[CR] รีวิว obi Worldphone SF1 Smart phone design แปลกตาสำหรับคนที่ต้องการความแตกต่าง

กระทู้รีวิว
สวัสดีครับ

คงมีหลายๆคนที่ได้เห็นการ Review obi Worldphone SF1 ไปบ้างแล้วทั้งแบบ Unpack, 1st impression, performance review, etc
สารภาพตรงๆว่าครั้งแรกที่ได้ยินชื่อ obi ผมคิดว่ามาอีก brand แล้วเหรอกับ Android Phone จากจีน(ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ brand จีนครองตลาดด้วยจำนวนของ brand ที่ไม่รู้จะมากไปไหน) แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนที่ชอบจะหาข้อมูลสินค้าก่อนที่จะจ่ายเงินซื้อสินค้าสักชิ้น ก็เลยลองเข้าไปหาข้อมูลใน Google พอ Key คำว่า obi เข้าไปผลปรากฏว่า Obi Wan Kenobi(หลายคนคงงงว่ามันคือใครวะ) ขึ้นมาเต็มหน้าจอไปหมด เลยต้อง Key ชื่อแบบเต็มๆใส่ไปเลยถึงจะเจอกับหน้าเวบของ obi Worldphone ซึ่งทำให้ผมได้รู้ว่าจริงๆแล้ว obi Worldphone คือ Smart phone สัญชาติอเมริกันแท้ๆ มีต้นกำเนิดจาก San Francisco หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูตาม Link นี้ได้เลยครับ http://www.obiworldphone.com/th/ ซึ่งจุดเด่นของ obi SF1 คือการออกแแบตั้งแต่ Packaging ไปจนถึงตัวผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ภายใน ซึ่งได้รับความร่วมมือในการออกแบบจาก Ammunition Studio ซึ่งทำการออกแบบให้กับหูฟังชื่อดังอย่าง Beats ยิ่งถ้าหากรู้ว่าใครคือ Leading Designer ยิ่งจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการออกแบบถึงมีกลิ่นอายแบบ Minimalist เพราะเขาผู้นั้นคือ Robert Brunner ซึ่งเคยเป็น Director of industrial Design for Apple

และตอนนี้ผมก็ได้ของมาอยู่ในมือของผมแล้วครับ เรามาเริ่มจาก Packaging กันก่อนเลย
- ภาพเต็มของตัวกล่องครับ ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้ดูดีมากๆ(เห็นครั้งแรกแอบคิดในใจว่ามันคือ SSD หรือเปล่า?)


- ด้านหลังอัดแน่นไปด้วยข้อมูลของสินค้า โดยรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยจะเป็นรุ่น 16+2GB (ROM 16GB + RAM 2GB)


สำหรับข้อมูลทางเทคนิคของ obi SF1 ผมขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดาครับถ้าเทียบกับราคา
- รองรับ GSM: 850/900/1800/1900 MHz; WCDMA: 850/900/1900/2100 MHz; 4G LTE: FDD B1 2100 MHz, B3 1800 MHz, B8 900 MHz & TDD B40 2300 MHz
- หน้าจอ Full HD แบบ In-Cell IPS Floating display, กระจก Corning Gorilla Glass 4 ซึ่งเคลือบ Oleophobic Coating ป้องกันรอยนิ้วมือที่หน้าจอมาให้(อยากบอกว่าไม่ต้องติดฟิล์มกันรอยเลย หุๆ ประหยัดเงินได้หลักร้อย)
- Android 5.0.2 Lollipop(ยังไม่มีข่าวว่าจะปล่อย v6.0 ออกมาให้ upgrade กันนะครับ)
- CPU Qualcomm MSM8939 Snapdragon 615 1.5 GHz 64-bit Octa-core processor
- GPU ใช้ Adreno 405
- กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลแบบ Auto Focus แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจคือ Sensor ของกล้องครับ obi SF1 ใช้ Sensor ของ Sony Exmor IMX214 f/2.0 มาพร้อม LED Flash ครับ(แอบเสียดายว่าน่าจะเป็นแบบ 2 Tone แต่เทียบกับราคาค่าตัวแล้วบอกได้แค่ว่าคุ้มครับ)
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซลแบบ Auto Focus พร้อม LED Flash เหมือนกัน(แม่เจ้า!!! ถูกใจขอ Selfie กันล่ะครับงานนี้ ขอบอกเลยว่าถ่ายออกมาแจ่มมากๆ)
- RAM 2 GB (DDR3) + ROM 16 GB เพิ่มหน่วยความจำภายนอกด้วย Micro SD Card ได้สูงสุด 64 GB
- Battery สุดอึด 3,000 mAh แบบ Lithium-Polymer แบบ Non-Removable พร้อมระบบ Quick Charge 1.0
- Dual SIM โดย SIM1 เป็นแบบ Micro SIM รองรับ 4G LTE ส่วน Slot SIM2 จะเป็นแบบ Hybrid คือต้องเลือกว่าจะเลือกใส่ SIM2 แบบ Nano SIM ซึ่งรองรับ 3G หรือจะเลือกใส่ Micro SD Card แทน
- ระบบเสียงแบบ Dolby Audio

