กางงบการเงิน ธปท. ปี′58 ขาดทุนสุทธิ 8.91 หมื่นล้าน อ่วมซื้อขายค่าเงิน 3.8 หมื่นล้าน เพื่อทำหน้าที่หลักดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ แจงอีกด้านมีกำไรจากการตีราคารวม 1.84 แสนล้าน "ประสาร" ส่งซิกปี′59 ค่าเงินผันผวนเพิ่มขึ้น แบงก์ชาติบริหารงานยาก หนุนแก้ พ.ร.บ. ธปท. เปิดทางลงทุนหุ้น ตปท.ช่วยบริหารความเสี่ยง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ซึ่งเผยแพร่ "รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของ ธปท." สำหรับสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2558 พบว่า ขาดทุนสุทธิในปี 2558 กว่า 89,137 ล้านบาท และการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิราว 38,138 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าที่ได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิราว 9,443 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน มียอดขาดทุนสะสม 635,251 ล้านบาท จากสิ้นปีก่อนมี 572,901 ล้านบาท จึงส่งผลให้ส่วนทุนติดลบอยู่ที่ 606,230 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากสิ้นปีก่อนที่ส่วนทุนติดลบ 700,494 ล้านบาท เนื่องจากปี 2558 มีเงินสำรองที่เกิดจากการตีราคาสินทรัพย์และหนี้สินเพิ่ม 90,206 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าติดลบ 93,975 ล้านบาท
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เรื่องผลประกอบการ ธปท. ที่มีผลขาดทุนในปี 2558 ต้องดูหลายบัญชีประกอบกัน เพราะในบัญชีฝ่ายกิจการธนาคารมีดอกเบี้ยที่ต้องออกสำหรับธุรกรรมที่ ธปท. เข้าไปดูดซับสภาพคล่องในตลาดการเงิน รวมถึงการออกพันธบัตร ธปท. ซึ่งเป็นต้นทุนดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมผลการดำเนินงานของ ธปท. ในปี 2558 ยังมีกำไร ซึ่งต้องเข้าไปดูในอีกบัญชีหนึ่ง และเป็นกำไรที่เกิดจากการตีราคาสินทรัพย์
นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า การขาดทุนสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 27,000 ล้านบาท ทั้งที่ปีที่ผ่านมา ธปท.มีดอกเบี้ยจ่ายลดลงแล้ว หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นลำดับ เกิดจากภาวะตลาดเงินที่มีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลักที่เศรษฐกิจยังมีความเปราะบางค่อนข้างมาก จึงส่งผลให้ ธปท.ขาดทุนจากการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม หากรวมกำไรจากการตีราคาสินทรัพย์และหนี้สิน ประมาณ 184,000 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้ถูกโอนไปยังส่วนขาดทุนสะสม ภาพรวมของปี 2558 ธปท.ยังมีผลกำไรรวมกว่า 94,000 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนมีผลขาดทุนรวม 274,000 ล้านบาท
"ในการทำหน้าที่ของ ธปท. อาจไม่สามารถวัดผลสำเร็จจากตัวเลขในงบการเงินเพียงอย่างเดียวได้ แต่ควรพิจารณาถึงความมั่นคงในการดูแลรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการเงินของประเทศซึ่งเป็นพันธกิจหลัก เป็นสำคัญ" นางทองอุไรกล่าว
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ผลขาดทุนของ ธปท.ที่เพิ่มขึ้นในปี 2558 ต้องดูในรายละเอียด ซึ่งจะต้องพิจารณา 2 ส่วนสำคัญ คือ ส่วนที่รับรู้ผลขาดทุน (Realize) กับส่วนที่ยังไม่รับรู้ (Unrealize) แต่หากพูดถึงการขาดทุนด้านอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนนี้ยังไม่บันทึกผลขาดทุน ดังนั้นแม้จะพบว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 อ่อนลงน่าจะมีส่วนที่ได้กำไร แต่ก็ไม่สามารถวัดได้แค่ 2 สกุลเงินนี้เท่านั้น เพราะในตะกร้าเงินในทุนสำรองของ ธปท. ยังมีสกุลเงินอื่น ๆ ที่ต้องเปรียบเทียบกันด้วย เช่น ยูโร หรือเยน เป็นต้น
"ปีนี้ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยง และทำให้การบริหารงานของธนาคารกลางมีความเสี่ยง และการบริหารของ ธปท.ยากต่อไป ทั้งเรื่องการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนและส่วนต่าง ๆ และความไม่แน่นอนเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ธปท.แก้กฎหมายให้สามารถเอื้อให้ ธปท.ไปลงทุนตราสารอื่น ๆ ในต่างประเทศได้ เพื่อทำให้ ธปท.สามารถบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้นในอนาคต" นายประสารกล่าว
Link :
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1465181509
