.
ไม่หวั่นไหว กับเหตุร้าย ที่เผชิญ
ไม่มองเมิน อย่างสิ้นไร้ ซึ่งความหวัง
ไม่ย่อท้อ แม้นเหนื่อยยาก เต็มกำลัง
ไม่พ่ายพัง ปณิธาน ในหัวใจ
ไม่อ่อนไหว ลุ่มหลงไหล กับลาภยศ
ไม่กบฏ ทรยศ ที่มุ่งหมาย
ไม่เปลี่ยนแปร แม้สินบน เข้ากล้ำกลาย
ไม่แพ้ผ่าย มั่นไว้คง ป้อมปราการ
เนลสัน แมนเดล่า ใช้เวลา ยี่สิบเอ็ดปีในคุก เพื่อแลกมากับคำว่า วีรบุรุษที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ต่อต้านการเหยียดผิว
อองซานซูจี ใช้เวลา ยี่สิบห้าปี ต่อสู้กับความอยุติธรรมของเผด็จการทหาร กลายเป็นวีรสตรีผู้ยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตย
แล้วในบ้านเรา ใช้อะไร เพื่อแลกมาซึ่งคำว่า วีรบุรุษ ใช้กำลังแย่งชิงอำนาจประชาชนอย่างนั้นหรือ โอ้ว....ช่างแตกต่าง
แต่ประเด็นของกะทู้นี้ มิใช่ วีรบุรุษ วีรสตรีใดๆ
และไม่ได้ชักชวนใครๆไปทวงคืนเขาพระวิหาร มาเป็นสมบัติชาติ ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นชนชาติขอม
แต่กะทู้นี้เขียนขึ้นะชี้ให้เห็นว่า บรรดาบุคคลที่ได้รับการยกย่องจากคนทั้งโลกนั้น มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน
คือใจที่มั่นคงไม่ยอมแพ้หรือเปลี่ยนแปรด้วยจากการกดขี่
และเราประชาชนคนไทย ที่ยึดมั่นในประชาธิปไตยเองก็เช่นกัน
แม้สิ่งที่ได้รับอาจจะดูเหมือนหนักหนามากมาย สิทธิเสรีภาพที่เคยมีมาก็ถูกริดรอนด้วยอำนาจที่ไม่ได้มาตามระบบ
หรือเมื่อมีบางคนพยายามจะให้ "การเลือกตั้ง" เป็นตัวแทนประชาธิปไตย พยายามจะนำมาใช้ในการต่อรองกับประชาชน
ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่ การเลือกตั้งแค่เป็นกระบวนการสรรหาตัวแทนประชาชนเท่านั้น
เพราะประชาธิปไตยความหมายที่จริงแท้ ก็ตามชื่อของมัน คือ อำนาจเป็นของประชาชน
ถ้าเลือกตั้งแล้ว อำนาจไม่ได้เป็นของประชาชน จะเลือกไปทำไมล่ะ...?
ตราบใดที่อำนาจไม่เป็นของประชาชน แม้จะมีการเลือกตั้ง ผมก็ไม่เอา แต่ไม่รู้จะมีใครคิดเหมือนผมหรือเปล่า
ซึ่งสุดท้ายก็ต้องวัดใจกันเอา ว่าใครจะมั่นคงกว่ากัน
ไม่ได้คิดจะเป็นวีรชนที่สละเลือดเนื้อเข้าแลกกับสิ่งที่มุ่งหมาย
แค่ขอเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ไม่ล่ะทิ้งป้อมปราการสุดท้าย คือความมั่งคงในอุดมการณ์
ไม่ยอมให้ป้อมปราการแห่งนี้แตกผ่ายเสียหายหรือถูกทำลายลงได้ เพราะมันเป็นพื้นที่สุดท้าย ที่อิสระภาพของผมยังมีเหลืออยู่
ปณิธาน มั่นไว้.....................วายปราณ
ไม่สยบ ภัยพาล....................ข่มค้ำ
ไม่ล่ะทิ้ง อุดมการณ์..............ที่ยึด ถือนา
แม้นต้องฝืน กลืนกล้ำ...........เยี่ยงนี้จนตาย
ไม่ได้เป็น ผู้กล้า...................วีรชน
ที่สละ ชีพตน........................ป้องไว้
เป็นแค่ ปุถุชน......................ที่เชื่อ มั่นนา
เชื่อว่าคน นั้นไซร้.................ค่านั้นเทียมทัน
ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนใคร เป็นแค่ประชาชนคนไทยที่เชื่อมั่นในสิ่งที่ถูกที่ควร
ป.ล.เขียนเป็นบทความแล้วโพสต์ไม่ได้ ก็อาศัยแต่งโคลงแต่งกลอนไปเรื่อยก็ดีเหมือนกันครับ
ได้ทำสิ่งที่ชอบ ได้ตอบในสิ่งที่ใช่ ตามที่หัวใจมันเรียกร้อง ไม่จำเป็นต้องไปสนใจว่ามันเป็นข้อเขียนลักษณะไหน
แค่สื่อความหมายได้ก็พอแล้ว จริงไหมครับ
*หนีเรื่องเพลงรณรงค์ประชามติ เพราะเห็นตั้งกะทู้กันหลายท่านแล้ว เลยฉีกแนวออกมาบ้างนะครับ
ขอบคุณครับ
นายพระรอง
