http://ppantip.com/topic/35247273 << กระทู้รีวิวเล็กๆของหนังเรื่องนี้จากผมครับ
ปกติผมไม่ค่อยดูหนังรักโรแมนติค หรือหนังดราม่าในโรงเท่าไรนะ (เลี่ยงน้ำตาไหลต่อหน้าคนอื่น) แต่กับเรื่องนี้ที่กระแสบอกแต่ว่า "พกทิชชู่ไปด้วยนะ" ผมก็นึกว่าหนังคงเศร้าหนัก แบบ about time ป่าวหว่า แต่ด้วยความที่มีรอบ สามทุ่ม คนน้อยมากกกก ผมก็เลยตัดสินใจเข้าไปดูซะหน่อย
พอดูจนจบ ผมรุ้สึก "ประทับใจ" ในความรักของทั้งสองคนนี้จัง คือมันเป็นรักแบบไม่มีใครผิดหรอก อย่างฝ่ายหญิงก็รักเพิ่งที่เกิด ก็อยากให้อีกฝ่ายหายหรืออยู่กับตัวเองไปตลอด ทำทุกอย่าง ทุ่มเทสุดความสามารถ ผูกพันขึ้นทุกวัน ส่วนฝ่ายชาย คนที่เคยมีทุกอย่างในชีวิตแบบขีดสุด สมบูรณ์แบบ แต่วันนี้ตัวตนที่เค้าเคยมีได้หายไปหมดแล้ว ทุกเช้าตื่นมาก็อยากให้ตัวเองตายๆไป ในโลกของพระเอกที่มืดมนจนใกล้จะดับ แต่แสงสุดท้ายของนางเอกก็เข้ามาเติมเต็ม ทำให้เค้าพบ ความรักอีกรูปแบบเป็นครั้งแรกในชีวิต นั้นคือ "รักโดยไม่หวังครอบครอง" ผมว่ามันเป็นรักที่หาได้ยากสุดๆสำหรับ คู่รักในทุกวันนี้นะ (โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็รักกัน)
ซึ่งนอกจากนางเอกจะมาทำให้พระเอกเหมือนเปิดโลกแห่งความรักใหม่อีกครั้ง ตัวพระเอกเองก็เหมือนเปิดโลกใหม่ให้นางเอกเช่นกัน ด้วยบุคลิกนางเอกที่เป็นเหมือนผู้ให้และเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อผู้อื่นอยู่ตลอด ทำให้พระเอกที่ค่อยๆรู้จักนางเอกมากขึ้น อยากที่จะทำอะไรให้เธอมีความสุขมากขึ้น ผมชอบฉากที่นางเอก ไม่เคยดูหนังแบบมีซับ(เหมือนเป็นการตั้งแง่) แต่พอดูกลับชอบมาก ไม่ชอบฟังเพลงคลาสสิกแต่ชวนพระเอกไปดู แล้วก็ชอบมาก ไม่เคยดำน้ำ แต่พระเอกให้ลอง แล้วก็ชอบสุดๆ มันบ่งบอกได้ดีเลยว่า เธอปิดกั้นตัวเองมาหลายอย่าง และเธอเป็นคนที่ควรออกไปเจอโลกมากกว่านี้ ซึ่งพระเอกเข้าใจตรงจุดนี้ดี
เพื่อนผมบางคนก็ถามประเด็นที่ว่า "นางเอกทำไม่ถูกนะ มีแฟนอยู่แล้ว" อันนี้ผมว่าขึ้นอยู่กับมุมมองนะ ในหนังอาจรู้สึกเร็ว แต่จริงๆมันผ่านเวลาไปนานเหมือนกัน ซึ่งด้วยบุคลิกนางเอกอย่างที่บอกไป ทำให้เธอคบกับแฟนคนนี้มาแบบ "ฝืนตัวเอง" อย่างมากโดยไม่รู้ตัว วิ่งก็ไม่ชอบวิ่ง ปั่นจักรยานก็ไม่ชอบ ขนาดชวนดูหนังมีซับก็ยังไม่ดู แฟนก็ให้สร้อยที่มีชื่อแฟนซะงั้น มางานวันเกิดก็สาย(มัวแต่ไปวิ่งอยู่) แถมชวนไปเที่ยวต่างประเทศก็เพื่อไปเชียร์ตัวเองแข่งอีก คือทุกอย่าง มันมีแต่ฝั่งแฟนนางเอกล้วนๆเลย ไม่มีอะไรที่เป็น "เรา" ซักกะอย่าง มันคือสิ่งที่ฝืนนางเอกมาตลอด 7 ปีที่หนังไม่ได้บอก แต่ก็คงนึกกันได้แหละ
