ที่จริงเป้าหมายของการทำการตลาดจะว่าปลายทาง คือ การทำให้ขายสินค้าได้ ก็ไม่ผิด แต่ถ้าใครมาสายตำราเนื้อหาวิชาเลย ก็จะสรุปได้ว่า การตลาด คือกาทำให้เกิด หรือ เพิ่มโอกาสในการขาย ดังนั้น นักการตลาด กับ นักขายจึงควรทำงานประสานกัน โดยนักขายจะเป็นผู้ปิดการขายสินค้าแบบเป็นชิ้น เป็นอันนั่นเอง ไม่เกี่ยงว่าจะขาย แบบ B2C B2ฺB นะ เราว่ากันเนื้อๆ ก่อนนะ แบบดีเทลหลังไมค์ละกัน
ทีนี้ เมื่อยุคดิจิตอล บูม...ใครๆ ก็เล่นและใช้สื่อดิจิตอล เป็น เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม ..ฯลฯ เชื่อไหมว่าคนใช้งานแบบส่วนบุคคลหลายคน ใช้หลายช่องทางพรีเซนท์ตัวตน มากกว่า ที่นักการตลาดใช้งานแบบส่วนบุคคลเสียอีก เพราะเราทำงานให้กับสินค้า องค์กรนั้นๆ ไง เราจะใช้สร้างงานแบบคอร์เปอร์เรท ให้เหมาะกับแต่ละสินค้า/ องค์กร นั้นๆ มากกว่า ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกช่องทางแต่อย่างใด และที่จริงเรามีการทำงานกันเป็นทีม
สำหรับรุ่นเก๋าหน่อย นักการตลาด หมายถึงคนที่วางกรอบการทำงานเชิงกลยุทธ์ ที่ผ่านมาจากการค้นคว้า เรียนรู้ วางแผน ทดลอง ดำเนินการ ตรวจสอบ วัดผล วิเคราะห์ ปรับปรุง....กว่าจะจบแผนนึง...เอ่อ.....
เหตุเกิดจากการที่มีหลายๆ คนใช้คำว่า Online Marketing เป็นชื่อตำแหน่งงาน โดยเนื้อหาของงานที่ทำ ที่จริงกลายเป็นการเสนอขายสื่อออนไลน์ โดยการติดตามคนใช้สื่อออนไลน์ที่ติดต่อแสดงความสนใจ จะซื้อสื่อที่ตนเองขายงานอยู่...ผิดไหม ไม่ผิด ใครจะตั้งชื่อว่าอะไร ก็แล้วแต่เถอะ....ใครจะสมัครทำงานที่ไหน พี่ขอให้คำแนะนำไว้ดังนี้
เนื่องจาก ออนไลน์/ ดิจิตอล มาแรง แร้ง แรง....จนทุกบ้านใช้กันให้ทั่ว....ทุกคนคุ้นเคยกับการใช้งานการตลาดออนไลน์หลากหลายรูปแบบ สรุปได้ดังนี้
- แบบที่ 1 เน้นจำนวนคนเข้ามาติดต่อ : แสดงรูปสาวนุ่งน้อย ห่มน้อย...พร้อมข้อความว่าว่างๆ มาคุยกัน ให้ไลน์ ไอดีไว้ในรูปพร้อมสรรพ ขายของนั่นแล...ใครเป็นคนขายกันแน่ ไม่มีใครรู้ แต่คนที่ติดต่อเข้าไป แค่ เพราะ เธอสวย....มีอยู่จริง
การตลาดประเภทนี้ จึงไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า โพสต์ แชร์ ใช้ทุกช่องทางฟรีที่สมัครใช้ได้ เพิ่มการรับรู้สู่สาธารณชนได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี เดวสายหื่นก็ติดต่อมาเอง
- แบบที่ 2 เน้นกลยุทธ์ : วางธีมคอนเซปท์กันตั้งแต่ ภาพโปรไฟล์ เนื้อหา แคปชั่น ภาพในแต่ละวันที่จะต้องโพสต์ วัดผล....โอ้ยยยย สารพัด...แบบนี้ทำงานกันเป็นทีมจริงๆ ใครทำเพจแบบนี้ให้เกิดและดูดีได้ ทั้งขายได้ ทั้งได้แบรนดิ้ง และยังทำหน้าที่โพสต์งานตามกำหนดได้เอง ผลิตชิ้นงานได้เอง โต้ตอบลูกค้าได้เองหมดทั้งวี่ ทั้งวัน...