การแกะตัวกล่องของ SF1 นั้นต้องทำการลอกสติ๊กเกอร์สีขาวออกครับจึงจะสามารถเปิดกล่องออกมาได้ซึ่งพอเปิดออกมาก็จะได้เจอกับน้องดำวางเด่นเป็นสง่า ในส่วนของอุปกรณ์ต่างๆภายในกล่องที่มาจากโรงงานจะมี Wall Charger, สาย USB-A to Micro USB มาให้ ซึ่งเท่าที่ลองจับและดึงดูผมรู้สึกว่ามีความแข็งแรงใช้ได้เลย ส่วน Wall Charger ก็ดูดีมีราคาครับ ส่วนที่เหลือก็เป็น Quick Manual, Warranty Policy และเข็มจิ้มถาด SIM


สาย Sync & Charge ที่ให้มาตรงหัว USB-A ค่อนข้างมีการออกแบบที่แปลกตา แต่ผมชอบนะ ผมว่ามันดูสวยและแปลกดี


ตัวเครื่องเป็นอลูมินั่มทั้งตัวแบบ Unibody ส่วนด้านหน้าเป็นกระจก Corning Gorilla Glass 4 แบบ Floating เคลือบ Oleophobic Coating ป้องกันรอยนิ้วมือซึ่งจะยกสูงจากตัวเครื่องประมาณ 2mm. ครับ โดยด้านหน้าจะไม่มีปุ่มอะไรให้ระคายเคืองตาเลยครับ เพราะทั้งหมดจะใช้เป็นระบบสัมผัสและฝังอยู่ใน Panel ของหน้าจอ


ด้านบนจะประกอบไปด้วยลำโพง, กล้องหน้าขนาด 5 ล้านพิกเซลพร้อม LED Flash


ด้านหลังไม่สามารถถอดได้นะครับ เป็นโลหะเคลือบสารกันรอยนิ้วมือเหมือนกัน จะมีเพียงกล้อง 13 ล้านพิกเซล โดยใช้ Sony Exmor IMX214 Sensor พร้อม LED Flash ส่วนด้านล่างก็เป็น Logo obi และคำว่า Designed in San Francisco



ด้านบนเป็นโลหะสีเงินดูเรียบหรูดีครับ มีช่องสำหรับเสียบ Audio Jack 3.5mm มาให้ พร้อมกับ Mic ตัดเสียงรบกวน(สิ่งที่แปลกคือ obi ไม่ให้หูฟังมาด้วยนะครับ แต่สำหรับผมไม่ใช่ปัญหาเพราะให้มาผมก็ไม่ได้ใช็อยู่แล้ว)


ด้านซ้ายของเครื่องประกอบไปด้วยปุ่ม Volume +/- และปุ่ม Power ข้อสังเกตุคือทุก Brand จะเอาปุ่ม Power ไว้ด้านขวาแต่ obi ไว้ด้านซ้ายครับ ปรับตัวอยู่พอสมควรกว่าจะชิน


ด้านขวามีเพียงถาดสำหรับใส่ SIM และ Memory Card ตามสมัยนิยมครับ โดย SIM1 รองรับ 4G เป็นแบบ Micro SIM ส่วนช่องใส่ SIM2 เป็นแบบ Hybrid ครับ คือต้องเลือกระหว่างจะใส่ Nano SIM หรือจะใส่ Memory เพิ่ม




ด้านล่างจะมีเหมือนช่องลำโพงอยู่ทั้ง 2 ข้างของ Micro USB Port ครับ จากการทดลองเปิดเพลงและดูหนัง ผมว่าเสียงที่ออกมาใช้ได้ดีเลยที่เดียวครับ คุณภาพของเสียงเกินราคา


สำหรับ UI ที่ให้มาค่อนข้างแปลกตาแต่ดูเรียบง่ายดีครับ




สรุปนะครับแต่จะบอกก่อนว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
- เทียบราคากับ Spec ที่ให้มาผมรู้สึกเลยว่าโค-ตะ-ระคุ้มเลยครับ
- ถามว่าเหมาะกับใคร ในส่วนตัวผมผมว่าเหมาะกับนักศึกษาและคนรุ่นไหม่ที่ต้องการฉีกตัวเองออกจากกรอบเดิมๆของ Droid Phone ทั่วๆไป
- เรื่องความร้อนของเครื่องเวลาใช้งานมีน้อยมาก
- มีอาการหน่วงบ้างเล็กน้อยตามประสา Android ครับ พอ Clean Cache แล้วก็กลับมาเป็นปกติครับ

ข้อสำคัญ
คุณจะหา Smart Phone ที่มี Spec ดีๆแบบนี้ ในราคาเท่านี้และไม่ใช่ Brand จีน คุณจะหาได้จากที่ไหนครับ
ชื่อสินค้า:   obi Worldphone
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่