ส่วนฉากในงานแต่งแฟนเก่าของพระเอก ก็เป็นอีกซีนที่ผมชอบมาก ตอนต้นเรื่อง พระเอกกับแฟนคนนี้ ดูรักกันดีมาก พอพระเอกประสบอุบัติเหตุ ก็เลิกลากันไป มาหาพระเอกอีกทีก็คือ มาพร้อมกับแฟนใหม่(เพื่อนพระเอก) ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะมาเพื่ออะไร (แต่คิดว่ามาเพื่อให้ตัวเองสบายใจ) เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวดีนะครับ แบบไม่นึกถึงความรู้สึกพระเอกเลย แต่พอพระเอกตัดสินใจไปงานแต่งของแฟนเก่า ผมชอบเพราะ พระเอกไปเพื่อแสดงความยินดีกับคนที่เคยรักมาก (ซึ่งก็ยังคงรักอยู่) ฉากที่พระเอกนั่งมองแล้วน้ำตาคลอๆ นี้ช่างน่าสงสารสุดๆ และการที่นางเอกจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพระเอกให้ของขวัญอะไรในงานแต่งงาน นี้ยิ่งได้คำตอบที่ชัดเจนจริงๆว่าคุณเธอเห็นแก่ตัวและไม่แคร์พระเอกเลย แต่ถัดมานางเอกที่เริ่มเมานิดๆ ก็มานั่งตัก(บนรถเข็น)ของพระเอก แล้วก็ออกไปเต้นรำแบบไม่แคร์สายตา เป็นซีนที่ชอบมาก ยิ่งขี่รถเข็นพุ่งออกจากงานด้วยความเร็วยิ่งชอบ ^^
Me before you ดูแล้วมาคุยกันครับ (สปอยแน่นอน) + ถามเรื่องเพลงประกอบหน่อยครับ
ปกติผมไม่ค่อยดูหนังรักโรแมนติค หรือหนังดราม่าในโรงเท่าไรนะ (เลี่ยงน้ำตาไหลต่อหน้าคนอื่น) แต่กับเรื่องนี้ที่กระแสบอกแต่ว่า "พกทิชชู่ไปด้วยนะ" ผมก็นึกว่าหนังคงเศร้าหนัก แบบ about time ป่าวหว่า แต่ด้วยความที่มีรอบ สามทุ่ม คนน้อยมากกกก ผมก็เลยตัดสินใจเข้าไปดูซะหน่อย
พอดูจนจบ ผมรุ้สึก "ประทับใจ" ในความรักของทั้งสองคนนี้จัง คือมันเป็นรักแบบไม่มีใครผิดหรอก อย่างฝ่ายหญิงก็รักเพิ่งที่เกิด ก็อยากให้อีกฝ่ายหายหรืออยู่กับตัวเองไปตลอด ทำทุกอย่าง ทุ่มเทสุดความสามารถ ผูกพันขึ้นทุกวัน ส่วนฝ่ายชาย คนที่เคยมีทุกอย่างในชีวิตแบบขีดสุด สมบูรณ์แบบ แต่วันนี้ตัวตนที่เค้าเคยมีได้หายไปหมดแล้ว ทุกเช้าตื่นมาก็อยากให้ตัวเองตายๆไป ในโลกของพระเอกที่มืดมนจนใกล้จะดับ แต่แสงสุดท้ายของนางเอกก็เข้ามาเติมเต็ม ทำให้เค้าพบ ความรักอีกรูปแบบเป็นครั้งแรกในชีวิต นั้นคือ "รักโดยไม่หวังครอบครอง" ผมว่ามันเป็นรักที่หาได้ยากสุดๆสำหรับ คู่รักในทุกวันนี้นะ (โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็รักกัน)