▂ ▃ ▄ ▅ ▆ ▇ █ ธปท.แจงขาดทุนค่าเงินแต่มีกำไรตีราคา 1.84 แสนล. █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▃ ▂
กางงบการเงิน ธปท. ปี′58 ขาดทุนสุทธิ 8.91 หมื่นล้าน อ่วมซื้อขายค่าเงิน 3.8 หมื่นล้าน เพื่อทำหน้าที่หลักดูแลเสถียรภาพเศรษฐกิจ แจงอีกด้านมีกำไรจากการตีราคารวม 1.84 แสนล้าน "ประสาร" ส่งซิกปี′59 ค่าเงินผันผวนเพิ่มขึ้น แบงก์ชาติบริหารงานยาก หนุนแก้ พ.ร.บ. ธปท. เปิดทางลงทุนหุ้น ตปท.ช่วยบริหารความเสี่ยง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ซึ่งเผยแพร่ "รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของ ธปท." สำหรับสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2558 พบว่า ขาดทุนสุทธิในปี 2558 กว่า 89,137 ล้านบาท และการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิราว 38,138 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าที่ได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิราว 9,443 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน มียอดขาดทุนสะสม 635,251 ล้านบาท จากสิ้นปีก่อนมี 572,901 ล้านบาท จึงส่งผลให้ส่วนทุนติดลบอยู่ที่ 606,230 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากสิ้นปีก่อนที่ส่วนทุนติดลบ 700,494 ล้านบาท เนื่องจากปี 2558 มีเงินสำรองที่เกิดจากการตีราคาสินทรัพย์และหนี้สินเพิ่ม 90,206 ล้านบาท จากปีก่อนหน้าติดลบ 93,975 ล้านบาท
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า เรื่องผลประกอบการ ธปท. ที่มีผลขาดทุนในปี 2558 ต้องดูหลายบัญชีประกอบกัน เพราะในบัญชีฝ่ายกิจการธนาคารมีดอกเบี้ยที่ต้องออกสำหรับธุรกรรมที่ ธปท. เข้าไปดูดซับสภาพคล่องในตลาดการเงิน รวมถึงการออกพันธบัตร ธปท. ซึ่งเป็นต้นทุนดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมผลการดำเนินงานของ ธปท. ในปี 2558 ยังมีกำไร ซึ่งต้องเข้าไปดูในอีกบัญชีหนึ่ง และเป็นกำไรที่เกิดจากการตีราคาสินทรัพย์
นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า การขาดทุนสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 27,000 ล้านบาท ทั้งที่ปีที่ผ่านมา ธปท.มีดอกเบี้ยจ่ายลดลงแล้ว หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นลำดับ เกิดจากภาวะตลาดเงินที่มีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลักที่เศรษฐกิจยังมีความเปราะบางค่อนข้างมาก จึงส่งผลให้ ธปท.ขาดทุนจากการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม หากรวมกำไรจากการตีราคาสินทรัพย์และหนี้สิน ประมาณ 184,000 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้ถูกโอนไปยังส่วนขาดทุนสะสม ภาพรวมของปี 2558 ธปท.ยังมีผลกำไรรวมกว่า 94,000 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนมีผลขาดทุนรวม 274,000 ล้านบาท
"ในการทำหน้าที่ของ ธปท. อาจไม่สามารถวัดผลสำเร็จจากตัวเลขในงบการเงินเพียงอย่างเดียวได้ แต่ควรพิจารณาถึงความมั่นคงในการดูแลรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจการเงินของประเทศซึ่งเป็นพันธกิจหลัก เป็นสำคัญ" นางทองอุไรกล่าว
ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ผลขาดทุนของ ธปท.ที่เพิ่มขึ้นในปี 2558 ต้องดูในรายละเอียด ซึ่งจะต้องพิจารณา 2 ส่วนสำคัญ คือ ส่วนที่รับรู้ผลขาดทุน (Realize) กับส่วนที่ยังไม่รับรู้ (Unrealize) แต่หากพูดถึงการขาดทุนด้านอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนนี้ยังไม่บันทึกผลขาดทุน ดังนั้นแม้จะพบว่าอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐในปี 2558 อ่อนลงน่าจะมีส่วนที่ได้กำไร แต่ก็ไม่สามารถวัดได้แค่ 2 สกุลเงินนี้เท่านั้น เพราะในตะกร้าเงินในทุนสำรองของ ธปท. ยังมีสกุลเงินอื่น ๆ ที่ต้องเปรียบเทียบกันด้วย เช่น ยูโร หรือเยน เป็นต้น
"ปีนี้ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยง และทำให้การบริหารงานของธนาคารกลางมีความเสี่ยง และการบริหารของ ธปท.ยากต่อไป ทั้งเรื่องการบริหารอัตราแลกเปลี่ยนและส่วนต่าง ๆ และความไม่แน่นอนเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ ธปท.แก้กฎหมายให้สามารถเอื้อให้ ธปท.ไปลงทุนตราสารอื่น ๆ ในต่างประเทศได้ เพื่อทำให้ ธปท.สามารถบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้นในอนาคต" นายประสารกล่าว
Link : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1465181509