันในการทำสัญญาประมาณ 10,000 บาทเมื่อหมดสัญญาปีแรก ผมก็รอเงินประกันของผมว่าเค้าจะคืนเงินเมื่อไหร่ รึต่อสัญญาจากเงินประกันก้อนเดิม ผมก็ได้ถูกเรียกไปต่อสัญญาฉบับใหม่ และต้องจ่ายเงินประกันก้อนใหม่ ผมจึงถามถึงเงินประกันอันเก่า ได้รับคำตอบว่าต้องทำหนังสือยื่นขอเงินคืน แต่ไม่มีใครเคยบอกเรื่องนี้กับผมมาก่อน ที่นี้พอผมทำหนังสือไปขอเงินประกันคืน จึงได้ล่าช้าคือ เข้ารอบปีสัญญาใหม่ไปแล้วเป็นรอบที่ตกค้าง เท่ากับผมต้องควักเงินจ่ายประกันก้อนใหม่ไปก่อน 10,000 บาท (ถ้าเป็นผู้ไม่มีเงินเก็บ หรือ ใช้เดือนชนเดือนจะทำอย่างไร)
2. เรื่องการจ่ายเงินเดือน คือตอนแรกผมคิดว่าผมเข้ามาทำงานเป็นลูกจ้างโดยตรงขององค์กร แต่สุดท้ายพองงกับเรื่องเงินประกันจึงได้ถามคนอื่นๆ ทราบว่าเราไม่ใช้ลูกจ้าง ไม่ถือเป็นคนขององค์กร แต่เป็นการจ้างงานประเภทจ้างทำของ ต้องทำใบเสนอราคาแบบเหมาจ่าย เหมาทำงาน โดยระบุจำนวนเงินทั้งหมด และแบ่งจ่ายเป็นรายเดือน เดือนละเท่าไหร่ (ครั้งแรกไม่ได้ทำเอง ไม่รู้ระบบ ไม่มีคนบอกอะไร คนที่แนะนำเข้ามาทำให้เรา) เค้าให้ทำให้เซ็นอะไรก็เซ็นต์คิดว่าได้เป็นลูกจ้างประจำ แต่ผิดคาดและจะได้เงินเดือนทุกวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ทีนี้เงินที่แบ่งจ่ายต่อเดือนประมาณ 15,000 มันไม่ถึงขั้นต่ำที่ต้องจ่ายภาษี แต่ผมโดนหักภาษี 3% ทุกเดือน และปีแรกผมจะไปตามเอาใบหักภาษีของทุกๆเดือนมาขอคืนตอนที่ต้องยื่นภาษี แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมานี้เจ้าหน้าที่เค้ามีงานเข้ามาค่อนข้างมากจึงปริ้นใบหักภาษีล่าช้ากว่าปกติ (ปกติต้องตามเองทุกเดือน) จนผมแระน้องๆคนอื่นต้องไปขอหลายๆครั้ง ถึงจะออกให้ ซึ่งคิดเป็นเงินหักภาษีที่เสียไป เดือนละ 474 บาท ปีละ 5,688 บาท มันเยอะสำหรับมนุษย์เงินเดือน และมาทราบภายหลังว่าที่ทำงานผมเป็นองค์กรที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องจ่ายภาษี และไม่ได้อยู่ภายใต้กระทรวงแรงงาน ซึ่งกฏการปฏิบัติหรือการคิดทางด้านนี้ อาจไม่เหมือนที่อื่นๆปฏิบัติ ผมจึงยังไม่เข้าใจ
จึงอยากทราบว่า ที่ใดบ้างที่ต้องปฏิบัติเช่นนี้ และการปฏิบัติเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่กับบางคนที่อาจจะไม่ได้มีฐานะทางบ้านที่ดี ที่มาถามเพราะข้องใจกับเรื่องที่ไม่แจ้งเรื่องขอเงินประกันคืน และการหักภาษี 3% เพราะเป็นสิทธิของเราทั้งสิ้น ผมไม่มีความรู้ด้านนี้ เค้าอาจจะปฏิบัติถูกต้องแล้วก็ได้ เพราะผมเคยถามเจ้าหน้าที่ได้คำตอบว่า ต้องปฏิบัติตามกฏของเค้า เค้าให้ทำแบบนี้ คิดแบบนี้ก็ต้องทำตามแต่เหตุและผลอื่นๆผมยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะไม่ได้จบด้านบัญชี หรือบริหารมาครับ ผมและน้องหลายๆคนจึงยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับตำแหน่ง และสถานะงานที่ตนเองกำลังปฏิบัติอยู่ ซึ่งคิดว่าควรจะต้องรู้ ขอความกรุณาผู้ที่มีความรู้ทางด้านนี้มาช่วยตอบ และสอนผมกับน้องๆอีกหลายคนที่รอคำตอบ ขอบคุณครับ