ซึ่งนอกจากนางเอกจะมาทำให้พระเอกเหมือนเปิดโลกแห่งความรักใหม่อีกครั้ง ตัวพระเอกเองก็เหมือนเปิดโลกใหม่ให้นางเอกเช่นกัน ด้วยบุคลิกนางเอกที่เป็นเหมือนผู้ให้และเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อผู้อื่นอยู่ตลอด ทำให้พระเอกที่ค่อยๆรู้จักนางเอกมากขึ้น อยากที่จะทำอะไรให้เธอมีความสุขมากขึ้น ผมชอบฉากที่นางเอก ไม่เคยดูหนังแบบมีซับ(เหมือนเป็นการตั้งแง่) แต่พอดูกลับชอบมาก ไม่ชอบฟังเพลงคลาสสิกแต่ชวนพระเอกไปดู แล้วก็ชอบมาก ไม่เคยดำน้ำ แต่พระเอกให้ลอง แล้วก็ชอบสุดๆ มันบ่งบอกได้ดีเลยว่า เธอปิดกั้นตัวเองมาหลายอย่าง และเธอเป็นคนที่ควรออกไปเจอโลกมากกว่านี้ ซึ่งพระเอกเข้าใจตรงจุดนี้ดี
เพื่อนผมบางคนก็ถามประเด็นที่ว่า "นางเอกทำไม่ถูกนะ มีแฟนอยู่แล้ว" อันนี้ผมว่าขึ้นอยู่กับมุมมองนะ ในหนังอาจรู้สึกเร็ว แต่จริงๆมันผ่านเวลาไปนานเหมือนกัน ซึ่งด้วยบุคลิกนางเอกอย่างที่บอกไป ทำให้เธอคบกับแฟนคนนี้มาแบบ "ฝืนตัวเอง" อย่างมากโดยไม่รู้ตัว วิ่งก็ไม่ชอบวิ่ง ปั่นจักรยานก็ไม่ชอบ ขนาดชวนดูหนังมีซับก็ยังไม่ดู แฟนก็ให้สร้อยที่มีชื่อแฟนซะงั้น มางานวันเกิดก็สาย(มัวแต่ไปวิ่งอยู่) แถมชวนไปเที่ยวต่างประเทศก็เพื่อไปเชียร์ตัวเองแข่งอีก คือทุกอย่าง มันมีแต่ฝั่งแฟนนางเอกล้วนๆเลย ไม่มีอะไรที่เป็น "เรา" ซักกะอย่าง มันคือสิ่งที่ฝืนนางเอกมาตลอด 7 ปีที่หนังไม่ได้บอก แต่ก็คงนึกกันได้แหละ
ส่วนฉากในงานแต่งแฟนเก่าของพระเอก ก็เป็นอีกซีนที่ผมชอบมาก ตอนต้นเรื่อง พระเอกกับแฟนคนนี้ ดูรักกันดีมาก พอพระเอกประสบอุบัติเหตุ ก็เลิกลากันไป มาหาพระเอกอีกทีก็คือ มาพร้อมกับแฟนใหม่(เพื่อนพระเอก) ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะมาเพื่ออะไร (แต่คิดว่ามาเพื่อให้ตัวเองสบายใจ) เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวดีนะครับ แบบไม่นึกถึงความรู้สึกพระเอกเลย แต่พอพระเอกตัดสินใจไปงานแต่งของแฟนเก่า ผมชอบเพราะ พระเอกไปเพื่อแสดงความยินดีกับคนที่เคยรักมาก (ซึ่งก็ยังคงรักอยู่) ฉากที่พระเอกนั่งมองแล้วน้ำตาคลอๆ นี้ช่างน่าสงสารสุดๆ และการที่นางเอกจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพระเอกให้ของขวัญอะไรในงานแต่งงาน นี้ยิ่งได้คำตอบที่ชัดเจนจริงๆว่าคุณเธอเห็นแก่ตัวและไม่แคร์พระเอกเลย แต่ถัดมานางเอกที่เริ่มเมานิดๆ ก็มานั่งตัก(บนรถเข็น)ของพระเอก แล้วก็ออกไปเต้นรำแบบไม่แคร์สายตา เป็นซีนที่ชอบมาก ยิ่งขี่รถเข็นพุ่งออกจากงานด้วยความเร็วยิ่งชอบ ^^