สมควรได้รายได้ประหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจการจริงๆ เพราะนั่นคือช่องทางทำเงินล้วนๆ ใครมาจ้างคุณทำทั้งหมดนี่ ต่อให้ดูแลเพจเดียวโดยให้รายได้แค่ เดือนละ 20k อย่าทำ.....เค้าทำได้ ให้เค้าไปทำเองเถอะ คิดเยอะ ทำเยอะทั้งวี่ ทั้งวันขนาดนี้ ขายไม่ได้ขึ้นมา เจ้าของสินค้าจะด่าคนทำนี่แหละ เอาคนทำงานทั้งหมดนี้ด้วยตัวคนเดียว ไปเป็นหุ้นส่วนเสียดีๆ ดังนั้น การทำงานในแบบเอเจนซี่ จึงทำงานกันหลายส่วนกว่าจะประกอบมาเป็นเพจหนึ่งได้ และมีทีมแอดมินต่างหาก มีหน้าที่จัดการทุกอย่างบนเพจ โพสต์ภาพตามกำหนด โต้ตอบ แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าถ้าเจอเม้นท์ด่า...แท๊คติคอะไรที่จะดึงลูกเพจให้ติดหนึบ...แบบที่ กรมพัฒน์ฯ ดังมาพักหนึ่งนั่นไง ก็ต้องใช้ความคิดเฉพาะตัวกันนิดนึง ไม่ใช่แค่ตอบว่า ของหมดค่ะ ราคา...ค่ะ....นั่นด็กที่ไหนก็ตอบได้
- แบบที่ 3 ครึ่งๆ กลางๆ วางกรอบกลยุทธ์ไว้บ้าง มีหลักการให้บ้าง แล้วเกณฑ์คนมาช่วยกันกระจายโพสต์...แค่โพสต์แล้วได้เงิน .....แบบนี้เรียกว่าหารายไดจากช่องทางออนไลน์ดีกว่านะคะ อย่าเรียกตัวเองว่านักการตลาดออนไลน์เลย....คนละความหมายโดยสิ้นเชิงค่ะ
สรุปว่าจะทำงานอะไร ให้ศึกษาให้แท้จริงถึงสิ่งที่จะต้องทำนะคะ ถ้าคาดหวังจะไปเป็นแอดมินเพจดัง เพจดี สักเพจ แต่ก้าวเข้าไปเจอ การตลาดประเภทแรก ที่ให้คุณใช้รูปใครหลอกคนเข้ามาคุยๆๆ แล้วขายๆๆๆ ก็ถ้าอยากทำก็ตัวใคร ตัวมัน....หรือ
ถ้าเรียกรายได้ไป 15k เอาน่า จบใหม่มา เท่านี้ก็เอา...แล้วไปเจอแบบที่ 2 ต้องทำทุกอย่าง แม่เจ้า......ไม่มีเสียละค่ะ ที่ใครจะจ้างคุณทำเพจ หรือช่องทางออนไลน์โดยให้ทำไปตามมี ตามเกิด ดูแลสิ่งที่ตนเองจะต้องทำให้ดี คำนึงถึงอนาคตให้มากๆ จะภูมิใจไหม ถ้าทำงานประเภทแรกให้ดังแล้วได้สายหื่นมาติดตามเป็นล้าน.....
Online Marketing ฝากถึงใครที่คิดว่าแค่ใช้สื่อออนไลน์ ทำให้ขายของได้ก็เรียกว่าทำการตลาดออนไลน์นะคะ
ทีนี้ เมื่อยุคดิจิตอล บูม...ใครๆ ก็เล่นและใช้สื่อดิจิตอล เป็น เฟซบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม ..ฯลฯ เชื่อไหมว่าคนใช้งานแบบส่วนบุคคลหลายคน ใช้หลายช่องทางพรีเซนท์ตัวตน มากกว่า ที่นักการตลาดใช้งานแบบส่วนบุคคลเสียอีก เพราะเราทำงานให้กับสินค้า องค์กรนั้นๆ ไง เราจะใช้สร้างงานแบบคอร์เปอร์เรท ให้เหมาะกับแต่ละสินค้า/ องค์กร นั้นๆ มากกว่า ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกช่องทางแต่อย่างใด และที่จริงเรามีการทำงานกันเป็นทีม
สำหรับรุ่นเก๋าหน่อย นักการตลาด หมายถึงคนที่วางกรอบการทำงานเชิงกลยุทธ์ ที่ผ่านมาจากการค้นคว้า เรียนรู้ วางแผน ทดลอง ดำเนินการ ตรวจสอบ วัดผล วิเคราะห์ ปรับปรุง....กว่าจะจบแผนนึง...เอ่อ.....