แค่ขอเป็นปุถุชน ผู้อดทนยึดมั่นรักษาป้อมปราการสุดท้าย - บทกวีประโลมโลกประชาธิปไตย (นายพระรอง)
ไม่หวั่นไหว กับเหตุร้าย ที่เผชิญ
ไม่มองเมิน อย่างสิ้นไร้ ซึ่งความหวัง
ไม่ย่อท้อ แม้นเหนื่อยยาก เต็มกำลัง
ไม่พ่ายพัง ปณิธาน ในหัวใจ
ไม่อ่อนไหว ลุ่มหลงไหล กับลาภยศ
ไม่กบฏ ทรยศ ที่มุ่งหมาย
ไม่เปลี่ยนแปร แม้สินบน เข้ากล้ำกลาย
ไม่แพ้ผ่าย มั่นไว้คง ป้อมปราการ
เนลสัน แมนเดล่า ใช้เวลา ยี่สิบเอ็ดปีในคุก เพื่อแลกมากับคำว่า วีรบุรุษที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ต่อต้านการเหยียดผิว
อองซานซูจี ใช้เวลา ยี่สิบห้าปี ต่อสู้กับความอยุติธรรมของเผด็จการทหาร กลายเป็นวีรสตรีผู้ยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตย
แล้วในบ้านเรา ใช้อะไร เพื่อแลกมาซึ่งคำว่า วีรบุรุษ ใช้กำลังแย่งชิงอำนาจประชาชนอย่างนั้นหรือ โอ้ว....ช่างแตกต่าง
แต่ประเด็นของกะทู้นี้ มิใช่ วีรบุรุษ วีรสตรีใดๆ
และไม่ได้ชักชวนใครๆไปทวงคืนเขาพระวิหาร มาเป็นสมบัติชาติ ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นชนชาติขอม
แต่กะทู้นี้เขียนขึ้นะชี้ให้เห็นว่า บรรดาบุคคลที่ได้รับการยกย่องจากคนทั้งโลกนั้น มีอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน
คือใจที่มั่นคงไม่ยอมแพ้หรือเปลี่ยนแปรด้วยจากการกดขี่
และเราประชาชนคนไทย ที่ยึดมั่นในประชาธิปไตยเองก็เช่นกัน
แม้สิ่งที่ได้รับอาจจะดูเหมือนหนักหนามากมาย สิทธิเสรีภาพที่เคยมีมาก็ถูกริดรอนด้วยอำนาจที่ไม่ได้มาตามระบบ
หรือเมื่อมีบางคนพยายามจะให้ "การเลือกตั้ง" เป็นตัวแทนประชาธิปไตย พยายามจะนำมาใช้ในการต่อรองกับประชาชน
ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่ การเลือกตั้งแค่เป็นกระบวนการสรรหาตัวแทนประชาชนเท่านั้น
เพราะประชาธิปไตยความหมายที่จริงแท้ ก็ตามชื่อของมัน คือ อำนาจเป็นของประชาชน
ถ้าเลือกตั้งแล้ว อำนาจไม่ได้เป็นของประชาชน จะเลือกไปทำไมล่ะ...?
ตราบใดที่อำนาจไม่เป็นของประชาชน แม้จะมีการเลือกตั้ง ผมก็ไม่เอา แต่ไม่รู้จะมีใครคิดเหมือนผมหรือเปล่า
ซึ่งสุดท้ายก็ต้องวัดใจกันเอา ว่าใครจะมั่นคงกว่ากัน
ไม่ได้คิดจะเป็นวีรชนที่สละเลือดเนื้อเข้าแลกกับสิ่งที่มุ่งหมาย
แค่ขอเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่ไม่ล่ะทิ้งป้อมปราการสุดท้าย คือความมั่งคงในอุดมการณ์
ไม่ยอมให้ป้อมปราการแห่งนี้แตกผ่ายเสียหายหรือถูกทำลายลงได้ เพราะมันเป็นพื้นที่สุดท้าย ที่อิสระภาพของผมยังมีเหลืออยู่
ปณิธาน มั่นไว้.....................วายปราณ
ไม่สยบ ภัยพาล....................ข่มค้ำ
ไม่ล่ะทิ้ง อุดมการณ์..............ที่ยึด ถือนา
แม้นต้องฝืน กลืนกล้ำ...........เยี่ยงนี้จนตาย
ไม่ได้เป็น ผู้กล้า...................วีรชน
ที่สละ ชีพตน........................ป้องไว้
เป็นแค่ ปุถุชน......................ที่เชื่อ มั่นนา
เชื่อว่าคน นั้นไซร้.................ค่านั้นเทียมทัน
ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนใคร เป็นแค่ประชาชนคนไทยที่เชื่อมั่นในสิ่งที่ถูกที่ควร
ป.ล.เขียนเป็นบทความแล้วโพสต์ไม่ได้ ก็อาศัยแต่งโคลงแต่งกลอนไปเรื่อยก็ดีเหมือนกันครับ
ได้ทำสิ่งที่ชอบ ได้ตอบในสิ่งที่ใช่ ตามที่หัวใจมันเรียกร้อง ไม่จำเป็นต้องไปสนใจว่ามันเป็นข้อเขียนลักษณะไหน
แค่สื่อความหมายได้ก็พอแล้ว จริงไหมครับ
*หนีเรื่องเพลงรณรงค์ประชามติ เพราะเห็นตั้งกะทู้กันหลายท่านแล้ว เลยฉีกแนวออกมาบ้างนะครับ
ขอบคุณครับ
นายพระรอง