เหตุเกิดจากการที่มีหลายๆ คนใช้คำว่า Online Marketing เป็นชื่อตำแหน่งงาน โดยเนื้อหาของงานที่ทำ ที่จริงกลายเป็นการเสนอขายสื่อออนไลน์ โดยการติดตามคนใช้สื่อออนไลน์ที่ติดต่อแสดงความสนใจ จะซื้อสื่อที่ตนเองขายงานอยู่...ผิดไหม ไม่ผิด ใครจะตั้งชื่อว่าอะไร ก็แล้วแต่เถอะ....ใครจะสมัครทำงานที่ไหน พี่ขอให้คำแนะนำไว้ดังนี้
เนื่องจาก ออนไลน์/ ดิจิตอล มาแรง แร้ง แรง....จนทุกบ้านใช้กันให้ทั่ว....ทุกคนคุ้นเคยกับการใช้งานการตลาดออนไลน์หลากหลายรูปแบบ สรุปได้ดังนี้
- แบบที่ 1 เน้นจำนวนคนเข้ามาติดต่อ : แสดงรูปสาวนุ่งน้อย ห่มน้อย...พร้อมข้อความว่าว่างๆ มาคุยกัน ให้ไลน์ ไอดีไว้ในรูปพร้อมสรรพ ขายของนั่นแล...ใครเป็นคนขายกันแน่ ไม่มีใครรู้ แต่คนที่ติดต่อเข้าไป แค่ เพราะ เธอสวย....มีอยู่จริง
การตลาดประเภทนี้ จึงไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า โพสต์ แชร์ ใช้ทุกช่องทางฟรีที่สมัครใช้ได้ เพิ่มการรับรู้สู่สาธารณชนได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี เดวสายหื่นก็ติดต่อมาเอง
- แบบที่ 2 เน้นกลยุทธ์ : วางธีมคอนเซปท์กันตั้งแต่ ภาพโปรไฟล์ เนื้อหา แคปชั่น ภาพในแต่ละวันที่จะต้องโพสต์ วัดผล....โอ้ยยยย สารพัด...แบบนี้ทำงานกันเป็นทีมจริงๆ ใครทำเพจแบบนี้ให้เกิดและดูดีได้ ทั้งขายได้ ทั้งได้แบรนดิ้ง และยังทำหน้าที่โพสต์งานตามกำหนดได้เอง ผลิตชิ้นงานได้เอง โต้ตอบลูกค้าได้เองหมดทั้งวี่ ทั้งวัน...สมควรได้รายได้ประหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจการจริงๆ เพราะนั่นคือช่องทางทำเงินล้วนๆ ใครมาจ้างคุณทำทั้งหมดนี่ ต่อให้ดูแลเพจเดียวโดยให้รายได้แค่ เดือนละ 20k อย่าทำ.....เค้าทำได้ ให้เค้าไปทำเองเถอะ คิดเยอะ ทำเยอะทั้งวี่ ทั้งวันขนาดนี้ ขายไม่ได้ขึ้นมา เจ้าของสินค้าจะด่าคนทำนี่แหละ เอาคนทำงานทั้งหมดนี้ด้วยตัวคนเดียว ไปเป็นหุ้นส่วนเสียดีๆ ดังนั้น การทำงานในแบบเอเจนซี่ จึงทำงานกันหลายส่วนกว่าจะประกอบมาเป็นเพจหนึ่งได้ และมีทีมแอดมินต่างหาก มีหน้าที่จัดการทุกอย่างบนเพจ โพสต์ภาพตามกำหนด โต้ตอบ แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าถ้าเจอเม้นท์ด่า...แท๊คติคอะไรที่จะดึงลูกเพจให้ติดหนึบ...แบบที่ กรมพัฒน์ฯ ดังมาพักหนึ่งนั่นไง ก็ต้องใช้ความคิดเฉพาะตัวกันนิดนึง ไม่ใช่แค่ตอบว่า ของหมดค่ะ ราคา...ค่ะ....นั่นด็กที่ไหนก็ตอบได้
- แบบที่ 3 ครึ่งๆ กลางๆ วางกรอบกลยุทธ์ไว้บ้าง มีหลักการให้บ้าง แล้วเกณฑ์คนมาช่วยกันกระจายโพสต์...แค่โพสต์แล้วได้เงิน .....แบบนี้เรียกว่าหารายไดจากช่องทางออนไลน์ดีกว่านะคะ อย่าเรียกตัวเองว่านักการตลาดออนไลน์เลย....คนละความหมายโดยสิ้นเชิงค่ะ
สรุปว่าจะทำงานอะไร ให้ศึกษาให้แท้จริงถึงสิ่งที่จะต้องทำนะคะ ถ้าคาดหวังจะไปเป็นแอดมินเพจดัง เพจดี สักเพจ แต่ก้าวเข้าไปเจอ การตลาดประเภทแรก ที่ให้คุณใช้รูปใครหลอกคนเข้ามาคุยๆๆ แล้วขายๆๆๆ ก็ถ้าอยากทำก็ตัวใคร ตัวมัน....หรือ
ถ้าเรียกรายได้ไป 15k เอาน่า จบใหม่มา เท่านี้ก็เอา...แล้วไปเจอแบบที่ 2 ต้องทำทุกอย่าง แม่เจ้า......ไม่มีเสียละค่ะ ที่ใครจะจ้างคุณทำเพจ หรือช่องทางออนไลน์โดยให้ทำไปตามมี ตามเกิด ดูแลสิ่งที่ตนเองจะต้องทำให้ดี คำนึงถึงอนาคตให้มากๆ จะภูมิใจไหม ถ้าทำงานประเภทแรกให้ดังแล้วได้สายหื่นมาติดตามเป็นล้าน.....